นักเรียนเกย่ี วกบั เน้ือหาท่เี รียนเรือ่ ง วสั ดุ ครูใหห้ วั ขอ้ เน้ือหาเรื่อง วสั ดุในงานอตุ สาหกรรม ในงานอุตสาหกรรม และประเมนิ ความ เขา้ ใจในเนื้อหาของนักเรยี น ขั้นสรุป (จำนวน 35 นาที) 1. สรุปเน้อื หาสาระสำคัญในบทเรียนให้ 1. นักเรียนตระหนกั ถงึ ความสำคัญในเนื้อหาสาระ นักเรียน ตระหนกั ถึงความสำคัญในเน้ือหา ทไี่ ด้เรยี น สาระทไ่ี ด้เรียนไปและสามารถสรุปใจความ สำคัญของเนอ้ื หาได้ 2. ครูมอบหมายให้นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดท้าย 2. นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั ทา้ ยบท บท 3. ครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบ 3. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น หลงั เรยี น 4. ครมู อบหมายให้นักเรียนทำผังมโนทศั น์ 4. นกั เรียนทำผังมโนทศั น์เร่ือง วสั ดใุ นงาน เรอ่ื ง วสั ดใุ นงานอุตสาหกรรม อุตสาหกรรม 6. สอ่ื การเรียนการสอน/การเรยี นรู้ เรอื่ ง วสั ดใุ นงานอสุ าหกรรม และแบบประเมินพฤติกรรม หนว่ ยท่ี 1 เร่ือง วสั ดุในงานอุสาหกรรม 6.2 ส่ือโสตทัศน์ 6.3 สื่อของจรงิ 5 7. แหล่งการเรยี นการสอน/การเรียนรู้ 8. งานที่มอบหมาย 8.2 ขณะเรียน 8.3 หลังเรียน 9. ผลงาน/ชิ้นงาน ท่ีเกิดจากการเรยี นรขู้ องผู้เรียน 10. เอกสารอ้างอิง 11. การบรู ณาการ/ความสัมพนั ธ์กับรายวิชาอืน่ 6 12. หลักการประเมินผลการเรียน การแตง่ กาย เป็นต้น 13. รายละเอียดการประเมนิ ผลการเรียน 7 14. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการสอนที่ 1 ช่ือหน่วยการสอน วัสดใุ นงานอตุ สาหกรรม วตั ถุประสงค์ เพ่ือดูความก้าวหน้าระหว่างก่อนเรยี นและหลังเรียน ข้อคำถาม 1. หลักการเลือกวสั ดมุ าใชง้ านต้องพจิ ารณาอะไรบ้าง ข. ตน้ ทุนการผลติ 8 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 9 15. แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการสอนที่ 1 ช่ือหนว่ ยการสอน วัสดใุ นงานอตุ สาหกรรม วัตถปุ ระสงค์ เพื่อดคู วามก้าวหนา้ ระหวา่ งกอ่ นเรียนและหลงั เรียน ข้อคำถาม 1. หลักการเลือกวสั ดุมาใช้งานต้องพิจารณาอะไรบา้ ง ข. ตน้ ทุนการผลติ 4. ข้อใดจดั เปน็ อนิ ทรยี ส์ าร (Organic) 10 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ง. ถูกทุกข้อ ก. 2 ประเภท ข. โลหะท่มี ีส่วนผสมของเหล็ก ค. หนงั ง. มากกวา่ 4 กรัม/ซม.3 ก. 3 ชนดิ ข. ระหวา่ ง 0.6–1.50% ค. เหลก็ กล้าสแตนเลส ง. กลุ่มเฟอร์รติ กิ (Ferritic) ก. 2–6.67% 11 16. ใบความร้ทู ี่ 1 วัสดทุ ีใ่ ช้ในงานอุตสาหกรรมนั้นมีอยูม่ ากมายหลายชนิด แตบ่ างอย่างกเ็ ปน็ ธาตบุ รสิ ุทธ์ิ บางอย่างก็ หลกั การเลือกวัสดุมาใช้งาน ต้องพจิ ารณาดังต่อไปน้ี ความแขง็ แรง ความหนาแน่น ความ วัสดอุ ุตสาหกรรม คือศาสตร์ท่ีเกีย่ วข้องกบั วัสดุท่ีใชใ้ นงานชา่ ง ที่เป็นพืน้ ฐานสำหรับชา่ งทกุ สาขาใน ประเภทของวสั ดุอุตสาหกรรม แบง่ ออกได้ 2 ประเภทคือ 1.1 โลหะจำพวกเหล็ก ( Ferrous Metal ) คอื โลหะท่มี สี ว่ นผสมของเหล็ก เป็นองค์ 1.2 โลหะนอกจำพวกเหล็ก ( Non - Ferrous Metal ) คอื โลหะที่ไมม่ ีวัตถเุ หล็กเปน็ องค์ 2. วสั ดุประเภทอโลหะ ( Non-Metallice ) สามารถที่จะแบ่งย่อยออกไดเ้ ป็น 2 ชนดิ คือ ตน้ หิน ซเี มนต์ แกว้ เซรามิกส์ และพลาสตกิ เปน็ ตน้ 12 โลหะ (Metals) หมายถึงวสั ดุทีไ่ ด้จากการถลงุ แรธ่ าตชุ นดิ ตา่ งๆ ท่ีเกิดข้นึ เองโดยธรรมชาติ ที่มีการ 1. โลหะจำพวกเหลก็ (Ferrous Metals) 13 17. แบบฝึกหดั 1. หลกั การเลือกวสั ดมุ าใช้งาน ต้องพจิ ารณาอะไรบ้าง ตอบ 1. ความแขง็ แรง 2. ความหนาแน่น 3. ความเปราะ 4. ดา้ นการนำไปใชง้ าน 5. ราคาต้นทนุ หรือค่าโสหยุ้ 6. กรรมวิธีการผลิต 2. วสั ดอุ ตุ สาหกรรมหมายถงึ อะไร ตอบ วัสดุอุตสาหกรรม หมายถึง ศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวัสดุที่ใช้ในงานช่าง ที่เป็นพื้นฐานสำหรับช่างทุก สาขาในงานอุตสาหกรรมนำไปใช้ในการผลติ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ อุปกรณ์เครื่องจักรกล และ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น โดยมี 2 ลักษณะ คือ วัสดุงาน คือ วัสดุที่ใช้ทำงานจรงิ และวัสดุช่วยงาน เป็น วสั ดทุ ช่ี ่วยในการผลติ 3. วัสดปุ ระเภทโลหะหมายถึงอะไร และแบ่งแยกออกไดก้ ี่ชนดิ ตอบ วัสดุประเภทโลหะ คือ วัสดุที่ได้จากการถลุงสินแร่ต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างจะเป็นโลหะบริสุทธ์ิ เนอ้ื อ่อน แข็งแรงนอ้ ย ไมน่ ิยมนำมาใช้งานโดยตรง แตจ่ ะตอ้ งนำไปปรับปรุงคุณสมบัตกิ ่อนทีจ่ ะนำมาใช้งาน แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ โลหะจำพวกเหล็กและโลหะนอกจำพวกเหล็ก 4. วัสดปุ ระเภทอโลหะ (Non–Metallic) สามารถทีจ่ ะแบง่ ย่อยออกไดก้ ช่ี นดิ ตอบ วสั ดปุ ระเภทอโลหะ แบ่งออกได้ 2 ชนดิ คือ อนิ ทรยี ์สารและอนนิ ทรยี ์สาร 5. โลหะ (Metals) หมายถงึ อะไร และแบ่งออกได้กีช่ นิด ตอบ โลหะ หมายถึง วัสดุที่ได้จากการถลุงแร่ธาตุชนิดตา่ ง ๆ ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ที่มีการจัดเรียงตวั ของอะตอมอย่างเป็นระเบียบดีกว่าอโลหะ แต่เนื้อโลหะยังบริสุทธิ์ ต้องนำไปปรับปรุงคุณสมบัติให้เหมาะสม กอ่ นท่จี ะนำไปใชง้ าน แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ โลหะจำพวกเหล็กและโลหะนอกจำพวกเหล็ก 6. เหลก็ กลา้ คาร์บอนแบง่ ออกได้ก่ีชนดิ อะไรบ้าง ตอบ เหล็กกลา้ คาร์บอนสามารถแบง่ ออกได้ 3 ชนดิ คอื เหล็กกลา้ คาร์บอนตำ่ เหล็กกลา้ คาร์บอนปานกลาง และเหล็กกลา้ คารบ์ อนสงู 7. คารบ์ อนมคี ุณสมบตั ิเดน่ ทางกลอยู่ 2 สว่ น มีอะไรบ้างจงอธิบาย ตอบ คาร์บอน มีคุณสมบตั ิทางกลทเ่ี ดน่ อยู่ 2 สว่ น คอื 1. การเพ่ิมคุณสมบัติด้านความแขง็ (Hardness) ความตา้ นทานแรงดงึ (Tensile Strength) การทน ต่อการเสียดสี (Wear Resistance) และความสามารถในการชบุ แขง็ (Hardening) 2. การลดคุณสมบัติด้านความเหนียว (Ductility) ความยืดตัว (Elongation) ความสามารถในการตัด เฉอื น (Machine Ability) และความสามารถในการเชือ่ ม (Welding Ability) 8. การเพิ่มธาตุต่าง ๆ เข้าไปในเน้ือเหล็กกลา้ ผสม เพ่ือทำให้มคี ณุ สมบัติตามท่ีต้องการ ด้านใดบ้าง บอกมา 5 ข้อ ตอบ 1. เพม่ิ ความแข็ง 2. เพ่ิมความแขง็ แรงที่อุณหภมู ิปกติและอณุ หภมู ิสูง 3. เพิ่มคุณสมบัตทิ างฟิสกิ ส์ 4. เพมิ่ ความต้านทานการสึกหรอ 5. เพิ่มความต้านทานการกัดกรอ่ น 14 9. เหล็กกลา้ ไร้สนมิ กลมุ่ มาร์เตนซติ ิก (Martensitic) แบ่งออกได้กปี่ ระเภท 2. ประเภททมี่ คี ารบ์ อนปานกลาง ประมาณ 0.2–0.4% โครเมยี มระหว่าง 13– 3. ประเภทท่มี คี ารบ์ อนสูง ระหว่าง 0.6–1% โครเมยี มระหวา่ ง 14–16% 15 18. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้แบบมุ่งเนน้ สมรรถนะอาชีพและบูรณาการตามหลักปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง 18.1 สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ รายการ ระดับการปฏบิ ตั ิ ดา้ นการเตรียมการสอน 1. จดั หน่วยการเรียนรูไ้ ดส้ อดคล้องกับวตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ 2. กำหนดเกณฑ์การประเมนิ ครอบคลุมทง้ั ด้านความรู้ ด้านทกั ษะ และด้านจิตพสิ ยั 3. เตรียมวสั ดุ-อุปกรณ์ ส่ือ นวตั กรรม กิจกรรมตามแผนการจดั การเรียนรูก้ ่อนเขา้ สอน ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. มวี ธิ ีการนำเขา้ สูบ่ ทเรยี นท่ีนา่ สนใจ 5. มกี จิ กรรมทห่ี ลากหลาย เพ่ือช่วยให้ผูเ้ รยี นเกิดการเรียนรู้ ความเขา้ ใจ 6. จดั กจิ กรรมทีส่ ่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นค้นคว้าเพ่ือหาคำตอบดว้ ยตนเอง 7. นักเรยี นมสี ่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 8. จัดกจิ กรรมที่เนน้ กระบวนการคิด ( คิดวเิ คราะห์ คดิ สังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ ) 9. กระตุ้นให้ผู้เรยี นแสดงความคิดเหน็ อย่างเสรี 10. จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ท่ีเช่ือมโยงกบั ชีวติ จรงิ โดยนำภมู ิปัญญา/บูรณาการเข้ามามสี ่วน ร่วม 11. จัดกจิ กรรมโดยสอดแทรกคณุ ธรรม จริยธรรม 12. มกี ารเสริมแรงเมอื่ นักเรยี นปฏบิ ัติ หรือตอบถูกต้อง 13. มอบหมายงานใหเ้ หมาะสมตามศักยภาพของผูเ้ รยี น 14. เอาใจใสด่ แู ลผเู้ รยี น อย่างท่ัวถึง 15. ใชเ้ วลาสอนเหมาะสมกบั เวลาท่ีกำหนด ดา้ นสอื่ นวตั กรรม แหล่งการเรยี นรู้ 16. ใชส้ อ่ื ท่ีเหมาะสมกบั กิจกรรมและศักยภาพของผ้เู รยี น 17. ใชส้ ่ือ แหลง่ การเรียนรู้อย่างหลากหลาย เชน่ บคุ คล สถานที่ ของจริง เอกสาร ส่อื อิเล็กทรอนกิ ส์ และอินเทอรเ์ น็ต เปน็ ต้น ดา้ นการวดั และประเมนิ ผล 18. ผ้เู รยี นมสี ว่ นรว่ มในการกำหนดเกณฑ์การวัดและประเมินผล 19. ประเมนิ ผลอย่างหลากหลายและครบท้ังด้านความรู้ ทักษะ และจิตพิสยั 20. ครู ผูเ้ รยี น ผปู้ กครอง หรือ ผทู้ เ่ี ก่ยี วข้องมสี ว่ นรว่ ม ในการประเมิน รวม 16 หมายเหตุ ระดบั การปฏิบัติ 5 = ปฏบิ ตั ิดเี ยีย่ ม 4 = ปฏบิ ตั ดิ ี 3 = ค่าเฉลย่ี 2 = ควรปรับปรุง 1 = ไมม่ กี ารปฏิบตั ิ 18.2 ปญั หาที่พบ และแนวทางแกป้ ัญหา แนวทางแก้ปัญหา ดา้ นการเตรยี มการสอน ด้านการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ดา้ นส่อื นวตั กรรม แหล่งการเรยี นรู้ ด้านการวัดและประเมนิ ผล ดา้ นอ่ืนๆ (โปรดระบุเปน็ ข้อๆ) ลงช่อื ........................................................................ ครผู สู้ อน ตำแหน่ง ....................................................................... 19. บันทึกการนเิ ทศและตดิ ตาม 17 ปี 18 แผนการจัดการเรียนรู้ แบบมงุ่ เน้นสมรรถนะอาชีพและบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง หน่วยท่ี 2 ชื่อหน่วย กรรมวิธีการผลิตเหลก็ จำนวน 4 ชวั่ โมง 2.1 บทนำ - ดา้ นความรู้ 3.2 จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม 4. เน้ือหาสาระการสอน/การเรยี นรู้ บทนำ 19 เป็นโลหะเหล็ก โดยใชส้ ารลดออกซิเจนต่างๆ เช่น คาร์บอน และ ไฮโดรเจน เปน็ ต้น ส่วนงานผลติ โลหะ นอกจากนโี้ ลหะที่ได้จากแร่เรียกว่า โลหะปฐมภมู ิ โลหะท่ีไดจ้ ากวสั ดุหมนุ เวยี น เรยี กวา่ โลหะทุติย วตั ถุดบิ ท่ใี ชใ้ นการถลงุ เหลก็ ดิบ มดี ังต่อไปนค้ี ือ สินแร่เหลก็ ( Iron Ore ) เตาสูง ( Blast Furnace ) ต่อ มามีการพัฒนาใชถ้ า่ นหนิ และถ่านโค้ก เตามีความสูงประมาณ 30 เมตร เสน้ ผา่ ศนู ย์กลางของเตา เหลก็ กล้าเป็นเหล็กที่ถกู นำไปใช้ในงานตา่ งๆมากมาย เนอื่ งจากเหล็กกลา้ นั้นมีคุณสมบัตใิ นการรบั 20 จะทำให้โครงสร้างเล็กๆ (Microstructure) ของเหล็กกล้าเปลย่ี