แม่พิมพ์ แบ่ง ออก เป็น กี่ประเภท

การพิมพ์ภาพ
การพิมพ์ภาพคือการ สร้างภาพจากการใช้แม่พิมพ์ ซึ่งวัสดุที่ใช้เป็นแม่พิมพ์มีทั้งวัสดุธรรมชาติและวัสดุดสังเคราะห์ภาพที่ เกิดจาการพิมพ์ภาพมีลักษณะเหมือนกับแม่พิมพ์ แต่เป็นภาพกลับกันด้านขวามือของแม่พิมพ์จะเป็นด้านซ้ายมือของภาพพิมพ์และ ด้านซ้าของแม่พิมพ์จะเป็นด้านขวามือของภาพพิมพ์
1.  วัสดุที่ใช้ในการพิมพ์ภาพ แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1.  วัสดุธรรมชาติเป็น วัสดุที่มีอยู่ทั่วไปในธรรมชาติซึ่งควรรู้จักเลือกนำมาใช้เป็นแม่พิมพ์ได้ อย่างเหมาะสมวัสดุธรรมชาติที่สามารถนำมาเป็นแม่พิมพ์ได้ อาจแบ่งเป็น 3 ประเภทดังนี้
1)  วัสดุที่มาจากพืช เช่น ใบ กิ่ง ราก ดอก เปลือกเป็นต้น
2)  วัสดุที่มาจากสัตว์ เช่น เปลือกหอย ขนนก ขนเป็ดเป็นต้น
3)  วัสดุอื่น ๆ เช่น ดินเหนียว ก้อนกรวด ก้อนหินเป็นต้น
2.  วัสดุสังเคราะห์เป็น วัสดุที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆซึ่งสามารถเลือกมาเป็นแม่พิมพ์ได้ วัสดุสังเคราะห์อาจแบ่งเป็น 5 ประเภทดังนี้
1)  ประเภทเส้นใย เช่น เศษผ้า เชือก เป็นต้น
2)  ประเภทกระดาษ เช่น กระดาษขยุ้ม กระดาษกล่อง เป็นต้น
3)  ประเภทพลาสติกเช่น หวี ฝาขวด กล่องเทป เป็นต้น
4)  ประเภทโลหะ เช่น ฝาน้ำอัดลม นอตตะปู เป็นต้น
5)  ประเภทอื่น ๆ เช่น เศษฟองน้ำ โฟม ดินน้ำมันเป็นต้น
2.  การสร้างสรรค์ภาพพิมพ์ การพิมพ์ภาพที่ดีควรเลือกแม่พิมพ์ให้สอดคล้องเหมาะสมกับภาพที่ออกแบบไว้ การพิมพ์ภาพ มีขั้นตอน ดังนี้
1)  ออกแบบภาพที่จะพิมพ์ แล้วเตรียมวัสดุที่เป็นแม่พิมพ์ให้สอดคล้องกับภาพที่จะพิมพ์
2)  ผสมสีที่ต้องการจะพิมพ์ให้มีความเข้มตามความเหมาะสม แล้วทาบนแม่พิมพ์
3)  กดแม่พิมพ์ด้านที่ทาสี ลงบนกระดาษวาดเขียนตามที่ออกแบบไว้
4)  ตกแต่งรายละเอียดเพิ่มเติม

แม่พิมพ์ แบ่ง ออก เป็น กี่ประเภท

 

 

Share this:

  • Twitter
  • Facebook

Like this:

ถูกใจ กำลังโหลด...

