มรดกทางวัฒนธรรมของอารยธรรมเมโสโปเตเมียที่แสดงถึงความสามารถและวิทยาการสูง

การเริ่มต้นของอารยธรรมยุคแรกเริ่ม เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ยุติการเร่ร่อนและตั้งถิ่นฐานเป็นการถาวรทำให้ลดการสูญเสียเวลา ที่ต้องหาอาหารเพราะมนุษย์สามารถผลิตอาหารไว้บริโภคเองได้ ความอุดมสมบูรณ์ ความปลอดภัยในชีวิต ความสงบเรียบร้อยของสังคมทำให้มนุษย์มีเวลาที่จะคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ที่จะนำมาใช้พัฒนาชีวิตและสังคมให้ดีขึ้น หรือหาวิธีการแก้ปัญหาของกลุ่มตน เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรื่อง อารยธรรมใหม่จะพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง การพัฒนาอารยธรรมจะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป อารยธรรมยุคแรกเริ่มหรืออารยธรรมยุคโบราณที่ปรากฏบนพื้นโลกที่สำคัญ ได้แก่ อารยธรรม อียิปต์โบราณ เมโสโบเตเมีย

กรีก โรมัน อินเดีย

และจีน

แผนที่ เมโสโปเตเมีย
ที่มา : www.oknation.net

อารยธรรม	ระยะเวลา	ผลงานสร้างสรรค์	อิทธิพลต่อยุคสมัยปัจจุบัน
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย	สมัยอาณาจักรสุเมเรียน (3,200-2,300ปีก่อนคริสต์ศักราช)	อยู่ทางตอนล่างของดินแดนเมโสโปเตเมีย -การประดิษฐ์อักษรลิ่ม โดยใช้ต้นอ้อสลักเป็นตัวอักษรบน แผ่นดินเหนียวแล้วนำไปอบด้วยความร้อนจนแห้ง -การสร้างวิหารซิกูแรต บนเนินสูง ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และศูนย์กลางของศิลปหัตถกรรม และโรงพยาบาล ทำด้วยดินเหนียวตากแห้ง -การแกะตราประจำตัว สำหรับประทับในจดหมาย -การพัฒนาเกษตรกรรม เช่น ขุดคลองส่งน้ำ สร้างทำนบกั้นน้ำ -ความเจริญทางด้านคณิตศาสตร์ รู้จักการคูณ หาร บวกลบและถอดรากกำลังสอง วัฒนธรรมทางศาสนา นับถือเทพเจ้าหลายองค์ ไม่เชื่อโลกหน้า (ถ่ายทอดไปยังชาวกรีกและโรมัน)
สมัยอาณาจักรบาบิโลนเก่า (2,000-6,000ปีก่อน คริสต์ศักราช)	พวกอมอไรต์เร่รอนจากทะเลทรายอาระเบีย ยึดครองดินแดนชองชาวสุเมเรีย และตั้งเป็นอาณาจักบาบิโลนขึ้นมีอำนาจทางทหาร และการค้า ขยายตัวอย่างกว้างขวาง ผลงานที่สำคัญ คือ ประมวลกฎหมาย ของพระเจ้าฮัมบูราบี เป็นกฎหมายฉบับแรกของโลกมีบทลงโทษ อย่างรุนแรงตามหลักตาต่อตาฟันต่อฟัน
สมันอาณาจักรอัสซีเรีย (1,300-600ปี ก่อนคริสต์ศักราช)	มีการจัดการปกครองรัฐทหารที่มีประสิทธิภาพ มีการเก็บภาษีอย่างหนักผลงานคือการแกะสลัก ภาพนูนต่ำ ลงบนดินเหนียวหรือหิน แสดงการล่าสัตว์ การทำสงคราม การเริ่มใช้ประตูโค้ง การสร้างหอสมุดแห่งแรก ของโลกที่เมืองนิเนเวห์อยู่ในประเทศอิรัก	การเริ่มใช้ประตูโค้ง (อิทธิพลต่อศิลปะโรมัน)
สมัยอาณาจักรคาลเดีย (612-539ปีก่อนคริสต์ศักราช)	ได้ก่อสร้างอาณาจักรบาบิโลนใหม่ ผลงานที่สำคัญ คือ การสร้างสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ มีชื่อว่าสวนลอยฟ้าแห่งบาบิโลน ความรู้ทางดาราศาสตร์ ทำนายสุริยุปราคา และแบ่ง 1 สัปดาห์ออกเป็น 7 วัน
สมัยอาณาจักรขนาดเล็ก (1,200-700ปี ก่อนคริสต์ศักราช) 1. ฟินีเชีย 2. ฮิบรู หรือยิว 3. เปอร์เซีย	ผลงานของฟินิเซียมีความสามารถทางการค้า สร้างเรือเดินสมุทร สร้างอาณาจักรคาร์เทจทาง ตอนเหนือ ของแอฟริกาและอาณาจักรใน เกาะซิซิลีในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มรดกที่สำคัญคืออักษรใช้แทนเสียง โดยปรับปรุงมาจากอักษรเฮียราติกของ อียีปต์ และอักษรลิ่มของสุเมเรียน และดัดแปลงเป็นภาษากรีก และละตินซึ่งถือว่าเป็นตระกูลของ อักษรของชาติตะวันตก ผลงานของยิวให้กำเนิดศาสนาที่นับถือ พระเจ้าองค์เดียว คือศาสนายิว ต่อมาได้พัฒนาเป็น ศาสนาคริสต์ ผลการเด่นของเปอร์เซีย คือ สถาปัตยกรรมและประติมากรรมเสาคอลัมม์ และการแกะสลักภาพเหตุการณ์ต่างๆบนผนังอาคาร ซึ่งมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ศิลปกรรมของกรีก และโรมันสมัยต่อมา	มีบทบาทในการ เผยแพร่อารยธรรมใน แถบเมโสโปเตเมีย และลุ่มแม่น้ำไนส์ไปยังตะวันตก ศาสนาคริสต์ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของชาวผิวขาว สถาปัตยกรรมและประติมากรรม เสาคอลัมม์ และการแกะสลัก ภาพเหตุการณ์ต่างๆ บนผนังอาคาร

