แรง บันดาล ใจ ในการเรียนเศรษฐศาสตร์

แรง บันดาล ใจ ในการเรียนเศรษฐศาสตร์

แรงบันดาลใจ
ผมคิดว่าคณะนี้น่าจะนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายอย่างธุรกิจ ชีวิตประจำวัน  เวลา  เวลาสำหรับแต่ละคนก็มีอยู่อย่างจำกัดเราเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยผมมีโอกาศได้เรียนตั้งแต่ตอนม5 ครับ ตั้งแต่ตอนนั้นก็เริ่มชอบสาขาวิชานี้ครับโดยเป็นการประยุกต์รวมสถิติและ แคลคูลัส ซึ่งผมก็ชอบวิชานี้มากก็เลือกสาขานี้เลยครับ 

แนะนำคณะเศรษศาสตร์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ศาสตร์ที่ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่มีอยู่ไม่จำกัด (ตอบตามหนังสือเด๊ะ!!) โดยปี 1 จะเรียนวิชาพื้นฐานทั่วไป แคลคูลัส สถิติ คณิตศาสตร์ เทอม 2 ก็จะได้เรียนวิชา micro หรือเศรษฐกิจจุลภาค และก็จะมีให้เลือกวิชาโทให้เลือกมากมายเช่น การเงิน การตลาด การจัดการ ปี 2 โดยเราจะต้องเลือกลงเรียนอันนี้ก็ต้องวางแผนก็ล่วงหน้านะครับเพราะวิชาเรียนมีให้เลือกเยอะจริงถ้าเรียนแล้วไม่ชอบจะแก้ไขลำบาก เรียนวิชาของคณะ เศรษฐศาสตร์ต่างๆ เช่น การคลัง การต่างประเทศ คณิตศาสตร์ ปี3-4 ก็จะเรียนเป็นตัวต่อยอดนะครับส่วนลายละเอียดอื่นยังไม่แน่จายเพราะยังไม่ได้เรียนเอิ๋ก ๆ แต่ที่พอรู้มาก็ปี 4 จะต้องเรียนเศรษฐศาสตร์ประวัติศาสตร์โดยศึกษาถึงเหตุการณ์ต่างทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในต่างประเทศและไทย 

คณะเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เราก็ไม่แพ้ใครในประเทศไทย !!
สำหรับคณะเศรษฐศาสตร์ก็จัดได้ว่ามีชื่อเสียงของเมืองไทยเลยนะครับ ก็เป็นคณะอันดับ 2 ของเอชีย อันดับ 5 ของโลก ดังนั้นหลักสูตรเนื้อหาเข้มข้น รวมถึงอาจารย์ก็เก่งมาก อย่างท่านนากยกก็เป็นอาจารย์เก่าของที่นี่ ประธานสภาพัฒนาก็เป็นอาจารย์ที่ธรรมศาสตร์ 

ข้อสอบ
เขียนอย่างเดียว และก็ข้อสอบก็เยอะมากต้องขอโม้หน่อยเพราะผมคะแนนดีด้วย 555 อย่างเช่นถ้าเกิดอุปทานมากกว่าอุปสงค์รัฐจะเข้ามาช่วยแก้ไข้อย่างไรได้บ้างครับ โดยก็ต้องวาดรูปเป็นกราฟและก็อธิบายด้วย 

ไม่เก่งคณิตศาสตร์เรียนได้มั้ย
เรียนได้ครับแต่ก็บอกได้เลยว่ายากครับ เพราะอย่างคนชอบยังตกกันเยอะแยะ = = แต่ถ้าใครอยากเป็นนักวิชาการก็ควรจะต้องเก่งเลขมาก แต่ถ้านำความรู้ไปประยุกต์ใช้ด้านอื่นก็ไม่จำเป็นต้องเก่งเลขมากเรียนพอผ่านก็พอครับ อย่างที่จุฬารู้สึกจะเน้นเลขนะครับ แต่ถ้าธรรมศาสตร์ก็จะเป็นประยุกต์ใช้ (ปล. มุมมองของเด็กธรรมศาสตร์นะก๋าบ)

อุปสรรค
สำหรับผมแล้วคงเป็นที่การเขียนการบรรยายครับ เพราะเราต้องบรรยายตามกราฟอย่างละเอียดซึ่งถ้าเขียนอภิบายทุกสิ่งทุกอย่างจากกราฟ 1 กราฟก็ประมาณ 2 หน้า เราก็ต้องเขียนๆ และก็บรรยาย = = 

