ข่าวการศึกษา โดย ครูประถม. เพื่อส่งเสริมครูให้มีความรู้ความสามารถในการจัดการเกียวการส่งเราจึงเตรียม ข่าวการศึกษา สื่อการสอน การเลื่อนวิทยฐานะ ข่าวการสอบบรรจุครูผู้ช่วย การสอบโอเน็ต และข่าวสารอื่นๆที่เกี่ยวกับการศึกษา ในกระบวนการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารประเภทใดหรือระดับใดก็ตาม นอกจากองค์ประกอบการสื่อสารทั้ง 4 ประการที่กล่าวข้างต้นแล้ว ก็น่าจะมีองค์ประกอบเพิ่มเติมอีก 2 ประการ ที่จะทำให้กระบวนการติดต่อสื่อสารมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นองค์ประกอบทั้ง 2 ประการนี้ ก็คือ ปฏิกิริยาตอบกลับหรือปฏิกิริยาสะท้อนกลับ (feedback) และกรอบแห่งการอ้างอิง (Frame of reference) หรือสนามแห่งประสบการณ์ร่วม (Field of experience) ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารในกระบวนการสื่อสารนั้น ๆ ด้วย “ครู” หมายความว่าบุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆในสถานศึกษาปฐมวัยขั้นพื้นฐานและอุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญาทั้งของรัฐและเอกชน จรรยาบรรณวิชาชีพครู ที่มีทั้งหมด 5 ด้าน 9 ข้อ ประกอบไปด้วย -ครูต้องมีวินัยในตนเองพัฒนาตนเองด้านวิชาชีพบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ
-ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาครูต้องรักศรัทธาซื่อสัตย์สุจริตรับผิดชอบต่อวิชาชีพและเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ
-ครูต้องรักเมตตาเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริมให้กำลังใจแก่ศิษย์และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า -ครูต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะและนิสัยที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ -ครูต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งทางกายวาจา และจิตใจ -ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกายสติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์ และผู้รับบริการ -ครูต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาคโดยไม่เรียกรับหรือยอมรับผลประโยชน์ จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ 4.จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ -ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
-ครูพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นาในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาสิ่งแวดล้อมรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมและยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การกำกับดูแลกิจการตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดี การประกอบธุรกิจภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับบริษัท รวมถึงการปฏิบัติตามคู่มือเกี่ยวกับการขอให้รับหลักทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SGX-ST Listing Manual) (“คู่มือเกี่ยวกับการรับหลักทรัพย์”) และตามหลักการและแนวทางของหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีปี 2561 (“หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีปี 2561”) ตลอดจนแนวทางของหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีปี 2555 (“หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีปี 2555”) ซึ่งแนวทางดังกล่าวยังคงใช้บังคับได้ถึงก่อนวันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นความตั้งใจและมุ่งมั่นของไทยเบฟที่จะถือปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีปี 2561 (และตามที่กล่าวถึง หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีปี 2555) มากที่สุดเท่าที่จะสามารถปฏิบัติได้ ก. เรื่องเกี่ยวกับคณะกรรมการบริษัท หลักเกณฑ์ที่ 1 การปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่กำกับดูแลธุรกิจและภารกิจของบริษัทให้เป็นไปตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น กฎหมายที่ใช้บังคับกับบริษัท รวมถึงคู่มือเกี่ยวกับการรับหลักทรัพย์ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทจะต้องใช้วิจารณญาณ และความรอบคอบในการตัดสินใจทางธุรกิจ และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของบริษัท คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่รับผิดชอบในการเป็นผู้นำขององค์กรดูแลความเป็นผู้นำของธุรกิจโดยรวมในการกำหนดทิศทาง กลยุทธ์ วัตถุประสงค์การดำเนินงาน และความสำเร็จในระยะยาวของบริษัทในกลุ่มไทยเบฟเวอเรจทั้งในประเทศและต่างประเทศ (“กลุ่มบริษัทไทยเบฟ”) นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังมีหน้าที่ประสานงานให้คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นได้รับประโยชน์สูงสุด โดยให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายได้รับประโยชน์อย่างสมดุลกัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 คณะกรรมการบริษัทประกอบด้วย กรรมการบริษัทดังต่อไปนี้ 1. นายเจริญ สิริวัฒนภักดีประธานกรรมการ2. คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดีรองประธานกรรมการ3. นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูลกรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบ4. ศาสตราจารย์คนึง ฦๅไชยกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ5. นายอึ้ง ตัก พันกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ6. นางสาวพจนีย์ ธนวรานิชกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ7. นายทิโมธี เจีย จี หมิงกรรมการอิสระ8. ศาสตราจารย์นายแพทย์พรชัย มาตังคสมบัติกรรมการอิสระ9. พลเอกนายแพทย์ชูฉัตร กำภู ณ อยุธยากรรมการอิสระ10. นายแพทย์ชาตรี บานชื่นกรรมการอิสระ11. รองศาสตราจารย์ ดร. กฤษติกา คงสมพงษ์กรรมการอิสระ12. นายวิวัฒน์ เตชะไพบูลย์กรรมการ13. นายปณต สิริวัฒนภักดีกรรมการ14. นายฐาปน สิริวัฒนภักดีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่15. นายอวยชัย ตันทโอภาสกรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส16. นายสิทธิชัย ชัยเกรียงไกรกรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส17. ดร. พิษณุ วิเชียรสรรค์กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส โดยมีนางสาวนันทิกา นิลวรสกุล เป็นเลขานุการบริษัทและเลขานุการคณะกรรมการบริษัท เรื่องที่ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทจะต้องประชุมกันไม่น้อยกว่า 4 ครั้งต่อปี ตามที่กฎหมายไทยกำหนด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 คณะกรรมการบริษัทได้มีการประชุมรวม 4 ครั้ง การฝึกอบรม นอกจากนี้ กรรมการบริษัทและผู้บริหารของบริษัทและของบริษัทย่อย ได้รับคู่มือสรุปหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องของกฎหมายสิงคโปร์ ที่เป็นปัจจุบัน เช่น หน้าที่ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ การซื้อขายหลักทรัพย์ การเปิดเผยการมีส่วนได้เสีย หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีปี 2561 เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารได้อย่างเหมาะสม บริษัทได้มีการรายงานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเกี่ยวกับคู่มือเกี่ยวกับ การรับหลักทรัพย์ และกฎระเบียบและหลักเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับบริษัท โดยที่ปรึกษาการปฏิบัติตามกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ของบริษัท (Compliance Advisor) และ/หรือสำนักกฎหมาย และ/หรืองานกำกับดูแลของบริษัท ให้แก่กรรมการและผู้บริหาร ที่เกี่ยวข้องของบริษัทและบริษัทย่อยทุกปีอีกด้วย เมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง กับบริษัทและบริษัทย่อย กรรมการและผู้บริหารของบริษัทและบริษัทย่อยจะได้รับแจ้งในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร และ/หรือผ่านทางอีเมล แล้วแต่กรณี สำหรับกรรมการที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ บริษัทได้จัดให้มีการปฐมนิเทศกรรมการ โดยคณะกรรมการบริษัทมอบหมายให้เลขานุการบริษัทเข้าพบกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ โดยเลขานุการบริษัทจะจัดให้มีการประชุมร่วมกันกับกรรมการและ/หรือผู้บริหารที่เกี่ยวข้องของบริษัทเพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและตอบข้อซักถามในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง ภาพรวมธุรกิจ วิสัยทัศน์องค์กร โครงสร้างการถือหุ้น โครงสร้างองค์กร จรรยาบรรณเครือไทยเบฟ นโยบายของบริษัท หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัท กำหนดการประชุมคณะกรรมการทั้งปี กฎหมายและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแนะนำหลักสูตรอบรมต่าง ๆ สำหรับกรรมการ ซึ่งจัดโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยและ SID พร้อมทั้งส่งมอบคู่มือสำหรับกรรมการให้กับกรรมการที่เข้าใหม่ทุกคน การเข้าถึงข้อมูล กรรมการบริษัทสามารถติดต่อเลขานุการบริษัทได้โดยตรงและอิสระ เลขานุการบริษัทมีหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่คณะกรรมการบริษัทในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมายบริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด รวมถึงกฎหมายหลักทรัพย์ และระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยการประสานงานและปรึกษาหารือกับสำนักกฎหมาย รวมถึงที่ปรึกษา ด้านกำกับดูแลกิจการ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ บริษัทได้จัดตั้งสายงานกำกับดูแล (Compliance Unit) พร้อมทั้งมีหัวหน้าสายงานกำกับดูแลทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบหน่วยงานดังกล่าวภายใต้การควบคุมดูแลของสำนักเลขานุการบริษัท และทำหน้าที่สนับสนุนเลขานุการบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีการกำกับดูแลตามกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทจะเป็นผู้อนุมัติการแต่งตั้งและถอดถอนเลขานุการบริษัท โดยสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 เลขานุการบริษัทได้เข้าร่วมในการประชุมคณะกรรมการบริษัทและ การประชุมคณะกรรมการบริหารทุกครั้ง สำนักเลขานุการบริษัทวางแผนจัดทำปฏิทินกิจกรรมของ คณะกรรมการบริษัทล่วงหน้าเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ในการจัดเตรียมงานประชุม สำนักเลขานุการบริษัทจะนำส่งเอกสารประกอบการประชุม งบการเงิน รวมถึงรายงานจากฝ่ายบริหาร วาระในการประชุมและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลทั่วไป หรือข้อมูลอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้แก่กรรมการก่อนการประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อให้กรรมการแต่ละท่านมีเวลาเพียงพอในการอ่าน ทบทวน และพิจารณาวาระต่าง ๆ เพื่อให้การหารือในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อยมีความหมายและมีประโยชน์มากยิ่งขึ้น โดยผู้บริหารระดับสูงจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมในการประชุมคณะกรรมการบริษัท และ คณะกรรมการชุดย่อยอื่น ๆ เพื่อให้คำแนะนำและให้ความเข้าใจ ต่อเรื่องที่กำลังหารืออยู่ และเพื่อตอบคำถามใด ๆ ที่กรรมการแต่ละท่านอาจสอบถามในที่ประชุม คณะกรรมการบริษัทสามารถติดต่อฝ่ายบริหารได้โดยตรงและอิสระเพื่อให้มั่นใจได้ว่าแนวทางของคณะกรรมการบริษัทมีการปฏิบัติตาม ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คณะกรรมการได้ประชุมร่วมกับฝ่ายบริหารของบริษัทเพื่อติดตามและรับทราบข้อมูลสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินและจัดการผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ หากมีความจำเป็นเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น กรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อยแต่ละท่านอาจแสวงหาและขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญอิสระได้ โดยถือเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท การมอบหมายอำนาจที่เกี่ยวกับคณะกรรมการบริษัท ทั้งนี้ เพื่อจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผลประโยชน์ของกรรมการและกลุ่มบริษัทไทยเบฟ กรรมการที่มีส่วนได้เสียจะงดออกเสียงลงคะแนนและ/หรืองดมีส่วนร่วมในการหารือในเรื่องที่ตนมีส่วนได้เสีย หรือมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการตรวจสอบไม่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัทให้ตัดสินใจในการดำเนินงานของบริษัท บริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ในการนี้ นายอึ๊ง ตัก พัน ได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริษัท ให้เป็นหัวหน้ากรรมการอิสระในการตรวจสอบการทำธุรกรรมของ กลุ่มบริษัทไทยเบฟกับบุคคลที่มีส่วนได้เสีย คณะกรรมการตรวจสอบมีหน้าที่หลักในการ
โดยคณะกรรมการตรวจสอบจะจัดประชุมอย่างน้อยไตรมาสละ 1 ครั้งหรือมากกว่านั้นหากมีกรณีจำเป็นเร่งด่วน โปรดพิจารณาในรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบถึงผลการปฏิบัติงานตามหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการตรวจสอบสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 คณะกรรมการสรรหา คณะกรรมการสรรหามีหน้าที่หลักในการสรรหาบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ และ/หรือกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กำหนดวิธีการและหลักเกณฑ์การสรรหากรรมการหรือ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่เพื่อความโปร่งใส ดำเนินการและปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายและ/หรือระเบียบที่ใช้บังคับและคู่มือเกี่ยวกับการรับหลักทรัพย์ รวมทั้งกฎหมายและ/หรือระเบียบที่ใช้บังคับหรือคู่มือดังกล่าวที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมเป็นครั้งคราวและตามคำสั่งของหน่วยงานที่มีอำนาจควบคุมหรือกำกับดูแลบริษัท เฉพาะในส่วน ที่เกี่ยวข้องกับขอบเขต อำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบของ คณะกรรมการสรรหา ทบทวนการแต่งตั้งกรรมการที่ออกตามวาระกลับเข้าดำรงตำแหน่งต่อไป และช่วยเหลือคณะกรรมการบริษัทในการพิจารณาและทบทวนความเป็นอิสระของกรรมการอิสระอย่างต่อเนื่องเป็นประจำอย่างน้อยทุก ๆ ปี โปรดพิจารณาในหลักเกณฑ์ที่ 2 องค์ประกอบ และแนวทางปฏิบัติของคณะกรรมการบริษัทในรายงานฉบับนี้ คณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทน คณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทนมีหน้าที่หลักในการ
โปรดพิจารณาในหลักเกณฑ์ที่ 8 การเปิดเผยข้อมูลผลตอบแทนในรายงานฉบับนี้ คณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยง ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 คณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยง ประกอบด้วยกรรมการ 17 ท่าน ดังนี้
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 นายประวิช สุขุม ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ตามกฎบัตรคณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงมีหน้าที่กำหนดนโยบายความยั่งยืนและนโยบายการบริหารความเสี่ยงของกลุ่มบริษัทไทยเบฟและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้เสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาอนุมัติ กำหนดกรอบการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยง กลยุทธ์ขององค์กรและทรัพยากรที่ใช้ในการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงให้สอดคล้องกับนโยบาย และต้องมั่นใจได้ว่า กระบวนการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงที่กำหนดขึ้นจะสามารถระบุ วิเคราะห์ ประเมิน ตอบสนองและติดตามผลการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงที่สำคัญทั้งหมดของกลุ่มบริษัทไทยเบฟได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตลอดจนรายงานสรุปการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหาร ความยั่งยืนและความเสี่ยง กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและความเสี่ยงที่สำคัญรวมถึงผลการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงให้ คณะกรรมการบริษัททราบ ภายหลังการประชุมของคณะกรรมการบริหาร ความยั่งยืนและความเสี่ยงซึ่งจะจัดขึ้นทุก ๆ ไตรมาส และจัดขึ้นตามที่คณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงมีความเห็นว่าจำเป็นเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบ (1) นายไมเคิล ไชน์ ฮิน ฟา พ้นจากตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 และพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยง ในวันเดียวกัน คณะกรรมการบริหาร 1. นายเจริญ สิริวัฒนภักดีประธานกรรมการบริหาร2. คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดีรองประธานกรรมการบริหาร คนที่ 13. นางสาวกนกนาฏ รังษีเทียนไชยรองประธานกรรมการบริหาร คนที่ 24. นายฐาปน สิริวัฒนภักดีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ / กรรมการบริหาร5. นายอวยชัย ตันทโอภาสกรรมการบริหาร6. นายสิทธิชัย ชัยเกรียงไกรกรรมการบริหาร7. ดร. พิษณุ วิเชียรสรรค์กรรมการบริหาร8. นายไมเคิล ไชน์ ฮิน ฟา(1)กรรมการบริหาร9. นายประภากร ทองเทพไพโรจน์กรรมการบริหาร10. นายโฆษิต สุขสิงห์กรรมการบริหาร11. นายเอ็ดมอนด์ นีโอ คิม ซูนกรรมการบริหาร12. ดร. เอกพล ณ สงขลากรรมการบริหาร13. นายเลสเตอร์ ตัน เต็ก ชวน(2)กรรมการบริหาร14. นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุลกรรมการบริหาร15. นายกมลนัย ชัยเฉนียน(3)กรรมการบริหาร16. นายฌอง เลอเบรอตงกรรมการบริหาร17. นายปราโมทย์ หรรษมนตร์กรรมการบริหาร18. นายบรรจง ชินธนะศิริกรรมการบริหาร19. นางสาวนันทิกา นิลวรสกุลกรรมการบริหาร โดยมีนางสาวนันทิกา นิลวรสกุล เป็นเลขานุการคณะกรรมการบริหาร
