นิยาย นายหัว บังคับ แต่งงาน

การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ ดร.ไกร เบ็ญจรงค์ ประมุขของบ้านเบ็ญจรงค์ ตระกูลเก่าแก่ที่มีทรัพย์สินและธุรกิจมหาศาลติดอันดับต้นๆของประเทศ ทำให้กรกฎบุตรชายผู้เป็นทายาทโดยสายเลือดเพียงคนเดียวต้องรีบบินด่วนกลับจากสหรัฐอเมริกามาเคารพศพบิดาและรับช่วงสืบทอดอาณาจักรของตระกูล ที่มีอรรถวาทีทนายความประจำตระกูลคอยจัดการดูแลผลประโยชน์

หลังจากกลับมาเมืองไทยได้ไม่กี่วัน กรกฎชวน ธัชชัย ทนายความหนุ่มสหายรักไปรอรับผดาชไมหญิงคนรักของตน แต่เพราะผดาชไมที่ใครๆรู้จักเธอ ในนามฮันนี่ ไข่มุกแห่งเอเชีย นักร้องเสียงน้ำผึ้ง การมาของเธอจึงไม่ธรรมดา สนามบินแทบแตกเพราะมีผู้คนจำนวนมากมารอต้อนรับอยากเห็นตัวจริงของเธอ

กว่าสองหนุ่มจะพาผดาชไมขึ้นรถฝ่าผู้คนออกจากสนามบินมาได้ก็เล่นเอากรกฎหงุดหงิดไม่น้อย แต่ระหว่างทางหญิงสาวออดอ้อนเอาใจจนเขาอารมณ์ดีขึ้น และยิ่งสุขใจเมื่อเธอพูดคำหวานทิ้งท้ายว่าเหตุผลที่กลับมาก็เพื่อทวงสัญญาจากเขาว่าเราจะแต่งงานกัน

แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อพินัยกรรมของ ดร.ไกร ได้ระบุให้กรกฎต้องแต่งงานกับละอองดาว น้องสาวที่ไม่ได้รู้จักหน้าค่าตามานานมาก หรือเด็กหญิงอ้วนดำหน้าขี้ริ้วขี้เหร่และขี้โรคที่กรกฎจำได้ติดตามาตลอด แล้วตั้งแต่กลับมาเมืองไทยครั้งนี้เขากับละอองดาวก็ยังไม่เคยพบเจอกันเลย เพราะอยู่บ้านคนละหลังในรั้วเดียวกัน

กรกฎรู้เรื่องพินัยกรรมของบิดาหลังจากไปส่ง

ผดาชไมยังที่พัก แล้วให้ธัชชัยพาไปพบอรรถวาทีทนายความประจำตระกูล

“นี่มันเป็นพินัยกรรมที่ประหลาดที่สุดในโลก ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นพินัยกรรมคุณพ่อทำขึ้น...เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เป็นไปไม่ได้!”

“ใจเย็นๆไว้คุณกรกฎ ระงับสติอารมณ์คุณไว้บ้าง” อรรถวาทีปรามด้วยท่าทีเยือกเย็น ก่อนส่งสัญญาให้พิสมัยผู้ช่วยของเขาที่ยืนหน้าซีดออกไปก่อน

เมื่ออยู่กันตามลำพัง อรรถวาทียังใจเย็น เอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ “คุณกรกฎโปรดนั่งลงก่อน ถึงอย่างไรเสียคุณก็ไม่มีทางเลี่ยงสิ่งที่ระบุไว้ในพินัยกรรมของคุณพ่อคุณได้อย่างเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่าคุณจะไม่ยอมรับมรดกทุกชิ้นของคุณพ่อคุณเท่านั้น ซึ่งคุณก็คงไม่ทิฐิถึงขนาดนั้นไม่ใช่หรือ”

กรกฎนิ่งอึ้ง หน้าเครียด ทิ้งตัวลงนั่งโครมหันข้างให้อีกฝ่าย ค้อนมองข้อเขียนพินัยกรรมลายมือของบิดาที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า

“เพียงแค่คุณทำตามข้อกำหนดในพินัยกรรม

คุณก็จะได้ครอบครองมรดกไป แต่ถ้าคุณขัดขืน...ทรัพย์มรดกก็จะตกไปเป็นการกุศลสาธารณประโยชน์ทั้งหมดตามที่ถูกระบุเอาไว้ ซึ่งคุณจะไม่ได้อะไรแม้แต่สตางค์แดงเดียว”

“คุณอรรถก็เห็นผมมาแต่เล็กแต่น้อย แล้วทำไมไม่หาทางช่วยผมบ้างเล่า”

“ผมช่วยคุณได้อย่างเดียวเท่านั้นครับ คือขอให้คุณปฏิบัติตามเงื่อนไขของท่าน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากคอขาด บาดตายอะไรเลย เพียงแค่คุณแต่งงานกับสุภาพสตรีที่ท่านเจาะจงไว้เท่านั้นเอง คุณก็เดือดเนื้อร้อนใจวุ่นวายทำเป็นเรื่องใหญ่ไปเองแท้ๆ”

