ทำไมต้องดูแลรักษาคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ขี้ร้อน

ความจริงแล้วไม่ใช่เฉพาะคุณคอมพิวเตอร์หรอกครับ บรรดาอุปกรณ์ไอทีทุกอย่างล้วนแต่เป็นพวกขี้ร้อนทั้งนั้น โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์พกพา สำหรับคุณคอมพิวเตอร์ที่เราใช้อยู่นั้น อุปกรณ์ภายในอย่างเช่น ซีพียู เขาออกแบบมาให้ทนต่อความร้อนได้ดี แต่ก็ดีแค่ในระดับหนึ่ง ถ้าเกินกว่าความสามารถที่ซีพียูจะรับไหว มันก็จะเริ่มออกอาการเกเรและจะพาลเสียหายเอา อาจจะเคยได้ยินที่ว่าซีพียูไหม้ ก็เพราะใช้งานหนักจนร้อนจัด สุดท้ายเมื่อทนไม่ไหวเขาก็เลยไหม้ประชดซะเลย

แล้วจะป้องกันเรื่องของความร้อนยังไง

เลือกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ระบายความร้อนได้ดี มีพัดลมหรือช่องระบายอากาศขนาดใหญ่

ติดแอร์ซะหมดเรื่อง … ไม่ได้พูดเล่นนะครับ สังเกตดูสิครับว่าออฟฟิศต่าง ๆ ทำไมเขาถึงต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศ นอกจากให้คนทำงานรู้สึกเย็นสบายแล้ว ก็ยังส่งผลกับคุณคอมพิวเตอร์ด้วย เป็นการลดอุณหภูมิได้ในระดับหนึ่ง หรือจะเปิดพัดลมจ่อก็ยังดีกว่าเปิดใช้ในสภาพอากาศร้อน ๆ นั่นล่ะ

ปิดโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งาน โปรแกรมต่างๆที่เปิดขึ้นมา แม้ท่านเลิกใช้งานแล้วแต่ท่านไม่ได้ปิดโปรแกรมไป ซีพียูจะยังทำงานอยู่ ความร้อนจะยังเพิ่มขึ้นนะ

มีความรู้เรื่องอุปกรณ์คอมพิวเตอร์บ้างก็จะดี จะได้ตรวจสอบเบื้องต้นได้ว่าคุณคอมพิวเตอร์อยู่ในสภาพไหน โดยเฉพาะพัดลมระบายอากาศ ต้องคอยดูแลอยู่เสมอ ถ้าเกิดทำงานผิดปกติก็อย่าเสียดายครับ เปลี่ยนใหม่ไปเลย บางคนเอาไปซ่อมแล้วนำมาใช้ใหม่ (กะว่าประหยัด) อย่าเสี่ยงจะดีกว่าครับ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องแล้วจะไม่คุ้มที่ต้องเสียไป

อุปกรณ์ต่างๆ ต้องเลือกใช้ที่เหมาะสม เช่น พาวเวอร์ซัพพลาย ก็ต้องเลือกที่มีกำลังไฟเพียงพอกับอุปกรณ์อื่น ๆ จะช่วยให้คุณคอมพิวเตอร์ทำงานอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ

ระดับความร้อน  เมื่อเราใช้คุณคอมพิวเตอร์ไปนานๆ ก็จะสะสมความร้อนมากขึ้นตามไปด้วย ความร้อนของคุณซีพียูไม่ควรเกิน 60 องศาเซลเซียสแล้วจะวัดยังไง ถ้าลงเครื่องใหม่เมื่อไหร่ ลองให้ฝ่ายไอทีของท่านติดตั้งโปรแกรมที่ชื่อ HWMonitor มันจะแสดงอุณหภูมิของซีพียู เมนบอร์ด และฮาร์ดดิสก์ ให้เราทราบ โปรแกรมนี้หาโหลดได้ฟรีนะครับ

