แบบฝึกหัด ท้าย บทที่ 1 แรงลัพธ์ และแรง เสียด ทาน ป. 5

  • *** ติวโจทย์เข้ม - ข้อสอบประจำสาระการเรียนรู้ วิชาสังคมศึกษา ม.1 (ชุดที่ 1) *** - *** ติวโจทย์เข้ม - ข้อสอบประจำสาระการเรียนรู้ วิชาสังคมศึกษา ม.1 (ชุดที่ 1) *** - สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม และจริยธรรม Download - สาระที่ 2 ...

    1 วันที่ผ่านมา

  • ข้อสอบ วิชาสังคมศึกษา ม,123 - สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ - เรื่องที่ 8 สถาบันการเงิน - ข้อสอบ วิชาสังคมศึกษา ม.123 - สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ - เรื่องที่ 8 สถาบันการเงิน Download PDF File

    2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

  • social-m123-test-sara1-2 - ข้อสอบ วิชาสังคมศึกษา ม.123 - สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม - เรื่องที่ 2 พุทธประวัติ ประวัติพุทธสาวก และชาวพุทธตัวอย่าง Download PDF File

    2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

  • ***สรุปเนื้อหา - วิชาสังคมศึกษา ม.2*** - ****สรุปเนื้อหา - วิชาสังคมศึกษา ม.2**** - สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม - สาระที่ 2 หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม - สาระ...

    1 เดือนที่ผ่านมา

  • ***แนวข้อสอบปลายปี ม.2 - วิชาประวัติศาสตร์*** - * ***แนวข้อสอบปลายปี ม.2 - วิชาประวัติศาสตร์**** - แนวข้อสอบปลายปี ม.2 - วิชาประวัติศาสตร์ (ชุดที่ 1)

    2 ปีที่ผ่านมา

  • buddha-p1-test - ****ข้อสอบมาตรฐาน วิชาพระพุทธศาสนา ป.1**** - ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 พระพุทธศาสนา เรื่องที่ 1 ประวัติและความสำคัญของพระพุทธศาสนา - ข้อสอบมาตรฐานชั้...

    4 ปีที่ผ่านมา

  • art-p1-test - ****ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 - วิชา ศิลปะ ดนตรี และนาฎศิลป์ **** - ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 - วิชา ศิลปะ ดนตรี และนาฎศิลป์ - ตอนที่ 1 ทัศนศิปล์ หน่วยที่ 1...

    4 ปีที่ผ่านมา

  • ***ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 (ปลายภาค) - วิชาวิทยาศาสตร์*** - ****ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 (ปลายภาค) - วิชาวิทยาศาสตร์**** - ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 (ปลายภาค) - วิชาวิทยาศาสตร์ (ชุดที่ 1) - ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 (ปลาย...

    4 ปีที่ผ่านมา

  • ***ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 - วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี*** - ****ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 - วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี**** - ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยที่ 1 งานบ้าน - ข้อสอบมาตรฐานชั...

    4 ปีที่ผ่านมา

  • Kanngan-p5-test- - ****ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.5 - วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี**** - ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.5 - วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยที่ 1 งานบ้านน่ารู้ - ข้อส...

    4 ปีที่ผ่านมา

  • ***ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.2 - วิชาวิทยาศาสตร์*** - ****ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.2 - วิชาวิทยาศาสตร์**** - ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.2 วิทยาศาสตร์ หน่วยที่ 1 โลกสวยด้วยพืช - ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.2 วิทยาศาสตร์ หน่วย...

    4 ปีที่ผ่านมา

  • Main - - ****รวมแบบทดสอบ แบบฝึกหัด - อนุบาล - ประถม - มัธยม**** - *ข้อสอบมาตรฐาน ป.1 - ป.6* - *ข้อสอบมาตรฐาน ป.1* - ข้อสอบมาตรฐาน ป.1 - วิชาพระพุ...

    4 ปีที่ผ่านมา

  • ***ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 - สุขศึกษา และพลศึกษา*** - ****ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 - สุขศึกษา และพลศึกษา**** - ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 สุขศึกษาและพลศึกษา เรื่องที่ 1 ร่างกายของเรา - ข้อสอบมาตรฐานชั้น ป.1 สุขศ...

    4 ปีที่ผ่านมา

  • About Ang Thong - อ่างทอง เป็นจังหวัดเล็ก ๆ ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนล่าง มีเนื้อท่ 968 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่่น้ำสายสำคัญไหลผ่านสองสาย คือ แม่น้ำ...

    10 ปีที่ผ่านมา

  • Main - หน้าแรก เลือกหัวข้อได้เลยค่ะ

    58 ปีที่ผ่านมา

  • Main - ****คลังข้อสอบ แบบฝึกหัด และใบงาน**** *ข้อสอบมาตรฐาน ป.1 - ป.6* - *ข้อสอบมาตรฐาน ป.1* - ข้อสอบมาตรฐาน ป.1 - วิชาพระพุทธศาสนา

    59 ปีที่ผ่านมา

คูม ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน 60 กิจกรรมท่ี 1 หาแรงลัพธท ก่ี ระทาํ ตอ วัตถไุ ดอยางไร กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดวัดขนาดของแรงท่ีกระทํา ตอวัตถุโดยใชเคร่ืองช่ังสปริง อธิบายการหาแรงลัพธของ แรงท่ีกระทําตอวัตถุในทิศทางเดียวกันและตรงกันขาม และอธิบายขนาดและทิศทางของแรงลัพธที่กระทําตอ วัตถุที่อยูน่ิง รวมทั้งเขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทําตอ วัตถุ เวลา 3 ชวั่ โมง จุดประสงคการเรยี นรู วัดขนาดของแรง อธิบายการหาแรงลัพธท่ี กระทําตอวัตถุ และเขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทํา ตอวตั ถุ วสั ดุ อุปกรณสาํ หรบั ทาํ กจิ กรรม สงิ่ ท่คี รตู อ งเตรยี ม/กลุม 1. เครื่องชั่งสปรงิ 3 อัน 2. ถุงทราย 1 ถุง ทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 3. ถงุ พลาสติกมหี หู ิ้ว 1 ใบ 4. เชือกยาวประมาณ 8 เซนติเมตร 1 เสน C4 การสื่อสาร 5. กระดาษแขง็ ขนาด A4 1 แผน C5 ความรวมมอื 6. กรรไกร 1 เลม สอ่ื การเรยี นรูและแหลง เรียนรู 7. ไมบรรทัด 1 อัน 8. วตั ถอุ ่ืน ๆ เชน กอนหนิ 1 กอน 1. หนังสือเรยี น ป.5 เลม 1 หนา 30-35 ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.5 เลม 1 หนา 28-35 S1 การสงั เกต 3. วีดิทัศนตัวอยางการปฏิบัติการวิทยาศาสตรสําหรับครู S2 การวดั เรอ่ื ง หาแรงลัพธทกี่ ระทาํ ตอวตั ถุไดอยางไร S3 การใชจํานวน http://ipst.me/9477 S13 การตีความหมายขอ มลู และลงขอ สรุป S14 การสรางแบบจําลอง สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