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 นายประวิช สุขุม ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ คณะกรรมการบริษัทได้มอบอำนาจแก่คณะกรรมการบริหารในการทำหน้าที่บริหารกิจการแทนคณะกรรมการบริษัท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท ในการนี้ กรรมการบริหารบางท่านได้รับ มอบหมายให้ดูแลงานในสายงานต่าง ๆ ภายใต้การกำกับดูแลของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหารอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการบริษัทในการกำกับดูแลกิจการของบริษัทให้ดำเนินไปอย่างคล่องตัว หน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริหาร มีดังต่อไปนี้
ทั้งนี้ การมอบหมายอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริหารนั้น จะต้องไม่มีลักษณะเป็นการอนุมัติการเข้าทำรายการที่ทำให้คณะกรรมการบริหาร หรือผู้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการบริหาร สามารถอนุมัติรายการที่ตนหรือบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง มีส่วนได้เสีย หรืออาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์อื่นใดกับบริษัทหรือบริษัทย่อยของบริษัท (ตามที่นิยามไว้ในประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) ซึ่งการอนุมัติรายการในลักษณะดังกล่าวจะต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท และ/หรือที่ประชุมผู้ถือหุ้น แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาอนุมัติรายการดังกล่าวตามที่ข้อบังคับของบริษัทหรือบริษัทย่อยหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด นอกเหนือจากการกำกับดูแลการบริหารงานของไทยเบฟ กรรมการบริหารบางท่านยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทย่อย และ/หรือหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ เพื่อควบคุมดูแลการบริหารงานต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดตามนโยบายของบริษัท และเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท คณะกรรมการบริหารจะประชุมกันเดือนละหนึ่งครั้งเป็นปกติ เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ยกเว้นในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน จะจัดประชุมตามสมควรแก่กรณี คณะจัดการ ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 คณะจัดการประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูง 14 ท่าน ได้แก่ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี นายอวยชัย ตันทโอภาส นายสิทธิชัย ชัยเกรียงไกร ดร. พิษณุ วิเชียรสรรค์ นายประภากร ทองเทพไพโรจน์ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 นายประวิช สุขุม ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (1) นายกมลนัย ชัยเฉนียน พ้นจากตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 และพ้นจากตำแหน่งกรรมการจัดการในวันเดียวกัน คณะกรรมการลงทุน เพื่อผลักดันกลยุทธ์ของกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ ได้มีการจัดคณะบริหารเพื่อเชื่อมโยงและเสริมสร้างศักยภาพการบริหารงานของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ โดยมีการจัดตั้งคณะ Group Steering Committee ประกอบด้วยผู้บริหารจากกลุ่มธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 มีการประชุมผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัท กรรมการอิสระ ชื่อ (6) (7)ผู้ถือหุ้นคณะกรรมการบริษัทกรรมการอิสระคณะกรรมการตรวจสอบคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทนคณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงคณะกรรมการบริหาร1. นายเจริญ สิริวัฒนภักดี1/14/4-----12/122. คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี1/14/4--3/3--12/123. นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล1/14/41/15/53/31/14/4-4. ศาสตราจารย์คนึง ฦๅไชย1/14/41/15/5-1/1--5. นายอึ๊ง ตัก พัน1/14/41/15/5----6. นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช1/14/41/15/5----7. นายไมเคิล เล่า ไวย เคียง(1)1/11/4------8. นายทิโมธี เจีย จี หมิง(2)-3/41/1-----9. ศาสตราจารย์นายแพทย์พรชัย มาตังคสมบัติ1/14/41/1-----10. พลเอกนายแพทย์ชูฉัตร กำภู ณ อยุธยา1/14/41/1-----11. นายแพทย์ชาตรี บานชื่น1/14/41/1-3/31/1--12. รองศาสตราจารย์ ดร. กฤษติกา คงสมพงษ์1/14/41/1-----13. นายวิวัฒน์ เตชะไพบูลย์1/12/4------14. นายปณต สิริวัฒนภักดี1/12/4------15. นายฐาปน สิริวัฒนภักดี1/14/4----4/411/1216. นายอวยชัย ตันทโอภาส1/14/4----4/412/1217. นายสิทธิชัย ชัยเกรียงไกร1/14/4----4/412/1218. ดร. พิษณุ วิเชียรสรรค์1/14/4----3/412/1219. นางสาวกนกนาฏ รังษีเทียนไชย-------10/1220. นายไมเคิล ไชน์ ฮิน ฟา(3)1/1-----4/412/1221. นายประภากร ทองเทพไพโรจน์1/1-----4/411/1222. นายโฆษิต สุขสิงห์1/1-----4/412/1223. นายเอ็ดมอนด์ นีโอ คิม ซูน1/1-----3/411/1224. ดร. เอกพล ณ สงขลา1/1-----4/412/1225. นายเลสเตอร์ ตัน เต็ก ชวน(4)1/1-----3/412/1226. นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล1/1-----4/412/1227. นายกมลนัย ชัยเฉนียน(5)1/1-----4/411/1228. นายฌอง เลอเบรอตง1/1-----4/412/1229. นายปราโมทย์ หรรษมนตร์1/1-----3/412/1230. นายบรรจง ชินธนะศิริ1/1-----4/412/1231. นางสาวนันทิกา นิลวรสกุล1/14/4----4/412/12 (1) นายไมเคิล เล่า ไวย เคียง พ้นจากตำแหน่งตามวาระ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 และได้แสดงความประสงค์ไม่ขอกลับเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการและกรรมการอิสระ หลักเกณฑ์ที่ 2 องค์ประกอบ และแนวทางปฏิบัติของคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริษัท ความเหมาะสมของจำนวนและองค์ประกอบของคณะกรรมการบริษัท จะได้รับการสอบทานจากคณะกรรมการสรรหาเป็นครั้งคราว เพื่อให้แน่ใจว่าจำนวนของคณะกรรมการบริษัทนำไปสู่การปรึกษาหารือและการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ รวมถึง คณะกรรมการบริษัทมีจำนวนกรรมการอิสระที่เหมาะสม แม้นโยบาย ความหลากหลายของคณะกรรมการบริษัทยังไม่เป็นทางการ คณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่าความหลากหลายทางเพศเป็นสิ่งสำคัญ และการมีกรรมการที่เป็นผู้หญิงในคณะกรรมการบริษัทนั้นมีความจำเป็นและเหมาะสมในปัจจุบัน และยังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดความหลากหลาย ไม่ว่าในด้านเพศ อายุ หรืออื่น ๆ โดยจะพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมเมื่อมีการพิจารณาวาระของกรรมการ นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาแต่งตั้งกรรมการที่เป็นผู้หญิงเพิ่มเติมในปีถัดไป ทั้งนี้คณะกรรมการสรรหายังคงพิจารณาถึงความสมดุลระหว่างความหลากหลายด้านความเชี่ยวชาญ ความชำนาญ และคุณสมบัติในหมู่กรรมการ รวมถึงคุณสมบัติเฉพาะด้านอย่างเหมาะสม เช่น ด้านบัญชีและ การเงิน ธุรกิจและการจัดการความรู้ธุรกิจ การวางแผนกลยุทธ์ และความชำนาญด้านธุรกิจเฉพาะ รวมทั้งการคำนึงถึงความหลากหลายในการพิจารณา เช่น เพศ อายุ และสัญชาติ ในการพิจารณาแต่งตั้ง เมื่อตำแหน่งในคณะกรรมการบริษัทว่างลงหรือมีการแต่งตั้งกรรมการเพิ่มคณะกรรมการสรรหาจะคัดเลือกและเสนอบุคคลโดยพิจารณาจากความชำนาญ ประสบการณ์ ความรู้ และความหลากหลายโดยพิจารณาถึงความขัดแย้งทาง ผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นด้วย กรรมการอิสระ นอกจากนี้ การพิจารณาตามแนวทาง 2.4 ของหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีปี 2555 (ยังคงใช้บังคับได้ถึงก่อนวันที่ 1 มกราคม 2565) ซึ่งกำหนดให้ความเป็นอิสระของกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริษัทเกินกว่า 9 ปี นับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งครั้งแรก เป็นเรื่องที่บริษัทจะต้องนำมาพิจารณาทบทวน อย่างเคร่งครัด