อักษรลิ่ม

มรดกของชาวสุเมเรียน

ที่มา : http://yuttapoomsose.files.wordpress.com/2011/11/sumerian1400.jpg

ซิกกูแลต
ที่มา : http://www.thaigoodview.com/files/u1341/Mesopotamia-Ziggural.jpg

ประมวลกฎหมายของพระเจ้าฮัมบูราบี
ที่มา : www.123ee.blogspot.com

ภาพสลักนูนต่ำของชาวอัสซีเรียน
ที่มา : http://202.143.144.83/~skb/computor/ganjana/images/orvieto2.gif

แผนที่อาณาจักรอียิปต์โบราณ
ที่มา : http://writer.dek-d.com/ple2517/story/view.php?id=777967

อารยธรรม

ผลงานการสร้างสรรค์

อิทธิพลต่อโลกยุคปัจจุบัน

อารยธรรมอียิปต์(3,500 ปี ก่อนค.ศ.-31 ปี ก่อน ค.ศ.)

-แหล่งอารยธรรมสมัยโบราณ

ที่เก่าแก่เทียบได้กับอารยธรรมเมโสโปเตเมีย
ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ทวีปแอฟริกา
-ผลงานที่สะท้อนถึงความผูกพัน
และความเชื่อทางศาสนาเป็น
งานสร้างสรรค์ศิลปะเพื่อชนชั้นสูง
โดยใช้แรงงานจากชนชั้นต่ำในสังคม
1.ความเชื่อทางศาสนา เชื่อว่าตายแล้วจะฟื้นคืนชีพ
จึงสร้างสุสานเป็นรูปปิระมิดขนาดใหญ่
เก็บรักษาพระศพของกษัตริย์และทำมัมมี่
ของชนชั้นปกครอง

