ผู้มีส่วนได้เสีย มีใครบ้าง

คณะกรรมการบริษัทยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส ควบคู่ไปกับการมีบทบาทและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีส่วนได้เสียภายใน ได้แก่ กรรมการ พนักงาน และผู้บริหาร ของบริษัทฯ หรือผู้มีส่วนได้เสียภายนอก เช่น ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า เจ้าหนี้ คู่แข่งทางการค้า สังคมและสิ่งแวดล้อม ภาครัฐและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม ทั้งสิทธิที่กำหนดโดยกฎหมายหรือโดยข้อตกลงที่ทำร่วมกัน โดยคณะกรรมการบริษัทได้กำหนดแนวทางปฏิบัติ สำหรับกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ไว้ในจริยธรรมธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้เสีย กลุ่มต่าง ๆ

1) ผู้ถือหุ้น

คณะกรรมการบริษัทมีนโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ดังนี้

  1. ปฏิบัติหน้าที่และดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส มีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นโดยสม่ำเสมอ (Accountability to Shareholders) มีการเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้นอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีมาตรฐาน โดยอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย หลักจริยธรรมและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี
  2. บริหารกิจการของบริษัทฯ ให้มีความเจริญก้าวหน้า มั่นคง โดยใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์อย่างเต็มที่ ตลอดจน ตัดสินใจดำเนินการใด ๆ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ระมัดระวัง รอบคอบ (Duty of Care) และเป็นธรรม เพื่อผลประโยชน์สูงสุด ของผู้ถือหุ้นโดยรวม
  3. กำกับดูแลการดำเนินงานเพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทฯ มีสถานะทางการเงิน การบริหารและการจัดการที่ถูกต้อง เหมาะสม เพื่อปกป้อง และเพิ่มผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
  4. จัดการดูแลไม่ให้ทรัพย์สินใด ๆ ของบริษัทฯ เสื่อมค่า สูญหาย หรือสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
  5. ไม่แสวงหาประโยชน์ให้ตนเองและผู้เกี่ยวข้อง โดยเปิดเผยข้อมูลภายในใด ๆ ของบริษัทฯ ที่เป็นความลับ และ/หรือ ยังไม่ได้เปิดเผย ต่อสาธารณะต่อบุคคลภายนอกอันจะนำมาซึ่งผลเสียของบริษัทฯ
  6. เคารพสิทธิของผู้ถือหุ้นโดยรายงานสถานะและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ รวมทั้งข้อมูลสารสนเทศให้ผู้ถือหุ้นทุกรายทราบ อย่างเท่าเทียมกัน สม่ำเสมอ ทันเวลา ถูกต้องและครบถ้วนตามความจริง โดยมีข้อมูลสนับสนุนที่มีเหตุผลอย่างเพียงพอ และ เป็นไปตามที่ ก.ล.ต. และ ตลท. กำหนด
  7. ไม่ดำเนินการใด ๆ ในลักษณะซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัทฯ โดยมิได้แจ้งให้บริษัทฯ ทราบ

2) ลูกค้าและผู้บริโภค

คณะกรรมการบริษัทมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์และผลิตผลงานด้านสื่อและด้านบันเทิงทุกรูปแบบ เพื่อสร้างความพึงพอใจอย่างต่อเนื่องให้ลูกค้า โดยมีนโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อลูกค้าและผู้บริโภค ดังนี้

