อ่านให้จบว่าเขาจบแบบ Happy Ending และ planing ในทุก ๆ เรื่องราวในการกระทำทานหรือการให้ Show เรื่องนี้เป็นเรื่องของครอบครัวอุดมคติที่มีครอบคัวเดียวใน กาลในยาวนานนะ นี่คือสุดยอดวีรกรรมในการบริจาคทานของพระเวสสันดรโพธิสัตว์ ที่ทรงยอมสละทุกสิ่งเพื่อ ความสุขของผู้อื่น สิ่งใดที่มนุษย์ทั่วไปรักใคร่หวงแหน ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์ อวัยวะ บุตร ภรรยา และชีวิต ท่านก็ทรงตัดใจสละได้สำเร็จ ทรงเกิดมาเพื่อเป็นผู้ให้ ครั้นทรงมีพระชนมายุได้ ๔-๕ ชันษา ได้ประทานเครื่องประดับที่มีค่าถึง ๑๐๐,๐๐๐ กหาปณะ แก่เหล่าแม่นม เหล่านั้นของพระองค์อีก ครั้นทรงเจริญวัยจนพระชนมายุได้
๘ ชันษา มีอยู่วันหนึ่ง ขณะบรรทมเพียงลำพัง ได้ทรงดำริขึ้นว่า "เราได้แต่ให้วัตถุสิ่งของซึ่ง ถือว่าเป็นเพียงทานภายนอกร่างกาย เรามีความรู้สึกว่ายังไม่อิ่มใจในการให้ทาน ทันใดนั้น
มหาปฐพีซึ่งเสมือนรับรู้ความเป็นยอดนักบริจาค ถึงกับบังเกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นลึกลง ไปสุดก้นมหาสมุทร แม้ภูเขาพระสุเมรุก็ได้โน้มลงมาหันยอดไปยังพระนครเชตุดร ซึ่งเป็นที่ประทับของพระราชกุมาร ปัญจมหาบริจาค สิ่งที่ให้ได้ยากที่สุด เมื่อพราหมณ์ชูชกทูลขอกัณหาชาลีลูกรัก ทั้งสอง และพระอินทร์แปลงกายมาทูลขอพระชายา พระเวสสันดรก็ได้ประทานไปตามคำขอทั้งสิ้น และหากถูกทูลขอชีวิตของพระองค์แล้ว พระองค์ต้องบริจาคชีวิตตน เป็นทานอย่างแน่นอน เนื่องจาก ทรงเล็งเห็นอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ จึงทรงบริจาคผู้ที่พระองค์รักมากที่สุดยิ่งกว่าลมหายใจของตนเอง วิสัยพระบรมโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ทรงเห็นทุกข์ด้วยปัญญา ทนสร้างบารมีเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ด้วยมหากรุณา อยากให้สรรพสัตว์หลุดพ้นจากทุกข์ ทั้งปวง ทรงยอมลำบากกว่าใครๆ เพื่อประโยชน์ใหญ่ ของสรรพสัตว์เพียงอย่างเดียว การบริจาคปัญจมหา บริจาค จึงนับว่าเป็นที่สุดแห่งการเสียสละในมุมมองของคนธรรมดาทั่วไปมักเอาตนเข้า ไปตัดสินความคิดของพระโพธิสัตว์ สิ่งที่เราคิดว่าพระองค์ไม่น่าทำนั้นเป็นเรื่องที่เราตัดสินไปเอง อาศัย ดวงปัญญาอันนิดน้อยเหมือนแสงหิ่งห้อยย่อมตามไม่ทันดวงปัญญาของพระโพธิสัตว์ซึ่งสว่างไสวเหมือน แสงตะวัน คนทั่วไปมองไม่เห็นกองเพลิงที่ลุกโชติช่วง บนภูเขาในเวลากลางคืน แต่พระโพธิสัตว์สามารถ เห็นกองเพลิงกองนั้น ได้ประดุจอยู่ตรงหน้า ท่านทรง ไปถึงจุดที่บารมีเต็มเปี่ยม ด้วยมองว่าเป็นการตัดกังวลเครื่องเหนี่ยวรั้ง จึงจะเอาตัวรอดหลุดพ้นจากทุกข์ได้ และยังสามารถที่จะกลับมาช่วยครอบครัวและชาวโลกให้พ้นตาม ดังในชาติสุดท้ายที่เป็น