ประเภทของการพิมพ์

1. แบ่งตามจุดมุ่งหมายในการ พิมพ์ ได้ 2 ประเภท คือ
1.1 ศิลปภาพพิมพ์ ( GRAPHIC ART ) เป็นงานพิมพ์ภาพเพื่อให้เกิดความสวยงามเป็น งานวิจิตรศิลป์
1.2 ออกแบบภาพพิมพ์ ( GRAPHIC DESIGN ) เป็นงานพิมพ์ภาพประโยชน์ใช้สอยนอก เหนือไปจากความสวยงาม ได้แก่ หนังสือต่างๆ บัตรต่างๆ ภาพโฆษณา ปฏิทิน ฯลฯ จัดเป็นงาน ประยุกต์ศิลป์

2. แบ่งตามกรรมวิธีในการพิมพ์ ได้ 2 ประเภท คือ
2.1 ภาพพิมพ์ต้นแบบ ( ORIGINAL PRINT ) เป็นผลงานพิมพ์ที่สร้างจากแม่พิมพ์และวิธี การพิมพ์ที่ถูก สร้างสรรค์และกำหนดขึ้นโดยศิลปินเจ้าของผลงาน และเจ้าของผลงาน จะต้องลงนามรับรองผลงานทุกชิ้น บอกลำดับที่ในการพิมพ์ เทคนิคการพิมพ์ และ วัน เดือน ปี ที่พิมพ์ด้วย
2.2 ภาพพิมพ์จำลองแบบ ( REPRODUCTIVE PRINT ) เป็นผลงานพิมพ์ที่สร้างจากแม่พิมพ์ หรือวิธี การพิมพ์วิธีอื่น ซึ่งไม่ใช่วิธีการเดิมแต่ได้รูปแบบเหมือนเดิม บางกรณีอาจเป็นการ ละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่น

3. แบ่งตามจำนวนครั้งที่พิมพ์ ได้ 2 ประเภท คือ 
3.1 ภาพพิมพ์ถาวร เป็นภาพพิมพ์ที่พิมพ์ออกมาจากแม่พิมพ์ใดๆ ที่ได้ผลงานออกมามีลักษณะ เหมือนกันทุกประการ ตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไป
3.2 ภาพพิมพ์ครั้งเดียว เป็นภาพพิมพ์ที่พิมพ์ออกมาได้ผลงานเพียงภาพเดียว ถ้าพิมพ์อีกจะ ได้ผลงานที่ไม่เหมือนเดิม

4. แบ่งตามประเภทของแม่พิมพ์ ได้ 4 ประเภท คือ 
4.1 แม่พิมพ์นูน ( RELIEF PROCESS ) เป็นการพิมพ์โดยให้สีติดอยู่บนผิวหน้าที่ทำให้นูน ขึ้นมาของแม่พิมพ์ ภาพที่ได้เกิดจากสีที่ติดอยู่ในส่วนบนนั้น แม่พิมพ์นูนเป็นแม่พิมพ์ ที่ทำขึ้นมาเป็นประเภทแรก ภาพพิมพ์ชนิดนี้ได้แก่ ภาพพิมพ์แกะไม้ ( WOOD-CUT ) ภาพพิมพ์แกะยาง ( LINO-CUT ) ตรายาง ( RUBBER STAMP ) ภาพพิมพ์จากเศษวัสดุต่างๆ
4.2 แม่พิมพ์ร่องลึก ( INTAGLIO PROCESS ) เป็นการพิมพ์โดยให้สีอยู่ในร่องที่ทำให้ลึกลง ไปของแม่พิมพ์โดยใช้แผ่นโลหะทำเป็นแม่พิมพ์ ( แผ่นโลหะที่นิยมใช้คือแผ่นทองแดง ) และทำให้ลึกลงไปโดยใช้น้ำกรดกัด ซึ่งเรียกว่า ETCHING แม่พิมพ์ร่องลึกนี้พัฒนาขึ้นโดย ชาวตะวันตก สามารถพิมพ์งานที่มีความ ละเอียด คมชัดสูง สมัยก่อนใช้ในการพิมพ์ หนังสือ พระคัมภีร์ แผนที่ เอกสารต่างๆ แสตมป์ ธนบัตร ปัจจุบันใช้ในการพิมพ์งานที่เป็นศิลปะ และธนบัตร
4.3 แม่พิมพ์พื้นราบ ( PLANER PROCESS ) เป็นการพิมพ์โดยให้สีติดอยู่บนผิวหน้า ที่ราบเรียบของแม่พิมพ์ โดยไม่ต้องขุดหรือแกะพื้นผิวลงไป แต่ใช้สารเคมีเข้าช่วย ภาพพิมพ์ ชนิดนี้ได้แก่ ภาพพิมพ์หิน ( LITHOGRAPH ) การพิมพ์ออฟเซท ( OFFSET ) ภาพพิมพ์กระดาษ ( PAPER-CUT ) ภาพพิมพ์ครั้งเดียว ( MONOPRINT )
4.4 แม่พิมพ์ฉลุ ( STENCIL PROCESS ) เป็นการพิมพ์โดยให้สีผ่านทะลุช่องของแม่พิมพ์ลงไป สู่ผลงานที่อยู่ด้านหลัง เป็นการพิมพ์ชนิดเดียวที่ได้รูปที่มีด้านเดียวกันกับแม่พิมพ์ ไม่กลับซ้าย เป็นขวา ภาพพิมพ์ชนิดนี้ได้แก่ ภาพพิมพ์ฉลุ ( STENCIL ) ภาพพิมพ์ตะแกรงไหม ( SILK SCREEN ) การพิมพ์อัดสำเนา ( RONEO ) เป็นต้น