  1. ดำเนินการสนองความต้องการของลูกค้าด้วยคุณภาพของสินค้าและการบริการที่ดีในราคาที่เหมาะสมโดยพนักงานที่มีคุณภาพ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
  2. มีการศึกษา ประเมิน และปรับปรุงผลกระทบของสินค้า และ/หรือ บริการที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนควบคุมดูแลสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ ตรงตามมาตรฐาน ข้อกำหนด กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
  3. ให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เพียงพอและเป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจของผู้บริโภคสินค้า และ/หรือ บริการ โดยไม่จงใจปกปิดเนื้อหาหรือให้ข้อมูลเท็จหรือจงใจให้ผู้บริโภคสินค้า และ/หรือบริการเข้าใจผิด อันเป็นเหตุให้ลูกค้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณภาพ ปริมาณหรือเงื่อนไขใด ๆ ของสินค้าหรือบริการนั้น ๆ
  4. เคารพสิทธิส่วนบุคคลของผู้บริโภคสินค้า และ/หรือ บริการ รวมทั้งคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของผู้บริโภคสินค้า และ/หรือ บริการ โดยไม่นำข้อมูลส่วนตัวของผู้บริโภคสินค้า และ/หรือ บริการมาเปิดเผยหากไม่ได้รับการยินยอมจากผู้บริโภคสินค้า และ/หรือ บริการ หรือนำไปใช้หาผลประโยชน์ต่าง ๆ เว้นแต่เป็นข้อมูลที่ต้องเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกตามกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  5. จัดให้มีกระบวนการที่ลูกค้าสามารถแจ้งถึงปัญหาของการนำสินค้าไปใช้ หรือการให้บริการที่ไม่เหมาะสม ผ่านทาง อีเมล หรือ ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า (Call Center) เพื่อที่บริษัทฯ จะได้ป้องกัน/แก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสม รวมทั้งนำข้อมูลดังกล่าวไปปรับปรุงหรือพัฒนาสินค้าและการให้บริการดังกล่าวต่อไป
  6. สัญญาระหว่างบริษัทฯ กับลูกค้าและผู้บริโภคของบริษัทฯ เขียนด้วยภาษาที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย มีข้อมูล ข้อตกลงที่ถูกต้องและเพียงพอ ไม่กำหนดเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรมหรือเป็นการละเมิดสิทธิของลูกค้าและผู้บริโภค รวมทั้งมีการปฏิบัติตามสัญญาหรือเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัด และในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งได้ ต้องรีบแจ้งให้ลูกค้าทราบโดยเร็วเพื่อร่วมกันพิจารณาหาแนวทางแก้ไขโดยใช้หลักความสมเหตุสมผล
  7. สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ในอันที่จะเสริมสร้างและธำรงรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับ บริษัทฯ ให้ยั่งยืนสืบไป

3) คู่แข่งทางการค้า

คณะกรรมการบริษัทดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบกติกาของการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม โดยมีนโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อคู่แข่งทางการค้า ดังนี้

  1. ประพฤติปฏิบัติต่อคู่แข่งทางการค้า ภายใต้กรอบกติกามารยาทของการแข่งขันที่ดี และเป็นธรรม
  2. ไม่แสวงหาข้อมูลที่เป็นความลับของคู่แข่งทางการค้าด้วยวิธีที่ฉ้อฉล ไม่สุจริต หรือไม่เหมาะสม หรือขัดต่อข้อกฎหมายใด ๆ
  3. ไม่กระทำโดยเจตนาเพื่อทำลายชื่อเสียงของคู่แข่งทางการค้าด้วยการกล่าวหาในทางเสื่อมเสีย โดยปราศจากซึ่งข้อมูลอันอาจกล่าวอ้างได้
  4. ไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่น หรือคู่แข่งทางการค้า

4) คู่ค้า

คณะกรรมการบริษัทปฏิบัติต่อคู่ค้าด้วยความเสมอภาค และคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกัน โดยมีนโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อคู่ค้า ดังนี้