เจ้าชายสิทธัตถะ ก็ยังต้องสละตัดใจจากครอบครัวออกบวชแสวงหาพระนิพพาน ดุจดั่งในสมรภูมิสงคราม ถ้ารบชนะประเทศก็จะชนะไปด้วย พาให้ครอบครัวตนและผู้คนอื่นๆ ปลอดภัยตาม ทหารทางโลกตัดใจทิ้งครอบครัวเพื่อไปรบกับ อริราชศัตรู ส่วนเจ้าชายสิทธัตถะตัดใจจากครอบครัว เพื่อไปรบกับกิเลสซึ่งเป็นศัตรูที่แท้จริง แม้รู้ว่าจะได้รับความลำบากทุกย่างก้าว พระองค์ก็ยอมที่จะเลือกเป็นนักบวชมากกว่าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เพราะทรงตระหนักว่านี่คือหนทางสู่สันติสุขภายในอย่างแท้จริง และเป็นทางสู่ความสุขอันเป็นอมตะ วิสัยนักสร้างบารมี ผู้เป็นยุวโพธิสัตว์ จะเห็นได้ว่า พระบรมโพธิสัตว์ของเราทรงคำนึงถึงประโยชน์ใหญ่ของมนุษยชาติเป็นหลัก มิได้เห็น แก่ประโยชน์ส่วนตนเลย หากศึกษาแต่เพียงผิวเผิน ก็เหมือนดูละครไม่จบ อาจจะทำให้เข้าใจผิดว่าพระองค์เห็นแก่ตัวที่ทรงทอดทิ้งบุตรและภรรยา คำสอน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ที่เราได้ศึกษากันนั้น ก็เกิดมาจากการเสียสละ "กองเลือดเนื้อและอวัยวะขนาดมหึมาท่วมท้นจักรวาล" ของพระองค์ ทั้งสิ้น ที่บริจาคไปกลั่นแลกเอาบารมี เพื่อมาเป็น ที่พึ่งให้แก่สรรพสัตว์แม้เรายังไม่อาจทำได้อย่างพระบรมโพธิสัตว์ แต่เราก็สามารถทำได้ในแบบฉบับอย่างยุวโพธิสัตว์ การให้ทานของพระเวสสันดร มีกี่แบบปัญจมหาบริจาค คือ การบริจาคที่ยิ่งใหญ่ ๕ ประการ คือ ๑.ธนบริจาค(การสละทรัพย์สมบัติเป็นทาน)๒.อังคบริจาค(การสละร่างกายเป็นทาน) ๓.ชีวิตบริจาค(การสละชีวิตให้เป็นทาน) ๔.บุตรบริจาค(การสละลูกให้เป็นทาน) ๕.ภริยาบริจาค(การสละภรรยาให้เป็นทาน)
พระเวสสันดรเป็นผู้บำเพ็ญบารมีในด้านใดทานบารมี = ทรงบริจาคทรัพย์สิน ช้าง ม้า ราชรถ พระกุมารทั้งสองและพระมเหสี ศีลบารมี = ทรงรักษาศีลอย่างเคร่งครัดระหว่างทรงผนวชอยู่ ณ เขาวงกต เนกขัมมบารมี = ทรงครองเพศบรรพชิตตลอดเวลาที่ประทับ ณ เขาวงกต ปัญญาบารมี = ทรงบำเพ็ญภาวนามัยปัญญาตลอดเวลาที่ทรงผนวช
ตอนทานกัณฑ์ พระเวสสันดรบำเพ็ญทานในข้อใดกัณฑ์ที่๓ ทานกัณฑ์๒๐๙ พระคาถา
ก่อนพระเวสสันดรจะเสด็จออกพระนครสีพีทรงบริจาค “สัตตสดกม หาทาน” (ทาน ๗ สิ่งๆ ละ ๗๐๐) ทรงมีพระนางมัทรี พระกัณหา และพระชาลี รวม ๔ ชีวิตตามเสด็จไปประทับที่ป่าหิมพานต์
ทำไมพระเวสสันดรต้องให้ทานพระเวสสันดรทรงมีพระทัยยินดีที่จะทรงกระทำบุตรทาน คือ การบริจาคบุตรเป็นทาน อันหมายถึงว่า พระองค์เป็นผู้สละกิเลส ความหวงแหนในทรัพย์สมบัติทั้งปวง แม้กระทั่งบุคคลอันเป็นที่รัก ก็สามารถสละ เป็นทานเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ แต่พระองค์ทรงผัดผ่อนต่อชูชกว่า ขอให้ พระนางมัทรีกลับมาจากป่าได้ร่ำลาโอรสธิดา เสียก่อนชูชกก็ไม่ยินยอม ...
|