หมวด: Apple, Featured, Featured Review, iPhone, iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max, Newsวันที่: 28/09/2019 Show Apple เปิดตัว iPhone ใหม่เป็นประจำทุกปี ปีนี้ก็เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เราตื่นเต้นกับกล้องใหม่ ซีพียูใหม่ หลายคนเริ่มเดาเกมของ iPhone ออก แต่สิ่งที่หลายคนเดาไว้และดันมาถูกต้องก็คือปีนี้ Apple ลดราคา iPhone ลงมาถึงรุ่นละประมาณ 5,000 บาท ทำให้ iPhone ในปีนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 24,900 บาทเท่านั้น iPhone 11 คือร่างใหม่ของ iPhone XR มันมาพร้อมกับขนาดเท่าเดิม วัสดุเดิม แต่มาพร้อมกับสีใหม่ที่แปลกตาอย่าง เขียวและม่วง ซึ่งเราจะมารีวิวกันในวันนี้ด้วย ส่วน iPhone 11 Pro เป็นครั้งแรกที่ Apple ใส่คำว่า Pro มาใน iPhone แต่กลับมีฟีเจอร์ต่างกับ iPhone 11 แบบไม่โปรเพียงแค่กล้อง 1 ตัว และหน้าจอแบบ OLED ที่ Apple เรียกว่า Super Retina XDR เท่านั้น อย่างไรก็ตาม 11 Pro และ 11 Pro Max มาพร้อมกับวัสดุแบบใหม่คือกระจกผิวด้าน เมื่อจับแล้วให้ความรู้สึกแปลกมือและสวยงามอย่างไม่คุ้นชิน จะเป็นอลูมิเนียมก็ไม่ใช่ จะเป็นกระจกมัน ๆ ก็ไม่เชิง เป็นอีกหนึ่งใน Design ของ iPhone ที่น่าจับตามอง วันนี้ ทีมงาน MacThai จะนำเอา iPhone 11 และ iPhone 11 Pro Max มาให้ทุกคนเห็นกันเต็ม ๆ ตาว่า สีใหม่คือสี “Midnight Green” และ “Green” นั้น เป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงอะไรกันแน่ที่ทำให้ iPhone 11 Pro สมควรได้รับคำว่า Pro แกะกล่องรีวิว iPhone 11 และ iPhone 11 Pro Max ยลโฉมสองสีใหม่สุดแปลกตาเริ่มต้นพิธีการด้วยการแกะนำ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro ออกมาจากกล่อง
ลองร่ายเสป็คคร่าว ๆ ของ iPhone ทั้ง 3 รุ่น
สิ่งที่ต้องรู้ไว้เลยก็คือ iPhone ทั้งสองรุ่นมีความสามารถการทำ Fast Charge หรือชาร์จแบบเร็ว แต่ Apple เลือกที่จะแถม Adapter แบบ USB-C ซึ่งเป็น Fast Charge มาให้เฉพาะกับ iPhone รุ่น Pro เท่านั้น ใครที่ไม่ได้ซื้อ iPhone 11 Pro, Pro Max แล้วอยากชาร์จไว ต้องไปซื้อเพิ่มเอง สิ่งที่ให้มาในกล่องไม่มีอะไรมาก Apple เลิกแถม Adapter Lightning to 3.5 แล้ว ที่เหลือก็จะเดิม ๆ คู่มือการใช้, สติกเกอร์ Apple, ที่ถอดซิม, หัวชาร์จและสายชาร์จ ชมกันชัด ๆ กับ Design ภายนอกของ iPhone ใหม่ทั้งสองรุ่น และกล้องชานมไข่มุกกล้องชานมไข่มุก คือสิ่งที่หลายคนเรียก iPhone 11 และ iPhone 11 Pro, Pro Max ถ้าไม่นับดีไซน์ที่แปลกตาของมัน จะบอกว่ากล้องแบบนี้มีข้อดีถึง 2 ข้อได้แก่
ดังนั้น น้องชานมไข่มุกนี้มีประโยชน์มากกว่าที่เห็นนะ ส่วนเรื่องสีและวัสดุ ข้อสังเกตสำคัญ ๆ ที่สัมผัสได้ก็ได้แก่
เมื่อลองเทียบความหนาระหว่าง iPhone 11 Pro Max และ iPhone 11 จะพบว่าตัว Pro Max บางกว่า iPhone 11 ด้วยซ้ำ ซึ่ง iPhone 11 Pro ตัวจอเล็กก็จะยิ่งบางกว่า ตรงนี้ใครที่ใช้ iPhone XR และ iPhone XS อยู่แล้วก็อาจจะไม่แปลกใจมาก กล้อง แทบจะสิ่งเดียวที่เป็นจุดขายของ iPhone ทั้งสองรุ่นถ้าไม่นับหน้าจอ ซึ่งทุกคนต้องมองอยู่แล้วไม่ต้องพยายามไปค้นหาสิ่งใหม่ ก็จะมีกล้องซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ต้องบอกก่อนว่า กล้องบน iPhone 11, 11 Pro, 11 Pro Max ในแง่ของความคมชัด และความสามารถ เหมือนกันทุกประการ เพียงแต่ iPhone 11 ธรรมดาไม่มีกล้องแบบ Telephoto
อีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัยก็คือถ่ายภาพแบบ Superwide + Night Mode ได้ไหม ตรงนี้ต้องบอกว่า ยังไม่ได้นะจ้ะ ดังนั้น ในรีวิวนี้เราจะเน้นไปที่ภาพถ่ายจาก iPhone 11 Pro Max กัน เนื่องจากกล้องของ iPhone ทั้งสามรุ่นเป็นกล้องตัวเดียวกัน ใครที่จะซื้อ iPhone 11 แค่จำไว้ว่าเราจะถ่ายภาพแบบ Telephoto ไม่ได้เท่านั้น
สามารถชมความสามารถในการถ่ายภาพกลางคืนของ iPhone 11 ได้ผ่านคลิปจาก Mango Zero ประสบการณ์การใช้ 1 อาทิตย์เต็ม แบตทนไหม ลื่นมือหรือเปล่าจากที่ได้ลองใช้งาน iPhone 11 Pro Max มาเป็นเวลา 1 อาทิตย์เต็ม ๆ ก็ทำให้ได้ข้อสังเกตสำคัญ ๆ หลายอย่าง
ราคาเท่าไหร่ เปิดขายวันไหน ซื้อได้ที่ไหนบ้างสำหรับราคาของ iPhone 11 และ 11 Pro, Pro Max นั้น
ทั้งนี้ในส่วนของราคาที่แจ้งขั้นต้น เป็นราคารุ่นความจุน้อยที่สุด ซึ่งราคาของรุ่นความจุอื่น ๆ ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการวันที่ 18 ตุลาคมนี้ และเปิดจองวันที่ 11 ตุลาคม พร้อมกัน ที่ Apple Online Store และ Apple Iconsiam เช่นเดิม สำหรับโปรโมชั่นจากค่ายมือถือ หรือการซื้อเครื่องพร้อมแพกเกจซึ่งปกติเราจะได้ส่วนลดจากค่าเครื่องไปอีก สามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ ทรูมูฟ เอช |