  1. ปฏิบัติต่อคู่ค้าอย่างเสมอภาค เป็นธรรมและตั้งอยู่บนพื้นฐานของการได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย
  2. ปฏิบัติตามสัญญาหรือเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัด และในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งได้ ต้องรีบแจ้งให้คู่ค้าทราบโดยเร็ว เพื่อร่วมกันพิจารณาหาแนวทางแก้ไขโดยใช้หลักความสมเหตุสมผล
  3. ไม่เรียกรับ หรือ ยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่ไม่สุจริตในการค้ากับคู่ค้า
  4. ในกรณีที่มีข้อมูลว่ามีการเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่ไม่สุจริตเกิดขึ้น จะต้องเปิดเผยข้อมูลต่อคู่ค้า เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาโดยไม่ชักช้า
  5. มีนโยบาย หรือมาตรการในการตรวจสอบ คัดกรองคู่ค้าของบริษัทฯ เช่น ผู้ผลิต ผู้รับจ้างต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนการทำธุรกิจกับ คู่ค้าที่ดำเนินกิจการอย่างเป็นธรรม ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยบริษัทฯ มีระเบียบปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้าง และมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้การคัดเลือกคู่ค้ามีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ประกาศให้ถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  6. ไม่ให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนบุคคลหรือองค์กรใด ๆ ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย หรือเป็นภัยต่อสังคมและความมั่นคงของประเทศ
  7. มุ่งมั่นในการรักษาสัมพันธภาพที่ยั่งยืนกับคู่ค้าและคู่สัญญาและให้ความเชื่อถือซึ่งกันและกัน

ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการเคารพกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน และส่งเสริมให้มีการตระหนักและสำนึกในสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบของตนที่มีต่อสังคมและบุคคลอื่น จึงได้กำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติด้านการเคารพกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนไว้ในจริยธรรมธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ที่ครอบคลุมถึงมาตรการในการตรวจสอบ คัดกรองคู่ค้าที่สำคัญตามลักษณะธุรกิจของตน เช่น ผู้ผลิต ผู้รับเหมาต่าง ๆ ทั้งนี้ คู่ค้าที่สำคัญตามลักษณะธุรกิจของตนดังกล่าว จะต้องดำเนินกิจการอย่างเป็นธรรมและไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงมีกระบวนการติดตาม และกำกับดูแลไม่ให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ กระทำหรือมีส่วนร่วมในการกระทำ หรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

5) เจ้าหนี้

คณะกรรมการบริษัทยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับเจ้าหนี้ โดยมีนโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อเจ้าหนี้ ดังนี้

  1. ปฏิบัติตามสัญญาหรือเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัด รวมถึงภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น และมีความรับผิดชอบในหลักประกันต่าง ๆ ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง หรือมีเหตุทำให้ผิดนัดชำระหนี้ ต้องรีบแจ้งให้เจ้าหนี้ทราบโดยไม่ปกปิดข้อเท็จจริง เพื่อร่วมกันพิจารณาหาแนวทางแก้ไขโดยใช้หลักความสมเหตุสมผล
  2. บริหารจัดการเงินทุนให้มีโครงสร้างที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และรักษาความเชื่อมั่นต่อเจ้าหนี้
  3. เปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่ถูกต้องและชัดเจนแก่เจ้าหนี้ รวมถึงการให้เข้าเยี่ยมชมกิจการและจัดการประชุมพบปะผู้บริหาร
  4. ไม่ให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนบุคคลหรือองค์กรใด ๆ ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย หรือเป็นภัยต่อสังคมและความมั่นคงของประเทศ
  5. มุ่งมั่นในการรักษาสัมพันธภาพที่ยั่งยืนกับเจ้าหนี้และให้ความเชื่อถือซึ่งกันและกัน

6) พนักงาน

คณะกรรมการบริษัทตระหนักเป็นอย่างดีว่าพนักงานทุกคนเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าที่สุดของบริษัทฯ และเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จของการบรรลุเป้าหมายของบริษัทฯ ดังนั้น บริษัทฯ จึงให้การดูแลและปฏิบัติที่เป็นธรรม ทั้งในด้านโอกาส ผลตอบแทน การแต่งตั้ง โยกย้าย การเลิกจ้าง ตลอดจนกำหนดนโยบายในการพัฒนาบุคคลากรและสนับสนุนให้พนักงานได้มีการพัฒนาและแสดงศักยภาพและคุณค่าแห่งตน เพื่อร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาองค์กรให้เจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยมีนโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อพนักงาน ดังนี้