Share this:

  • Twitter
  • Facebook

Like this:

Like Loading...

Leave a comment

หนึ่งในกรรมวิธีการผลิต ผลิตภัณฑ์พลาสติก ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เพราะสามารถผลิตชิ้นงานที่มีรูปร่างซับซ้อนได้ดี และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายลักษณะงาน เช่น ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ในครัวเรือน บรรจุภัณฑ์ ของเด็กเล่น เครื่องสำอาง เป็นต้น

การผลิตชิ้นงานนั้นจะใช้วิธีป้อนเม็ดพลาสติกเข้าที่เครื่องฉีด เครื่องฉีดจะทำหน้าที่หลอมละลายเม็ดพลาสติก หลังจากนั้นจะฉีดพลาสติกเหลวเข้าสู่แม่พิมพ์ ทำการคงความดันและอัดพลาสติกเหลวเข้าเต็มแม่พิมพ์ หลังจากนั้นชิ้นงานจะถูกหล่อเย็น เพื่อให้ได้ชิ้นงานรูปร่างตามแม่พิมพ์แล้วจึงเปิดแม่พิมพ์เพื่อทำการปลดชิ้นงานออกจากแม่พิมพ์

โดยทั่วไปถ้ามีการบำรุงรักษาแม่พิมพ์เป็นอย่างดีจะทำให้มีอายุการใช้งานกว่า 500,000-1,000,000 Shots

คุณสมบัติที่ดีสำหรับแม่พิมพ์พลาสติกที่มีคุณภาพ ประกอบด้วยความสามารถในการขัดเงาได้ดีเยี่ยม ความต้านทานต่อการกัดกร่อนสูง ทนต่อการสึกหรอ ทนทานต่อการแตกร้าว และมีคุณสมบัตินำความร้อนได้ดี

2.แม่พิมพ์อัดและอัดฉีด (Compression and Transfer Molding)

แม่พิมพ์ แบ่ง ออก เป็น กี่ประเภท

แม่พิมพ์อัดเป็นการผลิตชิ้นงานโดยใช้พลาสติกชนิดเทอร์โมเซตติ้งลงในแม่พิมพ์แล้วทำการปิดแม่พิมพ์โดยใช้ความดันสูงพร้อมกับให้ความร้อนทำให้พลาสติกหลอมละลายเข้าแทรกยังโพรงของแม่พิมพ์ จากนั้นหล่อเย็นให้พลาสติกแข็งตัวจึงปลดชิ้นงานออก

