รหสั วชิ า 20204-2005 สายชล พานทอง คำนำ การศึกษาในสายอาชีวศึกษาจะเป็นการเรียนรู้เพื่ออาชีพ จึงจำเป็นต้องมีการ หนังสือเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้นเล่มนี้ มุ้งเน้นที่จะให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ จึงหวังว่า หนังสือเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้มีความประสงค์ที่ รหัสวชิ า 20204-2005 เครือข่ายคอมพวิ เตอรเ์ บ้อื งตน้ 2-2-3 (Introduction to Computer Networks) จุดประสงค์รายวิชา เพ่อื ให้ 1. เข้าใจเกย่ี วกบั หลักการทำงานและองค์ประกอบของระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกับหลักการทำงานและกระบวนการของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คำอธิบายรายวชิ า ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการทำงานและองค์ประกอบของระบบเครือข่าย สารบัญ หน่วยที่ 1 หนว่ ยท่ี 3 หนว่ ยที่ 5 62 สารบญั หนว่ ยท่ี 6 หนว่ ยที่ 8 • วิธกี ารและขัน้ ตอนและการเข้าหวั • การตรวจสอบอปุ กรณ์ฮาร์ดแวร์ 117 สาย RJ-45 81 • การตรวจสอบการติดตอ่ กบั • ข้ันตอนการตดิ ตง้ั เครอื ข่ายแบบ คอมพวิ เตอรป์ ลายทาง 119 เวิรก์ กรุ๊ปดว้ ย Windows 7 83 • การตรวจสอบการตดิ ตง้ั ค่าในเวริ ก์ กรุ๊ป 123 • การสรา้ งเวริ ก์ กรุ๊ปให้กบั เคร่อื งแรก 85 • การตรวจสอบขอ้ บกพรอ่ งบนเครอื ขา่ ย 126 • การกำหนดไอพแี อดเดรส 87 • คำถามทา้ ยหนว่ ย 127 • การทดสอบการเช่ือมตอ่ 90 หนว่ ยท่ี 9 หน่วยท่ี 7 ยูทลิ ติ บ้ี นเครอื ข่าย 132 การแชร์ไฟลแ์ ละเครอื่ งพิมพบ์ นเครอื ข่าย 100 • แนวทางการตดิ ต้งั โปรแกรมประยกุ ต์ • การแชร์ไฟล์ 111 บนเครอื ขา่ ย 133 • การแชรเ์ คร่ืองพิมพ์ในระบบ • โปรแกรมประยกุ ต์บนเครือข่าย 134 • ขัน้ ตอนการเข้าใช้เครื่องพิมพท์ ี่ • การใชโ้ ปรแกรมประยุกตเ์ พ่อื การ • การตงั้ เครอ่ื งพมิ พ์เปน็ เครื่องหลกั 108 • การสร้างเอกสารเวบ็ เพจดว้ ย 138 • คำถามท้ายหนว่ ย 110 • โปรแกรมยูทลิ ิต้ี 139 • คำถามท้ายหน่วย 141 บรรณานุกรม 145 สาระการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 1 (1) ความหมายของการสอื่ สารขอ้ มูล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ทัว่ ไป สมรรถนะประจำหน่วยการเรียนรู้ (1) แสดงความรเู้ กยี่ วกบั การสอื่ สารขอ้ มูล พืน้ ฐานการส่อื สารข้อมูลและเครอื ขา่ ย พื้นฐานการสอื่ สาร หน่วยท่ี 1 ข้อมลู และเครือข่าย แผนผังความคดิ พืน้ ฐานการสอื่ สารข้อมูลและเครอื ขา่ ย สาระสำคัญ ความหมายของการส่อื สารข้อมูล การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย เป็น ประโยชน์ของการส่อื สารขอ้ มูลและ เครอื ข่ายคอมพวิ เตอรก์ บั ชวี ติ ประจำวนั 2 พืน้ ฐานการสื่อสารข้อมูลและเครือขา่ ย ความหมายของการสอ่ื สารข้อมูล การสื่อสารข้อมูล (Data Communication) หมายถึง กระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูล การสื่อสารข้อมูล ด้วยคอมพิวเตอร์นั้น จำเป็นต้องมีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) องคป์ ระกอบในการส่อื สาร การสื่อสารทุกรูปแบบจะมอี งค์ประกอบในการสอ่ื สาร ดังน้ี 1. ผู้ส่งข้อมูล (Sender) คือ สิ่งที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลไปยังจุดที่ต้องการ เช่น ผู้พูด โทรทัศน์ กล้อง 2. ผู้รับข้อมูล (Receiver) คือ สิ่งที่ทำหน้าที่รับข้อมูลที่ส่งมาจากผู้ส่ง เช่น ผู้ฟัง เครื่องรับโทรทัศน์ 3. ข้อมูล (Data) คือ สิ่งที่ผู้ส่งต้องการส่งไปยังผู้รับ ซึ่งอาจจะเป็นข้อความ เสียง หรือ 4. สื่อนำข้อมูลหรือตัวกลาง (Medium) คือ สิ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการนำข้อมูลจากผู้ส่งไป 5. โปรโตคอล (Protocol) คือ กฎเกณฑ์ ข้อตกลง หรือวิธีการในการสื่อสารข้อมูลซึ่งผู้ส่งและผู้รับ รปู แบบของการส่งสัญญาณขอ้ มูล การติดตงั้ สอ่ื สารผา่ นชอ่ งทางการสง่ สัญญาณ สามารถทำได้ 3 ลักษณะ คือ 1. การสือ่ สารแบบทางเดียว (Simplex / One – Way Communication) 3 4 ภาพที่ 1.1 : การสือ่ สารแบบทางเดยี ว 2. การสื่อสารแบบสลับหรือก่งึ สองทาง (Half – Duplex / Either – Way Communication) ภาพท่ี 1.2 : การส่ือสารแบบสลบั หรอื กึง่ สองทาง 3. การสื่อสารแบบสองทาง (Full – Duplex / Both – Way Communication) ทางการส่งสัญญาณ 2 ช่อง เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถรับ – ส่งข้อมูลได้ในขณะเดียวกัน เช่น ระบบ 4 พนื้ ฐานการสอื่ สารข้อมูลและเครอื ขา่ ย ภาพท่ี 1.3 : การสือ่ สารแบบสองทาง คณุ สมบตั ิพนื้ ฐานของการส่อื สารข้อมูล เมื่อมีการสื่อสารข้อมูลเกิดขึ้น อุปกรณ์การสื่อสารจึงนับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบการสื่อสารด้วย 1. การสง่ มอบ (Deliver) จะตอ้ งส่งไปยงั อปุ กรณ์ตามจดุ หมายที่ต้องการ ซึง่ อาจเป็นผูใ้ ช้ (User) หรอื อปุ กรณ์ก็ได้ รับทราบในกรณีท่กี ารส่งข้อมลู ในขณะนนั้ ไม่ถูกต้อง สญู หาย หรือไมส่ ามารถใช้งานได้ เกิดความล่าช้าในข้อมูลที่ส่งอาจยอมรับได้ โดยขอให้ข้อมูลไปถึงปลายทางถือว่าเพียงพอ แต่ในขณะที่ ความหมายของระบบเครือขา่ ย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือ กลุ่มของคอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์คอมพิวเตอรท์ ี่ 5 พ้นื ฐานการสือ่ สารขอ้ มลู และเครอื ขา่ ย ภาพท่ี 1.4 : เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ การที่เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีบทบาท และความสำคัญเพิ่มขึ้นเพราะไมโครคอมพิวเตอร์ได้รับการใช้ องคป์ ระกอบของเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถแบง่ องค์ประกอบทีส่ ำคญั ๆ ไดแ้ ก่ 1. คอมพิวเตอร์อย่างนอ้ ย 2 เครื่อง เมนบอรด์ ของคอมพิวเตอร์ ซึง่ เป็นจดุ เชื่อมตอ่ ระหว่างคอมพวิ เตอรแ์ ละเครือข่าย 3. สื่อกลางและอุปกรณ์สำหรับการรับส่งข้อมูล เช่น สายสัญญาณ ปัจจุบันที่นิยมใช้ได้แก่สายคู่บิด เกลียว (Twisted – Pair Cable ) และสายใยแก้วนำแสง ส่วนอุปกรณ์เครือข่าย ได้แก่ สวิตช์ (Switch) 4. โปรโตคอล (Protocol) โปรโตคอลเป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์ใช้สื่อสารกันผ่านเครือข่าย คอมพิวเตอร์ที่สามารถสื่อสารกันได้ ซึ่งจำเป็นต้องมีภาษาสื่อกลางที่ทำให้เข้าใจกัน คือ โปรโตคอล 6 พ้ืนฐานการสือ่ สารข้อมูลและเครือขา่ ย หลกั การทำงานของระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 7 การใช้ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์น้นั มหี ลกั การทำงานตา่ งๆ ซ่ึงประกอบดว้ ย 1. การสื่อสาร (Communication) เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันระหว่างเครื่อง 2. การใช้ทรัพยากรร่วมกัน (Resource Sharing) ทรัพยากรในที่นี้ คือ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่ 3. การใช้ข้อมูลและแฟ้มข้อมูลร่วมกัน (Data and File Sharing) เป็นการทำงานที่มีผู้ให้บริการ 4. การเขา้ ใช้งานระยะไกล (Remote Login) ผู้ใชง้ านสามารถเข้าใชท้ รัพยากรได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ 5. ความเชื่อถือได้ (Reliability) ในการใช้งานเครือข่ายในปัจจุบันนั้น ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งท่ี 6. การลดค่าใชจ้ า่ ย (Cost Reduction) การใช้งานเครือข่ายคอมพวิ เตอร์นั้น ผ้ใู ช้งานไมจ่ ำเปน็ ต้อง พื้นฐานการส่อื สารข้อมูลและเครอื ขา่ ย ประโยชนข์ องการสอื่ สารขอ้ มลู และเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ การส่ือสารขอ้ มลู และเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ กอ่ ใหเ้ กิดประโยชนด์ งั นี้ 1. ความสะดวกในการแบ่งปันข้อมูล ปัจจุบันมีข้อมูลจำนวนมากสามารถถูกส่งผ่านเครือข่ายการ 2. ความถูกต้องของข้อมูล การรับส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายการสื่อสารเป็นการ 3. ความเร็วในการรับส่งขอ้ มลู การใช้คอมพวิ เตอรใ์ นการส่งขอ้ มลู หรอื คน้ ควา้ ข้อมูลจากฐานขอ้ มลู 4. การประหยัดค่าใช้จ่ายในการสื่อสารข้อมูล การรับและส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายการสื่อสาร 5. ความสะดวกในการแบ่งปันทรัพยากร ในองค์กรสามารถใช้อุปกรณ์สารสนเทศร่วมกันได้ โดยไม่ 6. ความสะดวกในการประสานงาน ในองค์กรที่มีหน่วยงานย่อยหลายแห่งที่อยู่ห่างไกลกันสามารถ 7. การขยายบริการองค์กร เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้องค์กรสามารถกระจายการทำงานไปตาม 8. การสร้างบริการรูปแบบใหม่บนเครือข่าย การให้บริการต่างๆ ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้ 8 พื้นฐานการสือ่ สารข้อมูลและเครือขา่ ย เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรก์ ับชีวิตประจำวนั 9 ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถที่จะใช้ในการ 1. ด้านธุรกิจ เช่น บริษัท ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนโรงงานต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำ 2. ด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข สามารถนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในส่วนของการ 3. ด้านคมนาคมและการสื่อสาร ในส่วนที่เกี่ยวกับการเดินทาง จะใช้คอมพิวเตอร์ในการจองวัน 4. ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม สถาปนิกและวิศวกรสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ 5. ด้านการศึกษา ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านการเรียนการสอน ซึ่งมีการนำคอมพิวเตอร์มา 6. ด้านการตลาดและการขาย ในธุรกิจประเภทขายสินค้าที่มีหลายสาขา ระบบเครือข่าย พื้นฐานการส่ือสารข้อมูลและเครือขา่ ย 7. ดา้ นการสื่อสารทางจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ นบั ตัง้ แตเ่ ครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ ได้เข้ามามีบทบาทใน 8. ด้านบริการข้อมูลข่าวสาร คือ การนำเสนอข่าวสารต่างๆ ของหน่วยงาน องค์กร และบุคคล 9. ด้านระบบทีวี เป็นการแพร่สัญญาณผ่านสายเคเบิล หรือผ่านดาวเทียมในรูปแบบของสมาชิก ที่ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมากมาย ดังที่ได้ยกตัวอย่างข้างต้น การสอื่ สารขอ้ มลู หมายถึง กระบวนการถา่ ยโอนหรอื แลกเปลย่ี นข้อมลู ซ่ึงกนั และกนั โดยอาศัย กจิ กรรมพฒั นาการ 2. ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มจัดทำรายงาน เรอื่ งพน้ื ฐานการสื่อสารข้อมูลและเครอื ขา่ ย พร้อม 10 พ้ืนฐานการสื่อสารข้อมลู และเครอื ขา่ ย คำถามท้ายหน่วยที่ 1 ตอนท่ี 1 จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ใี หถ้ กู ตอ้ ง 1. จงบอกความหมายของการส่ือสารขอ้ มูล 11 พื้นฐานการสื่อสารข้อมูลและเครอื ขา่ ย คำถามทา้ ยหนว่ ยท่ี 1 ตอนที่ 2 จงทำเครอื่ งหมายกากบาท (X) ลงหน้าขอ้ ท่ีถูกต้องท่ีสุด 1. ข้อใดหมายถึงการส่อื สาร 6. คุณสมบัติพนื้ ฐานของการสอื่ สารขอ้ มลู มีกีข่ อ้ 2. Receiver หมายถึงขอ้ ใด 7. ระยะเวลา ตรงกับคุณสมบัตพิ ื้นฐานของการ 12 พ้นื ฐานการสอื่ สารข้อมูลและเครอื ขา่ ย ตอนที่ 3 จงบอกความหมายของคำศพั ท์ตอ่ ไปนี้ ข้อท่ี คำศพั ท์ คำแปล ข้อท่ี คำศพั ท์ คำแปล 1. Data 7. Deliver 2. Communication 8. Accuracy 3. Network 9. Timeliness 4. Sender 10. Resource Sharing 5. Receiver 11. Data Sharing 6. Medium 12. Reliability ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13 สาระการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 2 (1) เครือข่ายทอ้ งถ่ิน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ จดุ ประสงคท์ ว่ั ไป สมรรถนะประจำหนว่ ยการเรียนรู้ (1) แสดงความรเู้ กยี่ วกบั ลกั ษณะและประโยชน์ของระบบเครอื ข่ายแบบตา่ งๆ ประปเรภะทเภขทองขเอคงรเอืคขรา่อื ยขค่าอยมคพอมวิ พเติวอเรต์ อร์ หน่วยที่ 2 เครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ แผนผงั ความคิด ประเภทของเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ สาระสำคญั ประเภทของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ จะแบ่งออกเป็นระดับ ประโยชนข์ องระบบเครอื ข่ายไรส้ าย 1168 ประเภทของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ประเภทของเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ 1.เครอื ขา่ ยทอ้ งถิ่น หรือเครือข่ายแลน (Local Area Network : LAN) ภาพที่ 2.1 : เครือขา่ ยทอ้ งถ่ิน (LAN) ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2. เครอื ขา่ ยระดับเมอื ง (MAN) ภาพท่ี 2.2 : เครือข่ายระดบั เมอื ง (MAN) 3. เครอื ข่ายระดับประเทศ (WAN) ระหว่างประเทศ ซ่งึ เครือข่ายระดบั ประเทศ (WAN) จะเช่ือมต่อระยะทางไกลมาก จึงมีความเร็วใน 18 ประเภทของเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ ภาพที่ 2.3 : เครอื ขา่ ยระดบั ประเทศ (WAN) 4. ระบบเครอื ข่ายไรส้ าย (Wireless LAN) เครือข่ายไร้สาย (WLAN) เป็นเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ภาพท่ี 2.4 : ระบบเครือขา่ ยไรส้ าย (WLAN) 19 ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มาตรฐานเครอื ข่ายไร้สาย มีการทำงานในระบบเ MAC ที่เหมือนกัน คือ การใช้กลไกของ Carrier Sense Multiple / มาตรฐานของ IEEE 802.11 ต้ังแต่เร่ิมต้นจนถึงปัจจุบัน ท่ีมีการกำหนดสัญญาณความถ่ีและ 1. IEEE 802.11 เป็นมาตรฐานเริ่มต้นของ WLAN ที่ประกาศใชเ้ ม่ือปี 1997 มีอัตราการสง่ 1 2. IEEE 802.11a เป็นมาตรฐานท่ีประกาศใช้ในปี 1999 หลังจาก IEEE 802.11b โดยใช้ 20 ประเภทของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 3. IEEE 802.11b เป็นมาตรฐานที่ประกาศใช้ในปี 1999 หลังจาก IEEE 802.11 แล้ว 4. IEEE 802.11g มาตรฐานที่ประกาศใช้ในปี 2003 ใช้เทคโนโลยี OFDM และสัญญาณวิทยุ 5. IEEE 802.11n เป็นมาตรฐานท่ียังไม่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ ความนิยมอย่างแพร่หลายในการนำมาติดตั้งและใช้งานกับองค์กรต่างๆ ซึ่งในช่วงเร่ิมต้นมีปัญหา 21 ประเภทของเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ มาตรฐานได้ประกาศใช้แล้วและมีบางมาตรฐานกำลังอยู่ในช่วงการดำเนินการ โดยมีรายละเอียด 1. IEEE 802.11c เป็นมาตรฐานที่เพิ่มความเร็วในระดับ PHY ให้สูงขึ้น สำหรับสัญญาณ 2. IEEE 802.11d เปน็ มาตรฐานท่ีทำให้ IIIE 802.11a และ IEEE 802.11b ดขี ้นึ สำหรับการ 3. IEEE 802.11e เป็นมาตรฐานที่ปรับปรุง MAC Layer ของ IEEE 802.11 ให้สามารถ 4. IEEE 802.11f เป็นมาตรฐานที่กำหนดโปรโตคอลสำหรับการบริการของ AP ที่เรียกว่า 5. IEEE 802.11h เป็นมาตรฐานที่ปรับปรุง MAC Layer ของ IEEE 802.11 และ PHY 6. ของ IEEE ที่จะเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีมาตรฐาน HiperLAN / 2 ของ ETSI ซ่ึงเป็น 7. IEEE 802.11i เป็นมาตรฐานที่ปรับปรุง MAC Layer ของ IEEE 802.11 ให้ดีขึ้นในด้าน 8. IEEE 802.11j เป็นมาตรฐานและข้อกำหนดของประเทศญ่ีปุ่นสำหรับการเพ่ิมคุณสมบัติ 22 ประเภทของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 9. IEEE 802.11k เป็นมาตรฐานที่ดำเนินการเพ่ิมประสิทธิภาพของระบบเครือข่าย WLAN 10. IEEE 802.11m เป็นมาตรฐานและข้อกำหนดในการดูแลระบบเครือข่ายตามมาตรฐาน 11. IEEE 802.11o เป็นมาตรฐานท่ีดำเนินการในเรื่องของ Voice over WLAN หรือการใช้ 12. IEEE 802.11p เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารในช่วงส่ันๆ ของ WLAN ที่ 13. IEEE 802.11q เปน็ มาตรฐานที่ดำเนินการในเร่ืองของการใช้เครอื ขา่ ย WLAN ในรูปแบบ 14. IEEE 802.11r เป็นมาตรฐานที่ดำเนินการในเรื่องของการทำโรมม่ิงในระบบเครือข่าย 15. IEEE 802.11s เป็นมาตรฐานท่ีดำเนินการสำหรับการเช่ือมตอ่ เครือข่าย WLAN แบบเมซ 16. IEEE 802.11t เป็นมาตรฐานของการทำงานในลักษณะคาดการณ์ล่วงหน้าของเครือข่าย 17. IEEE 802.11u เป็นมาตรฐานท่ีเพิ่มเติมรายละเอียดต่างๆ เพ่ือให้การทำงานดีขึ้นสำหรับ 18. IEEE 802.11v ดำเนินการสำหรับการจัดการเครือข่ายไร้สายหรือ Wireless Network 19. IEEE 802.11w เปน็ มาตรฐานท่ีจดั การและปอ้ งกนั เฟรมของ IEEE 802.11 23 ประเภทของเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 22. สหรูปรัฐแอบเมบรกิกาารเชื่อมตอ่ ของระบบเครอื ขา่ ยไร้สาย รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบ Peer to Peer เป็นการเช่ือมต่อแบบโครงข่าย ภาพท่ี 2.5 : การเชื่อมตอ่ เครือข่ายไร้สายแบบ Peer to Peer 2. Client / Server (Infrastructure Mode) ข้อมูลโดยอาศัย Access Point (AP) หรือเรียกว่า “Hot Spot” ทำหน้าท่ีเป็นสะพานเช่ือมต่อ 24 ประเภทของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ภาพที่ 2.6 : ระบบเครอื ข่ายไรส้ ายแบบ Client / Server 3. Multiple Access Points and Roaming เครือข่ายไร้สายจะอยู่ในรัศมีประมาณ 500 ฟุต ภายในอาคาร และ 1,000 ฟุต ภายนอกอาคาร ภาพท่ี 2.7 : ระบบเครือขา่ ยไร้สายแบบ Multiple Access Points and Roaming 4. Use of an Extension Point Extension Points ท่ีมีคุณสมบัติเหมือนกับ Access Point แต่ไม่ต้องผูกติดไว้กับเครือข่ายไร้สาย 25 ประเภทของเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ ภาพที่ 2.8 : ระบบเครอื ขา่ ยไรส้ ายแบบ Use of an Extension Point 5. The Use of Directional Antennas กนั โดยการตดิ ตงั้ เสาอากาศแต่ละอาคาร เพอ่ื สง่ และรบั สญั ญาณระหวา่ งกนั ภาพท่ี 2.9 : ระบบเครอื ขา่ ยไร้สายแบบ The Use of Directional Antennas ประโยชนข์ องระบบเครอื ข่าย อุปกรณ์ไม่มากนักและมักจำกัดอยู่ในอาคารหลังเดียวหรืออาคารในบริเวณเดียวกัน การใช้งานท่ี 