2. ความก้าวหน้าทางวิทยาการ
การควบคุมลุ่มน้ำไนล์โดยการสร้างเขื่อน
ระบบการคิดคำนวณเรื่องการก่อสร้าง การรังวัดที่ดิน
การคำนวณเศษส่วน การคำนวณพื้นที่ของวงกลม
ปริมาณทางกระบอก เรียนรู้ว่าวงกลมประกอบด้วย
360องศา และมีความสัมพันธ์กับเส้นรอบวง

3. ศิลปะและสถาปัตยกรรม เน้นเพื่อ
สนองจุดประสงค์ด้านศาสนา
เป็นผู้วางพื้นฐานของงานก่อสร้าง งานปั้น งานวาด รูป
4. ภาษาและวรรณคดี ประดิษฐ์ภาพที่
เรียกว่าอักษรเฮียโรกลิฟฟิค

กระดาษปาปิรุส
5. ระบอบการปกครองแบบเทวราชา
ถือว่ากษัตริย์หรือฟาโรห์เป็นเทพเจ้าหรือโอรส
ของพระเจ้าประชาชนต้องเคารพเชื่อฟังเหมือนเทพเจ้า

มีอิทธิพลต่อความเจริญก้าวหน้าในด้านศิลปวิทยาการ
ของดินแดนตะวันตกในสมัยต่อมา
-เป็นผู้วางรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ การวางแผนในการทำการเกษตรกรรม และการป้องกันน้ำท่วมประจำปี ทำปฏิทินแบบสุริยคติแบ่ง 1ปีออกเป็น365 วัน เพื่อเก็บข้อมูล

-การศึกษาวิชาพีชคณิตและเรขาคณิตใช้เป็นวิชาสัมพันธ์กับ
งานด้านวิศวกรรม วิหารที่สร้างขึ้นใช้ เสา คาน ฝาผนังทำหน้าที่เป็นโครงสร้างและเครื่องประดับ เป็นหลักการก่อสร้างที่กรีกและโรมันนำมาเป็นต้นแบบ

ส่งผ่านความรู้ทางดาราศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ วิทยาศาสตร์
การดนตรีและอื่นๆ ให้แก่ชนชาติโบราณต่างๆ
รวมทั้งกรีกและโรมันด้วย

ปิระมิด
ที่มา : http://www.travelfortoday.com/
cartpic/outboundtour/egnl01.gif

สฟิงค์
ที่มา : http://2.bp.blogspot.com/-wdG9REwcCjY/UarScyB_ovI/
AAAAAAAAA8A/p5Hhgl3Bwyo/s1600/image-1.jpg

อักษรภาพเฮียโรกลิฟฟิค
ที่มา : https://sites.google.com/site/hieroglyphinegypt/xaksr-heiy-ro-kli-fikh

http://worldrecordhistory.blogspot.com/p/blog-page_18.php

อารยธรรม

ผลงานการสร้างสรรค์

อิทธิพลต่อโลกยุคปัจจุบัน

อารยธรรมกรีก(800 ปี ก่อน ค.ศ. -146 ก่อน ค.ศ.)

เกิดจากการผสมผสานของ
วัฒนธรรมต่างๆบริเวณทะเลอีเจียน
และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้แก่
อารยธรรมมิโนนและอารยธรรมไม
ซินี ความเจริญแบ่งออกเป็น 2 ยุค

1. ยุคเฮเลนิค เป็นยุคที่กรีกมีนครรัฐ
อิสระปกครองกับเองมากมาย โดยมี
เอเธนส์เป็นนครรัฐที่มีความเจริญ
สูงสุด
สรุปความเจริญของเอเธนส์มีดังนี้

1.1 การ 1.1 วางรากฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตย

1.2 ค่านิยม

ยกย่องในเสรีภาพ ความคิดปรัชญา

1.3 งานศิลปะและสถาปัตยกรรม
ต่างๆที่ทำด้วยหินอ่อนมีเสาเรียงราย เรียบง่าย
กลมกลืน ประติมากรรม นิยมงานที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ มีความรู้สึกแสดงอาการเคลื่อนไหวมีสัดส่วนสรีระที่เป็นมนุษย์จริงๆ นิยมสร้างประติมากรรมรูปเปลือย

