ประโยชน์ จากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

ในปัจจุบันธุรกิจผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดผู้ประกอบการต้องเตรียมความพร้อมในหลาย ๆ ด้านเพื่อรับมือกับความ เปลี่ยนแปลงความพร้อมอีกด้านหนึ่งที่ผู้ประกอบการต้องมีเพื่อธุรกิจไปรอด คือ พวกพ้องเพื่อนฝูง หรือเรียกว่า “ พันธมิตรทางธุรกิจ ” IronFX เพราะเพื่อนฝูงทางธุรกิจ จะช่วยกิจการของเราทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น บอกแหล่งวัตถุดิบที่มีราคาถูกให้หรือขายสินค้าให้ในราคาย่อมเยา เป็นต้น ในโลกยุคใหม่ธุรกิจที่คิดว่าตัวเองแน่ ! หรือข้ามาคนเดียวหรือเดี่ยวทรนงควรเปลี่ยนแปลงความคิดใหม่ได้แล้ว !

ทำไมต้องมีพันธมิตรทางธุรกิจ 

– เพื่อขยายตลาดและเพิ่มฐานลูกค้า เช่น การเป็นพันธมิตรธุรกิจยักษ์ใหญ่ระหว่าง “ดังกิ้นโดนัท” กับ “ซีพี” ทำให้ดังกิ้นโดนัทสามารถวางขายสินค้า อยู่ในร้านเซเว่นได้ และทั้งสองฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ เพราะดังกิ้นโดนัทจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มช่องทางการขาย ในทางตรงข้ามกัน ร้านเซเว่น เอง ก็จะได้กลุ่มลูกค้าของดังกิ้นโดนัท หรือผู้ที่ต้องการขายอาหารเบา ๆ กินพออยู่ท้องเข้ามาเลือกซื้อสินค้าอื่น ๆ เพิ่มด้วย

– เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน เพราะบางครั้ง การเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจจะทำให้สามารถซื้อขายสินค้าของกันละกันในราคาถูกและมีคุณภาพ

– เพื่อสร้างน้ำหนักในการต่อรอง การดำเนินธุรกิจเพียงลำพังอาจไม่มีอำนาจในการต่อรอง แต่เมื่อได้เข้าร่วมเป็นกลุ่มพันธมิตรอำนาจการต่อรองก็จะมากขึ้น

– เพื่อตามคู่แข่งให้ทัน เช่น การจัดตั้งชมรมผู้ค้าปลีกขนาดกลางและผู้ค้าปลีกท้องถิ่นขึ้นมา ทำให้สมาชิกชมรมได้สินค้าที่มีราคายุติธรรมและมีคุณภาพดี พร้อมกันนี้ สมาชิกชมรมยังสามารถแลกเปลี่ยนความคิดกันเพื่อเพิ่มเทคนิคการค้า วิธีการดังกล่าว ทำให้ธุรกิจของผู้ค้าปลีกยืนหยัดอยู่ได้ ท่ามกลางคู่แข่งยักษ์ใหญ่ที่มีทุนหนา ไม่ยากเกินกว่าที่คิด ถ้าจะมีพันธ์มิตรที่ดี

– เลือกสรรเพื่อนร่วมธุรกิจ ผู้ที่คิดจะรวมกลุ่มพันธมิตรจำเป็นต้องศึกษากันและกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันว่าการเป็นพันธมิตรครั้งนี้จะช่วยเหลือ เอื้อประโยชน์ให้กันอย่างไร

– วิเคราะห์และประเมินความเหมาะสมในการรวมกลุ่มธุรกิจ เช่น ลักษณะการดำเนินการคล้ายคลึงกันหรือไม่ และรูปแบบใดมีความเหมาะสมก่อนจะเข้าร่วม พันธมิตร

– รับฟังความคิดเห็นและความเห็นชอบจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียซึ่งหมายถึงทั้งระดับผู้บริหารและพนักงานว่าเมื่อเป็นพันธมิตรธุรกิจแล้วจะมี ข้อดี-ข้อเสีย ด้านใดบ้างและข้อเสียจะสามารถแก้ไขได้อย่างไร