1. มีความคล่องตัวสูง (Mobility Improves Productivity & Service) ดังนั้น ไม่ว่าจะ 26 ประเภทของเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ 2. สามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว (Installation Speed and Simplicity) เพราะไม่ 3. สามารถขยายระบบเครือข่ายได้ง่าย (Installation Flexibility) เพียงแค่มีพีซีการ์ดมา 4. ลดค่าใช้จ่ายโดยรวม (Reduced Cost – of – Ownership) ท่ีผ้ลู งทุนต้องลงทุน ซึง่ มี 5. เครือข่ายไร้สายทำให้องค์กรสามารถปรับขนาดและความเหมาะสมได้ง่ายไม่ยุ่งยาก สรุปทา้ ยหน่วย ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แบ่งออกได้ 4 ประเภท คือ เครือข่ายท้องถ่ิน เครือข่ายระดับเมือง เครือข่าย กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู้ 1. ให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 5 คน ระบบ พร้อมยกตวั อย่างหน่วยงานทีใ่ ชง้ านเครือข่ายในแบบต่างๆ แล้วนำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น 27 ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คำถามทา้ ยหนว่ ยที่ 2 ตอนที่ 1 จงตอบคำถามตอ่ ไปนใี้ หถ้ กู ตอ้ ง 1. จงอธบิ ายลักษณะของเครอื ขา่ ยทอ้ งถ่ิน (LAN) and Roaming 28 คำถามท้ายหน่วยท่ี 2 ประเภทของเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ ตอนที่ 2 จงทำเครือ่ งหมายกากบาท (X) ลงหน้าข้อท่ีถูกต้องที่สุด 1. เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ทอ้ งถ่นิ ตรงขอ้ ใด 7. รูปแบบการเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย ก. LAN ข. MAN 8. การรับส่งข้อมูลแบบ Hot Spot ตรงกับ 4. เค ร่ื อ ง ค อ ม พิ ว เต อ ร์ ท่ี ค ว บ คุ ม ด้ ว ย 10. Installation Flexibility ตรงกับประโยชน์ จ. Sever 5. ข้อใดเปน็ ระบบเครอื ขา่ ยระดบั ประเทศ ก. ธนาคาร ข. สำนักงาน ค. สถานศกึ ษา ง. บ้าน จ. สหกรณ์ 6. รูปแบบการเช่ือมต่อของระบบเครือข่าย แบบใดท่ีเป็นการเช่ือมต่อโดยตรงระหว่าง คอมพิวเตอร์ ก. Peer – to – Peer ข. Client / Sever ค. Multiple Access Points and Roaming ง. Use of an Extension Point จ. The Use of Directional Antennas 29 ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ตอนที่ 3 จงบอกความหมายของคำศพั ทต์ ่อไปนี้ ข้อที่ คำศัพท์ คำแปล ข้อที่ คำศัพท์ คำแปล 10. Service 11. Flexibility 12. Scalability ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 30 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ประเภทของเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ สาระการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 3 (1) มาตรฐาน OSI Model จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ จดุ ประสงคท์ ว่ั ไป เหมาะสมกับงาน สมรรถนะประจำหน่วยการเรยี นรู้ (1) แสดงความรเู้ ก่ยี วกับลักษณะการทำงานของ OSI Model และโปรโตคอล มาตรฐานการเชอื่ มตอ่ ระบบเครือขา่ ย หนว่ ยที่ 3 ระบบเครือขา่ ย แผนผังความคิด มาตรฐานการเชอ่ื มตอ่ ระบบเครือข่าย สาระสำคัญ มาตรฐาน OSI Model ในหน่วยการเรียนรู้นี้ จะศึกษาเกี่ยวกับ 34 มาตรฐานการเชือ่ มตอ่ ระบบเครือขา่ ย มาตรฐาน OSI Model 35 การทค่ี อมพิวเตอรเ์ ครอื่ งหน่ึงจะส่งข้อมูลไปยงั คอมพิวเตอร์อีกเครอ่ื งหนึ่งได้น้ัน จะต้องอาศัยกลไก จึงได้เกิดหน่วยงานกำหนดมาตรฐานสากล 1. Application Layer เป็นเลเยอร์ที่กำหนดอินเตอร์เฟชระหว่างแอผพลิเคชั่นที่ทำงานบนเค