๑๔. สังหาริมทรัพย์ และ อสังหาริมทรัพย์ คือทรัพย์เช่นไร ภิกษุจะต้องอาบัติถึงที่สุดเพราะลักทรัพย์ทั้ง ๒ อย่างนั้นเมื่อใด ตอบ สังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้ ได้แก่ ปศุสัตว์ และสัตว์พาหนะ เช่นแพะ แกะ สุกร โค กระบือ เป็นต้น อสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้ ได้แก่ที่ดิน เรือน เป็นต้น ฯภิกษุต้องอาบัติถึงที่สุดเพราะลักสังหาริมทรัพย์ เมื่อทรัพย์เคลื่อนจากฐาน อสังหาริมทรัพย์ เมื่อเจ้าของเดิมสละกรรมสิทธิ์ ฯ ๑๕. อุตตริมนุสสธรรม คืออะไร มีอะไรบ้าง ตอบ อุตตริมนุสสธรรม คือ ธรรมอันยิ่งของมนุษย์ มี ๗ อย่าง ได้แก่ ฌาน วิโมกข์สมาธิ สมาบัติ มรรค ผล นิพพาน ฯ ๑๖. ปาราชิก ๔ ข้อไหนเป็นสจิตตกะ ข้อไหนเป็นอจิตตกะ ทำไมเป็นเช่นนั้น ข้อไหนเป็น สาณัตติกะ ข้อไหนเป็นอนาณัตติกะ ตอบ ปาราชิกทั้ง ๔ ข้อเป็นสจิตตกะ ที่เป็นเช่นนั้น เพราะต้องด้วยจงใจ เกิดขึ้นโดยมีเจตนาเป็นสมุฏฐาน ฯ ๑๗. อทินนาทานสิกขาบท กำหนดราคาทรัพย์ เป็นวัตถุแห่งอาบัติไว้อย่างไรบ้าง ๑๘. ภิกษุมีความกำหนัดจับต้องกายหญิง กะเทย บุรุษ สัตว์ดิรัจฉานเพศผู้ สัตว์ดิรัจฉานเพศเมีย ต้องอาบัติอะไร ตอบ ภิกษุมีความกำหนัด จับต้องกายหญิงต้องสังฆาทิเสส, กะเทย หรือบัณเฑาะว์ต้องถุลลัจจัย, บุรุษ และสัตว์ดิรัจฉาน ต้องทุกกฏ ฯ ๑๙. คำว่า มาตุคาม ในสังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๒, ๓, ๔ และ ๕ ต่างกันอย่างไร ๒๐. คำว่า สจิตตกะ กับ อจิตตกะ มีความหมายว่าอย่างไร ๒๑. ภิกษุที่ต้องอาบัติเพราะทรัพย์ของตนเองนั้นมีหรือไม่ จงชี้แจง ตอบ มี คือ การหนีภาษี หรือ สุงกฆาตะ ต้องอาบัติตามจำนวนเงินที่หนีภาษี ฯ ๒๒. ที่ลับตา กับ ที่ลับหู ต่างกันอย่างไร ที่ลับทั้ง ๒ นั้น เป็นทางให้ปรับอาบัติได้มากน้อยกว่ากันอย่างไร ตอบ ที่ลับตา คือ ที่ที่มีวัตถุกำบัง แลเห็นไม่ได้ ที่ลับหู คือ ที่แจ้ง แลเห็นได้ แต่ห่างไม่ได้ยินเสียงพูด ๒๓. ผ้าไตรจีวรคือผ้าอะไร ได้แก่อะไรบ้าง อธิษฐานจีวรกับ อติเรกจีวร ต่างกันอย่างไร ตอบ ผ้าไตรจีวรคือผ้า ๓ ผืน ที่ทรงอนุญาตให้ภิกษุอธิษฐานไว้ใช้สำหรับตนเอง ได้แก่สังฆาฏิ (ผ้าคลุม), อุตตราสงค์ (ผ้าห่ม), อัตตรวาสก (ผ้านุ่ง) อธิษฐานจีวร หมายถึงผ้าที่ทรงอนุญาตให้ภิกษุมีได้ ๓ ผืน อติเรกจีวร ได้แก่จีวรอันไม่ใช่ของอธิษฐาน ไม่ใช่ของวิกัป ทั้งไม่จำกัดจำนวน ฯ ๒๔. ผ้าจีวรที่ทรงอนุญาตให้ใช้ได้ทำด้วยวัตถุกี่ชนิด อะไรบ้าง ตอบ ผ้าจีวรที่ทรงอนุญาตให้ใช้ได้ ทำด้วยวัตถุ ๖ ชนิด ดังนี้ ๒๕. เภสัช ๕ ที่ภิกษุรับประเคนแล้วเก็บไว้ฉันได้ไม่เกิน ๗ วัน ได้แก่อะไรบ้าง น้ำตาลจัดเข้าเภสัชชนิดใด ๒๖. เมื่อภิกษุได้จีวรใหม่มา ก่อนที่จะนุ่งห่ม ต้องทำพินทุด้วยสี ๓ สี อย่างใดอย่างหนึ่ง คือสีอะไรบ้าง จีวร ผ้านิสีทนะ อังสะ ผ้าเช็ดหน้า ย่ามผ้า เมื่อจะใช้สอย อย่างไหนควรพินทุ อย่างไหนไม่ควร เพราะเหตุใด คำว่า“พินทุกัปปะ” คืออะไร ตอบ จีวรใหม่ ควรพินทุด้วยสี ๓ สี คือ สีเขียวคราม, สีโคลน, สีดำคล้ำ จีวร และอังสะ ควรพินทุ เพราะใช้ห่ม ผ้านิสีทนะ ผ้าเช็ดหน้า และย่ามผ้า ไม่ต้องพินทุ เพราะไม่ได้ใช้นุ่งห่ม “พินทุกัปปะ” คือการทำให้เสียสี ฯ ๒๗. บริขาร ๘ มีอะไรบ้าง ภิกษุซ่อนบริขารของผู้อื่นเพื่อล้อเล่นต้องอาบัติอะไร ๒๘. ผ้าไตรครอง มีอะไรบ้าง ต่างจากอติเรกจีวรอย่างไร ตอบ มี สังฆาฏิ อุตตราสงค์ อันตรวาสก ฯต่างกันอย่างนี้ ผ้าไตรครองเป็นผ้าที่ภิกษุอธิษฐาน มีจำนวนจำกัด คือ ๓ ผืน ส่วน อติเรกจีวร คือผ้าที่นอกเหนือจากผ้าไตรครอง มีได้ไม่จำกัดจำนวน ฯ ๒๙. พระ ก. นำเบียร์มาให้พระ ข. ดื่ม โดยหลอกว่าเป็นน้ำอัดลม พระ ข.หลงเชื่อจึงดื่มเข้าไป ถามว่า พระ ก. และพระ ข. ต้องอาบัติอะไรหรือไม่ หมายความว่า ด้ายร้อยดอกไม้ควบคุมดอกไม้ไว้ไม่ให้กระจัดกระจายฉันใด พระวินัยย่อมรักษาสงฆ์ให้ตั้งอยู่เป็นอันดีฉันนั้น๓.๒ ย่อมได้อานิสงส์ คือไม่ต้องเดือดร้อนใจ ได้รับความแช่มชื่นว่า ได้ประพฤติดีงาม จะเข้าหมู่ภิกษุผู้มีศีลก็องอาจไม่สะทกสะท้าน ๔. ๔.๑ อาบัติที่เป็นโลกวัชชะหมายความว่าอย่างไร ? จงยกตัวอย่างประกอบ ๔.๒ อาบัติที่เป็นปัณณัตติวัชชะหมายความว่าอย่างไร ? จงยกตัวอย่างประกอบ ตอบ: ๔.