“คุณอรรถจะให้ผมยอมแต่งงานกับ...” เขาหยุดชะงักไม่อยากเอ่ยชื่อ แล้วบ่นต่อ “โธ่...นี่มันบังคับแบบมัดมือชก กันชัดๆ คุณพ่อทำแบบนี้ มัน Hurt Feeling ของผมเหลือเกิน ทำไมต้องมาตีกรอบชีวิตลูกแบบเผด็จการอย่างนี้ด้วย ผมร่ำเรียนมาจนขนาดนี้แล้ว ท่านก็ไม่น่าจะทำ...ผมไม่รู้จะพูดยังไงถูก ผมอยากจะหัวเราะหรือร้องไห้เสียให้รู้แล้วรู้รอด”

“คุณไม่คิดในมุมกลับบ้างหรือว่าท่านปรารถนาดีกับคุณ แทนที่คุณจะมองไปว่าท่านบีบบังคับอย่างไร้เหตุผล”

“แต่ผมยังมองไม่เห็นเลยแม้แต่นิดว่าวิธีที่ว่ามันจะเกิดประโยชน์อะไรกับชีวิตผม มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้ผมแน่ๆ”

“ไหนคุณลองบอกมาซิว่าไอ้การที่คุณท่านให้คุณได้มีเมียเป็นฝั่งเป็นฝาสักคน มันเดือดร้อนกับคุณยังไง”

“นี่คุณอรรถ...ผมไม่มีวันจะแต่งงานกับยัยแตนนั่นเป็นอันขาด สิ่งที่ผมจำได้ติดตามาตลอดเกี่ยวกับยายแตน ก็คือความขี้ริ้วขี้เหร่ยิ่งกว่าเด็กคนไหนๆที่ผมเคยเห็น ทั้งตัวกลมเหมือนไหกระเทียม หน้าตาเหยเกบูดเบี้ยวอมโรคยิ่งกว่าลูกเป็ดขี้เหร่พิการยังไงยังงั้น ยังไงผมก็เป็นลูกผู้ชาย ไม่เคยมีอคติใดๆกับเด็กที่คุณพ่อเก็บเอามาเลี้ยงและใช้นามสกุลร่วมกับผมคนนี้เลย ผมก็ถือว่าเป็นน้องสาวของผมคนหนึ่ง ต่างเติบโตตามกันมา แต่เราก็ไม่เคยพบเห็นกันอีกเลยเป็นสิบกว่าปี เหมือนต่างคนต่างอยู่ จนผมเกือบลืมไปด้วยซ้ำว่าคุณพ่อเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ แต่นี่อะไร มาวันนี้ธุระอะไรที่ผมถึงกับต้องมาอยู่กินกับหล่อน รับหล่อนเป็นภรรยา อะไรที่ทำให้ท่านต้องมีความคิดวิตถารถึงเพียงนั้น”

อรรถวาทียังนั่งฟังนิ่ง อมยิ้มมุมปาก ไม่เอ่ยอะไร ขณะที่กรกฎหยุดหายใจ หน้าแดงด้วยความเครียด

“ผมมีคู่รักอยู่แล้ว และกำลังจะแต่งงานกันทันทีที่เผาศพคุณพ่อเสร็จเรียบร้อย คุณพ่อท่านเองก็เคยทราบเรื่องดี คุณอรรถเข้าใจมั้ย เมื่อเช้านี้ผดาชไมคู่รักผมก็บินมาถึงกรุงเทพฯแล้ว อย่างนี้จะให้ผมไปบอกเธอว่ายังไง”

ยิ่งพูดกรกฎก็ยิ่งหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่อรรถวาทียังเรียบนิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อนต่อไป

“อืม...น่าเห็นใจจริงๆ แต่จะให้ผมทำยังไงเล่าพ่อคุณ”

“มันต้องมีทางสิ ต้องมี คุณอรรถต้องหาทางช่วยผม”

“คุณก็รู้ว่าคุณพ่อคุณลงท่านทำนิติกรรมใดๆ ขึ้นมา ก็อย่าหวังจะมีช่องว่างให้กระดิกพลิกพลิ้วได้เลย ผมเสียใจด้วยจริงๆ”

ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเป็นหนูติดจั่น ก่อนจะหันกลับมาชะโงกหน้าใกล้อรรถวาที

“ฟังผมนะ เรามาร่วมมือกัน สำหรับยายแตน ผมให้ได้เลยถึง 50 ล้าน ให้หล่อนยอมพ้นไปจาก

ข้อผูกพันนี้ ส่วนพยานที่รู้เห็นในพินัยกรรมนี้จะมีกี่คนก็ตาม คนละ 10 ล้านบาท พอที่จะเย็บปากพวกนั้นเสียได้มั้ย ผมไม่ได้คดโกงใคร ไม่ได้ทำเรื่องชั่วบัดสี ทำให้ใครเสียผลประโยชน์เลย”