61 คูม ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน แนวการจัดการเรียนรู หากนักเรียนอาจตอบคําถาม ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ไ ม ไ ด ต า ม แ น ว 1. ครูนําเขาสกู ิจกรรมโดยสาธิตการหว้ิ ถุงทีม่ ีส่งิ ของอยดู านในดวยการรวบหู คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียน หว้ิ เขาดว ยกัน จากนนั้ ครถู ามนักเรยี นดงั นี้ คิดอยางเหมาะสม รอคอยอยาง 1.1 ขณะท่ีครูห้ิวถุง มีแรงอะไรกระทําตอถุงบาง และแรงที่กระทํามี อดทน และรับฟงแนวความคิด ทิศทางใดบาง (นักเรียนตอบตามความเขาใจ เชน นํ้าหนักของ ของนักเรียน สิง่ ของมที ศิ ทางลง และแรงทคี่ รูห้วิ ถงุ มที ิศทางขนึ้ ) 1.2 เหตุใดสิง่ ของในถงุ หิ้วจงึ มีนํ้าหนกั และนาํ้ หนักมที ศิ ทางลง (เพราะ ส่ิงของในถุงห้ิวมีมวล จึงมีแรงโนมถวงของโลกกระทําตอวัตถุใน แนวด่ิงในทิศทางลงสพู นื้ โลก) 1.3 ถาครูห้ิวถุงไวน่ิง ๆ แรงที่ครูใชห้ิวถุง จะมีคาเปนอยางไรเมื่อเทียบ กับนํ้าหนกั ของถงุ (นกั เรียนตอบตามความเขา ใจ) 1.4 ถาครูใหตัวแทนนกั เรยี นหน่ึงคนมาชวยห้ิวถุงอกี ขางหนึ่ง แลวครูดึง ห้ิวขางท่ีเหลือ เมื่อเปรียบเทียบแรงท่ีนักเรียนกับครูใชห้ิวถุงคนละ หน่ึงขางกับแรงท่ีครูห้ิวถุงคนเดียวจะเปนอยางไร (นักเรียนตอบ ตามความเขาใจ) ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนไว และช้ีแจงวานักเรียนจะไดหา คําตอบจากการทาํ กจิ กรรมตอไป 2. นักเรียนอานช่ือกิจกรรม และทําเปนคิดเปน ในหนังสือเรียนหนา 30 จากน้ันรวมกันอภิปรายเพ่ือตรวจสอบความเขาใจจุดประสงคใน การทํากิจกรรม โดยใชคาํ ถามดงั น้ี 2.1 กจิ กรรมนีน้ ักเรยี นจะไดเรยี นรูเกีย่ วกับเร่อื งอะไร (การหาแรงลพั ธทก่ี ระทําตอวตั ถ)ุ 2.2 นกั เรยี นจะไดเรยี นรเู ร่ืองนด้ี ว ยวธิ ีใด (วัดขนาดของแรง) 2.3 เม่ือเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายการหาแรงลัพธที่กระทํา ตอวตั ถุและเขียนแผนภาพแสดงแรงทก่ี ระทาํ ตอวัตถ)ุ 3. นักเรยี นบันทกึ จดุ ประสงคลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม หนา 28 และ อานส่ิงท่ี ตอ งใชในการทํากจิ กรรม ครูอาจตรวจสอบวานักเรียนรูจักวัสดุและอุปกรณ ที่ใชในการทํากิจกรรมหรือไม ถานักเรียนไมรูจักวัสดุ อุปกรณบางอยาง ครูควรนํามาแสดงใหดู หรือถานักเรียนไมรูวิธีการใชเครื่องช่ังสปริง ครูควร แนะนาํ และสาธิตวิธีการใชท ีถ่ กู ตอ ง 4. นักเรียนอานทําอยางไร โดยครูใชวิธีการฝกอานตามความเหมาะสมกับ ความสามารถในการอานของนักเรียน ในกิจกรรมมีวิธีทําท้ังหมด 3 ตอน  สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูม ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 62 ครูอาจใหนักเรียนอานทําอยางไรเฉพาะตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 