– กำหนดวิสัยทัศน์ กลยุทธ์แผนธุรกิจให้เหมาะสมและเสมอภาคระหว่างพันธมิตรด้วยกันเอง

– สัญญาที่เป็นผลผูกพันทางกฎหมายเพื่อให้พันธมิตรปฎิบัติตาม เช่น การทำสัญญาให้เป็นลายลักษณ์อักษร แบ่งตามความรับผิดชอบว่าใครมีหน้าที่อะไร ผลประโยชน์ที่ได้ดำเนินการจัดสรรปันส่วนแบบใด เพื่อไม่ให้เกิดเหลี่ยมล้ำได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันและกัน

บริหารพันธมิตรเพื่อชัยชนะ 

– เนื่องจากรูปแบบของทางธุรกิจมีความหลากหลายและมีการดำเนินงานแตกต่างกัน ดังนั้น การร่วมเป็นพันธมิตรจำเป็นต้องปรับเป้าหมายวิสัยทัศน์ และหลักการปฎิบัติงานให้มีความชัดเจนและเป็นไปแนวทางเดียวกัน

– ดำเนินงานด้วความโปร่งใส ซื่อสัตย์และยุติธรรม

– จัดระบบงานและสารสนเทศใหม่ ๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อการรวมตัวเป็นพันธมิตร

– เสริมสร้างแลรักษาความไว้ใจซึ่งกันและกัน

– เรียนรู้แบบแผนการจัดการองค์กรและพันธมิตรด้วยกันเองอย่างมีประสิทธิภาพแต่ละฝ่ายอาจต้องยอมถ่ายทอด เคล็ดวิธีการผลิต การดำเนินงานการตลาด ให้กันและกันบ้างแต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้ในเบื้องต้น

– ประเมินผลการรวมตัวเป็นพันธมิตรว่าสำเร็จหรือล้มเหลวอย่างไร ถ้าล้มเหลวจะจัดการแก้ไขปัญหาได้อย่างไร

อุปสรรคขวางกั้นพันธมิตรทางธุรกิจ 

– ความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายต่างกลัวว่าตนจะเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์

– ต่างฝ่ายต่างคิดว่าไม่ใช้หน้าที่ของตนที่จะเป็นผู้รับผิดชอบในการวางแผนงานตามการดำเนินงานของกลุ่มส่งผลให้กลุ่มพันธมิตรไม่สามารถดำเนินขั้นตอนอื่น ๆ ต่อไป

– การให้ความสำคัญกับฝ่ายสมาชิกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากจนเกินไป จนเกิดการพึ่งพา เช่น การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้านอุปกรณ์สื่อสารระหว่าง บริษัท ก. และบริษัท ข. แต่การวางนโยบายดำเนินงาน การคิดค้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มักจะเกิดจากบริษัท ก แยกตัวออกไป บริษัท ข. ก็ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ด้วยตนเอง เนื่องจากบริษัท ข. ไม่เคยเรียนรู้กลยุทธ์การดำเนินงานจากบริษัท ก. เพื่อนำมาใช้พัฒนาองค์กรของตนเองเลย

ประโยชน์ จากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

ประโยชน์ จากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

การทำ ธุรกิจ เราต้องมองเรื่องผลกำไรกันเป็นหลัก แต่วิธีการที่จะได้มานั้นมีอย่างหลากหลายสามารถเรียนรู้กันได้ทั้งในแบบทฤษฏี กลยุทธ์ แนวคิด ซึ่งผู้รู้ทั้งหลายได้รวบรวมไว้อย่างน่าสนใจมากมาย

หนึ่งในรูปแบบของธุรกิจที่มองว่านำพาความสำเร็จมาถึงมือได้เช่นกันนั้นคือการเปลี่ยนคู่แข่งให้มาเป็นพันธมิตร ซึ่งหลายคนอาจจะคิดต่างว่าพันธมิตรที่ว่านี้จะมีบทบาทกับธุรกิจได้มากมายขนาดไหน

www.ThaiSMEsCenter.com นำเรื่องนี้มาเสนอเพื่อให้นักลงทุนทุกท่านได้เปิดมุมมองที่น่าสนใจและเพื่อให้เริ่มสำรวจดูธุรกิจว่าจำเป็นหรือไม่กับการมี “พันธมิตร”

ทำไมธุรกิจต้องมีพันธมิตร?