2.ยุคเฮเลนนิสติก เป็นยุคที่อารยธรรมกรีกถูกเผยแพร่ ไปยังดินแดนตะวันออก เอเชียไมเนอร์และเอเชียใต้ โดยมีนครรัฐมาซิโดเนียป็นนครรัฐที่มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุด ศิลปวัฒนธรรมกรีกยุคนี้มีลักษณะผสมผสานกับวัฒนธรรมตะวันออก

เป็นรากฐานของอารยธรรมตะวันตกในปัจจุบัน

แนวคิดเรื่องธรรมชาตินิยม มนุษยนิยม

และแนวคิดประชาธิปไตย

วิหารพาร์เธนอน กรุงเอเธนส์
ที่มา : http://4.bp.blogspot.com/-MxTL4Nm2qXI/UbYXwyg9KqI/
AAAAAAAAAFI/kj0nWOEd2qk/s1600/athenes-le-parthenon-1251.jpg

สถาปัตยกรรมหัวเสา ดอริก ไอโอนิค โครินเธียน
ที่มา : http://dc183.4shared.com/doc/pzwTJ5ju/preview.php_79945a09.jpg

จิตกรรมประดับบนเครื่องปั้นดินเผาของกรีก
ที่มา : www.bs.ac.th

รูปภาพนักปรัชญาของกรีก
ที่มา : http://baugchamp.files.wordpress.com/2013/08/5.jpg

แผนที่อาณาจักรโรมัน
ที่มา : http://worldrecordhistory.blogspot.com/p/509-753-romulus-rahmyuhluhs-aeneas.php

อารยธรรม

ผลงานการสร้างสรรค์

อิทธิพลต่อโลกยุคปัจจุบัน

อารยธรรมโรมัน

(509 ปี ก่อน ค.ศ.- ค.ศ. 476 )

ผลงานสะท้อนความเป็นระเบียบวินัย
เหนือเสรีภาพส่วนบุคคล เน้นการเคารพ
ในอำนาจและความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง
ศิลปะจะคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย
ประโยชน์ต่อสังคม ความหรูหรา
ความสะดวกสบายและการแสดงออก
ซึ่งอำนาจความยิ่งใหญ่ของรัฐ
เช่นวิหาร สุสาน โรงมหรสพ สนามกีฬา งานศิลปะมิใช่งานที่เริมใหม่แต่เป็นการถ่ายทอด
อารยธรรมกรีกและนำมาพัฒนาให้ดีขึ้น
แบ่งออกเป็น 2 ยุค
1. สมัยสาธารณรัฐ

เป็นยุคที่จักรวรรดิโรมัน

ขยายออกไปกว้างขวาง โดยเฉพาะสมัยของ
จูเลียส ซีซาร์

    2. สมัยจักรวรรดิ อาณาจักรโรมัน มีความสงบสุขเรียกว่า สมัยสันติภาพโรมัน
   ผลงาน
          1. ด้านกฎหมาย จัดทำประมวลกฎหมาย สิบสองโต๊ะ เน้นสิทธิและความเสมอภาคของ ประชาชน ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน

2. ด้นศาสนา ประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็น ศาสนาประจำชาติ

ประมวลกฎหมายสิบสองโต๊ะเป็นรากฐาน
ประมวลกฎหมายของประเทศต่างๆทั่วโลก

ศาสนาคริสต์เจริญรุ่งเรืองในดินแดนโลกตะวันตก

โคลอสเซียม
ที่มา : http://commons.wikimedia.org/wiki/File:Colosseum-2003-07-09.jpg

ซุ้มประตูที่ชาวโรมันดัดแปลงหัวเสาแบบโครินเธียนมาเป็นรูปโค้ง
ที่มา : http://commons.wikimedia.org/wiki/File:BambergDom-Gnadenpforte.JPG

