กาแฟอเมริกาโน่ ใส่อะไรบ้าง

เคยไหม สั่งเมนูลาเต้เย็นเข้มข้นหวานมัน !!!

เคยไหม สั่งเมนูกาแฟเย็นแต่เอานมด้วย !!!

เคยไหม สั่งกาแฟเย็นแต่ไม่ใส่นม !!!

เรามาทำความรู้จักเมนูกาแฟต่างๆในร้านกาแฟกันเถอะ ว่ามีเมนูอะไรบ้างและควรสั่งอย่างไร 

1. Espresso (เอสเพรสโซ่)

กาแฟอเมริกาโน่ ใส่อะไรบ้าง

- คำว่า Espresso มาจากคำภาษาอิตาลี "espresso" แปลว่า เร่งด่วน     
- จุดเริ่มต้นของเมนูกาแฟทุกอย่างล้วนมาจาก Espresso shot 
- Espresso shot คือ กาแฟที่ได้จากการสกัดกาแฟจากเครื่องชงกาแฟ 1 shot มีปริมาตรเท่ากับ 30 mL หรือ 1 oz
- เมนู Espresso ในร้านส่วนใหญ่จะประกอบด้วย Espresso ร้อน และ Espresso เย็น ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีเมนู Espresso เย็นในต่างประเทศ (อย่าไปสั่งกันหละไม่งั้นจะได้กาแฟ Espresso + น้ำแข็ง) ส่วนเมนู Espresso เย็นในบ้านเราคือการนำ Espresso 1-2 shot (แล้วแต่สูตรทางร้าน) ผสมกับนมข้นหวานและนมข้นจืด อาจใส่นมสดแทนในบางร้าน ดูไปดูมาสูตรคล้ายกาแฟโบราณใช่ไหมหละ

2. Americano (อเมริกาโน่)

กาแฟอเมริกาโน่ ใส่อะไรบ้าง

- เมนูยอดฮิต อีกเมนูหนึ่ง เรียกบ้านๆ คือกาแฟดำนั่นแหละ ส่วนประกอบของ Americano ร้อนคือ การนำ Espresso 1 shot ใส่น้ำร้อน (ปริมาณน้ำขึ้นอยู่กับสูตรของทางร้านและเมล็ดกาแฟของร้านร้านนั้นๆ)  ส่วนเมนู Americano เย็น ในไทยแบ่งเป็น 2 แบบ
1. Americano เย็นปกติ คนส่วนมาจะสั่ง Americano เย็น ไม่หวาน/ไม่เอาน้ำตาล/ไม่ใส่น้ำเชื่อม ก็จะได้กาแฟ Espresso 1-2 shot +น้ำเปล่าให้เต็มแก้วเพื่อให้กาแฟเจือจางลง ไม่เข้มเท่า Espresso shot
2. Americano หวานปกติ คล้ายๆกับการสั่ง Americano เย็นทั่วไปแต่ใส่น้ำเชื่อม ไม่เกิน 30 mL ถึง 1 oz ไม่งั้นจะได้รสชาติหวานแหลม

3. Latte (ลาเต้)

กาแฟอเมริกาโน่ ใส่อะไรบ้าง

- Latte แปลว่านม ปกติชื่อเต็มของเมนูกาแฟในภาษาอิตาลีคือ caffè latte หรือแปลว่า กาแฟนมนั่นแหละ ส่วนประกอบของ Latte คือกาแฟบวกนม ซึ่งสัดส่วนปกติจะอยู่ที่ กาแฟ Espresso shot 1 ส่วน และนม 2 ส่วน โดยมีฟองนมหรือโฟมนมอยู่ข้างบนผิวประมาณ 1 cm (ฟองนมไม่เยอะมาก)
- ส่วน เมนู Ice latte หรือ ลาเต้เย็น ก็จะประกอบด้วย Espresso shot + นม ซึ่งสามารถแตกออกเป็นเมนูย่อยได้ จากการใส่ไซรัปหรือน้ำเชื่อมกลิ่นต่างๆ เช่น caramel latte , halzenut latte, vanilla latte เป็นต้น
- นอกจากนี้การทำลาเต้ร้อนสามารถสร้างสรรค์ผลงานให้กลายเป็นเลต้อาร์ท (Latte art) หรือการใช้นมในการวาดลวดลายลงบนกาแฟให้เป็นรูปต่างๆไม่ว่าจะเป็น หัวใจ ดอกไม้ หรือแม้กระทั่งสัตว์ต่างๆ