คณะกรรมการบริษัทมีความเห็นสมควรตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสรรหาให้กรรมการอิสระทุกท่านซึ่งประกอบด้วย ศาสตราจารย์คนึง ฦๅไชย นายอึ๊ง ตัก พัน ศาสตราจารย์นายแพทย์พรชัย มาตังคสมบัติ และพลเอกนายแพทย์ชูฉัตร กำภู ณ อยุธยา รวมทั้งสิ้น 4 คน ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระให้กับบริษัทต่อไป แม้ว่าแต่ละท่านจะดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระเกินกว่า 9 ปี ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2562 - 2563 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ได้พิจารณาและเห็นว่ากรรมการอิสระทุกท่านได้ให้ความคิดเห็นอย่างเป็นอิสระ เกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัท และการให้คำแนะนำแก่ผู้บริหาร และสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นอิสระในการให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัท โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัท และแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติอันเป็นประโยชน์ต่อคณะกรรมการบริษัท หลักเกณฑ์ที่ 3 ประธานกรรมการบริษัทและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ประธานกรรมการบริษัทเป็นผู้ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง คณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริหาร และฝ่ายจัดการ และเป็นผู้อนุมัติการกำหนดวาระของการประชุมคณะกรรมการบริษัทและ คณะกรรมการบริหาร (ในฐานะที่เป็นประธานกรรมการบริหาร) กรรมการผู้อำนวยการใหญ่เป็นผู้ควบคุมการให้ข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่าคณะผู้บริหารและคณะกรรมการบริษัทได้รับข้อมูลของบริษัท เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการต่าง ๆ ภายในกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม ประธานกรรมการบริษัทและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ต่างทำหน้าที่ของตนเพื่อกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับนโยบายของคณะกรรมการบริษัทตามแผนธุรกิจภายใต้ PASSION 2025 ซึ่งต่อยอดความสำเร็จจากวิสัยทัศน์ 2020 (VISION 2020) และตามโครงสร้างองค์กรของบริษัท นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท และเป็นบิดาของนายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัท ในการนี้ คณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้งนายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล เป็นหัวหน้ากรรมการอิสระ (Lead Independent Director) โดยหัวหน้ากรรมการอิสระทำหน้าที่เป็นบุคคลผู้ติดต่อประสานระหว่างกรรมการอิสระและประธานกรรมการบริษัทในเรื่องที่มีความอ่อนไหว และเพื่อเป็นช่องทางให้ผู้ถือหุ้นสามารถติดต่อได้เพื่อตอบข้อสงสัยต่าง ๆ ที่ไม่สามารถสอบถามผ่านประธานกรรมการบริษัทหรือ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่หรือเป็นกรณีที่ไม่เหมาะสมที่จะสอบถามผ่านทางดังกล่าว สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 หัวหน้ากรรมการอิสระ โดยนายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล ได้จัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการอิสระ 1 ครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ทั้งนี้ กรรมการอิสระได้ร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน รวมถึงร่วมให้คำแนะนำเพื่อช่วยพัฒนาการดำเนินงานของบริษัทให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และให้ข้อเสนอแนะแก่คณะกรรมการบริษัทและ/หรือประธานกรรมการบริษัทตามความเหมาะสม หลักเกณฑ์ที่ 4 สมาชิกภาพของคณะกรรมการบริษัท เพื่อให้เกิดกระบวนการโปร่งใสในการแต่งตั้งกรรมการของบริษัท และการแต่งตั้งกรรมการที่ออกตามวาระกลับเข้าดำรงตำแหน่งใหม่ คณะกรรมการสรรหาได้กำหนดและทบทวนคุณสมบัติที่ต้องการของผู้ซึ่งเป็นสมาชิกในคณะกรรมการบริษัท พร้อมทั้งให้คำแนะนำต่อคณะกรรมการบริษัทในการแต่งตั้งกรรมการ การแต่งตั้งกรรมการที่ออกตามวาระกลับเข้าดำรงตำแหน่งใหม่และการเข้าออก ตามวาระของกรรมการ นอกจากนี้ โดยกรรมการต้องมั่นใจว่าสามารถอุทิศเวลาอย่างเพียงพอ และมีความใส่ใจต่อกิจการของไทยเบฟ และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการทบทวนกระบวนการปฏิบัติงานของกรรมการ คณะกรรมการสรรหานั้นเป็นผู้พิจารณาว่ากรรมการสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ในการดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัทได้อย่างเพียงพอหรือไม่ ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้กำหนดจำนวนสูงสุดของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่กรรมการแต่ละท่านสามารถดำรงตำแหน่งได้ เนื่องจากบริษัทมีความเชื่อมั่นว่ากรรมการแต่ละท่านได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าตนจะสามารถอุทิศเวลาอย่างเพียงพอในการบริหารกิจการของไทยเบฟได้ ทั้งนี้ กรรมการจำเป็นต้องออกจากการดำรงตำแหน่งตามวาระ ตามที่กำหนดในข้อบังคับของบริษัทของไทยเบฟ โดยมีองค์ประกอบ การแต่งตั้ง การถอดถอน หรือการเข้าออกตามวาระในการเป็นคณะกรรมการบริษัท ซึ่งระบุไว้ในข้อบังคับของบริษัท ดังนี้
ในการดำเนินงานตามหน้าที่นั้น คณะกรรมการสรรหาได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับกับบริษัท รวมถึงคู่มือเกี่ยวกับการรับหลักทรัพย์ ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาได้จัดทำกฎระเบียบว่าด้วยการปฏิบัติงาน และนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาอนุมัติด้วย สำหรับข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับกรรมการแต่ละท่าน โปรดพิจารณาในรายละเอียดประวัติกรรมการและผู้บริหาร ในรายงานประจำปี 2563 ของบริษัท นอกจากนี้ สำหรับกรรมการซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้กลับเข้าดำรงตำแหน่งต่อไป สามารถพิจารณารายละเอียด (ตามที่กำหนดในภาคผนวก 7.4.1) ได้จากวาระที่ 5 ของหนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 หลักเกณฑ์ที่ 5 ผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัท ในการดำเนินกิจการของบริษัท คณะกรรมการได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและระมัดระวังเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและมติของผู้ถือหุ้น รวมถึงรักษาผลประโยชน์ของบริษัท คณะกรรมการจะมีการประเมินตนเองในการปฏิบัติตามหน้าที่และความรับผิดชอบ ในทุกปี คณะกรรมการสรรหาจะประเมินประสิทธิภาพของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อย หลักเกณฑ์ที่ 6 ขั้นตอนการพัฒนานโยบายผลตอบแทน หน้าที่รับผิดชอบหลักของคณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทนคือการช่วยเหลือคณะกรรมการบริษัทในการกำหนดกระบวนการพัฒนานโยบายการพิจารณาผลตอบแทนผู้บริหารและการพัฒนาที่เป็นระบบและมีความโปร่งใส โดยคณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทนจะทบทวนเงื่อนไขของผลตอบแทนและการว่าจ้างกรรมการบริหารและผู้บริหารระดับสูง (เช่น กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารระดับสูง) (“ผู้บริหารระดับสูง”) ณ เวลาที่ว่าจ้าง หรือ ณ เวลาที่ต่อสัญญาการว่าจ้าง (หากมี) รวมทั้งพิจารณาถึงภาระหน้าที่ของบริษัทในกรณีที่มีการเลิกจ้าง คณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทนได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัทให้เป็นผู้กำหนดค่าตอบแทนของกรรมการบริษัท และ/หรือผู้บริหาร โดยการปรึกษาประธานกรรมการซึ่งได้รับอำนาจจากคณะกรรมการบริษัทให้เป็นผู้จัดสรรตามที่พิจารณาเห็นสมควร และเสนอระดับผลตอบแทนเพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ โดยคณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทนได้มีการพิจารณาทบทวนถึงความเหมาะสมและเหตุผลในการจ่ายค่าตอบแทนของกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงแต่ละท่านแล้ว และได้เสนอความเห็น เกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าวต่อคณะกรรมการบริษัททั้งคณะเพื่อพิจารณาเห็นชอบ ทั้งนี้ การพิจารณา ค่าตอบแทนโดยคณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทนนั้นครอบคลุม ถึงการจ่ายค่าตอบแทนกรรมการ เงินเดือน ค่าเบี้ยเลี้ยง โบนัส ค่าตอบแทนพนักงานระยะยาว และผลประโยชน์อื่น ๆ ในส่วนของการให้ความเห็นเกี่ยวกับการกำหนดผลประโยชน์ตอบแทนการทำงานโดยรวมสำหรับกรรมการและผู้บริหารระดับสูงแต่ละท่านนั้น คณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทนยังได้ทบทวนความรับผิดชอบของบริษัทที่เกิดขึ้นในกรณีที่มีการสิ้นสุดการว่าจ้าง