“แล้วผมล่ะ คุณจะให้สักเท่าไหร่”

“50 ล้าน ผมจ่ายให้คุณอรรถเป็นเงินสดทันทีเลยเมื่อผมได้มรดกทั้งหมดครบถ้วน โดยไม่ต้องมีข้อผูกพันกับยายแตนนั่น”

“คุณเป็นมหาเศรษฐีที่ใจปํ้ามาก แต่ขอโทษเถิดพ่อหนุ่ม ต่อให้ห้าหมื่นล้านทั้งหมดของคุณ ผมก็ทำไม่ได้”

กรกฎอึ้ง เหมือนถูกตีแสกหน้า เดือดดาลหันรีหันขวางมองหน้าอรรถวาทีที่เอาแต่ก้มเซ็นเอกสารบนโต๊ะทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“โธ่เว้ย!” กรกฎโวยวายแล้วปึงปังออกจากห้องปิดประตูโครม อรรถวาทีไม่มีแม้แต่ท่าทีหรือสีหน้าโมโห กลับมีรอยยิ้มบางๆผุดพราย

ooooooo

ขณะที่กรกฎไปโวยวายกับอรรถวาที...เป็นเวลาเดียวกับที่ละอองดาวได้ต้อนรับเพื่อนสาวสองคนคือเริงใจกับชลทิชา สองสาวรู้เรื่องพินัยกรรมว่าละอองดาวต้องแต่งงานกับกรกฎ จึงอยากรู้ว่าเพื่อนของตนคิดยังไงกับผู้ชายที่ไม่เคยเจอกันมานาน แต่ละอองดาวไม่ตอบ หน้าแดงระเรื่อโดยไม่รู้ตัว

ทางฝ่ายผดาชไมที่กลับมาเมืองไทยอย่างมีเป้าหมายในชีวิต เวลานี้เธอพักในโรงแรมห้าดาวพร้อมรุ้งเพชรเพื่อนสนิทซึ่งมีอาชีพเป็นนักโฆษณาประชาสัมพันธ์ สองคนกำลังพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี

“แหม...ก็ตั้งแต่เล่นหนังให้ท่านเจษ แล้วไปร้องเพลงให้หนังฮ่องกงจนดังไปทั่วเอเชีย เธอก็เล่นบินไปสหรัฐฯเลย...ทีแรกฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะตอบตกลงมารับงานชิ้นนี้เลยนะ เห็นว่าเธองานที่โน่นก็รัดตัว”

“ก็มีบรอดเวย์เรียกฉันให้ไปเล่นสองเรื่อง แต่ฉันเห็นว่างานเธอคอนเซปต์โอเค น่าสนใจ แล้วฉันก็ทิ้งทางนี้ไปหลายปีแล้ว ไม่อยากให้คนลืม”

“ฉันรับรองนะผดา ว่ากลับมาคราวนี้เธอจะดังเป็นพลุแตกแน่ๆ ดูซิแค่วันแรกสนามบินยังแทบแตก สื่อทุกแขนงมากันครบ ที่สำคัญสินค้าของญี่ปุ่นตัวนี้เขาก็ทุ่มงบไม่อั้น ออกอากาศไปทั่วเอเชียอีก”
“ดี!...นั่นล่ะ ยิ่งดังเกรียวกราวมากเท่าไหร่ยิ่งดี เธอจะทำยังไงก็ได้นะรุ้งเพชร ให้ฉันกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ มีชื่อเสียงและเกียรติยศให้มากและมากที่สุด”

“ตอนนี้ฉันก็บอกกับเธอได้เลยว่าคิวงานเธอเต็มล้นจนไปเกือบ 20 วันแล้ว”

“ฉันคิดไม่ผิดจริงๆที่กลับมารับงานเธอ แต่เธออย่าลืมเด็ดขาดว่ากรกฎต้องไม่รู้ว่าฉันมาเพื่อรับงานชิ้นนี้ของเธอ”

“แน่นอนจ้ะ คุณผดาชไม” รุ้งเพชรยิ้มเอาอกเอาใจเต็มที่

ooooooo

หลังจากตีโพยตีพายใส่ทนายความประจำตระกูลอยู่พักใหญ่ กรกฎยังไม่ไปไหนไกล แต่ออกมาเดินงุ่นง่านอยู่หน้าสำนักงาน คิดหาทางทำให้ตัวเองไม่ต้องแต่งงานกับละอองดาว ผ่านไปไม่นานนักเขากลับเข้ามาในสำนักงานอีกครั้ง นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมตรงหน้าอรรถวาที ถามหยั่งเชิงว่า

“สมมติถ้าผมแต่งงานมีลูกจริง จนผมได้มรดกตามเงื่อนไขเรียบร้อยแล้วผมก็หย่าล่ะ”