จัดวางตำแหน่งที่อยู่ของคุณคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม ไม่วางชิดติดผนัง จะทำให้การระบายความร้อนทำได้ไม่ดี ระยะห่างจากผนังก็ควรเว้นว่างไว้สัก 5-6 นิ้ว กำลังสวย แล้วลองสังเกตที่ตัวเคส เขาจะมีการเจาะรูระบายอากาศไว้ให้ ก็อย่าดันเอาฝั่งที่มีรูระบายอากาศไปติดกับผนังเสียล่ะ

และไม่ว่าจะตระเตรียมการป้องกันขนาดไหน การใช้งานคุณคอมพิวเตอร์อย่างหนักหน่วงเกินไปก็เป็นการลดประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน แม้ว่าเขาจะยังทำงานได้ แต่ก็ต้องเว้นช่วงให้เขาพักบ้างนะครับ คิดเสียว่าถ้าไม่ให้คุณคอมพิวเตอร์เขาพัก ก็เราเองนั่นแหละที่น่าจะพักบ้าง

หน่วยเทคโนโลยีสารสนเทศทางวิชาการ
งานสารสนเทศและห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

การดูแลคอมพิวเตอร์ของคุณให้อยู่ในสภาพดีเยี่ยมทั้งภายในและภายนอกจะช่วยยืดอายุการใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการทำงานผิดพลาดซีพียูที่ร้อนจัดหรือแบตเตอรี่หมดเร็วเป็นปัญหาคอมพิวเตอร์ที่หลีกเลี่ยงได้ซึ่งการบำรุงรักษาตามปกติเล็กน้อยสามารถป้องกันได้ ลองมาดูเคล็ดลับการดูแลรักษาที่สำคัญ 10 ประการเหล่านี้ คอมพิวเตอร์ของคุณจะทำงานไปได้อีกหลายปี

1. ป้องกันการกระแทก

เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอเรื่องประมาณว่า ใส่โน็ตบุคซ์ไว้ในกระเป๋าพอเปิดออกมาปรากฏว่าของที่ใส่ร่วมกันในกระเป๋าปนกันกระจาย เกิดรอยขีดข่วนและที่สำคัญ มีรอยบุบ ซึ่งทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณดูเก่าลงไปทันตา หากคุณเป็นเหมือนคนที่ต้องพกคอมพิวเตอร์ในการเดินทางไปทำงานในที่ต่างๆ การป้องกันอุบัติเหตุอาจรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อใส่คอมพิวเตอร์ของคุณไว้ในกระเป๋าถือ

2. จัดระเบียบสาย

ลองเปิดกระเป๋าโน็ตบุคซ์ดู เชื่อว่าหลายคนคงเจอกับสภาพของสายชาร์ตและสายไฟต่างๆ พันกันยุ่งเหยิงเต็มไปหมดและสุดท้ายสายเหล่านั้นก็จะหักในต้องเปลี่ยนกันให้วุ่นวาย

3. อัปเดตระบบปฏิบัติการของคุณ

หากคุณกำลังมองหาการบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานการทำให้ระบบปฏิบัติการของคุณทันสมัยอยู่เสมอเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใช้งานระบบ Windows, Mac หรือ Linux ก็ตามการอัปเดตคอมพิวเตอร์ของคุณเมื่อมีแพตช์ใหม่พร้อมใช้งานทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณยังคงใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ

Windows 10 เป็นยังมีระบบในการดูแลผู้ใช้ให้สามารถตรวจสอบการอัปเดตวันละครั้ง การสแกนอัตโนมัตินี้เกิดขึ้นในเบื้องหลังและจะแจ้งให้คุณทราบเสมอหากมีซอฟต์แวร์สำคัญหรือแพตช์ระบบปฏิบัติการที่จำเป็นต้องทำ เป้าหมายสุดท้ายคือการเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ของคุณดังนั้นเมื่อ Windows แนะนำให้คุณอัปเดตระบบ คุณควรทำในทันทีที่มีโอกาสเลยครับ

เคล็ดลับสำหรับมือโปร:การอัปเดตบางอย่างใช้เวลานานกว่าการอัปเดตอื่น ๆ เราสามารถตั้งเวลาก่อนนอนหรือช่วงพักกลางวันเพื่อให้ Windows ทำสิ่งต่างๆ โดยไม่ขัดจังหวะขั้นตอนการทำงาน