สรุป อารยธรรมตะวันตกโบราณได้ทิ้งมรดกให้แก่ชนปัจจุบันอย่างมากมาย ซึ่งยังเห็นร่องรอยได้ในสาขาวิชาต่างๆ แม้แต่ในชีวิตประจำวันก็ยังผูกพันกับภูมิปัญญาของโลกยุคโบราณ เช่นการใช้เลขฐาน60 ของชาวสุเมเรียนในการนับเวลา รวมทั้งปฏิทินจันทรคติเลขฐาน12 และการพยากรณ์ดวงชะตาในหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆก็เป็นมรดกที่สำคัญของชาวคาลเดียน การประดิษฐ์ตัวอักษรของชาวฟินิเชียที่เป็นต้นกำเนิดของอักษรภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ การจัดทำปฏิทินสุริยคติของโรม รวมทั้งการกำหนดปีศักราชของอียิปต์ เป็นต้น

อารยธรรมตะวันออก ได้แก่อารยธรรมจีน

บริเวณลุ่มแม่น้ำฮวงโห และอารยธรรมอินเดียบริเวณลามแม่น้ำสินธุ มิได้มีผลต่อจากชนชาติในประเทศของตนเท่านั้นแต่มีอิทธิพลต่อประเทศใกล้เคียงและห่างไกล และยืนยาวอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

แผนที่อารยธรรมจีนโบราณ
ที่มา : http://writer.dek-d.com/lady_feries/story/viewlongc.php?id=685580&chapter=2

การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ของจีน
             1. สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จีนเข้าสู่ยุคโลหะเมื่อประมาณ 2,000ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยค้นพบหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดเป็นมีดทำด้วยทองแดงที่มณฑลกานซู นอกจากนั้นยังมีภาชนะโลหะสำริดอื่นอายุใกล้เคียงกัน
            2. สมัยประวัติศาสตร์ แหล่งอารยธรรมของจีน ถือกำเนิดบริเวณลุ่มแม่น้ำฮวงโห ทั้งนี้จีนเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ในสมัยราชวงศ์ชาง เมื่อมีการใช้ตัวอักษรภาพ เขียนบนกระดูสัตว์หรือกระดองเต่า
สมัยประวัติศาสตร์ของจีนแบ่งออกเป็น 4 ยุค คือ
           1. ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ(หรือสมัยคลาสสิก) เริ่มตั้งแต่ราชวงศ์ชาง และสิ้นสุดราชวงศ์โจว
           2. ประวัติศาสตร์สมัยจักรวรรดิ เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิ๋น จนกระทั่งปลายสมัยราชวงศชิง ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของจีน
            3. ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เริ่มตั้งแต่ปลายราชวงศ์ชิงถึง การสถาปนาระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐ
           4. ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์จึงถึงปัจจุบัน

กำแพงเมืองจีน
ที่มา : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=danzcentre

ประติมากรรม

ที่มา : http://commons.wikimedia.org/wiki/File:

นักปรัชญาจีน ขงจื้อ
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/
326/2326/images/Confucius/4853_full.jpg