กอน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและ จากน้ันรวมกันอภิปรายเพ่ือสรุปข้ันตอนการทํากิจกรรม โดยใชคําถาม ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 ที่นกั เรียนจะได ตอ ไปน้ี ตอนที่ 1 ฝก จากการทาํ กจิ กรรม 4.1 ขนั้ แรกของการทํากจิ กรรม นกั เรยี นตอ งทาํ อะไร (บรรจุถุงทรายลงใน S1 การสงั เกตการเคล่ือนทีข่ องถุงทราย ถุงหูหิ้วพลาสติก แลวใชเครื่องชั่งสปริง 2 อัน เก่ียวท่ีหูหิ้วของ ถุงพลาสติกขางละอัน ดึงเครื่องชั่งสปริงในแนวด่ิงโดยใหเครื่องชั่ง แผนกระดาษ เชอื ก และ วัตถุอน่ื ๆ สปรงิ ทั้งสองอันอยนู ิ่ง) S2 การวดั ขนาดของแรงจากเคร่ืองชง่ั 4.2 นักเรียนตองสังเกตและบันทกึ ผลอะไร (สงั เกตและบันทกึ ขนาดของแรง สปรงิ ท่ีเครื่องชงั่ สปริงแตล ะอันกระทาํ ตอ ถงุ ทราย) S3 การหาผลรวมของแรงท่ีอานไดจาก 4.3 หลงั จากวดั ขนาดของแรงที่เคร่ืองชัง่ สปริงแตละอนั กระทําตอถงุ ทราย แลว นักเรยี นตองทําอะไรตอ (ทํากิจกรรมซํ้า แตใชเครอ่ื งชั่งสปริง เครอื่ งชัง่ สปรงิ 1 อนั เกย่ี วทหี่ หู ิว้ ทง้ั สองขางของถุงพลาสตกิ วัดขนาดของแรงทอ่ี าน ได) S14 เขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระตอ ถงุ กิจกรรมตอนที่ 1 ครูควรกําชับใหนักเรียนแขวนหูถุงห้ิวแตละขางไว ทราย เชอื กและกระดาษแขง็ กับเครื่องช่ังสปริงโดยตองถือเคร่ืองชั่งสปริงแตละอันในแนวด่ิง ใหขนาน C4 การสื่อสารดวยการนําเสนอผลการ กนั และตองอา นคา แรงจากเครอ่ื งชัง่ สปริงในขณะที่ถุงทรายอยนู ิ่งเสมอ ทํากิจกรรมดว ยการพูดและการ เขยี นแผนภาพแสดงแรง ตอนที่ 2 C5 ความรวมมอื ในการใชเ คร่ืองช่ัง 4.4 กิจกรรมตอนที่ 2 นักเรียนตองทําอะไรกับเชือกที่ไดรับ (ผูกปลาย สปรงิ วัดขนาดของแรงและการ เชือกทั้งสองขางเขาดวยกันใหเปนวง แลวใชเคร่ืองช่ังสปริง 2 อัน สังเกตการเคลื่อนท่ีของวตั ถุ เกยี่ วกบั เชือกในทิศทางตรงขา มกนั ) 4.5 สิ่งท่ีนักเรียนตองคาดคะเนคืออะไร (ถาออกแรงดึงเครื่องชั่งสปริงใน ทิศทางตรงกันขาม โดยเชือกยังคงอยูนิ่ง ขนาดของแรงท่ีอานไดจาก เครือ่ งชงั่ สปริงแตละอนั เมื่อนํามาเปรยี บเทียบกนั จะเปน อยางไร) 4.6 หลังจากทํากจิ กรรมเพ่ือตรวจสอบการคาดคะเนแลว นักเรียนตองทํา อะไร (เขยี นแผนภาพแสดงทิศทางและขนาดของแรงที่เครื่องช่ังสปริง ทงั้ สองดงึ เชือกใหอยนู ิง่ โดยใชผลจากการทํากิจกรรมครงั้ ใดครง้ั หนึ่ง) 5. เม่ือนกั เรียนเขาใจวธิ ีการทาํ กิจกรรมในทาํ อยา งไร ตอนท่ี 1 และ ตอนที่ 2 แลว ครูแจกวัสดอุ ุปกรณ และใหนกั เรยี นเริม่ ปฏิบตั ิกิจกรรมตาม ขั้นตอน 6.หลงั จากทาํ กิจกรรมแลว ครนู าํ อภปิ รายผลการทาํ กิจกรรม โดยใชคาํ ถามดังน้ี สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