รื่องคอมพิวเตอร์กับ 2. Presentation Layer จุดประสงค์หลักของเลเยอร์นี้คือ กำหนดฟอร์แมตของการสื่อสาร ตัวอย่างเช่น ASCII Text, มาตรฐานการเชอื่ มตอ่ ระบบเครอื ขา่ ย 3. Session Layer เป็นเลเยอร์ที่ควบคุมการสื่อสารจากต้นทางไปยังปลายทางแบบ End to End และคอยควบคุม ช่องทางการสื่อสารในกรณีที่มีหลายๆ กระบวนการ (Process) ต้องการรับส่งข้อมูลพร้อมๆ กันบน เครื่องเดียวกัน และยังให้อินเตอร์เฟชสำหรับแอปพลิเคชั่นเลเยอร์ด้านบนในการควบคุมขั้นตอนการ ทำงานของโปรโตคอลในระดับ Transport / Network เช่น Socket ที่ใช้ในยูนิกซ์ หรือ Windows Socket ที่ใช้ในวินโดวส์ ซึ่งได้ให้ Application Programming (API) แก่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ในระดับบน สำหรับการเขยี นโปรแกรมเพ่อื ควบคุมการทำงานของโปรโตคอล TCP / IP ในระดบั ลา่ ง 4. Transport Layer เป็นเลเยอร์ที่มีหน้าที่หลักๆ ในการแบ่งข้อมูลในเลเยอร์บนให้พอเหมาะกับการจัดส่งไปในเล เยอร์ล่าง (Segmentation) ทำหน้าที่ประกอบรวมข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับมาจากเลเยอร์ล่าง (Assembly) และให้บริการในการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้นในระหวา่ งทางของการส่ง หน่วยของข้อมูลในเล เยอร์นี้มักจะถูกเรียกว่า Segment ตัวอย่างของโปรโตคอลในเลเยอร์นี้ที่รู้จักกันดี คือ โปรโตคอล TCP และ UDP 5. Network Layer เป็นเลเยอร์ที่มีหน้าที่หลักในการส่งแพ็คเกจจากเครื่องต้นทางให้ไปถึงเครื่องปลายทาง ด้วย ความพยายามที่ดีที่สุด เลเยอร์นี้จะกำหนดใหม้ ีการตั้งลอจิคลั แอดเดรสขึ้นมาบนเครื่องคอมพิวเตอร์และ อุปกรณ์สื่อสารเพื่อใช้ระบุตัวตน ตัวอย่างของโปรโตคอลเลเยอร์นี้ ได้แก่ โปรโตคอล IP และลอจิคัล แอดเดรสทใ่ี ช้คอื หมายเลข IP Address นั้นเอง เลเยอร์นี้จะให้บริการใน Network Layer โดยตรงเมื่อได้รับแพ็คเกจมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วพยายามหาให้ได้ว่าจะส่งแพ็คเกจออกไปทางอินเตอร์เฟช (Interface) ใด เพื่อไปยังเครื่อง คอมพิวเตอร์ปลายทางได้ โปรโตคอลที่ทำงานในเลเยอร์นี้จะไม่ทราบว่าแพ็คเกจจริงๆ แล้วไปยังเครื่อง ปลายทางหรือไม่ หน้าที่ของการยืนยันว่าข้อมูลได้ไปถึงปลายทางจริงๆ นั้นคือหน้าที่ของ Transport Layer โดยหน่วยของการรับส่งขอ้ มูลในเลเยอร์น้คี อื แพค็ เกจ (Packet) 6. Data Link Layer รับผิดชอบในการส่งข้อมูลบนเน็ตเวิร์กแต่ละประเภท เช่น Ethernet, Token Ring, FDDI หรือ บน WAN ต่างๆ และดูแลเรื่องการห่อหุ้นข้อมูลจากเลเยอร์บน เช่น แพ็คเกจ IP ไว้ภายใน “เฟรม” และ ส่งจากต้นทางไปยังอุปกรณ์ตัวถัดไป เลเยอร์นี้จะเข้าใจได้ถึงกลไกและอัลกอริทึมรวมทั้งฟอร์แมตของ เฟรมท่จี ะใชใ้ นเน็ตเวริ ์กประเภทตา่ งๆ เปน็ อยา่ งดี ในเน็ตเวิร์กแบบอีเทอรเ์ น็ต การสื่อสารในเลเยอร์นี้จะมีการระบุหมายเลขแอดเดรสของเครื่อง / อุปกรณ์ต้นทางกับเครื่อง / อุปกรณ์ปลายทางด้วยฮารด์ แวร์แอดเดรสที่เรียกว่า MAC Address ผู้ใช้งาน อีเทอร์เน็ตจะพบว่า เน็ตเวิร์กการ์ดที่เสียบอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ต้องมีหมายเลข MAC Address กำกับอยู่เสมอ MAC Address เป็นแอดเดรสที่ฝังมากับฮาร์ดแวร์ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโดยผู้ใช้ ปลายทางได้ MAC Address เป็นตัวเลขขนาด 6 ไบต์ 3 ไบต์แรกจะได้รับการจัดสรรโดยองค์กรกลาง 36 IEEE ให้กับผู้ผลิตแต่ละราย ส่วนตัวเลข 3 ไบต์หลังนั้นทางผู้ผลิตจะไปกำหนดเอง โดยหน่วยของการ มาตรฐานการเช่อื มตอ่ ระบบเครือขา่ ย 7. Physical Layer 37 เลเยอร์นี้จะกำหนดมาตรฐานของสัญญาณทางไฟฟ้าและมาตรฐานของคอนเน็กเตอร์เชื่อมต่อ โปรโตคอลในการสื่อสารข้อมลู โปรโตคอล (Protocol) คือ ข้อตกลงในการ ภาพท่ี 3.2 : โมเดลโปรโตคอล TCP / IP โปรโตคอล TCP โปรโตคอล TCP ในเลเยอร์ของ Transport น้ันมหี น้าทห่ี ลกั ๆ คอื มาตรฐานการเช่อื มต่อระบบเครอื ขา่ ย 5. การส่ง ACK เพื่อยืนยันว่าได้รับข้อมูลครบถ้วนนั้น เครื่องปลายทางไม่จำเป็นต้องส่ง ACK กลับ 6. ควบคุมลำดับขั้นตอนของการส่งแพ็คเกจของโปรโตคอล IP ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย กระบวนการ Three Way Handshake เป็นกระบวนการในการสร้างคอนเน็กชัน (Connection) ระหว่างต้นทางกับปลายทาง โฮสต์ต้นทาง ภาพท่ี 3.3 : กระบวนการ Three Way Handshake 38 มาตรฐานการเชื่อมต่อระบบเครือขา่ ย Sliding Window และความน่าเชอ่ื ถอื ในการรบั สง่ ขอ้ มลู ภาพที่ 3.4 แสดงกระบวนการ Sliding Window แบบง่ายๆ เพื่อช่วยควบคุมโฟล์การรับส่งข้อมูล ภาพท่ี 3.4 : การทำงานของ Sliding Window 39 มาตรฐานการเชอ่ื มต่อระบบเครอื ขา่ ย ในการตอบกลบั เพือ่ ยนื ยนั วา่ ได้รับขอ้ มลู จากต้นทางน้ี เครอ่ื งปลายทางจะใชว้ ิธกี ารตอบรบั แบบ ภาพที่ 3.5 : การทำงานเมือ่ มกี ารสง่ ขอ้ มลู ผิดพลาด 40 มาตรฐานการเช่อื มตอ่ ระบบเครือขา่ ย Segment ชุดที่ 5 ต่อไป (ด้วยการ Ack5) เครื่องต้นทางจะส่งไปให้อีก 4 ชุด (คือ TCP Segment ที่ 5, เมื่อ TCP Segment ที่ 8 เดินทางมาถึงปลายทาง มันจะตอบรับ (Ack) กลับไปว่า Ack 37 ซึ่ง โปรโตคอล UDP เป็นโปรโตคอลในระดับ Transport Layer ที่มีความแตกต่างไปจากโปรโตคอล TCP เกือบทุก โปรโตคอล UDP เมื่อไม่มีความน่าเชื่อถือ แต่ประโยชน์สำคัญที่ได้รับจากการทำงานแบบนี้คือ โปรโตคอล IP โปรโตคอล IP ทีอ่ ยใู่ น Network Layer จะมีหนา้ ที่ 3 อยา่ งต่อไปนี้ คอื 41 มาตรฐานการเชอ่ื มต่อระบบเครอื ขา่ ย 1. Addressing คอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรโตคอล IP เนื่องจาก ลอจิคัลแอดเดรสนี้จะไม่ได้ถูกกำหนดมาตายตัวหรือฝังมา 1.1ทำให้เราสามารถออกแบบระบบเนต็ เวิรก์ ได้ง่ายข้นึ เป็นการจัดเตรียมแพ็คเกจ IP ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมส่งไปยังเครื่องปลายทาง โดยการนำเอา 3. Routing Routing คือ การหาเส้นทางในการส่งแพ็คเกจไปให้ถึงเครื่องปลายทางให้ได้ หลักความสำคัญ สรุปทา้ ยหน่วย มาตรฐานการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายตามมาตรฐาน OSI Model จะมีทั้งหมด 7 เลเยอร์ แต่ละเลเยอร์จะมีลักษณะการ กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรู้ 1. ให้นักเรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 3 - 5 คน 2. ให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มศึกษาเกย่ี วกบั มาตรฐานการเช่ือมต่อระบบเครอื ขา่ ยแตล่ ะเลเยอร์ พร้อมทัง้ เปรียบเทียบ 42 มาตรฐานการเชอื่ มต่อระบบเครอื ขา่ ย คำถามทา้ ยหน่วยท่ี 3 ตอนท่ี 1 จงตอบคำถามต่อไปนีใ้ หถ้ ูกต้อง 1. จงอธิบายมาตรฐาน OSI Model 43 มาตรฐานการเชื่อมตอ่ ระบบเครอื ขา่ ย คำถามท้ายหนว่ ยท่ี 3 ตอนที่ 2 จงทำเคร่อื งหมายกากบาท (X) ลงหนา้ ข้อที่ถูกต้องทีส่ ดุ 1. ข้อใดคอื ตัวอกั ษรย่อของมาตรฐานสากล 6. TCP (Host - to - Host) อยใู่ นเลเยอรใ์ ดของ ก. ISA OSI ก. Presentation เน็กชนั (Connection) ระหวา่ งต้นทางกบั ข. Session ปลายทาง ค. Transport ก. The Way handshake Segment จ. IP ง. Routing จ. IP 44 |