“ก็ทำได้ครับ ท่านไม่ได้มีข้อแม้ตรงนี้ไว้ เพราะท่านคงเข้าใจว่าสายเลือดของท่านคนนี้เป็นสุภาพบุรุษ มีมนุษยธรรมเต็มเปี่ยม รู้จักรับผิดชอบ เชื่อว่าถ้าคุณได้อยู่กินกับภรรยาจนมีบุตร ยังไงคงไม่คิดทิ้งขว้างหย่าร้างได้ลงคอ แล้วอีกอย่างท่านก็คงมั่นใจในกุลสตรีที่ท่านได้เจาะจงเอาไว้สำหรับคุณว่าเธอมีอานุภาพพอที่จะมัดใจคุณไว้ได้แน่...อันนี้ผมก็คิดเอาเองหรอกนะ ไม่รับรอง”

“ยัยเด็กไหกระเทียมต่อขา หน้าอมโรคยิ่งกว่าลูกเป็ดพิการขี้เหร่เนี่ยนะ”

อรรถวาทียิ้มขำด้วยความสมเพชในลำคอเบาๆ ขยับแว่นมองลอดมา “แล้วสามวันที่คุณกลับมานี่ คุณไม่ได้พบกับคุณละอองดาวบ้างหรือ”

“ยังหรอก ไม่ได้พบเลย ผมมาถึงก็ต้องทำอะไรต่อมิอะไรมากมาย ต่างคนก็คงต่างยุ่ง”

“อืม...แปลกมาก ยังไม่ได้พบกันเลยหรือนี่”

“ประเดี๋ยวกลับไปก็คงได้พบแน่ เอาเถอะ ผมขอถามต่อ...แล้วถ้าเกิดสมมติยัยแตนหรือยัยละอองดาวเกิดไม่ยอมแต่งกับผมขึ้นมาเสียล่ะ เช่น เขาอาจจะไปรักคนอื่นอยู่ก่อน เหมือนกันกับผมนี่ ผมมิต้องตามกราบกรานงอนง้อ เพื่อห้าหมื่นล้านหรอกหรือ”

“ปัญหานี้มีคำตอบเป็น 2 นัย คือ...หนึ่ง ถ้าคุณละอองดาวไม่ยอมแต่งกับคุณเพราะไปแต่งกับคนอื่นโดยพลการ ซึ่งเป็นเงื่อนไขในข้อที่ 18 คุณก็จะได้มรดกไปทั้งหมด และเป็นอิสระทันที...นัยที่สอง ถ้าคุณละอองดาวไม่ยอมแต่งโดยไม่มีเหตุผล แล้วก็ไม่ได้ไปแต่งกับใครด้วย ให้ยืดระยะเวลาเงื่อนไข จาก 2 ปีไปเป็น 3 ปี โดยคุณละอองดาวต้องทำหนังสือแถลงยืนยันมาให้กับผมไว้ในปีที่ 2 พอครบ 3 ปี คุณทั้งสองก็ยังไม่แต่งงานกันอีก ตอนนั้นคุณถึงจะได้รับโอนกองมรดกไปทั้งหมด คุณจะเป็นอิสระจากเงื่อนไขทั้งปวงโดยอัตโนมัติ คุณละอองดาวก็จะถูกตัดออกจากกองมรดกสิ้นเชิง ที่สำคัญคือคุณเองก็ห้ามไปจดทะเบียนสมรสกับใครในช่วง 3 ปีนั้น ไม่งั้นห้าหมื่นล้านก็ปิ๋ว แต่เชื่อผมเถิดน่า แต่งงานกับคุณละอองดาวอย่างพร้อมใจนั่นแหละเป็นวิธีที่ดีที่สุด”

“อืม...ผมพอใจล่ะ”

“แต่ผมจะขอพูดเอาไว้กับคุณอย่างเดียวคือคุณกำลังโง่อย่างที่สุดที่จะไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่คุณพ่อคุณกำหนด คุณจำไว้ก็แล้วกัน อรรถวาทีจะพูดไว้อย่างนี้แหละ จะไม่พูดอะไรอีกแล้ว”

“ผมก็ขอพูดไว้ตรงนี้กับคุณอรรถว่าผมจะต้องได้มรดกห้าหมื่นล้านนี้โดยไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่คุณพ่อกำหนด และในระยะเวลาที่เร็วกว่าสามปีตามที่คุณอรรถเอื้อเฟื้อแนะนำนี้เสียอีก จำไว้ นายกรกฎพูดไว้อย่างนี้แหละ”

กรกฎทุบโต๊ะปัง ก่อนเดินออกจากห้องไป อรรถ-วาทีขยับแว่นเหล่มองแล้วโคลงศีรษะไปมา พูดพึมพำกับตัวเอง