กิจกรรม
ที่ธรรมศาสตร์จะไม่บังคับนะครับให้ทำกิจกรรมต่างๆ นะครับขึ้นอยู่กับเราอยากเข้าร่วมหรือป่าวเขาให้สิทธิเด็กมากครับ แต่ที่นี่กิจกรรมก็สนุกมานะครับมีเสน่ห์มากอย่างจัดกีฬาสีสนุกมากครับ

จบเศรษฐศาสตร์ทำงานอะไรได้บ้างครับ
งานธนาคาร โบรกเกอร์ ชิปปิ้ง บัญชีก็ได้ครับ ก็แล้วแต่ว่าจบเอกอะไรมาด้วยหรือไม่ก็โบรกเกอร์แต่สำหรับผมเองก็อยากจะทำด้านการต่างประเทศและก็ช่วยทำธุรกิจที่บ้าน โอกาศได้งานทำก็ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนตัวนะครับว่าจะสามารถประยุกต์ใช้สิ่งที่เราเรียนมาได้มากน้อยเพียงใด

ความรู้สึกก่อนเข้าเรียนคณะนี้กับตอนนี้ที่ได้เรียนแล้วรู้สึกต่างกันอย่างไรบ้างครับ
สำหรับตัวผมแล้วพอได้เรียนแล้วผมรู้สึกว่ามันใช่มาก ผมคิดว่าวิชาที่เรียนมันมีเสน่ห์มาก สำหรับตัวผมเองรู้สึกว่ามันเป็นวิชาที่มหัศจรรย์มากๆ และก็ประทับใจอาจารย์ที่นี่มากสอนให้เด็กคิด ประทับใจบรรณยากาศในห้องเรียน รู้สึกดีใจมากที่ได้เรียนที่นี่

อยากฝากอะไรถึงน้องที่อยากเรียนเศรษฐศาสตร์
เป็นวิชาที่น่าเรียนสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายด้าน และที่ธรรมศาสตร์ก็มีวิชาเอกให้เลือกเรียนมาก ครับ ก็อยากให้น้องศึกษาว่าตัวเองชอบอะไร และอยากจบไปทำงานอะไร  เลือกในสิ่งที่เราชอบด้วยครับ

ขอขอบคุณพี่โน๊ตมากๆครับ

อลัน ครูเกอร์ นักเศรษฐศาสตร์ความสุข และแรงบันดาลใจสำคัญของนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลก

เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 มีนาคม 2019) ผมได้รับข่าวร้ายจากเพื่อนอาจารย์คนหนึ่งว่า อลัน ครูเกอร์ (Alan Krueger) ศาสตราจารย์ทางด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton) ได้เสียชีวิตลงด้วยอายุเพียงแค่ 58 ปี

แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องตกใจมากกว่านั้นก็คือข่าวที่ตามมาทีหลังว่า อลันจบชีวิตลงโดยการฆ่าตัวตาย

A genius economist

คงจะมีนักเศรษฐศาสตร์เพียงไม่กี่คนบนโลกใบนี้ที่ไม่เคยได้ยินชื่อของอลัน ครูเกอร์ หรือไม่เคยอ่านงานวิจัยของเขามาก่อน

อลันเป็นนักเศรษฐศาสตร์คนแรกๆ ของโลกที่นำเอาข้อมูลจากโลกจริงๆ (Real-world data) มาใช้ในการพิสูจน์ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ต่างๆ นานาว่ามันเป็นอย่างที่เราคิดจริงหรือไม่

ยกตัวอย่างงานวิจัยที่ดังที่สุดชิ้นหนึ่งของเขาที่ทำร่วมกันกับ เดวิด คาร์ด (David Card) นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเบิร์กลีย์ (Berkeley) ในเรื่องของผลกระทบของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต่ออัตราการว่างงานของคน

โดยก่อนที่อลันและเดวิดจะเริ่มร่วมมือกันทำงานวิจัยชิ้นนี้นั้น ทฤษฎีทางด้านเศรษฐศาสตร์ได้บอกกับเราว่าการขึ้นค่าแรงขั้นตำ่จะส่งผลทำให้อัตราการว่างงานของคนเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าการออกกฎหมายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้นทำให้ต้นทุนของการจ้างพนักงานที่มีค่าแรงต่ำเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถ้าบริษัทไม่ผลักปัญหาของค่าจ้างที่แพงขึ้นไปยังผู้บริโภคโดยการขึ้นราคาสินค้าเพื่อที่จะนำรายได้ตรงนั้นมาจ่ายคนงาน บริษัทก็จำเป็นต้องลดจำนวนแรงงานลงเพื่อที่จะมีเงินพอในการเอาไปเป็นรายได้ให้กับพนักงานที่ยังทำงานอยู่ในบริษัท

