ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ในอำเภอพนมสารคาม ถือเป็นปฐมบทของศูนย์ศึกษาพัฒนาแห่งประเทศไทย แสดงให้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของการพลิกฟื้นผืนดิน ที่ได้จากการศึกษา ทดลอง ทดสอบ และวิจัยขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเล็งเห็นว่าควรจะมีพื้นที่แสดงองค์ความรู้ด้านการเกษตรในรูปแบบต่างๆ แบบครบวงจร ให้เกษตรกรไทยได้เข้ามาเรียนรู้ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและชุมชน ซึ่งศูนย์ศึกษาฯ นี้ เปิดต้อนรับคนทุกระดับ นักท่องเที่ยว ประชาชน นักเรียน นักศึกษา นักวิชาการ เกษตรกร และผู้ที่สนใจต้องการศึกษาดูงานด้านการพัฒนาในด้านต่างๆ และได้เที่ยวชมสวนรุกขชาติแบบได้ความรู้ติดตัวไปด้วย ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ในตำบลเขาหินซ้อน ริมทางหลวงเส้นฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี (304) ช่วง กม.51-52 ห่างจากตัวอำเภอพนมสารคามมาประมาณ 15 กิโลเมตร ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน สืบเนื่องมาจากการเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2522 เพื่อทรงทำพิธีเปิดศาลพระบวรราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เวลานั้นเองได้มีราษฎร 7 ราย ร่วมกันน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินส่วนตัว ในพื้นที่เขาหินซ้อน เป็นจำนวน 264 ไร่ เพื่อสร้างพระตำหนัก แต่ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล พระองค์ทรงดำรัสขึ้นว่า "…ก็เลยถามผู้ที่ให้นั้น ถ้าหากไม่สร้างตำหนัก แต่ว่าจะสร้างเป็นสถานที่ที่จะศึกษาเกี่ยวกับการเกษตรจะเอาไหม เขาก็บอกยินดี ก็เลยเริ่มทำในที่นั้น..." วันที่ 8 สิงหาคม จึงถือเป็นวันกำเนิดศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา ในเวลาต่อมาราษฎรได้น้อมเกล้าถวายที่ดินเพิ่มเติม ทำให้ศูนย์ศึกษาฯ มีเนื้อที่เพิ่มเติมเป็น 1,240 ไร่ และพระองค์ทรงซื้อที่ดินส่วนพระองค์ในบริเวณติดกันเพิ่มเติม เพื่อทำโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ ในเนื้อที่อีกจำนวน 655 ไร่ จึงกลายเป็นพื้นที่ความรับผิดชอบของศูนย์ฯ ทั้งหมด 1,895 ไร่ เมื่อย้อนกลับไปในช่วงที่ราษฎรในพื้นที่เขาหินซ้อน* ได้น้อมเกล้าถวายที่ดินแด่พระองค์ท่านนั้น ที่ดินบริเวณดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่มีดินเสื่อมโทรม แห้งแล้ง เนื้อดินเป็นดินทราย ไม่อุ้มน้ำ ขาดความอุดมสมบูรณ์ ราวกับทะเลทราย ว่ากันว่าแม้แต่มันสำปะหลังที่ทนต่อความแล้งมากที่สุด ยังปลูกไม่ขึ้น ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะการให้สัมปทานป่าไม้ จึงมีการตัดโค่นต้นไม้ การบุกรุกพื้นที่จากชาวบ้านเพื่อใช้เป็นที่ทำกิน การปลูกพืชไร่เชิงเดี่ยว การใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงมากเกินไป จากหลายสาเหตุทำให้ดินเสื่อมสภาพ ดินจืดและกลายเป็นดินทรายในที่สุด * แต่เดิมพื้นที่ในเขตอำเภอพนมสารคาม เคยเป็นป่าดงดิบผืนใหญ่แห่งภาคตะวันออก มีความอุดมสมบูรณ์จนได้ชื่อว่าเป็น "ป่าพนมสารคาม" มีเขาหินก้อนเล็กบ้างใหญ่บ้างอยู่แซมตามพื้นที่ทั่วไป จึงเรียกว่า "เขาหินซ้อน" ศูนย์ศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อน ได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นการสาธิตการพัฒนาเบ็ดเสร็จ ให้ประชาชนในท้องถิ่นได้เห็นตัวอย่าง ในการปรับปรุงพื้นที่ที่เคยสูญเสียสภาพการใช้งาน พลิกฟื้นคืนความสมบูรณ์แบบวิธีธรรมชาติ โดยการศึกษา และนำความรู้ วิทยาการแผนใหม่ มาปรับใช้ จนกระทั่งปัจจุบัน 3 ทศวรรษของศูนย์ศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อน ได้ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ กลายเป็น "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต" (Living Natural Museum) ที่ให้ผู้คนมาเยี่ยมชมผลงาน ที่เกิดจากพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงทดลอง ทดสอบ และศึกษาองค์ความรู้ด้านการเกษตร จนทำให้ความเป็นป่าธรรมชาติค่อยๆ กลับคืนมาอีกครั้ง นอกจากนี้ ศูนย์ศึกษาฯ ยังเป็น "ห้องสมุดขนาดใหญ่" ที่รวบรวม และพร้อมที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ในด้านต่างๆ ให้แก่ผู้ที่สนใจด้วย เนื่องจากศูนย์ศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อนมีพื้นที่กว้างมาก จึงมีการจัดแบ่งพื้นที่เป็นส่วนต่างๆ ไว้สำหรับให้เข้าชม เมื่อเข้าไปในบริเวณศูนย์ศึกษาจะได้รับความร่มรื่น จากต้นไม้นานาชนิด ราวกับสวนรุกขชาติ มีพื้นที่ให้เดินเล่น เที่ยวชม เดินดูงานในจุดต่างๆ รวมถึงมีบริเวณสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจด้วย ก่อนที่จะชมพื้นที่ทั้งหมดของศูนย์ศึกษาฯ อันดับแรกที่แนะนำ คือ อาคารจัดแสดงนิทรรศการ เป็นการแสดงถึงเรื่องราวความเป็นมาของการจัดตั้งศูนย์ศึกษาฯ มีโมเดลจำลองการทำทฤษฎีใหม่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับการเที่ยวชมศูนย์ศึกษาฯ จะต้องขับรถเข้าไปในจุดต่างๆ หรือหากมาเป็นหมู่คณะ ก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะมีรถรางพานำชม พร้อมด้วยวิทยากรบรรยายส่วนต่างๆ ภายในศูนย์ศึกษาฯ ให้เข้าใจยิ่งขึ้น บริเวณด้านหน้าศูนย์ศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อน จะมีแผนที่ขนาดใหญ่ ที่ให้เห็นพื้นที่ภายในศูนย์ศึกษาฯ ทั้งหมด และแบ่งเป็นจุดที่น่าสนใจใหญ่ๆ ทั้งหมด 9 จุด หรือที่เรียกว่า "9 มหามงคล" แต่ละจุดสามารถขับรถวนชมได้รอบ 1. โพศรีมหาโพธิ 2. ห้วยเจ็ก 3. สวนป่าสมุนไพรเขาหินซ้อน การให้บริการอบสมุนไพรแก่คนทั่วไป เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 โดยนำสมุนไพรที่ใช้อบ 7 ชนิดได้แก่ ใบหนาดใหญ่ ใบตะไคร้หอม ใบและผลมะกรูด ใบส้มป่อย ใบเปล้าใหญ่ หัวไพล และผงการบูร นำมาทำเป็นสูตรสมุนไพรส่งเสริมสุขภาพ บำรุงผิวพรรณ และทำให้ร่างกายสดชื่น โดยภายในศูนย์ศึกษาฯ มีอาคารนวดแผนไทย เป็นอาคารชั้นเดียว แบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องละ 2 เตียง มีห้องน้ำ ห้องสุขา อยู่ด้านหลังอาคาร รอบอาคารตกแต่งร่มรื่น เป็นการพักผ่อนไปในตัวด้วย เปิดบริการวันเสาร์ อาทิตย์ เวลา 8.00 - 16.00 น. 4. ศาลาเทิดพระเกียรติ 5. พระตำหนักสามจั่ว 6. พลับพลาพระราม 7. โรงสีข้าวพระราชทาน 8. หญ้าแฝก 9.
ทฤษฎีใหม่ นอกจากนี้ ทางศูนย์ศึกษาฯ ยังมีการแนะนำองค์ความรู้เพื่ออาชีพ ในสาขาวิชาต่างๆ เช่น ** น้ำส้มควันไม้ เป็นสารป้องกันศัตรูพืชแบบธรรมชาติ ช่วยปรับปรุงดิน และเป็นตัวเริ่งปฏิกิริยาในการเจริญเติบโตของพืช กระบวนการทำน้ำส้มควันไม้ มาจากการควบแน่นของควันที่เกิดจากการเผาถ่าน ในขณะที่เผา
ช่วงที่ไม้กำลังเปลี่ยนเป็นถ่าน (เรียกว่ากระบวนการคาร์บอนไนเซชั่น) เมื่อทำให้เย็นลงจนควบแน่นแล้ว จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ของเหลวที่ได้จะเรียกว่า "น้ำส้มควันไม้" ซึ่งมีความเป็นกรดสูง ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดอะซิติก มีความเป็นกรดดำ มีสีน้ำตาลแดง วิธีการทำ จะนำนำ้ส้มควันไม้ที่ได้ทิ้งไว้ในภาชนะพลาสติกประมาณ 3 เดือน เก็บไว้ในที่ร่ม เมื่อนำมาสั่นสะเทือนให้ตกตะกอน จะแยกตัวเป็น 3 ชั้น คือ น้ำมันเบา น้ำส้มไม้ และน้ำมันทาร์ จากนั้นแยกน้ำส้มไม้มาใช้ประโยชน์ต่อไป ข้อแนะนำ การเดินทาง
ข้อมูลการติดต่อ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน ที่อยู่ 7 หมู่ 2 ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา 24120 ข้อมูลจากแหล่งอื่น และ รีวิว Pantip :1 |