“ยังเด็กนัก แล้วก็ถือดีเกินไป...ยัยแตน เด็กไหกระเทียมต่อขา หน้าตายิ่งกว่าลูกเป็ดพิการขี้เหร่ ขอให้พูดยังงี้ตลอดรอดฝั่งไปเถิดน่า อรรถวาทีจะกราบตีนพ่อเลย”

ooooooo

เริงใจกับชลทิชาที่มาเยี่ยมเยียนละอองดาวมีอันต้องบอกลาเพราะจู่ๆเพื่อนสาวก็หน้ามืดเป็นลม คงเพราะพักผ่อนน้อยในช่วงงานศพบิดาเพื่อให้เพื่อนได้นอนพักผ่อน เริงใจกับชลทิชาอ้างว่าจะออกไปเอาชุดที่สั่งตัดไว้ เสร็จแล้วจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ระหว่างนี้ละอองดาวได้ชวนชม แม่บ้านเก่าแก่ที่เลี้ยงดูกรกฎตั้งแต่เล็กคอยดูแลด้วยความเต็มใจ

ด้านกรกฎหลังออกจากสำนักงานทนายความของอรรถวาทีก็มุ่งหน้าไปหาธัชชัยเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยวางแผนให้ธัชชัยที่ยังโสดสนิทหาทางจีบละอองดาว เธอจะได้ไม่มาสนใจตน

ธัชชัยแบ่งรับแบ่งสู้อย่างติดตลก ก่อนที่กรกฎจะลากเขาไปรับผดาชไมด้วยกัน แล้วไปนั่งคุยที่ร้านอาหารหรู ให้เธอได้รับรู้แผนการครั้งนี้ด้วย

ผดาชไมออกจากโรงแรมที่พักไปพร้อมสองหนุ่มได้ครู่เดียว งามตาผู้เป็นมารดาก็มาปรากฏตัว หลังทราบเรื่องการกลับเมืองไทยของลูกสาวคนดังจากข่าวสารที่กำลังเป็นที่ฮือฮาของแฟนเพลง

เมื่อได้ฟังกรกฎบอกเล่าเรื่องพินัยกรรมของบิดา ผดาชไมตกใจถึงกับอุทานด้วยความผิดหวัง

“นี่มันอะไรกันคะกฎ ประหลาดที่สุด ดาไม่เชื่อ กฎแน่ใจหรือคะว่าพินัยกรรมฉบับนี้บริสุทธิ์ไม่มีอะไรแอบแฝงอยู่ข้างหลัง”

“อย่าสงสัยเลยดา คุณพ่อท่านเขียนไว้จริงๆ ไม่มีอะไรที่เคลือบแคลงเลย”

“แล้วคุณแน่ใจได้ยังไง คุณเชื่อเหรอคะ คุณต้องกลับไปดูรายละเอียดใหม่ทั้งหมดนะคะ ดาว่าจะต้องมีใครสักคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับข้อกำหนดเงื่อนไขนี้แน่ อย่างน้อยก็ตาทนายความอรรถกับตัวการสำคัญ แม่แตนอะไรนั่น สองคนนี้จะต้องสมรู้ร่วมคิดกันแน่ๆ ถูกไหมคะคุณธัช”

“ผมลงความเห็นอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้หรอกครับคุณผดา แต่ในฐานะเพื่อนและทนายที่เขาเอาเรื่องนี้มาหารือผม ผมรู้อย่างเดียวว่าพินัยกรรมนี้เป็นพินัยกรรมที่ถูกต้องสมบูรณ์ในผลบังคับที่สุด”

“ก็ฉันบอกอยู่นี่ยังไง อย่าไปสงสัยว่ามีเบื้องหลัง หรือเล่ห์กลของใครทั้งสิ้น เป็นเจตนาของคุณพ่อทั้งนั้น คุณอรรถเองก็ไม่ได้เป็นญาติโยมหรือมีผลประโยชน์ร่วมอะไรกับแตน”

“แปลว่างานแต่งงานของเราก็พังทลายลงหมดแล้วใช่ไหมคะ”

“ฉันก็กลุ้มนะดา กลุ้มจนแทบจะเป็นบ้าตาย

แต่แทนที่เธอจะปลอบใจฉัน ช่วยกันหาทางแก้ไข นี่เธอยิ่งทำให้ฉันกลุ้มหนักเข้าไปอีก อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปสิ เราก็ยังพอจะมีทางอยู่บ้าง”

“ฮึ! ทาง...เอามรดกห้าหมื่นล้านของคุณโยนเข้ามูลนิธิสาธารณกุศลไป แล้วคุณก็มาแต่งงานกับดาอย่างนั้นสิคะ”

“เราควรจะมาหารือกันดีๆ ไม่ใช่มาทะเลาะกันสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ สุดวิสัยนะดา ไม่มีใครคาดคิด มาก่อนหรอก”

ผดาชไมน้อยใจ แต่พยายามข่มอารมณ์และปรับน้ำเสียงหลังจากฟังกรกฎสาธยายอยู่อีกพัก

“ยิ่งกว่าสามปีดาก็รอคุณได้ค่ะ แต่ถ้าครบสองปีแม่นั่นไม่ยอมเขียนจดหมายว่าจะไม่ยอมแต่งงานกับคุณ แต่กลับประกาศว่าจะแต่งกับคุณขึ้นมาแทนล่ะ คุณจะทำยังไงคะ”