ประโยชน์ จากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

ภาพจาก http://goo.gl/7bBGVs

สินค้าขายดีหรือไม่ดีให้สังเกตดูที่คู่แข่ง ถ้าแรกเริ่มเดิมทีเปิดร้านอยู่แค่คนเดียวในละแวกนั้นไม่มีเจ้าอื่นเลยแล้วเริ่มขายดิบขายดี เชื่อได้ว่าอีกไม่นานเกินรอต้องมี ร้านที่ 2 ที่ 3 เปิดใกล้เคียงตามมา นั้นก็แสดงว่าธุรกิจที่เราทำอยู่นั้นเริ่มประสบความสำเร็จมากขึ้นแล้ว

แต่ทีนี้ก็เกิดปัญหาตามมาว่าการมีคู่แข่งตกลงว่าดีหรือไม่ดี บางมุมก็บอกว่าไม่ดีเพราะเป็นการแชร์รายได้อย่างชัดเจน แต่อีกมุมหนึ่งก็บอกว่าเป็นเรื่องดีที่จะทำให้เราได้พัฒนาตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป

ประโยชน์ จากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

ภาพจาก http://goo.gl/Di3qk8

แต่ถ้ามองในเชิงธุรกิจแบบล้วนๆ คู่แข่งย่อมไม่ใช่เรื่องดี ซึ่งในธุรกิจใหญ่ๆหลายแห่งเองก็ต้องหาวิธีการเปลี่ยนแปลงวิกฤติเหล่านี้ให้เป็นโอกาสจึงกลายเป็นที่มาของคำว่า “พันธมิตร” ที่เน้นการช่วยเหลือและส่งเสริมธุรกิจต่อกันมากขึ้นไม่ใช่แค่ต่างคนต่างขายกันเพียงอย่างเดียว

แต่ถ้าในมุมมองของธุรกิจแบบทั่วไปไม่จำเป็นต้องลงนามการค้าหรือว่าทำสัญญาซื้อขายต่อกัน แค่การมารวมตัวกันจัดเป็นโซนสินค้ามากกว่าจะแยกขายแบบตัวใครตัวมันก็ถือเป็นการสร้างพันธมิตรแบบง่ายๆที่ทำให้เกิดประโยชน์ร่วมได้เช่นเดียวกัน

ข้อดีของการรวมตัวเพื่อประโยชน์ทางการค้า

ประโยชน์ จากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

ภาพจาก http://goo.gl/Di3qk8

บางครั้งการเปลี่ยนให้คู่แข่งกลายมาเป็นพันธมิตรกลายเป็นเหมือนติดแม่เหล็กให้ธุรกิจเติบโตได้เร็วขึ้น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็พึงพอใจเพราะดูว่ามีทางเลือกในการซื้อขายมากขึ้น

แต่ทั้งนี้การเป็นพันธมิตรกันได้นั้นก็ไม่ควรให้สินค้ามีลักษณะเหมือนกันทุกประการ ควรหาจุดที่แตกต่างออกไปบ้างแม้เพียงเล็กน้อยก็น่าจะได้ประโยชน์เต็มที่มากกว่า
องค์ประกอบของการอยู่ร่วมกันแล้วได้ประโยชน์นั้นกลุ่มธุรกิจที่อยู่ร่วมกันต้องสร้างบรรยากาศที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความพึงพอใจ

เช่น การขายอาหารซึ่งไม่มีร้านไหนที่จะมีทุกเมนูตามที่ลูกค้าต้องการ การจัดโซนแบบร้านอาหารก็เพื่อตอบสนองสิ่งที่ขาดหายไป แต่ทั้งนี้จำนวนร้านค้าที่อยู่รวมกันเองก็ต้องมีจำนวนที่สัมพันธ์กับปริมาณลูกค้าเพื่อประโยชน์โดยตรงร่วมกันของทุกคน

ธุรกิจที่จำเป็นต้องมีพันธมิตรอยู่ร่วมกันเพื่อได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างสูงสุด

ประโยชน์ จากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

ภาพจาก http://goo.gl/9bgecU

  1. ร้านขายอาหารขนาดเล็ก บูธขายอาหารที่รวมตัวกันเป็นตลาดนัดอาหารหรือว่าฟู้ดคอร์ท
  2. สถาบันกวดวิชา มีวิชาที่สอนให้แตกต่างกันไป จึงควรตั้งในทำเลเดียวกันเพื่อลูกค้าซึ่งเป็นผู้ปกครองหรือนักเรียนจะสามารถเดินทางได้สะดวกสามารถรับส่งและเรียนหลายวิชาภายในพื้นที่เดียวกันได้
  3. ผับบาร์ ที่ต้องเน้นสไตล์ของการจัดตกแต่งร้านที่แกแตกต่างกันไป การอยู่ในบริเวณเดียวกันเพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสในการเลือกร้านที่ชอบสำหรับการสังสรรค์ได้
  4. ร้านขายเสื้อผ้าที่รวมตัวกันกลายเป็นตลาดนัดเสื้อผ้า เทคนิคก็เช่นเดียวกันคือต้องหาความแตกต่างที่เป็นสไตล์ของสินค้า เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้นในการเดินเลือกซื้อ

ผลดีของการรวมตัวกันสร้างพันธมิตรคือการสร้างรายได้ที่ดีกว่าแยกขายคนเดียว

ประโยชน์ จากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

ภาพจาก http://goo.gl/KPC8QX

เราลองดูแหล่งสินค้าที่มีสินค้าประเภทเดียวกันวางขายกันเป็นกลุ่ม ข้อดีและรายได้เป็นอย่างไรกันบ้างในที่นี้เรายกรูปแบบของธุรกิจเสื้อผ้าบริเวณประตูน้ำมาเป็นตัวอย่างในการนำเสนอให้เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น

  1. เมื่อกลายเป็นศูนย์รวมทำให้กลุ่มลูกค้าสามารถเจาะจงเดินทางมาเลือกซื้อสินค้าได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
  2. การขายแบบรวมกลุ่มก่อให้เกิดการขายในลักษณะค้าส่งได้ดียิ่งขึ้นเพราะสามารถรวบรวมสินค้าได้จากในแหล่งเดียวกันได้ดีกว่าการแยกขายแบบตัวใครตัวมัน
  3. รายได้โดยเฉลี่ยของร้านค้าย่านประตูน้ำมีไม่ต่ำกว่า 2,000 – 3,000 บาท/วัน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดหรือว่าศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ รายได้จะดีกว่าวันธรรมดามากเป็นพิเศษ
  4. แต่ข้อจำกัดประการเดียวคือเรื่องราคาที่ต้องใกล้เคียงกับร้านอื่นเพื่อให้เกิดความสมดุลในการซื้อขาย

แต่ทั้งนี้ก็ใช่ว่าทุกธุรกิจจะสามารถดำเนินในลักษณะเดียวกันนี้ได้ทั้งหมดบางครั้งการทำธุรกิจแบบแยกตัวเองออกมาให้โดดเด่นก็มีข้อดีในเรื่องของการทำประชาสัมพันธ์ การพัฒนาสินค้า

รวมถึงมีความเป็นตัวของตัวเองได้มากขึ้น ซึ่งเทคนิคของการรวมตัวกันแบบพันธมิตรนี้ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขายที่เอาไปปรับใช้ได้กับการทำธุรกิจในทุกๆรูปแบบ