4. ถอดปลั๊กเพื่อหลีกเลี่ยงการชาร์จไฟเกิน

หากคอมพิวเตอร์ที่ใช้เป็นโน็ตบุคซ์ต้องมีแบตเตอรี่ และสิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าแบตเตอรี่จะหมดเมื่อไหร่ แต่เป็นแบตเตอรี่จะสามารถใช้งานและชาร์จกลับได้อีกนานแค่ไหน อย่างไรก็ตาม เป็นการดีกว่าที่จะเสียบปลั๊กในขณะที่โน๊ตบุคซ์ของคุณมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่ำกว่า 50% การชาร์จโดยไม่จำเป็นอาจนำไปสู่การชาร์จไฟเกินซึ่งจะนำไปสู่การเสื่อมความสามารถในการชาร์จซ้ำ อาการที่บ่งบอกว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมคือ การใช้งานต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งจะสั้นลงเรื่อยๆ

5. กำจัดไฟล์ขยะและโปรแกรมในระบบของคุณ

คอมพิวเตอร์จะทำงานได้ดีเมื่อในฮาร์ดไดรฟ์ของเรามีพื้นที่เหลือให้ระบบปฏิบัติการได้ทำงานของมัน โปรแกรมที่ไร้ประโยชน์และไฟล์ขยะเก่า ๆ อาจใช้พื้นที่มากกว่าที่คุณคิด เพราะฉะนั้น อะไรที่ไม่ได้ใช้แล้วก็ทำการเคลียร์ออกไปจะเป็นการดี ให้ใช้เคล็ดลับการล้างข้อมูลคอมพิวเตอร์เหล่านี้เพื่อการทำงานที่ดียิ่งขึ้น

• ถอนการติดตั้ง Trialware
• เรียกใช้ซอฟต์แวร์ล้างไฟล์ขยะ
• ล้างถังรีไซเคิล
• ลบไฟล์ชั่วคราว
• ลบแคชของหน้าเว็บออฟไลน์

6. สแกนไวรัสเมื่อมีโอกาส

เชื่อหรือไม่ว่ามีไวรัสคอมพิวเตอร์เกิดใหม่เกือบทุกเดือนหรือบางเดือนอาจมีมากกว่าหนึ่งตัวถือกำเนิดขึ้น ซึ่งบางตัวมีเป้าหมายเพื่อโจมตีการทำงานของคอมพิวเตอร์ บางตัวเข้ามาเพื่อใช้งานคอมพิวเตอร์ของเราเพื่อผลประโยชน์ของผู้พัฒนาไวรัสนั้นๆ เช่นการขุดเหรียญ Crypto เป็นต้น ซึ่งคงไม่ดีสักเท่าไหร่หากเป็นเช่นนั้น

อย่างไรก็ดีการสแกนโปรแกรมป้องกันไวรัสทุกสัปดาห์ช่วยให้แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ของคุณปราศจากการติดซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายอยู่เสมอ การสแกนขั้นพื้นฐานจะตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อหาอันตรายหรือกิจกรรมที่โดดเด่น

สำหรับผู้ที่ใช้งานเว็บเป็นประจำและดาวน์โหลดโปรแกรมและไฟล์เป็นประจำให้ลองสแกนไวรัสสัปดาห์ละสองครั้ง การทำผิดในด้านความปลอดภัยจะดีกว่าเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอาจตกอยู่ในความเสี่ยง

การติดมัลแวร์สามารถลดประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์และเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับของคุณต่ออาชญากรไซเบอร์บุคคลที่สาม ข้อสังเกตุว่าเครื่องเราผิดปกติคือ

• ความเร็วของเว็บเบราว์เซอร์ช้า
• ขัดขวางการเชื่อมต่อเครือข่าย
• หยุดระบบของคุณหรือหยุดทำงาน
• แก้ไขการตั้งค่าคอมพิวเตอร์
• อนุญาตให้เข้าถึงทรัพยากรระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