“เป็นไปไม่ได้หรอก แตนคงไม่ใช่ผู้หญิงหน้าด้านแบบนั้น แล้วฉันก็มีแผนการที่จะดำเนินการเบื้องหลังเพื่อให้หล่อนยอมทำตามความต้องการของฉันอยู่”

“นั่นเป็นความคิดคุณต่างหาก ดาไม่เชื่อว่าแม่แตนคนนั้นจะยอมปล่อยให้ชายหนุ่มทายาทกองมรดกมหาศาล คุณสมบัติครบถ้วนทั้งการศึกษาและหน้าตาดีแบบนี้หลุดมือไปได้ง่ายๆหรอก เงื่อนไขพินัยกรรมก็ให้ท้ายเข้าข้างเต็มที่แบบนี้ ใครที่ไหนก็ไม่มีทางยอมเด็ดขาด ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือคุณพ่อคุณกำลังให้แม่แตนได้ขี่คอคุณอยู่ยังไงล่ะคะ”

“เกินไปแล้วผดาชไม เธอไม่ควรพูดถึงคุณพ่อฉันแบบนี้”

“ดาจะพูด เพราะมันเป็นความจริง ดาไม่ได้หมิ่นคุณพ่อคุณ เพราะท่านก็เหมือนกับคุณพ่อของดา แต่นี่ดาว่ามันออกจะวิปลาสไปมากที่ท่านทำพินัยกรรมพิสดารไว้แบบนี้ หรือไม่ท่านคงมองเห็นว่านังลูกเลี้ยงนั่นวิเศษไปกว่าเลือดของท่านเอง”

“ดา!” กรกฎขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ ธัชชัยที่นั่งฟังเงียบมาตลอดเห็นท่าไม่ดีแทรกขึ้น

“อย่าไปพูดถึงข้อความพินัยกรรมหรือเรื่อง

คุณพ่อกันอีกเลยครับ ยังไงเราก็ย้อนกลับไปแก้อะไรไม่ได้อยู่แล้ว มาพูดถึงหนทางแก้ไขกันดีกว่า ผมเชื่อว่ามันจะสำเร็จไปด้วยดี ไม่เกิดเรื่องอย่างที่คุณผดาระแวง”

“คุณธัช...มันไม่มีทางหรอกค่ะ ฉันเป็นผู้หญิงย่อมจะรู้จักผู้หญิงด้วยกันดี ฟังไว้เลยนะคะคุณธัช

ห้าหมื่นล้านนะคะ เงิน ความมีเกียรติ เป็นราชินีย่อยๆเลยนะคะ ไม่จำเป็นต้องกรกฎคนนี้เลย ใครก็ได้”

“คุณผดาครับ นี่คุณเองก็เป็นผู้หญิง ทำไมมองผู้หญิงด้วยกันด้วยสายตาแบบนั้นล่ะครับ คุณกำลังพูดในทำนองว่าผู้หญิงทุกคนจะต้องตาพองเมื่อเห็นเงินและความมั่งคั่ง พร้อมจะทำอะไรได้ทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่น่าละอายที่สุด โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของตัวเองเลย สมมติว่าคุณเป็นคุณแตนล่ะ คุณก็จะทำอย่างที่คุณได้ระแวงคุณแตนอยู่นี้งั้นหรือครับ”

“มันคนละคนกันนี่คะ เป็นฉันก็ไม่หน้าด้านแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักฉัน หรือฉันไม่ได้รักเขา โดยเห็นแก่เงินหรืออะไรทั้งสิ้น”

“ก็นั่นน่ะสิครับ”

ผดาชไมหันหน้าหนีแล้วลุกพรวดเดินออกมาจากโต๊ะอาหาร กรกฎตามมาเรียกเธอให้กลับเข้าไป จังหวะนี้เองเริงใจกับชลทิชาผ่านมาเห็นก็จำกรกฎได้ สองสาวตามเข้าไปแอบฟังจนรู้ว่าผดาชไมคือคนรักของกรกฎที่กำลังจะแต่งงานด้วย

“แล้วแม่คู่หมั้นของคุณนั่นล่ะว่ายังไงบ้าง คุณพูดกับเธอแล้วยัง” ผดาชไมตวัดเสียงถามแฟนหนุ่ม

“แตนไม่ใช่คู่หมั้นของฉัน ขอให้เธอเข้าใจเสียใหม่ เขาเป็นเพียงผู้หญิงที่คุณพ่อต้องการให้เป็นภรรยาของฉัน และฉันก็ยังไม่ได้พบหรือพูดคุยเรื่องนี้กับเขา แต่ฉันก็เชื่อแน่ว่าคงไม่มีอะไรขัดข้อง เขาไม่ใช่ผู้หญิง

ป่าเถื่อน เป็นคนมีการศึกษาดีอยู่เหมือนกัน”

“เขาคงปั้นปึ่งเกลียดชัง และวางตัวเป็นศัตรูกับดาแน่”

“เธอไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก ไม่ต้องรู้สึกยังไงกับเขามากไปกว่าแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกับฉัน อีกอย่างฉันก็เตรียมวิธีการสารพัดไว้ให้หล่อนต้องยินยอมตามข้อเสนอของฉันโดยละม่อม ธัชเองก็เตรียมจะช่วยเราในอีกวิธีหนึ่งด้วย เธอวางใจเถอะ”

“เหรอคะ แล้วคุณธัชจะช่วยเราด้วยวิธีไหนคะ”

กรกฎกำลังจะตอบ แต่ธัชชัยส่งสายตาปรามพร้อมกับชิงพูดตัดหน้าว่า

“ช่วยแนะลู่ทาง เป็นกำลังใจให้ยังไงล่ะครับ

คุณผดา ระหว่างผมกับกฎเข้าใจกันเรียบร้อยอย่างดีแล้ว... นี่น่าจะได้เวลาแล้วล่ะ เราจะไปกันได้หรือยัง”

ธัชชัยตัดบทดื้อๆ ชวนทั้งสองคนไปงานศพ ดร.ไกร ส่วนเริงใจกับชลทิชาที่หาทางหลบออกมาก่อนหน้านั้น กำลังกังวลใจกันว่าจะบอกหรือไม่บอกเรื่องกรกฎมีคนรักอยู่แล้วให้ละอองดาวรู้

ooooooo

ผดาชไมยังไม่เสร็จธุระส่วนตัวที่นัดกับรุ้งเพชรไว้ เธอขอเวลามาคุยกับเพื่อนครู่หนึ่งก่อนจะกลับออกมาบอกกรกฎว่าตนให้รุ้งเพชรยกเลิกงานหัวค่ำไปแล้ว

“ดา! นี่แสดงว่าดาไม่ได้คิดมาก่อนเลยใช่ไหมว่าพอกลับมาถึงแล้วจะต้องไปงานคุณพ่อกับฉัน”

“กฎคะ ฟังดาก่อน ดาไม่ได้ลืมเรื่องงานศพของคุณพ่อเลยนะ งานที่ดาต้องไปรุ้งเพชรก็เพิ่งมาบอกตอนดามาถึงที่โรงแรม ดาให้รุ้งแคนเซิลไปแล้วงานนึง แต่งานเลี้ยงคืนนี้เขาก็จัดขึ้นเพื่อต้อนรับดาโดยเฉพาะ ทำยังไงได้ล่ะคะ มันจำเป็นกับเกียรติยศชื่อเสียงของดา หรือกฎจะไปกับดาด้วยก็ได้”

“เธอจะให้ฉันไปยืนเป็นไอ้งั่งตัวหนึ่งตอนเธออยู่ในห้องส่งโทรทัศน์ แล้วก็ไปเป็นงัวอะไรอีกตัวเดินตามหลังเธอ ตอนเธอไปเฉิดฉายอยู่ในงานเลี้ยงนั่นน่ะรึ...การมีคู่รักมีชื่อเสียงอย่างเธอนี่มันก็ได้อย่างเสียอย่างจริงๆ”

กรกฎหัวเสีย เดินตรงไปหาธัชชัยที่จอดรถรออยู่ ผดาชไมรีบตามติด

“รอด้วยค่ะกฎ”

“นี่ถ้าฉันไม่ได้รักเธอมาก่อนที่เธอจะกลายมาเป็นแม่ฮันนี่ของผู้คนแบบนี้ล่ะก็ ฉันจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเป็นอันขาดเลย”

“ถ้างั้นดาก็ไม่ควรอุตริทำให้คนทั่วโลกเขามาสนใจ ทำให้ตัวเองก้าวมาถึงขั้นนี้ใช่ไหมคะ”

หญิงสาวกระเง้ากระงอดกรกฎถอนใจ เปิดประตูขึ้นรถอย่างขุ่นเคืองผดาชไมข่มอารมณ์ก้าวตามเข้ามา ธัชชัยเห็นแล้วหนักใจแทนคนทั้งคู่

ooooooo

ผดาชไมไม่ได้เต็มใจมางานศพบิดาของกรกฎที่ตึกใหญ่ของบ้านเบ็ญจรงค์ แต่ไหนๆมาแล้วก็ถือโอกาสเปิดตัวอย่างเต็มที่ในฐานะคู่รักของกรกฎ และเมื่อมี แขกเหรื่อให้ความสนใจในความเป็นนักร้องชื่อก้องของเธอ ก็ยิ่งแสดงท่าทีเฉิดฉายราวกับเป็นบุคคลสำคัญ

ส่วนอีกตึกซึ่งเป็นที่อาศัยของละอองดาว เวลานี้เริงใจกับชลทิชากำลังทัดทานไม่ให้ละอองดาวไปงานศพเพราะไม่ต้องการให้พบกับคู่รักของกรกฎ แต่เพื่อนรักไม่ฟัง เดินลิ่วไปยังตึกใหญ่ แล้วเจอท่านชายสดายุ อาของชลทิชาที่เพิ่งมาถึงด้วยรถยุโรปคันใหญ่