เพื่อให้มั่นใจว่าค่าตอบแทนที่ได้รับจากการสิ้นสุดการว่าจ้างนั้นเป็นไปด้วยความยุติธรรมและสมเหตุสมผล คณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทนยังมีหน้าที่ในการพิจารณาและรับทราบการรายงานจากคณะกรรมการบริหารแผนการกำหนดค่าตอบแทนระยะยาว ในกรณีที่กรรมการในคณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทนมีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องที่พิจารณา กรรมการท่านนั้นจะไม่ร่วมพิจารณาและอนุมัติเรื่องดังกล่าว หากมีความจำเป็นเป็นครั้งคราว คณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทนอาจว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อวางแผนนโยบายผลตอบแทนและกำหนดระดับและประเภทผลตอบแทนสำหรับกรรมการบริษัทและผู้บริหาร หลักเกณฑ์ที่ 7 ระดับและประเภทของผลตอบแทน การกำหนดระดับและประเภทของผลตอบแทนสำหรับกรรมการบริษัท กรรมการบริหาร และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนั้นเป็นไปตามผลประกอบการของบริษัท ภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบและผลงานเฉพาะบุคคล ตามกฎหมายที่ใช้บังคับและหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ปี 2561 อนึ่ง บริษัทได้ทำสัญญาว่าจ้างระยะยาวกับ ดร. พิษณุ วิเชียรสรรค์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทและรองประธานกรรมการบริหารของบริษัท เบียร์ไทย (1991) จำกัด (มหาชน) และตำแหน่งกรรมการบริษัทและรองประธานกรรมการของบริษัท คอสมอส บริวเวอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านเทคนิคการผลิตเบียร์ แผนการกำหนดค่าตอบแทนพนักงานระยะยาว บริษัทได้รับอนุมัติแผนการกำหนดค่าตอบแทนพนักงานระยะยาว ของบริษัท (Long Term Incentive Plan หรือ “LTIP”) จากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2559 (“ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559”) ซึ่งเป็นแผนการที่มีความสอดคล้องกับผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ที่จะช่วยเพิ่มพูนขีดความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มบริษัทไทยเบฟโดยการรักษาและดึงดูดพนักงานกลุ่มบริษัท (ตามที่นิยามไว้ใน LTIP) ที่มีความสามารถเอาไว้ และ LTIP จะเป็นประโยชน์ในแง่ของการให้รางวัลสำหรับผลงานที่ผ่านมาในอดีตและสร้างแรงจูงใจในการสร้างผลงานในอนาคตทั้งในระดับองค์กรและระดับพนักงาน ทั้งนี้ การออกและเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทตามโครงการ LTIP นี้ จะเป็นการดำเนินการภายใต้หลักเกณฑ์ตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง ตามกฎหมายของประเทศไทย และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารแผนการกำหนดค่าตอบแทนระยะยาว ในการนี้ คณะกรรมการบริหารแผนการ LTIP มีหน้าที่ตามแผนการกำหนดค่าตอบแทนพนักงานระยะยาวของบริษัทตามที่ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 อนุมัติไว้ โดยคณะกรรมการบริหารแผนการ LTIP มีดุลยพินิจในการพิจารณาและกำหนดประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ LTIP อาทิ ผู้เข้าร่วมโครงการ รายละเอียดการจัดสรรหุ้นโบนัส การบริหารการยกเลิกโครงการภายในระยะเวลาสูงสุด 5 ปีนับแต่วันเริ่มโครงการ และการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกี่ยวกับ LTIP ณ เวลาใดก็ตาม เป็นต้น เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 และวันที่ 31 มกราคม 2563 บริษัทได้มีการเปิดเผยข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เกี่ยวกับการได้รับสิทธิในหุ้นโบนัสภายใต้ LTIP ของกรรมการบริษัท จำนวน 3 คน ได้แก่ นายอวยชัย ตันทโอภาส นายสิทธิชัย ชัยเกรียงไกร และ ดร. พิษณุ วิเชียรสรรค์ เพื่อให้เป็นไปตามข้อ 704(29) ของคู่มือเกี่ยวกับการรับหลักทรัพย์ เนื่องจาก LTIP ใกล้จะครบกำหนด 5 ปี บริษัทจึงขอเสนอแผนการกำหนดค่าตอบแทนพนักงานระยะยาวฉบับใหม่ปี 2564 (“LTIP 2564”) มาใช้แทน LTIP ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปีที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 มกราคม 2564 โดยกฎของ LTIP 2564 นั้นคล้ายคลึงกับกฎของ LTIP และบริษัทคาดว่า LTIP 2564 จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในการรักษาและดึงดูดผู้มีความสามารถ กรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม LTIP และจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมใน LTIP 2564 ค่าตอบแทนของกรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหารจะพิจารณาจากความรับผิดชอบ ซึ่งรวมถึงการเข้าร่วมและเวลาที่ใช้ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อย กรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารจะได้รับค่าตอบแทนประจำและเบี้ยประชุม โดยค่าตอบแทนกรรมการจะเปรียบเทียบกับจำนวนเงินที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อื่น ๆ จ่าย หลักเกณฑ์ที่ 8 การเปิดเผยข้อมูลผลตอบแทน ในการจัดทำรายละเอียดผลตอบแทนของกรรมการ (รวมไปถึงผู้ซึ่งอยู่ในฐานะผู้บริหาร) ของบริษัท สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 (โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 เหรียญสิงคโปร์ = 23 บาท) รวมทั้งแบ่งเป็นร้อยละของผลตอบแทนประเภทต่าง ๆ ดังนี้ (1) ค่าตอบแทนกรรมการ (2) เงินเดือน (3) เงินโบนัส รวมถึงเงินที่จ่ายโดยอ้างอิงกับผลประกอบการของบริษัท (4) ประโยชน์อื่น ๆ และ (5) ค่าตอบแทนในรูปแบบหุ้นและผลประโยชน์ระยะยาว รายละเอียดตามตารางด้านล่าง สำหรับกรรมการผู้ซึ่งอยู่ในฐานะผู้บริหารนั้น เนื่องจากบริษัทได้พิจารณาถึงการแข่งขันด้านทรัพยากรบุคคลที่อยู่ในระดับสูงในแวดวงอุตสาหกรรมของบริษัท ตลอดทั้งผลตอบแทนของพนักงานบริษัทที่ถือเป็นความลับ จึงเห็นว่าการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลตอบแทนของกรรมการบริหารอย่างละเอียดอาจเป็นผลเสียต่อบริษัท และอาจเป็นอุปสรรคต่อความพยายามของบริษัทในการรักษาและดูแลกลุ่มพนักงานที่มีความสามารถ ทั้งนี้ บริษัทจึงเปิดเผยข้อมูลผลตอบแทนแบ่งตามระดับผลตอบแทนทุก ๆ จำนวนเงิน 250,000 เหรียญสิงคโปร์ หรือเทียบเท่า (ตามที่แจกแจงดังต่อไปนี้) “A” หมายถึงอัตราผลตอบแทนที่ต่ำกว่า 250,000 เหรียญสิงคโปร์ หรือเทียบเท่า ประเภทผลตอบแทนชื่อกรรมการ หมายเหตุ
8.2 ผลตอบแทนของผู้บริหารระดับสูง ในการจัดทำรายละเอียดผลตอบแทนของผู้บริหารระดับสูง 12 รายของบริษัท (ไม่รวมถึงผู้ที่เป็นกรรมการหรือกรรมการผู้อำนวยการใหญ่) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 (โดยคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ ประเภทผลตอบแทนชื่อผู้บริหารระดับสูง (4)(5)ระดับผลตอบแทนเงินเดือน(%)เงินโบนัสรวมถึงเงินที่จ่ายโดยอ้างอิงกับผลประกอบการของบริษัท(%)ประโยชน์อื่น(%)ค่าตอบแทนในรูปแบบหุ้นหรือผลประโยชน์ระยะยาว(%)(6)1. นายไมเคิล ไชน์ ฮิน ฟา(1)F5643-12. นายประภากร ทองเทพไพโรจน์E6729-43. นายโฆษิต สุขสิงห์C6528-74. นายเอ็ดมอนด์ นีโอ คิม ซูนD5931-105. ดร. เอกพล ณ สงขลาD6827-56. นายเลสเตอร์ ตัน เต็ก ชวน(2)D6228-107. นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุลC6530-58. นายกมลนัย ชัยเฉนียน(3)C6929-29. นายฌอง เลอเบรอตงC4651-310. นายปราโมทย์ หรรษมนตร์B6728-511. นายบรรจง ชินธนะศิริB6628-612. นางสาวนันทิกา นิลวรสกุลB6430-6 หมายเหตุ