  1. ปฏิบัติต่อพนักงานด้วยความเคารพในเกียรติ ศักดิ์ศรี และหลักสิทธิมนุษยชน
  2. การแต่งตั้ง โยกย้าย รวมถึงให้รางวัลและลงโทษพนักงานกระทำด้วยความสุจริตใจและตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรู้ ความสามารถ ความเหมาะสม และเป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ
  3. ประเมินผลงานและความก้าวหน้าของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ
  4. ให้ผลตอบแทนในด้านต่าง ๆ อย่างเป็นธรรมและความเหมาะสมตามความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ตำแหน่งงาน ความรับผิดชอบและผลการปฏิบัติงานของพนักงานแต่ละคน โดยจะพิจารณาให้สอดคล้องกับผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคม
  5. จัดให้มีสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เหมาะสม ให้กับพนักงานโดยเทียบเคียงกับบริษัทอื่นที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับพนักงาน เป็นต้น
  6. สนับสนุนและให้ความสำคัญกับการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และศักยภาพที่เป็นประโยชน์ต่อพนักงานทุกระดับอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานของพนักงาน
  7. ดูแลรักษาสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงานเพื่อสุขอนามัยและมีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของพนักงานอยู่เสมอ
  8. จัดให้มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและสวัสดิการที่เหมาะสมสำหรับลูกจ้างที่ทุพพลภาพ
  9. ส่งเสริมให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นและสนับสนุนให้มีการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวพนักงานให้มีความสุขและสามารถพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
  10. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงาน และเคารพสิทธิในการรวมกลุ่มของพนักงาน ในอันที่จะเสนอแนะหรือกำหนดแนวทางการทำงาน และ/หรือ ข้อตกลงต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย และสร้างความสัมพันธ์อันดีในการทำงานร่วมกัน ตลอดจนมีช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนการกระทำความผิด แนวทางการไต่สวนหาข้อเท็จจริง และการปกป้องผู้แจ้งเบาะแส
  11. ส่งเสริมให้พนักงานปฏิบัติงานภายใต้วัฒนธรรม และค่านิยมที่ดีร่วมกัน ตลอดจนมีความสามัคคีภายในองค์กร
  12. บริหารงานโดยระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงในหน้าที่การงานของพนักงาน
  13. ปฏิบัติตามกฎหมายข้อบังคับต่าง ๆ เกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน (เช่น การจ้างงาน การเลิกจ้าง) และสวัสดิภาพของพนักงาน

การเคารพกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน

คณะกรรมการบริษัทให้ความสำคัญในการเคารพกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน โดยการยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ให้เป็นไปตาม กฎหมาย รวมทั้งหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความเสมอภาค ความเท่าเทียมกันในแง่ของศักดิ์และสิทธิ โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ สัญชาติ สีผิว เพศ ศาสนา อายุ ภาษา สถานภาพทางกายภาพและสุขภาพ และสถานะ ของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม และความเชื่อทางสังคม การศึกษาอบรมหรือความคิดเห็นทางการเมืองโดยไม่กีดกัน ไม่เลือกปฏิบัติ แก่ผู้หนึ่งผู้ใด รวมทั้งส่งเสริมให้มีการตระหนักและสำนึกในสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบของตนที่มีต่อสังคมและบุคคลอื่น โดยมีนโยบาย และแนวทางในการปฏิบัติ ดังนี้