ละอองดาว เริงใจ และชลทิชาทำความเคารพและกล่าวทักทายท่านชายสดายุอย่างนอบน้อม ท่านชายรู้จักทุกคน ทักตอบด้วยรอยยิ้ม

“หญิงชล ยายนิด คุณละอองดาว มากันครบเลยหรือสามสาว”

“ดีใจเหลือเกินได้พบท่านอา หญิงไม่ยักรู้ว่าเสด็จกลับมาแล้ว”

“ฉันรีบกลับมา ไม่ได้แจ้งข่าวกับใครเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าคนที่ฉันได้พบล่าสุดในสามคนนี้จะเป็นเธอใช่ไหมละอองดาว ที่งานเลี้ยงสถานทูตไทยที่ปารีส”

“เพคะฝ่าบาท เมื่อตอนปลายปีที่แล้ว...ทรงจำได้”

“ใช่ๆ คุณก็สกุลเบ็ญจรงค์เหมือนกันใช่ไหม เป็นอะไรกับอาไกรหรือ”

“เพคะ กระหม่อมลูกสาวคนเดียวของท่าน”

“ถ้าเช่นนั้นก็เป็นน้องสาวของกรกฎน่ะสิ แย่จริงๆ ต้องไปต่อว่านายตัวดีหน่อยแล้ว รู้จักกันมาตั้งนานนมไม่เคยพูดถึงน้องสาวเลย” สดายุหันซ้ายขวามองหากรกฎ

อรรถวาทีกับชวนชมเข้ามากล่าวทักทายและ เชิญท่านชายเข้าไปคุยข้างใน แต่พอทั้งกลุ่มขยับตัว ชลทิชากับเริงใจมีท่าทีละล้าละลังไม่อยากให้ละอองดาวเข้าไป ก็พอดีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ละอองดาวหน้ามืดซวนเซและหมดสติอยู่ในอ้อมแขนท่านชายที่รับไว้ได้พอดิบพอดี

ผดาชไมอยากเห็นหน้าละอองดาวผู้หญิงที่ต้องแต่งงานกับกรกฎตามพินัยกรรม เธอเดินออกมาชะเง้อ มองไปหน้าตึก เห็นผู้คนกลุ่มหนึ่ง แปลกใจว่ามีอะไรกันถึงดูชุลมุนนัก แต่ยังไม่ทันจะก้าวขา กรกฎตามออกมาพาเธอกลับเข้าข้างใน

สาเหตุที่ละอองดาวเป็นลม เริงใจกับชลทิชาเชื่อว่าอดนอนและพักผ่อนน้อยหลายวันติดกัน ชวนชมเอายาดมมาจ่อที่จมูกแค่ครู่เดียวละอองดาวเริ่มรู้สึกตัว อรรถวาทีให้พาเธอเข้าตึกใหญ่ แต่เริงใจค้านว่าข้างในคนเยอะมากอากาศถ่ายเทไม่สะดวก น่าจะพาไปส่งที่ตึกข้างในเลยดีกว่า

“ในตึกนี่ล่ะครับ ไม่ต้องถึงกับเข้าไปโน่นหรอก ...ฝ่าบาท เชิญกระหม่อม คุณชวนช่วยโทร.เรียกหมออนุชิตที” อรรถวาทีสั่งการ ชวนชมรับคำแล้วรีบร้อนเข้าตึกใหญ่เพื่อโทร.ตามหมอ เจอกรกฎ ผดาชไมและธัชชัย กำลังยืนมองออกมาหน้าตึก ธัชชัยถามทันทีว่ามีอะไรกัน?

“คุณดาวน่ะค่ะ เธอเป็นลม”

ธัชชัยไม่คุ้นชื่อดาว ทวนคำพร้อมกับนิ่วหน้า กรกฎนึกได้ถามว่า

“แตนใช่ไหม...แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า”

“ท่านชายสดายุเสด็จมาถึง เลยทรงช่วยไว้พอดีค่ะ ขอไปโทร.เรียกหมออนุชิตก่อนนะคะ”

ชวนชมผละไป ผดาชไมตาลุกวาว อุทานชื่อท่านชาย สดายุเสียงแหลม ท่าทีกระดี๊กระด๊าอยากพบท่านมาก

ท่านชายตัดสินใจทำตามที่เริงใจกับชลทิชาแนะนำ อุ้มละอองดาวใส่รถโดยให้สองสาวเข้าไปรอรับที่เบาะหลังเพื่อไปส่งตึกใน ขณะที่อรรถวาทีค่อนข้างประหลาดใจว่าทำไมสองสาวถึงพยายามไม่ให้เข้าตึกใหญ่ทั้งที่อยู่ใกล้กว่า

กรกฎ ผดาชไม ธัชชัยเดินออกมาพ้นตัวตึก เสียงผดาชไมเรียกท่านชายด้วยความดีใจ เริงใจกับชลทิชาอยู่ในรถหันขวับไปมองด้วยความตกใจ เห็นทั้งสามคนกำลังตรงมาก็ใจคอไม่ดี

ooooooo