โดยมูลค่ารวมของผลตอบแทนทั้งหมดที่จ่ายให้กับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท 12 ท่าน (ไม่รวมถึงผู้ที่เป็นกรรมการหรือกรรมการผู้อำนวยการใหญ่) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 เป็นเงินทั้งสิ้น 8,797,000 เหรียญสิงคโปร์ นอกเหนือจากนายฐาปน สิริวัฒนภักดี และนายปณต สิริวัฒนภักดี ซึ่งเป็นบุตรของกรรมการบริษัทคือ อย่างไรก็ดี ค่าตอบแทนกรรมการของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ค. ความรับผิดชอบและการตรวจสอบ หลักเกณฑ์ที่ 9 การบริหารความเสี่ยง และการควบคุมภายใน คณะกรรมการบริษัทรับทราบถึงหน้าที่ความรับผิดชอบในการกำกับดูแลความเสี่ยง จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงซึ่งประกอบด้วยกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลแต่ละกลุ่มธุรกิจหรือสายงาน ทำหน้าที่สนับสนุนคณะกรรมการบริษัทในการปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบเพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มบริษัทไทยเบฟได้กำหนดกรอบการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงขององค์กรที่มีประสิทธิภาพ คณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงมุ่งเน้นแนวคิดการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน จึงได้กำหนดลักษณะและขอบเขตของความเสี่ยงทางธุรกิจที่มีนัยสำคัญซึ่งไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงทางกลยุทธ์ ความเสี่ยงทางการเงิน ความเสี่ยงจากการปฏิบัติงาน ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและความเสี่ยงจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ อันอาจเป็นอุปสรรคทำให้บริษัทไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ในการปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบ คณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงได้กำหนดนโยบายความยั่งยืนและนโยบายการบริหารความเสี่ยง ระดับความเสี่ยงที่บริษัทพึงรับได้ เสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติ กำหนดกรอบ การบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงของบริษัท กำกับดูแล ฝ่ายบริหารในด้านการออกแบบ การลงมือปฏิบัติ และการติดตามผล ระบบการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยง โดยฝ่ายบริหารมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงตามนโยบายและกรอบการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงที่ได้รับการอนุมัติ คณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงจัดประชุมกันทุก ๆ ไตรมาส หรือจัดขึ้นตามที่กรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงเห็นว่าจำเป็นเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 มีการประชุมคณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงทั้งหมด 4 ครั้ง ภายหลังการประชุม คณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงต้องรายงานความคืบหน้า และสถานะของการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงที่สำคัญให้คณะกรรมการบริษัททราบ ซึ่งคณะกรรมการบริษัทสามารถให้คำแนะนำที่จำเป็นเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยง ตลอดจนต้องจัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับปัจจัยความเสี่ยง กลยุทธ์และกิจกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงของกลุ่มบริษัทไทยเบฟเพื่อเปิดเผยไว้ในรายงานประจำปีและรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนของบริษัท กระบวนการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงของบริษัทสามารถสรุปได้ดังนี้
โปรดพิจารณาข้อมูลการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงในรายงานประจำปีและรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2563 ของบริษัท ที่คณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงได้รายงานถึงการบริหาร เพื่อความยั่งยืนและความเสี่ยงที่สำคัญของกลุ่มบริษัทไทยเบฟและมาตรการในการป้องกันและจัดการแก้ไข คณะกรรมการบริษัทตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของตน และเพื่อให้แน่ใจว่าระบบการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในมีขึ้นอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์จากการลงทุนของผู้ถือหุ้นและทรัพย์สินของบริษัท คณะกรรมการบริษัทจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร ซึ่งกรรมการบริหารแต่ละท่านรับผิดชอบดูแลกลุ่มธุรกิจและสายงานต่าง ๆ ให้มีการควบคุมภายในที่เพียงพอและมีประสิทธิผลทั้งการควบคุมด้านการเงิน การดำเนินงาน การปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ และเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งการบริหารความเสี่ยงที่เป็นระบบ กำหนดโครงสร้างการกำกับดูแล กลยุทธ์และผู้รับผิดชอบในการบริหารความเสี่ยง ควบคุมและติดตามผลการบริหารความเสี่ยงและรายงานผลต่อคณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยง เพื่อเป็นการสนับสนุนการควบคุมภายในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบ คณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้สำนักเลขานุการบริษัททำหน้าที่ในการกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎหมายบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด และกฎหมายหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท นอกเหนือจากการควบคุมด้านการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติให้ประกาศใช้จรรยาบรรณบริษัทและนโยบายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทไทยเบฟเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติแก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และเพื่อช่วยสนับสนุนด้านความยั่งยืนของบริษัทด้วย สำหรับการดำเนินการ ทั้งนี้ กรรมการ ผู้บริหาร และผู้ที่ได้ทราบข้อมูลภายในที่ยังไม่ได้เปิดเผยเป็นการทั่วไป (เช่น การควบรวมกิจการ การซื้อกิจการ หรือการจ่ายเงินปันผลพิเศษเป็นต้น) จะต้องมีความระมัดระวังไม่ซื้อขายหุ้นไทยเบฟและหลักทรัพย์อื่นในกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ รวมถึงไม่ใช้ข้อมูลดังกล่าว หรือจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแก่บุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ใด ๆ ไม่ว่าจะเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือของผู้อื่น โดยให้ถือปฏิบัติทั้งในระหว่างระยะเวลาที่ไม่ควรซื้อขายหลักทรัพย์ และภายหลังจากระยะเวลาดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์และยังเป็นการปฏิบัติตามจรรยาบรรณเครือไทยเบฟเวอเรจด้วย นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับบริษัท กรรมการและ คณะกรรมการตรวจสอบโดยการสนับสนุนของผู้ตรวจสอบภายในและผู้สอบบัญชี มีหน้าที่สอบทานและรายงานต่อคณะกรรมการบริษัทอย่างน้อยปีละครั้งถึงความเพียงพอและความมีประสิทธิผลของระบบการควบคุมภายในของบริษัทในด้านการเงิน การดำเนินงาน การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่คณะจัดการได้กำหนดขึ้นเพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่า การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมาย วัตถุประสงค์ กฎหมาย ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง สามารถป้องกันทรัพย์สินสำคัญจากการทุจริต เสียหาย รวมทั้งมีการจัดทำบัญชี รายงานที่ถูกต้องน่าเชื่อถือ ซึ่งในการประเมินความเพียงพอและประสิทธิผลของ ระบบการควบคุมภายใน คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาจากการรายงานผลการตรวจสอบของผู้ตรวจสอบภายในและผู้สอบบัญชี รวมถึงผลการประเมินตามแบบประเมินความเพียงพอของระบบควบคุมภายในที่ได้จัดทำตามกรอบการควบคุมภายในของ COSO (The Committee of Sponsoring Organizations of the Treadway Commission) ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แนะนำให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยใช้เป็นแนวทางในการประเมินหรือทบทวนความเพียงพอของระบบการควบคุมภายในของบริษัทด้วยตนเอง จากการพิจารณาตามแนวทางดังกล่าว คณะกรรมการตรวจสอบได้แสดงความเห็นว่า สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 บริษัทมีระบบการควบคุมภายในในด้านการเงิน การดำเนินงาน การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เพียงพอและมีประสิทธิผล นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยงและคณะกรรมการตรวจสอบ จะสอบทานความเพียงพอและความมีประสิทธิผลของระบบการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในของบริษัทปีละหนึ่งครั้ง จากระบบการควบคุมภายในและกระบวนการบริหารความเสี่ยงที่บริษัทได้กำหนดขึ้นและถือปฏิบัติอยู่อย่างต่อเนื่อง การตรวจสอบอย่างเป็นอิสระโดยผู้ตรวจสอบภายในและ ระบบการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงของกลุ่มบริษัทไทยเบฟที่มีในรอบระยะเวลาบัญชีข้างต้น สามารถให้ความมั่นใจอย่างสมเหตุสมผล แต่ไม่สามารถรับรองอย่างสมบูรณ์ว่า บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจคาดการณ์ได้ในความมุ่งมั่นที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ในการนี้ คณะกรรมการบริษัททราบดีว่า ไม่มีระบบการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงใดที่จะสามารถรับรองได้อย่างสมบูรณ์ว่า ข้อผิดพลาดที่มีสาระสำคัญ การพิจารณาตัดสินใจที่ขาดการไตร่ตรอง การปฏิบัติ ที่ผิดพลาด การสูญเสีย การทุจริตหรือรายการผิดปกติต่าง ๆ จะไม่เกิดขึ้น หลักเกณฑ์ที่ 10 คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการตรวจสอบได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริษัท ประกอบด้วยกรรมการอิสระ 4 ท่าน ซึ่งมีสัญชาติไทย 3 ท่าน และสัญชาติสิงคโปร์ 