นไป โดยเหล็กทุกชนดิ มคี ารบ์ อนผสมอย่ไู ม่ 1. เหลก็ กลา้ คารบ์ อน (Carbon Steel) เหลก็ หลอ่ โดยไดจ้ ากเตาคิวโปลา เหลก็ หล่อคลา้ ยกบั เหล็กกล้า (Steel) ก็ตรงท่ีเหล็กหลอ่ นนั้ 4.2.2 ประเภทของเหล็กหล่อ มีหลายชนดิ ดังนีค้ อื 4.3 ด้านทักษะหรือการประยุกต์ใช้ 4.3 ดา้ นคุณธรรม/ จริยธรรม/ และคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงคแ์ ละบรู ณาการตามหลักปรัชญา ตรงตอ่ เวลา มีวินัย มีความรบั ผิดชอบ ละเอยี ดรอบคอบ สนใจใฝ่รู้ มคี วามซอ่ื สตั ย์ มีเหตุผล ประหยดั 21 5. กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรยี นรู้ ขัน้ ตอนการสอนหรือกจิ กรรมครู ขัน้ ตอนการเรยี นหรือกิจกรรมของผเู้ รียน ขนั้ เตรียม(จำนวน 25 นาที) 5. เช็คชอ่ื นกั เรียน 1. นกั เรียนขานรับเชค็ ชือ่ ตวั เอง 6. ครูแนะนำตวั เอง แนะนำรายวชิ า 2. นักเรียนทำความเขา้ ใจและจดบนั ทึก คำอธบิ ายรายวิชา จุดประสงคร์ ายวิชา สาระสำคัญ ชี้แจงเกณฑ์การให้คะแนน วธิ กี ารสอน การวดั ผลและประเมินผล 7. ขนั้ นำเข้าสบู่ ทเรยี น ดว้ ยการสนทนา 3. นกั เรียนสนทนาโตต้ อบกับครูผ้สู อน การซกั ถามเก่ียวกบั เน้ือหาเรอื่ ง กรรมวิธี การผลิตเหล็ก 8. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบ 4. นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน กอ่ นเรยี น ขั้นการสอน(จำนวน 50 นาท)ี 3. ครบู รรยายเน้ือหาเก่ยี วกบั เรื่องกรรมวธิ ี การผลิตเหลก็ 4. ครูตง้ั คำถาม ถาม – ตอบ ระหว่างครูและ 1. นักเรียนตั้งคำถามและตอบคำถามโตต้ อบกับ นกั เรียนเกี่ยวกบั เน้ือหาทเ่ี รียนเร่ือง ครใู ห้หวั ข้อเนื้อหาเรื่อง กรรมวิธกี ารผลิตเหล็ก กรรมวธิ กี ารผลิตเหล็กและประเมนิ ความ เข้าใจในเน้ือหาของนักเรียน ขั้นสรุป (จำนวน 45 นาที) 5. สรุปเน้ือหาสาระสำคัญในบทเรียนให้ 1. นกั เรยี นตระหนักถงึ ความสำคญั ในเนื้อหาสาระ นักเรียน ตระหนักถงึ ความสำคัญในเน้ือหา ทไ่ี ดเ้ รยี น สาระท่ไี ด้เรียนไปและสามารถสรปุ ใจความ สำคญั ของเนอ้ื หาได้ 6. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหัดท้าย 2. นักเรยี นทำแบบฝึกหดั ท้ายบท บท 7. ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบ 3. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หลงั เรยี น 8. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำผงั มโนทศั น์ 4. นกั เรยี นทำผังมโนทศั น์เร่ือง กรรมวธิ กี ารผลติ เรอื่ ง กรรมวธิ กี ารผลิตเหลก็ เหลก็ 22 6. สอ่ื การเรยี นการสอน/การเรยี นรู้ เรือ่ ง กรรมวธิ ีการผลิตเหลก็ และแบบประเมินพฤติกรรม หนว่ ยท่ี 2 เรอื่ ง กรรมวธิ กี ารผลิตเหลก็ 7. แหล่งการเรียนการสอน/การเรยี นรู้ 8. งานท่ีมอบหมาย 23 8.3.3 นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน 24 1. วธิ ีการประเมิน :แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้และแบบประเมินพฤตกิ รรม หนว่ ยที่ 2 25 14. แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการสอนท่ี 1 ช่ือหน่วยการสอน กรรมวิธีการผลติ เหลก็ วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือดูความก้าวหนา้ ระหวา่ งก่อนเรยี นและหลังเรยี น ขอ้ คำถาม คำส่ัง จงเลอื กคำตอบทถ่ี ูกต้องท่ีสดุ 26 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ข. การรีไฟนน์ ง่ิ ก. สแลก (Slag) ก. เตาบลาสต์เฟอร์เนซ ก. แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ข. เหล็กออกไซด์ ข. 7 ปี ค. 3 ชนิด ค. 3 ชนิด ค. เตาโอเพนฮาร์ท ข. เตาคิวโปลา 27 15. แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการสอนที่ 1 ช่ือหนว่ ยการสอน กรรมวธิ กี ารผลติ เหล็ก วัตถปุ ระสงค์ เพื่อดูความก้าวหน้าระหว่างก่อนเรยี นและหลงั เรยี น ข้อคำถาม คำส่ัง จงเลอื กคำตอบที่ถูกต้องทีส่ ดุ 28 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น ข. การรไี ฟน์นิ่ง ก. สแลก (Slag) ก. เตาบลาสตเ์ ฟอร์เนซ ก. แคลเซียมคารบ์ อเนต (CaCO3) ข. เหล็กออกไซด์ ข. 7 ปี ค. 3 ชนดิ ค. 3 ชนดิ ค. เตาโอเพนฮารท์ ข. เตาควิ โปลา 29 16. ใบความรทู้ ี่ 1 กรรมวิธกี ารผลติ เหลก็ หรอื การถลงุ แร่เหล็ก เปน็ การเปล่ียนแรเ่ หล็กที่อยู่ในรปู ออกไซด์ ใหก้ ลาย นอกจากน้โี ลหะที่ไดจ้ ากแร่เรียกวา่ โลหะปฐมภมู ิ โลหะท่ไี ด้จากวัสดหุ มุนเวยี น เรยี กวา่ โลหะทุติย วตั ถุดิบทใ่ี ช้ในการถลงุ เหล็กดิบ มดี ังต่อไปน้ีคือ สนิ แรเ่ หลก็ ( Iron Ore ) เตาสงู ( Blast Furnace ) ตอ่ มามีการพฒั นาใช้ถา่ นหนิ และถา่ นโค้ก เตามีความสงู ประมาณ 30 เมตร เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลางของเตา 30 2.3 กรรมวิธีการผลติ เหลก็ กล้า แรงตา่ งๆได้ดี เชน่ แรงกระแทก (Impact Strength) แรงดงึ (Tensile Strength) แรงอดั 1. เหล็กกล้าคาร์บอน (Carbon Steel) เหลก็ หลอ่ โดยไดจ้ ากเตาควิ โปลา เหล็กหล่อคลา้ ยกับเหล็กกลา้ (Steel) กต็ รงทเ่ี หล็กหล่อนนั้ 4.2.2 ประเภทของเหล็กหล่อ มีหลายชนดิ ดังน้ีคอื 31 17. แบบฝึกหัด คำสั่ง จงตอบคำถามต่อไปนี้ 1. วตั ถดุ บิ ทใ่ี ช้ในการถลงุ เหลก็ ดบิ มีอะไรบา้ ง ตอบ สินแร่เหลก็ ถา่ นโคก้ หินปูน เศษเหล็ก อากาศ และนำ้ 2. สินแร่เหลก็ (Iron Ore) มอี ะไรบา้ ง ตอบ 1. สินแรเ่ หลก็ แมกนีไทต์ (Magnetite : Fe3O4) หรอื