63 คูม อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน นํา้ หนกั ของ ถงุ ทราย ตอนท่ี 1 6.1 เครื่องชั่งสปริงใชทําอะไรในกิจกรรมนี้ (วัดคาของแรงที่ใชในการดึง นาํ ้ หนกั ของ ถงุ ทราย ถงุ พลาสติกท่ีมีถุงทรายบรรจุอยู) 6.2 หนวยของแรงคอื อะไร (นิวตนั ) 6.3 เมื่อใชเคร่ืองช่ังสปริง 2 อัน เก่ียวท่ีหูหิ้วของถุงพลาสติกขางละอัน มีแรงใดกระทําตอถุงทรายที่อยูในถุงพลาสติกบาง และมีทิศทาง อยางไร (ครูอาจวาดภาพถุงทรายท่ีแขวนไวกับเคร่ืองช่ังสปริงบน กระดาน แลวใหน กั เรยี นบอกทศิ ทางของแรงท่ีกระทาํ ตอถุงทราย) 6.4 คาของแรงท่ีอานไดจากเคร่ืองช่ังสปริงแตละอันเปนอยางไร (คาของ แรงท่ีอานไดจากเครื่องชั่งสปริงแตละอันข้ึนอยูกับผลการทํากิจกรรม ของนกั เรยี น) 6.5 เมือ่ ใชเครอ่ื งชง่ั สปริง 1 อันเกี่ยวท่ีหูห้ิวของถุงพลาสติก มีแรงใดกระทํา ตอถุงทรายท่ีอยูในถุงพลาสติกบาง และมีทิศทางใด (น้ําหนักของ ถุงทรายมีทิศทางลง และมีแรงดึงจากเคร่ืองช่ังสปริงที่กระทํากับ ถุงทรายมีทิศทางข้ึน – ครูอาจวาดภาพถุงทรายท่ีแขวนไวกับเครื่องชั่ง สปริงบนกระดาน แลวใหนักเรียนบอกทิศทางของแรงที่กระทําตอถุง ทราย) 6.6 ขนาดของแรงที่อานไดเม่ือเกี่ยวถุงทรายกับเคร่ืองชั่งสปริง 1 อัน เปน เทาใด (ขนาดของแรงท่อี า นไดมคี า ประมาณ 5 นิวตนั ) 6.7 ทิศทางของแรงท่ีกระทําตอหูห้ิวของถุงพลาสติกแตละขาง เหมือนกัน หรือไม อยางไร (เหมอื นกัน โดยอยูในทิศทางข้นึ ) 6.8 ผลรวมของแรงที่อานไดจากเครื่องชง่ั สปรงิ 2 อนั เทยี บกับคาของแรงท่ี อานไดจ ากเคร่ืองช่ังสปรงิ 1 อันเปนอยา งไร (มคี า เทากัน) 6.9 แรงลัพธของแรงที่เครื่องช่ังสปริงทั้งสองกระทําตอถุงทรายในทิศทาง เดียวกันหาไดอยางไร (แรงลัพธหาไดจากการนําคาของแรงที่อานได จากเครอ่ื งชง่ั สปรงิ แตล ะอนั มารวมกนั ) 6.10เมื่อเปล่ียนจากถุงทรายเปนวัตถุอ่ืน ๆ ไดผลเชนเดียวกันหรือไม อยางไร (เมื่อเปล่ียนจากถุงทรายเปนวัตถุอ่ืนก็ไดผลเชนกัน โดย แรงลัพธของแรงที่อานไดจากเคร่ืองช่ังสปริง 2 อัน จะเทากับคาของ แรงทอ่ี านไดจากเครื่องช่งั สปริง 1 อัน) 6.11กิจกรรมตอนที่ 1 สรุปวิธีการหาแรงลัพธไดอยางไร (เมื่อมีแรง 2 แรง อยูในแนวเดียวกันและอยูในทิศทางเดียวกันจะหาแรงลัพธของแรงท่ี กระทําตอวัตถไุ ดโดยการนาํ คา ของแรงมารวมกัน)  สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 64 ตอนท่ี 2 6.12 เมื่อใชเครื่องชั่งสปริง 2 อัน ดึงเชือกที่ผูกเปนวงในทิศทางตรงกัน ขาม แลวเชือกยังคงอยูนิ่ง แรงท่ีอานไดจากเครื่องชั่งสปริงแตละ อนั มคี าเทากนั หรือไม (แรงที่อานไดจากเครื่องช่ังสปริงแตละอันมีคา เทากัน) 6.13 แรงท่ีใชดึงเชือกอยูในแนวเดียวกันหรือไม (อยูในแนวเดียวกัน คือ แนวนอนหรือแนวระดบั เหมอื นกัน) 6.14 แรงที่ใชด ึงเชอื กอยใู นทิศทางใด (อยูใ นทิศทางตรงกนั ขา ม) 6.15 แรงลพั ธข องแรงทั้งสองหาไดอยางไร (นําขนาดของแรงแตละแรงมา ลบหรือหักลางกนั ) 6.16 แรงลัพธข องแรงท้งั สองเปนเทาใด (เทา กบั ศูนย) 6.17 เขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีใชดึงเชือกไดอยางไร (ใชลูกศรท่ีมีความ ยาวเทากันแทนแรงที่กระทําตอเชือกขนาดเทากัน แตอยูในทิศทาง ตรงกันขา ม) 7. นักเรียนอานทําอยางไร ตอนที่ 3 แลวรวมกันอภิปรายเพ่ือสรุปลําดับ ข้นั ตอนตามความเขา ใจ โดยครใู ชค ําถามดังตอไปนี้ 7.1 นักเรียนตองทําอะไรกับกระดาษแข็ง (เจาะรู 3 รู บนกระดาษ โดย เจาะรูที่ 1 และ 2 อยูดานเดียวกัน และเจาะรูท่ี 3 ท่ีดานตรงกันขาม โดยรูที่ 3 อยูในแนวกึ่งกลางของ 2 รูแรก จากนั้นรอยเชือกแลวผูก เปน วงเขา กบั แตละรสู ําหรับเกีย่ วกบั เคร่อื งชง่ั สปริง) 7.2 นักเรียนตองทําอยางไรกับเคร่ืองช่ังสปริงและกระดาษแข็งท่ีเตรียมไว (เก่ยี วเครื่องช่ังสปริงเขากับเชือกแตละรู แลวออกแรงดึงใหขนานกัน ในแนวราบ โดยใหกระดาษแข็งอยูนิ่ง จากน้ันอานคาของแรงจาก เครอ่ื งช่งั สปรงิ แตละอนั ) 7.3 นกั เรียนตอ งเปลยี่ นแรงทใี่ ชด ึงเคร่ืองชั่งสปรงิ อีกก่คี ร้งั (2 ครง้ั ) 7.4 นักเรียนตองเขียนแผนภาพแสดงส่ิงใด (เขียนแผนภาพแสดงทิศทาง และขนาดของแรงทก่ี ระทําตอ กระดาษแข็ง) 8. เมื่อนกั เรียนเขาใจวิธีการทํากิจกรรมในทําอยา งไรแลว ครแู จกวสั ดุ อุปกรณ และใหนักเรียนเรมิ่ ปฏบิ ัตติ ามขัน้ ตอนของกิจกรรม 9. หลังจากทํากจิ กรรมแลว ครนู ําอภิปรายผลการทาํ กิจกรรม โดยใชคาํ ถาม ดังน้ี สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