1 ท่าน สำหรับรายชื่อประธานกรรมการตรวจสอบและกรรมการตรวจสอบ โปรดพิจารณาในหลักเกณฑ์ที่ 1 การปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัท จากคุณวุฒิของประธานกรรมการตรวจสอบและกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่าประธานกรรมการตรวจสอบและกรรมการตรวจสอบมีคุณสมบัติครบถ้วนและเหมาะสมในการปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบ ซึ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการตรวจสอบได้กำหนดไว้ในกฎบัตรของ คณะกรรมการตรวจสอบ อาทิ สอบทานกระบวนการจัดทำรายงานทางการเงินและการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทและบริษัทย่อยให้มีความถูกต้อง ครบถ้วนเป็นที่เชื่อถือได้ ทำหน้าที่ดูแลให้บริษัทและบริษัทย่อยมีระบบ การตรวจสอบภายในและการควบคุมภายในที่เหมาะสมและมีประสิทธิผล สอบทานให้บริษัทและบริษัทย่อยปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ สอบทานการทำธุรกรรมของบริษัทและบริษัทย่อยกับ บุคคลที่มีส่วนได้เสียเพื่อป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์และการพิจารณาคัดเลือกผู้สอบบัญชีของบริษัทและบริษัทย่อย เป็นต้น ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับการพิจารณาและคัดเลือกผู้สอบบัญชีของบริษัทและบริษัทย่อยนั้น คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาคัดเลือกผู้สอบบัญชี ที่มีความรู้ความสามารถ ความชำนาญในวิชาชีพ ผลการปฏิบัติงานอันเป็นที่ยอมรับ ความเป็นอิสระในการให้บริการตรวจสอบบัญชีโดยต้องไม่มีความสัมพันธ์หรือส่วนได้เสียกับบริษัทและบริษัทย่อย รวมถึงมีการให้บริการทางวิชาชีพอื่นนอกเหนือจากการสอบบัญชีที่จะมีผลกระทบต่อความเป็นอิสระของผู้สอบบัญชี นอกจากนี้ คณะกรรมการตรวจสอบยังได้พิจารณาว่า ซึ่งที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ได้มีมติแต่งตั้ง นางสาวสุรีย์รัตน์ ทองอรุณแสง (ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเลขที่ 4409) หรือนางสาวกนกอร ภูริปัญญวานิช (ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเลขที่ 10512) หรือนางวิไล บูรณกิติโสภณ (ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเลขที่ 3920) คนใดคนหนึ่งของบริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จำกัด เป็นผู้สอบบัญชีของบริษัทในการ ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 ซึ่งการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีดังกล่าว เป็นไปตามข้อ 712 และ 713 (1) ของคู่มือเกี่ยวกับการรับหลักทรัพย์ โดยปกติ ไทยเบฟและบริษัทย่อยในกลุ่มรวมถึงบริษัทร่วมที่สำคัญของบริษัท ได้แต่งตั้งบริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จำกัด (“เคพีเอ็มจี ประเทศไทย”) และสำนักงานสอบบัญชีในกลุ่มเคพีเอ็มจีในประเทศต่าง ๆ ตามที่เปิดเผยไว้เป็นผู้สอบบัญชี โดยบริษัทย่อยที่สำคัญของไทยเบฟ ได้แก่ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เบฟเวอเรจ โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด และอินเตอร์เบฟ อินเวสท์เมนท์ ลิมิเต็ด ได้แต่งตั้งเคพีเอ็มจี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นผู้สอบบัญชี และบริษัท ไซ่ง่อน เบียร์ -แอลกอฮอล์- เบฟเวอเรจ คอร์เปอเรชั่น ได้แต่งตั้งเคพีเอ็มจี ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นผู้สอบบัญชี ตามลำดับ สำหรับเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ, ลิมิเต็ด และเฟรเซอร์ส ตามงบการเงินสำหรับสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 กลุ่มบริษัทไทยเบฟ ซึ่งประกอบด้วย ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับการสอบทาน รายงานทางการเงิน การควบคุมภายในและระบบการตรวจสอบภายใน การปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และรายการที่เกี่ยวโยงหรือรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ คณะกรรมการตรวจสอบจะประชุมร่วมกับผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายใน และผู้บริหาร ตามหัวข้อที่เกี่ยวข้อง เคพีเอ็มจี ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท ได้สรุปให้กรรมการตรวจสอบทราบในที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ ไตรมาส และเมื่อมีกรณีจำเป็นเร่งด่วนตามที่คณะกรรมการตรวจสอบเห็นสมควร เกี่ยวกับขอบเขต และผลการตรวจสอบหรือการสอบทาน รายการทางบัญชีที่สำคัญจากการสอบทาน/ตรวจสอบ และการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการบัญชีและการสอบบัญชีที่เกี่ยวข้องและประเด็นที่มีผลกระทบโดยตรงต่องบการเงิน ของบริษัท สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 นอกเหนือจากการประชุมตามปกติ คณะกรรมการตรวจสอบยังได้จัดประชุมหนึ่งครั้งร่วมกับผู้สอบบัญชีและผู้ตรวจสอบภายในโดยไม่มีฝ่ายบริหารเข้าร่วม กลุ่มบริษัทไทยเบฟมีนโยบายการรับข้อร้องเรียน (Whistleblowing Policy) เพื่อเป็นช่องทางให้กรรมการ บริษัทจัดตั้งสำนักตรวจสอบภายในซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระขึ้นภายในบริษัท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการบริษัทผ่านคณะกรรมการตรวจสอบ ด้วยการประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการบริหารความเสี่ยง ระบบการควบคุมภายในและการกำกับดูแลกิจการ ในการนี้ คณะกรรมการตรวจสอบ จะอนุมัติแต่งตั้ง ถอดถอน โยกย้ายหรือเลิกจ้างผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบภายในซึ่งเป็นหัวหน้าของหน่วยงานตรวจสอบภายใน รวมถึงประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบภายใน ค่าตอบแทนของ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 สำนักตรวจสอบภายในได้ดำเนินการตรวจสอบตามแผนการตรวจสอบภายในที่เสนอและได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการตรวจสอบ รายงานประเด็นที่ตรวจพบ และข้อเสนอแนะของ เพื่อให้แน่ใจว่าการตรวจสอบภายในดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ สำนักตรวจสอบภายในจะสรรหาว่าจ้างพนักงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็น พนักงานเหล่านี้จะได้รับโอกาสในการฝึกอบรมและพัฒนาในเรื่องที่เกี่ยวข้องและโอกาสในการพัฒนาเพื่อเพิ่มเติมความรู้ทางเทคนิคและทักษะการตรวจสอบ นอกจากนี้ พนักงานยังได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนในการพัฒนาความชำนาญทางวิชาชีพด้วยการสอบวุฒิบัตรวิชาชีพผู้ตรวจสอบภายใน ได้แก่ ประกาศนียบัตรผู้ตรวจสอบภายในวิชาชีพรับอนุญาต (Certified Internal Auditor : CIA) หรือประกาศนียบัตรผู้ตรวจสอบภายในของประเทศไทย (Certified Professional Internal Audit of Thailand : CPIAT) หรือวุฒิบัตรทางวิชาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบได้ประเมินผลการปฏิบัติงานของสำนักตรวจสอบภายในเป็นประจำทุกปีและจากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น มีความเห็นว่า หน่วยงานตรวจสอบภายในของกลุ่มไทยเบฟปฏิบัติงานตามหน้าที่อย่างเป็นอิสระ มีประสิทธิภาพ และมีทรัพยากรที่เพียงพอ ง. สิทธิของผู้ถือหุ้นและความรับผิดชอบ หลักเกณฑ์ที่ 11 สิทธิของผู้ถือหุ้นและการจัดประชุมผู้ถือหุ้น บริษัทตระหนักและให้ความสำคัญต่อสิทธิของผู้ถือหุ้นในฐานะเจ้าของบริษัท จึงดูแลให้มีการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกันและเป็นธรรม โดยจัดให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง โปร่งใส และทันต่อเวลา ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGXNET) ทั้งนี้ บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบอย่างเพียงพอสำหรับการพิจารณาหรือตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ โดยข้อมูลข่าวสารที่ได้รับจะมีความถูกต้อง ครบถ้วน โปร่งใส เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อประกอบการตัดสินใจ ในการประชุมผู้ถือหุ้น รวมทั้งการออกเสียงลงคะแนนและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและการแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทโดยอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน โปร่งใส และ สำหรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลได้เปิดเผยไว้ในข้อมูลสำหรับนักลงทุนของรายงานประจำปีฉบับนี้ ในการประชุมผู้ถือหุ้น บริษัทจะดำเนินการตามลำดับระเบียบวาระที่ได้แจ้งไว้ในหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น โดยบริษัทได้จัดส่งหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นพร้อมเอกสาร และข้อมูลประกอบการประชุม ที่มีรายละเอียดครบถ้วนเพียงพอ อีกทั้งบริษัทยังได้ประกาศข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGXNET) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นมีเวลาอย่างเพียงพอในการศึกษาข้อมูลดังกล่าวได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ บริษัทได้ลงประกาศเชิญประชุมผู้ถือหุ้นในหนังสือพิมพ์รายวันในประเทศสิงคโปร์ (เป็นเวลา 1 วัน) ไม่น้อยกว่า ประธานกรรมการ ประธานกรรมการตรวจสอบ ประธานกรรมการสรรหา และประธานกรรมการพิจารณาผลตอบแทน รวมถึงกรรมการซึ่งเป็นผู้บริหารเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อตอบข้อซักถามของผู้ถือหุ้น รวมทั้งผู้สอบบัญชีจากเคพีเอ็มจี ประเทศไทย จะเข้าร่วมประชุมเพื่อตอบข้อซักถามเกี่ยวกับวิธีการตรวจสอบบัญชีและเนื้อหาในหน้ารายงานความเห็นของผู้สอบบัญชี ก่อนเริ่มการประชุมทุกครั้ง ประธานที่ประชุมจะชี้แจงวิธีการลงคะแนนและนับคะแนนตามที่ระบุไว้อย่างชัดเจน และในระหว่างการประชุมประธานที่ประชุมจะ เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นสอบถามและแสดงความคิดเห็น รวมทั้งข้อเสนอแนะต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ ในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 บริษัทได้เชิญตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ของบริษัท ได้แก่ สำนักตรวจสอบภายใน สำนักกฎหมาย และสายงานกำกับดูแล เป็นคณะกรรมการตรวจนับคะแนน รวมทั้งเชิญผู้ถือหุ้นจำนวน 1 ท่าน เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการตรวจนับคะแนน และเชิญตัวแทนจาก เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เข้าร่วมเป็นผู้ตรวจสอบอิสระในการตรวจนับคะแนนเสียง (Scrutineer) ซึ่งการแต่งตั้งผู้ตรวจสอบอิสระในการนับคะแนนเสียงดังกล่าว เป็นไปตามข้อ 730เอ (3) และ (4) ของคู่มือเกี่ยวกับการรับหลักทรัพย์ ประธานในที่ประชุมจะตอบคำถามและให้ข้อมูลต่าง ๆ อย่างครบถ้วน ตามที่ผู้ถือหุ้นร้องขอ โดยบริษัทจะเปิดเผยมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGXNET) ทันที ภายหลังจากการประชุมและก่อนช่วงก่อนเปิดตลาด (pre-opening session) ในวันทำการถัดจากวันประชุม สำหรับรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นจะถูกบันทึกไว้อย่างถูกต้องและครบถ้วนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยผู้ถือหุ้นสามารถขอตรวจสอบได้ บริษัทส่งเสริมให้ผู้ถือหุ้นใช้บัตรลงคะแนนเสียงสำหรับทุกระเบียบวาระ ซึ่งจะทำการเก็บบัตรลงคะแนนดังกล่าวในห้องประชุม เพื่อนำผลคะแนนมารวม ก่อนทำการประกาศผลการนับคะแนนของผู้ถือหุ้นในห้องประชุม และเพื่อความโปร่งใสบริษัทจะประกาศรายละเอียดผลการลงคะแนนทั้งส่วนที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย และงดออกเสียง ของแต่ละมติ โดยแจกแจงเป็นคะแนนและอัตราส่วนร้อยละ ตลอดจนจัดเก็บบัตรลงคะแนน (ที่มีการลงลายมือชื่อของผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะไว้) เพื่อการอ้างอิงในอนาคต ภายใต้หลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ตามที่กำหนดไว้ในคู่มือเกี่ยวกับการรับหลักทรัพย์ในเรื่องการจัดประชุมผู้ถือหุ้น ในประเทศสิงคโปร์ ข้อ 730เอ (1) และแนวปฏิบัติ 7.5 กำหนดว่า (เว้นแต่ได้รับการยกเว้นจากตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์) บริษัทจดทะเบียนที่ออกหลักทรัพย์เพื่อจำหน่ายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เป็นตลาดแรก ถูกกำหนดให้จัดประชุมผู้ถือหุ้นในประเทศสิงคโปร์ เว้นแต่มีข้อจำกัดของกฎหมายห้ามมิให้บริษัทจดทะเบียนดำเนินการดังกล่าว และบริษัทจดทะเบียนควรจัดให้มีช่องทางอื่น ๆ ในการให้ผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมในการประชุม เช่น การเผยแพร่ภาพวีดีโอบนอินเตอร์เน็ต (webcast) และการประชุมเพื่อให้ข้อมูล เพื่อให้ผู้ถือหุ้นสามารถเข้าถึงคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงได้ ในเรื่องนี้ ตามประกาศของบริษัทเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 ไทยเบฟได้หารือกับตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว และตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ได้ให้ความเห็นว่า หลักเกณฑ์ข้อ 730เอ(1) ของคู่มือเกี่ยวกับการรับหลักทรัพย์ไม่ใช้บังคับกับไทยเบฟ ดังนั้น ไทยเบฟสามารถดำเนินการจัดประชุมผู้ถือหุ้นในประเทศไทยต่อไป โดยไม่ต้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นในประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ ข้อ 2.4 ของแนวปฏิบัติ 7.5 ของคู่มือเกี่ยวกับการรับหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ก็ไม่มีข้อคัดค้านในการที่ไทยเบฟจะไม่จัดให้มีการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (video conference) และเผยแพร่ภาพวีดีโอบนอินเตอร์เน็ต (webcast) ต่อผู้ถือหุ้นในประเทศสิงคโปร์เพื่อติดตามกระบวนการประชุมในระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นนั้น บริษัทประสงค์จะให้เหตุผลสำคัญเกี่ยวกับการจัดประชุมผู้ถือหุ้นในประเทศไทยต่อไป ดังนี้
แม้ว่าจะมีข้อห้ามตามกฎหมายที่กล่าวมาข้างต้น และในปี 2563 มาตรการรักษาระยะห่างซึ่งกำหนดโดยรัฐบาลสิงคโปร์ รวมทั้งไทยเบฟได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมประชุม บริษัทจึงได้จัดการประชุมประจำปีเพื่อสื่อสารระหว่างไทยเบฟกับผู้ฝากหลักทรัพย์ในประเทศสิงคโปร์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในวันที่ 19 มิถุนายน 2563 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้รับฝากหลักทรัพย์ได้รับฟังข้อมูลและความคิดเห็นจากกรรมการและผู้บริหารระดับสูง ซึ่งบริษัทได้เปิดเผยคำตอบสำหรับคำถามที่สำคัญและเกี่ยวข้องจากผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการประชุมให้ข้อมูลประจำปีไว้บน SGXNET ในวันเดียวกัน ทั้งนี้ หน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัทมีแผนจะจัดการประชุมให้ข้อมูลประจำปี (ไม่ว่าจะจัดในสิงคโปร์หรือจัดในรูปแบบการประชุมเสมือนจริง (Virtual Meeting) โดยให้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ COVID-19 และ ข้อจำกัดด้านการเดินทางและความปลอดภัยที่เกิดขึ้นในขณะนั้น) ในไม่ช้าหลังจากการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีในประเทศไทยแล้วเสร็จ โดยผู้เข้าร่วมประชุมจะมีโอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและผลการดำเนินงานของบริษัท กับกรรมการและผู้บริหารระดับสูง ทั้งนี้ ขอเรียนให้ทราบว่า เพื่อให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติปัจจุบันของบริษัท ผู้ฝากหลักทรัพย์ (และตัวแทนรับฝากหลักทรัพย์) ซึ่งมีหุ้นของบริษัทฝากไว้ในบัญชีหลักทรัพย์ซึ่งเปิดไว้กับซีดีพี สามารถสั่งให้ซีดีพีใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนตามจำนวนหุ้นซึ่งฝากไว้ในบัญชีหลักทรัพย์ของตน โดยกรอกแบบคำสั่งการออกเสียงลงคะแนนและจัดส่งแบบดังกล่าวมายังซีดีพีตามวันที่กำหนดไว้ ซึ่งแบบคำสั่งการออกเสียงลงคะแนนดังกล่าวจะระบุวาระการประชุมที่จะพิจารณาในการประชุมผู้ถือหุ้นในลักษณะเดียวกับหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น ดังนั้น ในทางปฏิบัติ หลักเกณฑ์ที่ 12 การสื่อสารกับผู้ถือหุ้น นโยบายด้านนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัทแม้ยังไม่เป็นทางการ แต่บริษัทมีแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างสม่ำเสมอ และส่งเสริมให้มีการสื่อสารกับผู้ถือหุ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งนี้ การสื่อสารกับผู้ถือหุ้นนั้นมิใช่มีเพียงแค่การประกาศผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGXNET) เท่านั้น แต่ยังดำเนินการผ่านหน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์ซึ่งทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้บริหารระดับสูง เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลต่าง ๆ ถึงผู้ถือหุ้นได้อย่างเต็มที่ หน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์มีหน้าที่จัดการประชุมทางโทรศัพท์เพื่อสรุปผลประกอบการหลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นสามารถสอบถาม ในขณะเดียวกัน หน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์ยังมีหน้าที่รายงานให้ผู้บริหารทราบความคิดเห็นหรือข้อกังวลใจของนักลงทุนด้วย ท่านสามารถหารายละเอียดที่อยู่และข้อมูลการติดต่อหน่วยงานดังกล่าวได้จากข้อมูลสำหรับนักลงทุนในรายงานประจำปีฉบับนี้ หรือจากหัวข้อนักลงทุนสัมพันธ์ในเว็บไซต์ของบริษัทที่ http://www.thaibev.com/ir.html |