  1. ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัดและให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนแก่พนักงานเพื่อนำไปเป็นแนวปฏิบัติงาน
  2. พนักงานทุกคนต้องทำความเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และความรับผิดชอบของตนโดยตรงให้ถี่ถ้วน และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  3. ส่งเสริมการเคารพและยึดมั่นในการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนบนพื้นฐานของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
  4. ปฏิบัติต่อพนักงานบนพื้นฐานของศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และให้ความเคารพต่อสิทธิหน้าที่ส่วนบุคคล
  5. ไม่เลือกปฏิบัติและให้โอกาสที่เท่าเทียมกันในการจ้างงานไม่ว่าจะเป็นสตรี ผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพและกลุ่มผู้ด้อยโอกาสอื่น ๆ
  6. ไม่กีดกันหรือไม่ให้สิทธิพิเศษ หรือเลือกปฏิบัติต่อผู้หนึ่งผู้ใดเนื่องจากความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ สัญชาติ สีผิว เพศ ศาสนา อายุ ภาษา สถานภาพทางกายภาพและสุขภาพ และสถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม และความเชื่อทางสังคม และการศึกษาอบรมและความคิดเห็นทางการเมือง
  7. จัดให้มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและสวัสดิการที่เหมาะสมสำหรับลูกจ้างที่ทุพพลภาพ
  8. มีนโยบายหรือมาตรการในการตรวจสอบ คัดกรองคู่ค้าที่สำคัญตามลักษณะธุรกิจของตน เช่น ผู้ผลิต ผู้รับเหมาต่าง ๆ ทั้งนี้ คู่ค้า ที่สำคัญตามลักษณะธุรกิจของตนดังกล่าวจะต้องดำเนินกิจการอย่างเป็นธรรมและไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
  9. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานและเคารพสิทธิในการรวมกลุ่มของพนักงาน ในการเสนอแนะหรือกำหนดทิศทางการทำงาน และกำหนดวิธีการแก้ไข เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย และสร้างความสัมพันธ์อันดีในการทำงานร่วมกัน
  10. มีกระบวนการติดตามและกำกับดูแลไม่ให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และพนักงานกระทำ หรือมีส่วนร่วมในการกระทำ หรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ความปลอดภัยและสุขอนามัยในสถานที่ทำงาน

ด้วยผู้บริหาร และพนักงานเป็นทรัพยากรที่มีค่าและเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จที่จะทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทจึงมีนโยบายและแนวทางปฏิบัติในการดูแลเพื่อให้ผู้บริหารและพนักงานได้รับความปลอดภัยทั้งต่อชีวิตและมีสุขอนามัยที่ดีภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดี ดังนี้

  1. มุ่งเน้นในการป้องกันและแก้ไขพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุและการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากการทำงาน
  2. สนับสนุน ส่งเสริม และบังคับใช้กฎ ข้อบังคับ และมาตรการต่าง ๆ ที่สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากการทำงาน

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทกำหนดให้

  1. ผู้บริหารทุกระดับต้องมีหน้าที่และเป็นผู้นำในการแก้ไขพฤติกรรมและควบคุมดูแลสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของพนักงาน โดย
    1. กำหนด สนับสนุน ส่งเสริมให้มีการปรับปรุงสถานที่ทำงาน และการจัดการที่ดีในการทำงาน
    2. จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสม เพียงพอ และอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
    3. ร่วมกับพนักงานทุกคนในการแก้ไขพฤติกรรมที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุและการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากการทำงาน และกำหนดวิธีการปฏิบัติงานที่เหมาะสม
  2. ผู้บริหารทุกระดับต้องมีหน้าที่ในการกำหนดแนวทางปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ และมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและสุขอนามัยในสถานที่ทำงาน และเป็นผู้นำในการปฏิบัติตามนโยบายนี้อย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างความปลอดภัยในที่ทำงาน รวมทั้งสนับสนุน ส่งเสริมการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่ให้พนักงานมีความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนมีทัศนคติที่ดีในเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยในสถานที่ทำงาน
  3. พนักงานทุกคนต้องรับทราบ ให้ความร่วมมือ ร่วมเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ รวมทั้งปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัตินี้อย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ ตลอดจนสื่อสารต่อไปยังผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งลูกค้า ผู้ร่วมงาน ผู้จัดหา ผู้รับเหมา เพื่อรับทราบและเข้าใจในนโยบายนี้
  4. ผู้บริหารทุกระดับต้องจัดให้มีการตรวจติดตาม และประเมินผลความปลอดภัยและสุขอนามัยในสถานที่ทำงานอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่า มีการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและสุขอนามัยในสถานที่ทำงานอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพ
  5. ผู้บริหารทุกระดับจะต้องไม่เพิกเฉยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ อุบัติภัยใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและสุขอนามัยในสถานที่ทำงาน โดยจะต้องให้การช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วและเต็มความสามารถ รวมทั้งค้นหาสาเหตุและกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไขที่ชัดเจน มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ

ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานของบริษัทฯ เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงเพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงที่ได้กำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2549 บริษัทฯ จึงได้แต่งตั้งกรรมการความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน และกำหนดบทบาทหน้าที่เพื่อพิจารณานโยบาย กำหนดแผนงานด้านความปลอดภัยฯ รายงานและเสนอมาตรการ หรือแนวทางปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องและเป็นไปตามกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน รวมถึงติดตามและรายงานผลงานด้านความปลอดภัยในการทำงาน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563

7) ชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาชุมชน

คณะกรรมการบริษัทยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักจริยธรรมและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี ควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม (Corporate Social Responsibility: CSR) จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร โดยบูรณาการกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ และเป้าหมายขององค์กรเพื่อนำไปสู่การสร้างความเจริญก้าวหน้าในเชิงธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเคารพสิทธิมนุษยชน ปฎิบัติต่อเเรงงานอย่างเป็นธรรม มีความรับผิดชอบต่อลูกค้าและผู้บริโภค สนับสนุนและมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนสังคม และการดูเเลรักษาสิ่งเเวดล้อม ทำนุบำรุงศาสนา อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน รวมทั้งสนับสนุนการศึกษาและกิจกรรมสาธารณประโยชน์แก่ชุมชนหรือผู้ด้อยโอกาสให้มีความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยมีแนวทางปฏิบัติต่อชุมชน สิ่งแวดล้อม และสังคมส่วนรวม โดยมีนโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อชุมชน สิ่งแวดล้อม และสังคมส่วนรวม ดังนี้

  1. ส่งเสริมการพัฒนารูปแบบกระบวนการรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ด้วยแนวทางการเข้าร่วมสร้างสรรค์ (Co-Creation) ร่วมกับ ผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่าง ๆ โดยการมีส่วนร่วม การเชิญชวน และการเปิดโอกาสให้องค์กรอื่น ๆ ได้เข้ามาทำงานร่วมกัน
  2. ส่งเสริมให้มีการให้ความรู้และฝึกอบรมแก่พนักงาน เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อชุมชน สิ่งแวดล้อมและสังคมส่วนรวมให้เกิดขึ้นในหมู่พนักงานทุกระดับและสนับสนุนให้พนักงานเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่บริษัทฯ จัดขึ้น
  3. มีส่วนร่วมทางสังคมในการให้การสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมที่ธำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม ตลอดจนปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดีในการให้การอุปถัมภ์กิจกรรมทางศาสนาอย่างสม่ำเสมอ
  4. มีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ความสามารถทางด้านกีฬา การพัฒนาความรู้ทางวิชาชีพให้มีความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
  5. มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคม ในเรื่องสาธารณประโยชน์ การรักษาสภาพแวดล้อม และการพัฒนาชุมชน ตลอดจนโครงการสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ เด็กและเยาวชน
  6. มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจัดทำโครงการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง อันส่งผลต่อการพัฒนาและสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนไทยห่างไกลจากยาเสพติด เพื่อร่วมสร้างชุมชนเข้มแข็ง และเป็นสังคมปลอดยาเสพติด
  7. จัดทำโครงการต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ แก่เพื่อนมนุษย์ที่ได้รับความเดือดร้อนในรูปแบบต่าง ๆ
  8. ส่งเสริมให้ชุมชนโดยรอบของบริษัทฯ และชุมชนต่าง ๆ มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข และอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข
  9. รณรงค์และสร้างจิตสำนึกให้แก่พนักงานในการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากร และพลังงานต่าง ๆ อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพ
  10. สร้างสรรค์และสนับสนุนกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาการอนุรักษ์ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และพลังงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
  11. ไม่กระทำการใด ๆ ที่จะมีผลเสียหายต่อชื่อเสียงของประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
  12. ไม่ให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนบุคคลหรือองค์กรใด ๆ ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย หรือเป็นภัยต่อสังคมและความมั่นคงของประเทศ
  13. ปฏิบัติหรือควบคุมให้มีการปฏิบัติตามข้อกำหนด และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