4. Cappuccino (คาปูชิโน)

กาแฟอเมริกาโน่ ใส่อะไรบ้าง

- เมนูยอดฮิตในหมู่ลูกค้ากาแฟเย็น ซึ่งเมนูกาแฟคาปูชิโน่สามารถพูดง่ายๆได้ว่า มันคือกาแฟผสมฟองนมหรือโฟมนม บางคนอาจจะสงสัยว่าต่างจากเมนูลาเต้อย่างไร สำหรับเมนูร้อนให้ใช้ช้อนตวัดตรงฟองนมจะเห็นความหนาของชั้นฟองนมมากระดับนึง นั่นแหละคือ เมนูคาปูชิโน่ร้อน สัดส่วนของเมนูคาปูชิโน่ร้อน ส่วนใหญ่จะประกอบด้วย Espresso shot 1 ส่วน ผสมกับ โฟมนม 2 ส่วน (ผสมนมด้วยได้นิดหน่อย)  ส่วนวิธีดูกาแฟคาปูชิโน่เย็นให้ดูจากฟองนมที่โปะอยู่ข้างบน ถ้ามีฟองนั่นแหละคาปูชิโน่เย็น
 - จริงๆแล้ว เอกลักษณ์ของคาปูชิโน่ไม่ได้มีที่ฟองนม แต่เป็น การโรยผง Cinnamon หรือเรียกบ้านๆ ว่า อบเชย (ผงสีส้มกลิ่นแรงๆ) ในประเทศไทยยังมีลูกค้าบางส่วนที่ไม่ชอบ จึงใช้ผงโกโก้โรยแทน

5. Mocha (มอคค่า)

กาแฟอเมริกาโน่ ใส่อะไรบ้าง

- อีกหนึ่งเมนูสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทานกาแฟ มันคือ Espresso shot + โกโก้นั่นเอง ทำให้ได้รสชาติกาแฟผสมโกโก้ ได้รสชาติที่เข้มข้นของกาแฟและได้กลิ่นของโกโก้อีกด้วย มอคค่าร้อนในบางร้านอาจจะเสริมฟองนมไว้บนผิวกาแฟเพื่อเพิ่มความน่ารับประทาน
- ส่วน มอคค่าเย็น จะมีการเพิ่มในส่วนของ นมข้นหวานหรือไซรัปเพิ่มความหวานเข้าไปให้น่ารับประทานมากขึ้นอีกด้วย

6. Macchiato (มัคคิอาโต้)

กาแฟอเมริกาโน่ ใส่อะไรบ้าง

- วิธีเข้าใจง่ายๆ คือการทำกาแฟลาเต้ แบบแยกชั้นระหว่างนมกับกาแฟ Espresso shot โดยนม วิธีการทำคือจะใส่นมธรรมดาหรือผสมด้วยไซรัปต่างๆไปก่อน ตามด้วยการค่อยๆเท Espresso shot ลงบนนม จะทำให้เกิดการแยกชั้นเพราะ น้ำกาแฟมีความหนาแน่นน้อยกว่านม เมนูนี้เกิดมาเพื่อสร้างความสนุกและสีสันให้กับวงการกาแฟมากขึ้นเมื่อคนให้เข้ากันก็จะได้รสชาติเหมือนลาเต้
- สามารถใส่ไซรัปได้เหมือนเมนูลาเต้ ทำให้แยกเป็นเมนูย่อยๆ เช่น caramel macchiato 

7. Frappe (เฟร้บเป้)

กาแฟอเมริกาโน่ ใส่อะไรบ้าง

- หากเมนูใดมีคำว่า Frappe ให้รู้ไว้ได้เลยว่า เป็นการปั่น และมีการใส่วิปครีมแน่นอน เช่น chocolate frappe 


8. Affogato (อัฟโฟกาโต)

กาแฟอเมริกาโน่ ใส่อะไรบ้าง

- ในภาษาอิตาลี แปลว่า "จม" หรือ "ถูกทำให้จม" เป็นเมนู ไอศกรีมวนิลา ราดด้วย Espresso shot เหมาะผู้เริ่มต้นทานกาแฟ