7. ทำความสะอาดแป้นพิมพ์และเคส

คุณจะต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าฝุ่นและเศษเล็กเศษน้อยอาศัยอยู่ใต้แป้นคีย์บอร์ดของคุณมากแค่ไหน ตั้งแต่เศษอาหารและขนของสุนัขไปจนถึงฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกและสิ่งอื่น ๆ ที่สามารถสอดเข้าไประหว่างปุ่มต่างๆได้อนุภาคสกปรกจำนวนมากสามารถอุดตันแป้นพิมพ์ของคุณได้ ซึ่งมักจะส่งผลให้ปุ่มติดหนึบหรือกดยาก

การล้างส่วนที่เข้าถึงยากของการตั้งค่าแล็ปท็อปหรือเดสก์ท็อปของคุณทำได้ง่ายที่สุดโดยใช้กระป๋องอัดอากาศที่หาซื้อได้จากร้านขายอุปกรณ์สำนักงานร้านคอมพิวเตอร์และร้านฮาร์ดแวร์ ถอดคีย์บอร์ดออกจากพอร์ต USB หรือปิดเครื่องหากเป็นแบบไร้สาย เอียงแป้นพิมพ์คว่ำและเขย่าเศษที่หลวม ๆ ออกก่อน พ่นลมอัดเป็นมุมและห่างจากแป้นประมาณ 1 นิ้ว ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดฝุ่นหรือสิ่งสกปรกส่วนเกินออก

8. อัปเดตรหัสผ่านของคุณ

เชื่อหรือไม่ การอัปเดตรหัสผ่านของคุณเป็นงานที่สำคัญพอๆ กับการสำรองข้อมูลของคุณ รายงานการสืบสวนการละเมิดข้อมูลประจำปี 2017 ของ Verizon พบว่า 81% ที่น่าตกใจของการละเมิดที่เกี่ยวข้องกับการแฮ็กใช้ประโยชน์จากรหัสผ่านที่ถูกขโมยและ / หรือรหัสผ่านที่อ่อนแอ การใช้รหัสผ่านที่ไม่ดีครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่การใช้รหัสผ่านเดียวกันสำหรับทุกบัญชีไปจนถึงการใช้รหัสผ่านที่เข้าใจง่ายเช่น “password” หรือ“ 123456”

เมื่อพูดถึงการบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานการปกป้องโลกดิจิทัลของคุณจากอาชญากรไซเบอร์ควรอยู่ในระดับต้นๆเลยก็ว่าได้ ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบและทุกวันนี้ผู้บริโภคตระหนักถึงสิ่งนี้ในวงกว้างมากขึ้นกว่าเดิม

หากคุณเกินกำหนดสำหรับการอัปเดตรหัสผ่านให้พิจารณาใช้เคล็ดลับการสร้างรหัสผ่านที่รัดกุมเหล่านี้:

1. ใช้อักขระอย่างน้อย 10 ตัว
2. ใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็กผสมกัน
3. รวมทั้งตัวเลขและสัญลักษณ์พิเศษ
4. เพิ่มอีโมติคอนถ้าเป็นไปได้ (: O, :(,: D, :), TT)

รหัสผ่านที่รัดกุมจะปกป้องข้อมูลทั้งหมดของคุณจากแฮ็กเกอร์บุคคลที่สามที่อาจเกิดขึ้นซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นส่วนสำคัญในการบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์

9. สำรองข้อมูลของคุณ

ส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์คือการเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ไม่คาดคิด การขัดข้องอย่างกะทันหันความผิดพลาดก่อนเวลาอันควรและความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์แบบสุ่มล้วนมีโอกาสทำให้ข้อมูลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของคุณเสียหายได้ การสำรองไฟล์เป็นหนึ่งในขั้นตอนการบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ที่สำคัญที่สุดที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์สามารถทำได้ด้วยตัวเอง คอมพิวเตอร์ของคุณสามารถเปลี่ยนได้ แต่กับข้อมูลนั้นไม่สามารถหาใหม่ได้

หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ 02-410-4488 ทาง เฟสบุคซ์ หรือเข้ามาทางไลน์ ของเราก็ได้นะคะ