ข้อแตกต่างระหว่างแม่พิมพ์อัดและแม่พิมพ์ฉีดคือ แม่พิมพ์อัดจะใช้ลูกสูบอัดพลาสติกเข้าแม่พิมพ์ ส่วนแม่พิมพ์ฉีดจะใช้การเติมพลาสติก แม่พิมพ์อัดจะถูกนำมาใช้ในงานผลิตชิ้นงานต้นแบบ ผลิตชิ้นงานเป็นจำนวนน้อย ใช้เวลาในการผลิตนานต่อชิ้น

ส่วนแม่พิมพ์อัดฉีด เป็นการพัฒนาแม่พิมพ์อัดให้เป็นการผลิตแบบอัตโนมัติ โดย พลาสติกจะยังไม่ถูกใส่ไปในแม่พิมพ์โดยตรง พลาสติกจะถูกทำให้ร้อนในกระบอกสูบก่อนที่จะถูกส่งไปยังแม่พิมพ์

ข้อแตกต่างระหว่างแม่พิมพ์อัดฉีดและแม่พิมพ์อัดอยู่ที่โครงสร้างของแม่พิมพ์ โดยแม่พิมพ์อัดฉีดจะต้องมีห้องอัดซึ่งจะทำหน้าที่เชื่อมกับเบ้า (Cavity) แม่พิมพ์ด้วยรูฉีด สำหรับแม่พิมพ์อัดและอัดฉีดจะใช้ในการผลิต เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ในครัวเรือน เป็นต้น

3.แม่พิมพ์เป่า (Blow Molding)

แม่พิมพ์ แบ่ง ออก เป็น กี่ประเภท

เป็นแม่พิมพ์ที่ใช้ในการผลิตภาชนะกลวงโดยการทำให้พลาสติกเป็นสายท่อหรือหลอดแก้ว (Parison) แล้วใช้ลมเป่าให้เกิดรูปร่างตามแม่พิมพ์ แล้วจึงทำการปลดชิ้นงาน

วิธีการเป่าแม่พิมพ์มีอยู่ 3 วิธีหลัก คือ การเป่าแบบ Extrusion (Extrusion blow moulding), การเป่าฉีด (Injection blow moulding), การเป่าแล้วยืด (Stretch blow moulding)

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเป่าจะมีลักษณะกลวง เช่น ภาชนะกลวง ขวด ถัง แกลลอน ในยุคนี้แม่พิมพ์เป่าเป็นแม่พิมพ์พลาสติกชนิดที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง เนื่องจากมีความต้องการในตลาดสูง อันสืบเนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น แม่พิมพ์แบบเป่ายังสามารถใช้ผลิตบรรจุภันท์ที่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการผลิต

4.แม่พิมพ์งานรีด (Extrusion)

แม่พิมพ์ แบ่ง ออก เป็น กี่ประเภท

แม่พิมพ์งานรีดใช้เพื่อผลิตชิ้นงานรูปพรรณต่างๆ ที่มีลักษณะกลวงและตันยาวต่อเนื่องยกตัวอย่าง เช่น ท่อสายยาง กรอบประตู หน้าต่าง เป็นต้น

โดยเครื่อง Extrusion จะอัดและหลอมละลายพลาสติก จากนั้นจะถูกฉีดไปยังเครื่องมือสร้างรูปทรงหรือหัวฉีด ต่างๆแล้วแต่ลักษณะงาน

ในงาน Extrusion นั้นจะต้องนำเครื่องมืออื่นๆเข้ามาประกอบด้วยเพื่อให้ได้ชิ้นงานตามที่ต้องการ เช่น เครื่องปรับขนาด เครื่องดึง เครื่องม้วน เครื่องตัด

5.แม่พิมพ์งานเทอร์โมฟอร์มมิ่ง (Thermoforming)