การสนับสนุนการไม่ล่วงละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหรือลิขสิทธิ์

คณะกรรมการบริษัทเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น โดยไม่ละเมิดหรือไม่สนับสนุนการดำเนินการที่มีลักษณะเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นธรรม เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีนโยบายและแนวทางในการปฏิบัติ ดังนี้

  1. ส่งเสริมการพัฒนาและเคารพการสร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญาและงานอันมีลิขสิทธิ์ ตลอดจนประเมินคุณค่างานสร้างสรรค์ดังกล่าวอย่างเป็นธรรม
  2. ร่วมปกป้องและเคารพทรัพย์สินทางปัญญาและงานอันมีลิขสิทธิ์ของบริษัทฯ และบุคคลอื่น โดยไม่ละเมิดหรือสนับสนุนการกระทำใด ๆ ที่เป็นการละเมิด เช่น ทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอก ทำสำเนา การแพร่เสียง แพร่ภาพ เผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือการกระทำในลักษณะอื่นใด รวมทั้งไม่นำผลงานของผู้อื่นมาแอบอ้างเป็นผลงานของตนเอง
  3. สนับสนุนและมีส่วนร่วมในกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อการปกป้องและป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและงานอันมีลิขสิทธิ์
  4. ส่งเสริมให้มีการให้ความรู้และฝึกอบรมแก่พนักงาน เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกเกี่ยวกับการเคารพและการสร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญาและงานอันมีลิขสิทธิ์ให้เกิดขึ้นในหมู่พนักงานทุกระดับ และสนับสนุนให้พนักงานเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่บริษัทฯ จัดขึ้น
  5. ออกระเบียบข้อบังคับบริษัทฯ เกี่ยวกับการทำงาน โดยกำหนดให้พนักงานต้องไม่ปฏิบัติตนอันเป็นการนำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงของบริษัทฯ โดยปฏิบัติตนให้เป็นไปตามข้อกำหนด ประกาศ คำสั่งของหน่วยงานภาครัฐหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาและลิขสิทธิ์ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า กฎหมายเกี่ยวกับสิทธิบัตร กฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประกาศ คำสั่ง และระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ ที่บริษัทฯ กำหนดขึ้น
  6. กำหนดให้การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและงานอันมีลิขสิทธิ์ ถือเป็นความผิดร้ายแรงและหากพบการกระทำความผิด บริษัทฯ จะดำเนินการกับพนักงานผู้กระทำผิด ตามข้อบังคับบริษัทฯ เกี่ยวกับการทำงาน และตามกฎหมายต่อไป

ปี พ.ศ. 2564 บริษัทฯ ยังคงร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงผลงานทรัพย์สินทางปัญญา อันจะเป็นการลดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ในระยะยาว และประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการป้องกันปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์และดำเนินคดีกับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยในปี พ.ศ. 2564 เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทางภาครัฐจึงมีคำสั่งให้ร้านค้าและสถานบริการปิดกิจการ ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่มีการดำเนินคดีกับร้านที่ละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคดีคงค้างจากปีก่อน ๆ ของผู้ละเมิดลิขสิทธิ์เพลงของบริษัทฯ และบริษัทในเครือซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีจำนวนทั้งสิ้น 184คดี

การดูแลสิทธิของผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสีย

คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดให้มีวิธีการดูแลสิทธิของผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกรายอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม โดยกระบวนการดูแล สิทธิของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสีย มีดังนี้

การร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสการกระทำผิด (Whistleblower)

บริษัทฯ ได้จัดให้มีหน่วยงานรับข้อร้องเรียน หรือแจ้งเบาะแสอันควรสงสัยเกี่ยวกับการถูกละเมิดสิทธิของผู้มีส่วนได้เสีย การกระทำทุจริต รวมถึง การกระทำผิดกฎหมาย นโยบายการกำกับดูแลกิจการและจริยธรรมธุรกิจ หรือมีข้อสงสัยในรายงานทางการเงินหรือระบบการควบคุม ภายในของกลุ่มบริษัทไปยังคณะกรรมการตรวจสอบซึ่งเป็นกรรมการอิสระ ดังนี้