สมัยราชวงศ์	ผลงาน
ราชวงศ์ชาง(1,776-1,122ปีก่อนค.ศ.	เป็นราชวงศ์แรกของจีน มีการปกครองแบบนครรัฐ บริเวณตอนกลางลุ่มแม่น้ำฮวงโห มีการประดิษฐ์ตัวอักษรเป็นครั้งแรก มีความเชื่อเรื่องการบูชาบรรพบุรุษ
ราชวงศ์โจว(1,122-221 ปี ก่อนคริสต์ศักราช)	มีความเชื่อเรืองกษัตริย์เป็นโอรสแห่งสวรรค์ โดยไดรับมอบหมายจากสวรรค์ให้เป็นผู้ปกครอง เป็นยุคที่มีความเจริญทางด้านปรัชญา จัดเป็นสมัยปรัชญาร้อยสำนัก โดยเฉพาะปรัชญาของขงจื๊อและเต๋า เป็นหลักคำสอนที่พึงทางจิตใจของผู้คน
ราชวงศ์จิ๋น(221-206ปีก่อนคริสต์ศักราช)	มีจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่สามารถรวบรวมดินแดนของจีนเป็นจักรวรรดิเป็นครั้งแรก คือพระเจ้าชิวั่งตี่ หรือจิ๋นซีฮ่องเต้ สร้างกำแพงเมืองจีน กำหนดให้ใช้เหรียญกษาปณ์ ภาษาเขียน และมาตราชั่ง ตวง วัด เหมือนกันทั่งทั้งอาณาจักร
ราชวงศ์ฮั่น(206ปีก่อนคริสต์ศักราช-ค.ศ.220)	มีความรุ่งเรืองและคนจีนมีความภาคภูมิใจมากจนเรียกตนเองว่าชาวฮั่น ลัทธิขงจื๊อได้รับยกย่องให้เป็นคำสอนของรัฐและถูกนำมาใช้เป็นหลักในการปกครองมีการสอบคัดเลือก บุคคลเข้ารับราชการที่เรียกว่าสอบจอหงวน พระพุทธศาสนาจากอินเดียเริ่มเผยแพร่สู่จีน มีการติดต่อการค้ากับตะวันตกโดยทางสายไหม ซื่อหม่า เชียน เป็นนักโหราศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ (ได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาวิชาประวัติศาสตร์ของโลกตะวันออก) มีการประดิษฐ์กระดาษ เครื่องมือวัดแผ่นดินไหว มีการแกะสลักพระพุทธรูปขนาดใหญ่ภายในถ้ำ และภาพเขียนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เมื่อสิ้นสมัยราชวงศ์ฮั่นจีนแตกแยกภายในเรียกว่าสามก๊ก
ราชวงศ์สุย (ค.ศ.589-618)	บ้านเมืองแตกแยกกลายเป็นสามก๊ก หกราชวงศ์ มีการขุดคลอง เชื่อมแม่น้ำฮวงโหกับแม่น้ำแยงซีเกียง เพื่อประโยชน์ในการคมนาคม ค้าขาย และการเกษตรกรรม
ราชวงศ์ถัง(ค.ศ. 628-907)	เป็นยุคทองของจีนที่มีความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน ทั้งด้านการค้า พระพุทธศาสนา และผลงานศิลปกรรมแขนงต่างๆ มีเมืองหลวงฉานอานเป็นศูนย์กลางการค้าของโลก พระถังซำจั๋งเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาในอินเดีย
ราชวงศ์ซ้อง(ค.ศ.960-1296)	มีความเจริญก้าวหน้าในการเดินเรือสำเภาค้าขายทางทะเลและงานศิลปกรรมแขนงต่างๆ มีความก้าวหน้าในวิทยาการใหม่ๆ หลายอย่างก่อนชาติตะวันตก เช่น การใช้ลูกคิด การใช้เข็มทิศในการเดินเรือ การประดิษฐ์แท่นพิมพ์หนังสือฯลฯ
ราชวงศ์หยวน(ค.ศ.1279-1368)	ตรงกับสมัยสุโขทัยของไทย เป็นราชวงศ์ของเผ่ามองโกลที่เข้ามาปกครองจีน กษัตริย์ที่มีชื่อ คือ หงวนสีโจ๊วฮ่องเต้(กุบไลข่าน) มีชาวยุโรปเข้ามารับราชการในราชสำนักเป็นจำนวนมาก
ราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368-1644)	ตรงกับสมัยอยุธยา จีนรุ่งเรืองทางการค้าสำเภา และฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมสมัยราชวงศ์ถัง มีการสำรวจทางทะเลถึงตอนใต้ของแอฟริกา
ราชวงศ์ชิง(ค.ศ.1644-1912)	เป็นเผ่าแมนจูที่เข้ามาปกครองจีนและเป็นราชวงศ์สุดท้ายของจีน ก่อนที่จะถูก ดร.ซุน ยัต เซน ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ

สรุป อารยธรรมจีน มีลักษณะผสมผสานแนวคิดจากลัทธิขงจื๊อ เต๋า และพระพุทธศาสนา สำหรับพระพุทธศาสนาได้แพร่เข้าสู่จีนสมัยราชวงศ์ฮั่น จนต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมจีน

แผนที่อินเดียโบราณ
ที่มา : http://sameaf.mfa.go.th/th/country/south-asia/tips_detail.php?ID=471

อินเดียโบราณ หมายถึง ดินแดนที่ครอบคลุมประเทศอินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ เนปาล และบางส่วนของประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน เป็นแหล่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ แบ่งยุคสมัยของอารยธรรมอินเดีย

ได้ดังนี้
          1. สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ประมาณ 2,500ปีก่อนคริสตกาล พบหลักฐานซากเมืองโบราณ 2 แห่ง คือ เมืองโมเฮนโจ ดาโร ทางตอนใต้ของประเทศปากีสถานและเมืองฮารัปปา ทางตอนเหนือ ในแคว้นปัญจาป เมืองทั้งสองแห่ง     มีกำแพงล้อมรอบ มีการวางผังเมืองอย่างเป็นระเบียบ ถนนกว้าง บ้านเรือนสร้างด้วยอิฐ มีห้องน้ำ ท่อระบายน้ำ เครื่องมือเครื่องใช้ทำด้วยเครื่องปั้นดินเผาสำริด เครื่องประดับ ดวงตราต่างๆ มีทั้งรูปสัตว์ รูปตัวอักษรแต่ไม่สามารถแปลความหมายได้ทำให้อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุเป็นอารยธรรมกึ่งสมัยประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่าเป็นอารยธรรมของชนพื้นเมืองเดิม เรียกวา ฑราวิก หรือพวกดราวิเดียน
          2. สมัยพระเวท(1,500-600ปี ก่อนคริสต์ศักราช) เป็นอายธรรมของเผ่าอินโดอารยัน เป็นยุคที่ศาสนาพราหมณ์ มีอิทธิพลต่อความเชื่อและวิธีชีวิตของชาวอินเดียอย่างชัดเจน วรรณกรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงสภาพที่แท้จริง คือ คัมภีร์พระเวท ซึ่งเป็นบทสวดมนต์ของพราหมณ์ มหาภารตะและรามยณะ
           อารยธรรมยุคนี้มีการก่อตั้งอาณาจักรของเผ่าต่างๆมีราชธานีที่ถาวร มีการค้าและงานฝีมือมากขึ้น มีช่างโลหะ ช่างทอ ช่างย้อมผ้า ช่างไม้ การบันทึกมีนักกายกรรม นักระบำ หมอดู เป็นต้น
          3. อารยธรรมสมัยราชวงศ์โมริยะ ภายใต้การปกตรองของพระเจ้าอโศกมหาราช พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดและได้เผยแพร่ไปยังประเทศต่างๆหลายประเทศในทวีปเอเชีย พระพุทธศาสนาได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและอารยธรรมอย่างมากในสังคมอินเดียและประเทศต่างๆในเอเชีย
          4. อารยธรรมสมัยราชวงศ์คุปตะ ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมอินเดีย เข้าสู่ยุคของความรุ้งเรืองอย่างแท้จริง เป็นยุคฟื้นฟูศาสนาฮินดู อินเดียมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการแพทย์เป็นอย่างมาก
        สรุป ความเด่นของอารยธรรมอินเดีย คือเรื่องการเป็นต้นกำเนิดของศาสนาที่สำคัญหลายศาสนา เช่น พราหมณ์ ฮินดู พุทธ ซิกส์

และเชน รากฐานอารยธรรมส่วนใหญ่มีภูมิปัญญาจากศาสนา พราหมณ์ ฮินดู พุทธ

ซากเมือง โมเฮนโจ ดาโร
ที่มา : http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/9a/Mohenjodaro_Sindh.jpeg

ซากเมืองฮารัปปา
ที่มา : http://www.iam-tour.com/wp-content/uploads/2013/08/india5.jpg

ประติมากรรมอารยธรรมสินธุ
ที่มา : http://commons.wikimedia.org/wiki/File:Mohenjo-daro_Priesterk%C3%B6nig.jpeg