แม่พิมพ์ แบ่ง ออก เป็น กี่ประเภท

แม่พิมพ์งานเทอร์โมฟอร์มมิ่ง ใช้ในการผลิตชิ้นงานพลาสติกโดยการนำพลาสติกแผ่นบางมาอบให้ความร้อนจนมีความอ่อนตัว จากนั้นจะใช้แรงดันสุญญากาศดูดแผ่นพลาสติกให้ยุบลงมาจนมีรูปร่างตามแม่พิมพ์ที่ออกแบบไว้ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้แม่พิมพ์เทอร์โมฟอร์มมิ่งมีหลากหลายชนิด เช่น กล่องบรรจุไข่ ถ้วยไอศกรีม ถ้วยโยเกิร์ต เป็นต้น

ทางทีมงานบริษัท จาเจ๋ มีประสบการณ์ เกี่ยวกับงานด้านการผลิตแม่พิมพ์มาเป็นระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษ ทางบริษัทได้มีผลงานป้อนเข้าตลาดคลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และยังได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าหลากหลายราย ทั่วประเทศ และ ต่างประเทศ

หากท่านมีไอเดียในการขึ้นงาน หรือ ปรับปรุงชิ้นงานของท่าน ทางบริษัท จาเจ๋ มีความยินดีที่จะร่วมพัฒนาชิ้นงาน เพื่อให้ใด้ชิ้นงานที่มีคุณภาพ และตรงตามวัตถุประสงค์ในการชิ้นงานของท่าน โดยท่านสามารถติดต่อ บริษัท ได้ที่อีเมลล์ [email protected]

แม่พิมพ์แบ่งเป็น4ประเภทอะไรบ้าง

แม่พิมพ์พลาสติกมีกี่ประเภท?.
1.แม่พิมพ์ฉีด (Injection Molding).
2.แม่พิมพ์อัดและอัดฉีด (Compression and Transfer Molding).
3.แม่พิมพ์เป่า (Blow Molding).
4.แม่พิมพ์งานรีด (Extrusion).

แม่พิมพ์แบ่งออกเป็นกี่ชนิดอะไรบ้าง

เเบ่งตามประเภทของแม่พิมพ์ ได้ 4 ประเภท คือ 4.1 แม่พิมพ์นูน ( RELIEF PROCESS ) 4.2 แม่พิมพ์ร่องลึก ( INTAGLIO PROCESS ) 4.3 แม่พิมพ์พื้นราบ ( PLANER PROCESS ) 4.4 แม่พิมพ์ฉลุ ( STENCIL PROCESS )

ตรายาง เป็นแม่พิมพ์ประเภทใด

4.1 แม่พิมพ์นูน(RELIEF PROCESS) เป็นการพิมพ์โดยให้สีติดอยู่บนส่วนผิวหน้าที่ท า ให้นูนขึ้นมาของแม่พิมพ์ ภาพที่ได้เกิดจากสีที่ติดอยู่ในส่วนบนนั้น แม่พิมพ์นูนเป็นแม่พิมพ์ที่ท า ขึ้นมาเป็นประเภทแรก ภาพพิมพ์ชนิดนี้ได้แก่ o ภาพพิมพ์แกะไม้ (WOODCUT) o ภาพพิมพ์แกะยาง (LINOCUT) o ตรายาง (RUBBER STAMP) o ภาพพิมพ์จากเศษวัสดุต่างๆ ...

แม่พิมพ์นูน มีอะไรบ้าง

4.1 แม่พิมพ์นูน ( RELIEF PROCESS ) เป็นการพิมพ์โดยให้สีติดอยู่บนผิวหน้าที่ทำให้นูน ขึ้นมาของแม่พิมพ์ ภาพที่ได้เกิดจากสีที่ติดอยู่ในส่วนบนนั้น แม่พิมพ์นูนเป็นแม่พิมพ์ ที่ทำขึ้นมาเป็นประเภทแรก ภาพพิมพ์ชนิดนี้ได้แก่ ภาพพิมพ์แกะไม้ ( WOOD-CUT ) ภาพพิมพ์แกะยาง ( LINO-CUT ) ตรายาง ( RUBBER STAMP ) ภาพพิมพ์จากเศษวัสดุต่างๆ