65 คมู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน 9.1 มีแรงที่กระทําตอกระดาษแข็งในแนวใดบาง (มีแรงดึงในแนวราบหรือ แนวระดับ โดยแรง 2 แรง มีทิศทางเดียวกัน สวนอีกแรงหน่ึงมีทิศทาง ตรงกนั ขามกบั แรงท้ังสอง) 9.2 หาแรงลัพธของเครื่องช่ังสปริงอันที่ 1 และ 2 ที่กระทําตอวัตถุได อยางไร ทําไมจึงทําเชนนั้น (นําขนาดของแรงที่อานไดมารวมกัน เพราะแรงของเครื่องชั่งสปรงิ อนั ท่ี 1 และอนั ที่ 2 มที ิศทางเดยี วกนั ) 9.3 คา ของแรงลพั ธจากเคร่ืองชั่งสปริงอันท่ี 1 และอันที่ 2 เปนอยางไรเม่ือ เทียบกับคาของแรงที่อานไดจากเคร่ืองชั่งสปริงอันที่ 3 (คาของแรงที่ อานไดจากเครื่องชงั่ สปริงอันที่ 1 และ 2 จะเทากับคาของแรงท่ีอานได จากเครือ่ งชั่งสปรงิ อนั ที่ 3) 9.4 แรงลัพธท่ีกระทําตอแผนกระดาษแข็งหาไดอยางไร มีคาเปนเทาใด (นําคาของแรงลพั ธจากเครื่องชั่งสปริงอันที่ 1 และ 2 มาลบกับคาของ แรงที่อา นไดจ ากเคร่ืองชงั่ สปริงอนั ท่ี 3 ซง่ึ จะไดคา เปน ศูนย) 9.5 เมื่อออกแรงกระทําตอกระดาษแข็ง แลวกระดาษแข็งยังคงอยูนิ่ง แรงลัพธทก่ี ระทาํ ตอวัตถุมีคา เปน เทาใด (แรงลัพธมีคา เปนศูนย) 10. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปวาการหาแรงลัพธของแรงที่ กระทําตอวัตถุทําไดโดยถาแรงท่ีกระทําตอวัตถุอยูในทิศทางเดียวกัน ใหนํา คาของแรงหลาย ๆ แรงมารวมกัน แตถาแรงท่ีกระทําตอวัตถุอยูในทิศทาง ตรงกันขาม ใหนําคาของแรงทั้งสองทิศทางมาลบ (-) หรือหักลางกัน สาํ หรบั วตั ถทุ ี่อยนู ่ิงแรงลัพธจะมีคาเปนศูนย การเขียนแผนภาพแสดงแรงที่ กระทําตอวตั ถุทําไดโดยใชล ูกศรแสดงแรง (S13) 11. นักเรยี นรวมกันอภิปรายเพอ่ื ตอบคําถามในฉนั รอู ะไร โดยครูอาจใชคําถาม เพิม่ เติมในการอภิปรายเพ่ือใหไดแนวคาํ ตอบท่ีถูกตอง 12. นักเรียนรวมกันสรุปสิ่งท่ีไดเรียนรูในกิจกรรมน้ี จากน้ันนักเรียนอานสิ่งท่ี ไดเรียนรู และเปรียบเทียบกับขอ สรปุ ของตนเอง 13. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกต้ังคําถามเก่ียวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรูเพิ่มเติม ใน อยากรูอีกวา จากน้ันครูอาจสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอคําถามของ ตนเองหนาชั้นเรียน และใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับคําถามท่ี นาํ เสนอ 14. ครูนําอภิปรายเพ่ือใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบางและในขั้นตอนใด แลวบันทึกลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม หนา 35  สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 66 15. นักเรียนรวมกันอานรูอะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียน หนา 36 ครูนํา การเตรยี มตวั ลวงหนา สาํ หรบั ครู อภิปรายเพื่อนาํ ไปสูข อ สรปุ เก่ยี วกับสงิ่ ทไ่ี ดเ รียนรูในเรื่องน้ี นอกจากน้ันครู เพื่อจัดการเรยี นรูใ นครงั้ ถัดไป ใชคําถามเพือ่ เชื่อมโยงไปยงั บทตอไป คือ “ถา เราออกแรงขนาด 50 นิวตัน ดันกลองที่วางอยูบนพื้นเพ่ือใหกลองเคล่ือนท่ี แตกลองยังอยูนิ่ง แสดงวา ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดเรียน แรงลัพธท่ีกระทําตอกลองมีคาเทากับศูนย นั่นคือตองมีแรงอีกแรงท่ีมี เรื่องที่ 2 แรงเสียดทาน และกิจกรรม ขนาดเทากับ 50 นิวตัน กระทําตอกลองในทิศทางตรงกันขามกับทิศ ท่ี 2 แรงเสียดทานมีผลตอวัตถุอยางไร ทางการออกแรงของเรา แรงนั้นคือแรงอะไร” ครูชักชวนใหนักเรียนหา โดยครูเตรียมส่ือการสอน เชน ภาพ คาํ ตอบจากการเรยี นในเรื่องตอไป นาํ เขาสูบทเรียน ถุงทราย เครื่องช่ังสปริง ครูควรตรวจสอบใหม่ันใจวาเครื่องชั่ง สปริงอยูในสภาพพรอมใชงาน เชน ตัวเลขบนเครื่องช่ังสปริงชัดเจน สปริงไม ฝด ขีดสเกลเรมิ่ ตน ที่เลขศูนยพอดี สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