เรยี กวา่ เฟอรโ์ รเฟอร์รกิ ออกไซค์ 3. จงบอกลำดบั ขัน้ ตอนการเตรยี มสินแรแ่ บบเบื้องตน้ ตอบ 1. สินแร่ 2. ลา้ งหนิ ดนิ ทราย 3. บด ทำให้เป็นผงละเอียด 4. ใช้แมเ่ หล็กดูด เพ่ือแยกเอาผงเหล็ก 5. ผสมผงถ่านและหินปนู 6. อบไล่ความชนื้ และอดั ใหเ้ ปน็ ก้อนกลม 4. จงบอกวิธีการถลุงเหล็กดิบ เช่น ในการถลุงเหล็กดิบ 500 ตัน เมื่อใช้วัตถุดิบดังนี้ คือ สินแร่เหล็ก 1,000 ตัน ถ่านโค้ก 400 ตัน หนิ ปนู 250 ตนั และลมร้อนประมาณ 2,000 ตัน มีลำดบั ข้นั ตอนอย่างไร ตอบ 1. เตรยี มสินแร่เหลก็ ถ่านโค้ก หนิ ปนู เศษเหลก็ และลมร้อนใหพ้ ร้อม 2. นำวัตถทุ ่เี ตรยี มปอ้ นเข้าเตาทางปาก 3. ด้านล่างของเตาจะมลี มรอ้ นเป่าทำใหถ้ ่านโคก้ เกิดการเผาไหม้อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซยี ส 4. ถ่านโค้กเกิดการลุกไหม้ทำปฏิกิริยาดึงออกซิเจนที่อุณหภูมิ 1,200 °C จากสินแร่เหล็กทำให้ กลายเป็นเหล็กดบิ หลอมละลายทอ่ี ุณหภูมิ 1,528 °C ตกลงมาดา้ นล่าง 5. หินปูนที่ใส่เข้าไป รวมตัวกับสารมลทินในสินแร่เหล็กกลายเป็นสแลก ลอยตัวอยู่บนผิวน้ำเหล็ก ทอ่ี ณุ หภูมิ 1,600 °C และเตรยี มตกั ท้ิงหรอื ระบายออกไป 6. ผลผลติ ท่ีออกมาไดเ้ ปน็ เหล็กดิบ โดยมี 2 ชนดิ คือ เหล็กดิบสเี ทา เหล็กดิบขาว ขี้ตะกรัน และแก๊ส รอ้ น เป็นตน้ 5. ผลผลติ ที่ได้จากเตาสูงมอี ะไรบ้าง ตอบ 1. เหล็กดิบ ผลผลิตสำคัญซึ่งได้จากการถลุงแร่ในเตาสูง เหล็กดิบ ที่ได้จากเตานั้นมีหลายประเภท ขน้ึ อย่กู ับชนดิ ของแรเ่ หลก็ และวตั ถุดิบทีใ่ สเ่ ข้าไป ชนดิ ของเหล็กดิบมี 3 ชนิด คอื 1.1 เบสกิ พกิ เป็นเหล็กดิบที่นำไปถลุงเป็นเหล็กกล้า ด้วยกรรมวธิ ีของเตากระทะท่ีเป็นแบบด่าง 1.2 เบสเซเมอรพ์ กิ เป็นเหล็กดิบที่นำไปถลงุ เหลก็ กลา้ ด้วยกรรมวธิ ีเบสเซมเมอร์ 1.3 ฟาวนด์ ร้พิ ิก เป็นเหล็กดิบท่นี ำไปถลุงในโรงหล่อโดยอาจเป็นหลอ่ หรือเหล็กหลอ่ เหนียว 2. ข้ีตะกรัน เป็นสิ่งสกปรกทอ่ี ยใู่ นสินแร่เหล็ก ซ่งึ ถกู กำจัดโดยหนิ ปูน ข้ตี ะกรันท่ไี ด้จากเตาสงู จะมีเน้ือ ละเอียด ใช้เป็นส่วนผสมในการทำปูนซีเมนต์ และเป็นวัตถุดิบอย่างหนึ่งสำหรับผลิตใยหิน มีคุณสมบัติเป็น ฉนวนปอ้ งกนั ความรอ้ นและเป็นฉนวนป้องกนั เสยี งไดด้ ี 3. แก๊สร้อน (Hot Gas) ท่ีไดจ้ ากเตาสูงในการผลติ เหลก็ ดิบ 32 6. การผลิตเหลก็ กลา้ ชนดิ ต่าง ๆ สามารถผลิตได้ดว้ ยเตาประเภทใดบอกมา 5 ข้อ 2. การผลติ เหลก็ กลา้ จากเตากระทะหรือเตาโอเพนฮาร์ท (Open Hearth Furnace) ใส่สว่ นประสม (เจือ) ตา่ ง ๆ ทอ่ ออกซิเจน 2. ใส่เศษเหลก็ 3. ใส่เหลก็ ดิบ 4. ตำแหน่งเปา่ ออกซิเจน 5. เทน้ำขต้ี ะกรนั (Slagออกลงเบา้ ) 6. เทนำ้ เหลก็ ลงเบา้ |