๑ หมายความว่า อาบัติที่มีโทษซึ่งภิกษุทำเป็นความผิดความเสีย คนสามัญทำ ก็เป็นความผิดความเสียเหมือนกัน เช่น ทำโจรกรรม เป็นต้น ๔.๒ หมายความว่า อาบัติที่มีโทษเฉพาะภิกษุทำ แต่คนสามัญทำไม่เป็นความผิดความเสีย เช่น ขุดดิน เป็นต้น ๕. ๕.๑ ภิกษุฆ่าสัตว์ให้ตายเป็นอาบัติอะไร ? ๕.๒ ภิกษุพยายามจะฆ่าตนเองเป็นอาบัติอะไร ? ตอบ: ๕.๑ ถ้าเป็นสัตว์มนุษย์ เป็นอาบัติปาราชิก สัตว์ที่เรียกว่าอมนุษย์ เช่นยักษ์ เปรต และดิรัจฉานมีฤทธิ์จำแลงกายเป็นมนุษย์ได้ เป็นอาบัติถุลลัจจัย ดิรัจฉานทั่วไป เป็นอาบัติปาจิตตีย์ ๕.๒ เป็นอาบัติทุกกฏ ๖. ๖.๑ พูดอย่างไรเรียกว่า อวดอุตตริมนุสสธรรม ? ๖.๒ ภิกษุพูดอวดอุตตริมนุสสธรรมซึ่งไม่มีจริงในตน เมื่อคนอื่นฟังแล้วเข้าใจแต่ไม่เชื่อ ภิกษุนี้จะต้องอาบัติอะไร ? ตอบ:. ๖.๑ พูดอวดคุณพิเศษอันยิ่งของมนุษย์ เช่น ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค ผล นิพพาน เรียกว่า อวดอุตตริมนุสสธรรม ๖.๒ ต้องอาบัติปาราชิก ๗. ๗.๑ จงอธิบายความหมายของคำต่อไปนี้ อเตกิจฉา อจิตตกะ ๗.๒ คำว่า มาตุคาม (หญิง) ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๒, ๓, ๔, ต่างกันอย่างไร ? ตอบ: ๗.๑ อเตกิจฉา อาบัติที่แก้ไขไม่ได้ อจิตตกะ อาบัติที่ไม่จงใจ ๗.๒ มาตุคาม ในสิกขาบทที่ ๒ หมายถึง หญิงมนุษย์โดยที่สุดเกิดในวันนั้น มาตุคาม ในสิกขาบทที่ ๓, ๔ หมายถึง หญิงผู้รู้เดียงสา ๘. ๘.๑ คำว่า นิสสัคคิยปาจิตตีย์ หมายความว่าอย่างไร ? ๘.๒ ปาจิตตีย์แบ่งเป็น นิสสัคคิยปาจิตตีย์ และสุทธิกปาจิตตีย์ เพราะเหตุไร ? ตอบ: ๘.๑ หมายความว่า อาบัติปาจิตตีย์ที่จำต้องสละสิ่งของ ๘.๒ เพราะว่านิสสัคคิยปาจิตตีย์นั้น จำต้องเสียสละวัตถุอันเป็นเหตุให้ต้องอาบัตินั้นเสียก่อน จึงแสดงอาบัติได้ ส่วนสุทธิกปาจิตตีย์นั้น ภิกษุพึงแสดงอาบัติได้เลย ไม่มีวัตถุใด ๆ ที่จำต้องสละ ๙. ๙.๑ ภิกษุนำ เตียง ตั่ง ฟูก เก้าอี้ ของสงฆ์ ไปใช้ในที่แจ้งแล้ว ครั้นหลีกไปจากที่นั้น ไม่เก็บหรือไม่มอบหมายให้ผู้อื่นเก็บให้เรียบร้อย ต้องอาบัติอะไรหรือไม่ |