และด้วยเหตุผลที่ราคาของสินค้ามักจะ ‘เหนียว’ หรือ Sticky — พูดง่ายๆ ก็คือการปรับราคาของสินค้าขึ้นนั้นเป็นอะไรที่ทำได้ยากกว่าการลดจำนวนคนจ้าง — ทฤษฎีทางด้านเศรษฐศาสตร์จึงสรุปออกมาว่าการขึ้นค่าแรงขั้นตำ่จะส่งผลทำให้อัตราการว่างงานของคนเพิ่มมากขึ้นแน่ๆ

แต่สิ่งที่อลันและเดวิดพบจากการทำการพิสูจน์โดยใช้ข้อมูลของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในอุตสาหกรรม Fast Food ในนิวเจอร์ซีย์และเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็คือการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างที่ทฤษฎีได้ว่าเอาไว้เลย ในความเป็นจริงนั้นอลันและเดวิดเป็นคนแรกๆ ที่พบว่าผลกระทบของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้นเป็นอะไรที่หาข้อสรุปได้ยาก

งานวิจัยชิ้นโบแดงชิ้นนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็กๆ ตัวอย่างเดียวเท่านั้นที่อลันได้ทำออกมาด้วยความต้องการที่จะทำให้โลกของเรานี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น เขาเป็นคนที่ทำให้นักเศรษฐศาสตร์รุ่นต่อๆ จากเขา — ซึ่งรวมถึงตัวผมเองด้วย — หันไปให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลจากโลกจริงๆ มาพิสูจน์ทฤษฎีทางด้านเศรษฐศาสตร์มากขึ้น เขาเป็นคนที่ทำให้นักการเมืองและนักวางนโยบายหลายคนหันมาให้ความสำคัญกับการวางนโยบายโดยใช้ข้อมูลและหลักฐานแทนการใช้อารมณ์ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจเลยที่อลันได้รับความไว้วางใจจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาถึงสองคนด้วยกัน — บิล คลินตัน และบารัก โอบามา — แต่งตั้งให้เขาเป็นหนึ่งใน Economic Advisor ของรัฐบาล

อลันและเศรษฐศาสตร์ความสุข

โดยส่วนตัวแล้ว อลันถือว่าเป็นหนึ่งในไอดอลของผมเลย ส่วนหนี่งเป็นเพราะงานวิจัยที่เขาทำร่วมกันกับ แดเนียล คาห์นแมน(Daniel Kahneman) ในเรื่องของเศรษฐศาสตร์ความสุข แต่สาเหตุใหญ่ๆ ที่ทำให้เขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์คนหนึ่งที่ทำให้ผมบูชาก็คือเขาเป็นคนที่ใจดีและไม่ถือตัวมากๆ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างติดดิน และมีเวลาให้กับทุกๆ คนที่เข้ามาในชีวิตของเขา (ผมโชคดีที่เคยมีโอกาสได้พบเจอเขาอยู่สองครั้ง ครั้งหนึ่งที่ London School of Economics และอีกครั้งหนึ่งที่งานประชุมนักเศรษฐศาสตร์ของสมาคมเศรษฐศาสตร์อเมริกันที่ฟิลาเดลเฟียเมื่อต้นปีที่แล้ว)

เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเลยที่คนอย่างเขาเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลงโดยการฆ่าตัวตาย ทั้งๆ ที่จากภายนอกแล้วเขามีครบทุกอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง ผลงาน การงาน และครอบครัวที่น่ารัก

บทเรียนสำคัญที่ผมได้รับจากการจากไปก่อนเวลาอันควรของอลันก็คือ โรคซึมเศร้า (Depression) ไม่แยกแยะว่าคุณจะเป็นคนเก่งหรือคนไม่เก่ง จะเป็นคนรวยหรือคนจน และความสำเร็จภายนอกในชีวิตไม่สามารถที่จะช่วยป้องกันคุณจากโรคนี้ได้

R.I.P. Alan…

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์