ถ้าเปรียบเทียบร้านกาแฟโบราณกับร้านกาแฟสากลตามห้างร้านเรามักจะพบว่าเมนูบางอย่างแม้ชื่อจะต่างแต่ลักษณะคล้ายกันไม่ผิดเพี้ยนยกตัวอย่างเช่นอเมริกาโน่กับโอเลี้ยงที่ทุกคนต่างก็รู้ว่าทั้งสองแบบก็คือกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลเหมือนกันแล้วมันแตกต่างกันยังไงล่ะนั่นมาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยดีกว่าครับ

อเมริกาโน่

กาแฟดำ หรืออีกชื่อตามสไตล์ตะวันตก คืออเมริกาโน่เป็นกาแฟสดที่ได้มาจากการชงด้วยกาแฟคั่วบด หรือจะเป็นกาแฟซองธรรมดาที่ไม่ได้เติมนมหรือน้ำตาลลงไป ซึ่งหลักๆ จะเป็นเอสเปรสโซ่ 1 ช็อตกับน้ำเพื่อให้เจือจางสำหรับแบบร้อน แต่แบบเย็นอาจจะมีการผสมน้ำเชื่อมเพิ่มรสหวานลงไปด้วย

โอเลี้ยง

โอเลี้ยง เครื่องดื่มชนิดนี้มีที่มาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว คำว่า “โอ” แปลว่าดำ คำว่า “เลี้ยง” แปลว่าเย็น ดังนั้นโอเลี้ยงจึงหมายถึงเครื่องดื่มเย็นสีดำ โอเลี้ยงมีส่วนผสมมาจากผงกาแฟเช่นเดียวกัน แต่เป็นผงกาแฟที่ใช้ชงแบบโบราณ โดยการนำเอาเมล็ดกาแฟที่ผ่านการบดแล้วมาผสมกับเมล็ดข้าวโพด มะขามคั่ว และอื่นๆ อีกมากมาย

ส่วนผสมเหล่านี้จะถูกนำไปคั่วลงในกระทะ จุดน่าสนใจของเครื่องดื่มนี้ว่าจะเด่นหรือดับก็มาจากขั้นตอนการคั่วในกระทะนั่นเอง ในระหว่างการคั่วจะมีการผสมน้ำเชื่อมและเนยลงไปด้วย เป็นตัวช่วยเสริมกลิ่นหอม พร้อมรสชาติเบาๆ เหมือนคาราเมลจากน้ำตาลไหม้ เมื่อได้ที่แล้ว ก็นำไปบดเป็นผงสำหรับใช้ชงเป็นโอเลี้ยง หากเป็นการชงเติมน้ำแข็ง เราก็เรียกกันว่าโอเลี้ยงตามปกติ แต่ถ้าชงแบบร้อน จะรู้จักกันในชื่อว่า โอยั๊วะ

ความแตกต่างของอเมริกาโน่กับโอเลี้ยง

สรุปกันง่ายๆจะเห็นได้ว่ากาแฟดำกับโอเลี้ยง แตกต่างกันที่ส่วนประกอบในผงกาแฟที่นำมาใช้ในการชง ในขณะที่อเมริกาโน่แบบสากล เป็นกาแฟที่ได้จากเมล็ดกาแฟคั่วบดล้วนๆ ไม่มีเมล็ดอื่นหรือการเติมน้ำเชื่อมผสมลงไป แต่โอเลี้ยงกลับเต็มไปด้วยการคั่วพร้อมส่วนผสมอื่นๆมากมาย ความต่างของมันจึงเป็นเรื่องของรสชาตินั่นเอง ถึงแม้ว่าจะวางอเมริกาโน่กับโอเลี้ยงติดกัน สีเหมือนกัน ก็ไม่ต้องกลัวจะแยกไม่ออกอีกแล้วล่ะ แม้จะไม่มีส่วนผสมของนมหรือน้ำตาล หรือจะเป็นสีเดียวกัน แต่ด้วยรสชาติของส่วนผสมที่ได้มาของโอเลี้ยงก็เห็นได้ชัดแล้วว่าต่างกันอย่างมากมายเลยทีเดียว

ที่มา : https://www.coffeefavour.com/traditional-black-coffee/