  • ทางไปรษณีย์ ที่ คณะกรรมการตรวจสอบ อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส เลขที่ 50 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
  • ทาง อีเมล ที่ [email protected]
  • แจ้งผ่านช่องทาง Hotline : 0 2669 9728

โดยเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบเป็นผู้รับผิดชอบในการสรุปประเด็นต่าง ๆ และนำเสนอต่อคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อทำการสอบสวน ก่อนที่คณะกรรมการตรวจสอบจะรายงานโดยตรงต่อคณะกรรมการบริษัทต่อไป โดยคณะกรรมการบริษัท มีมาตรการในการเก็บรักษาข้อมูลที่ได้รับเป็นความลับและคุ้มครองผู้ให้ข้อมูล

การคุ้มครองผู้ให้ข้อมูลหรือแจ้งเบาะแส

คณะกรรมการบริษัทกำหนดนโยบายและแนวทางในการคุ้มครองผู้ให้ข้อมูล หรือแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิด โดยจะเก็บรักษาข้อมูลของผู้ร้องเรียน และผู้ให้ข้อมูลไว้เป็นความลับ โดยผู้ได้รับข้อมูลจากการปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว มีหน้าที่เก็บรักษาข้อมูล ข้อร้องเรียน และ เอกสารหลักฐานของผู้ร้องเรียนและผู้ให้ข้อมูลไว้เป็นความลับ ห้ามเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่เป็นการเปิดเผย ตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีใครบ้าง

ผู้มีส่วนได้เสียหลัก เป็นผู้ใกล้ชิดองค์กรโดยตรง และได้รับประโยชน์หรือผลกระทบทางตรงจากการประกอบกิจการ เช่น พนักงาน ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า ผู้ส่งมอบ ครอบครัวพนักงาน นักลงทุน เจ้าหนี้ ชุมชนรอบถิ่นตั้งองค์กร เป็นต้น

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียคืออะไร

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หมายถึง บุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กรที่ได้รับผลกระทบ และ/หรือส่งผลกระทบต่อองค์กร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอาจเป็นบุคคลภายในหรือภายนอกองค์กร และมีความสัมพันธ์โดยตรงหรือโดยอ้อมกับองค์กรก็ได้ โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักสำหรับองค์กรทั่วไปมักหมายถึงนักลงทุน พนักงาน และลูกค้า อย่างไรก็ตาม แนวคิดในปัจจุบันมัก ...

ใครคือผู้มีส่วนได้เสียรอง

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรอง (Secondary stakeholders) คือ บุคคล กลุ่ม องค์กร สถาบันหน่วยงาน ที่ เกี่ยวข้องในโครงการ ซึ่งอาจแบ่งเป็นเกี่ยวข้องโดยเงินทุน (เป็นผู้ออกทุน เช่น บริษัทคู่สัญญาที่ได้รับ สัมปทาน) หรือเกี่ยวข้องโดยเป็นหน่วยงานผู้ด าเนินโครงการ (เช่น กระทรวง/ ทบวง/ กรม ผู้มีอ านาจ หน้าที่) หรือเกี่ยวข้องโดยเป็นหน่วย ...

ผู้มีส่วนได้เสียขององค์การมีกี่กลุ่ม

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นใครได้บ้าง ทุกองค์กรมีผู้มีส่วนได้เสียหลายกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มต่างก็มีความต้องการและความคาดหวัง ผู้มีส่วนได้เสียประกอบด้วย : - ลูกค้าและผู้ใช้ - บุคลากรในองค์กร - เจ้าของ/ผู้ลงทุน (เช่น ผู้ถือหุ้น รายบุคคลหรือกลุ่ม รวมถึงภาคสาธารณะซึ่งมีส่วนได้เสียเฉพาะด้านกับองค์กร)