67 คมู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน แนวคําตอบในแบบบันทึกกิจกรรม วดั ขนาดของแรงและอธบิ ายการหาแรงลพั ธท ก่ี ระทาํ ตอวัตถใุ นทศิ ทาง เดยี วกนั 32 5 5 คาํ ตอบขึน้ อยูกบั ผลการทํากิจกรรมของนักเรยี น  สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 68 1. วดั ขนาดของแรงและอธบิ ายการหาแรงลพั ธท่ีกระทําตอวัตถุใน ทศิ ทางตรงกนั ขา ม 2. สงั เกตและอธบิ ายขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธท่กี ระทาํ ตอวตั ถุ โดยการเขยี นแผนภาพของแรงที่กระทําตอวตั ถุ เทา กนั ขึ้นอยูกับการทาํ กิจกรรมของนกั เรียน สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

69 คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน ขึน้ อยกู ับการทาํ กิจกรรมของนักเรยี น 5 นิวตนั 5 นิวตนั 1. วัดขนาดของแรงและอธบิ ายการหาแรงลัพธท ่ีกระทําตอวัตถุ 2. สังเกตและอธิบายขนาดและทิศทางของแรงลัพธท่ีกระทําตอ วตั ถุ ทีอ่ ยนู ่ิงโดยการเขียนแผนภาพของแรงทีก่ ระทําตอ วตั ถุ  สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 70 คําตอบข้ึนอยูกบั ผลการทํากิจกรรมของนกั เรียน ผลรวมของแรงท่ีอาน คําตอบข้นึ อยกู ับผลการทาํ กจิ กรรมของนักเรียน ไดจากเครอ่ื งช่งั สปริง คําตอบขึน้ อยูกบั ผลการทํากจิ กรรมของนกั เรยี น อันที่ 1 และ 2 จะเทา กบั อนั ท่ี 3 3 นิวตัน 6 นิวตัน คา ของแรงท่อี า นไดขึน้ อยูกับผลการทาํ กิจกรรม 3 นวิ ตนั สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

71 คูม ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน แรงทเ่ี ครื่องช่ังสปริงทง้ั สองกระทาํ ตอถุงทรายอยูในแนวเดียวกนั โดยมีทศิ ข้นึ ในแนวดง่ิ เม่อื แขวนวัตถกุ ับเครื่องชงั่ สปริง 2 อนั คาของแรงที่อา นไดจ ากเคร่อื งชงั่ สปริง แตล ะอนั เมื่อนํามาบวกกันจะเทา กบั คา ของแรงท่อี า นไดเมอ่ื แขวนวัตถุกับ เครอ่ื งชัง่ สปรงิ 1 อนั แรงลพั ธของแรงทีเ่ ครื่องชั่งสปรงิ สองอนั กระทาํ ตอ วตั ถหุ าไดโดยนาํ แรงทีอ่ า นได จากเครื่องชง่ั แตละอันมาบวกกนั เม่อื แขวนวัตถกุ บั เครอ่ื งชั่งสปริง 2 อัน คาของแรงที่อา นไดจ ากเครือ่ งชั่งสปรงิ แตละอนั เมื่อนาํ มาบวกกันจะเทา กบั คาของแรงที่อานไดเม่ือแขวนวตั ถุกับ เคร่อื งชงั่ สปรงิ 1 อนั  สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 72 แรงทเ่ี ครือ่ งชั่งสปรงิ ดึงเชือกอยใู นแนวเดียวกนั คือแนวนอนหรอื แนวระดับ แตม ที ิศทางตรงขามกนั ขนาดของแรงทีอ่ า นไดจ ากเครอ่ื งชงั่ สปรงิ 2 อนั ไมแตกตา งกัน แตมี คา เทา กนั แรงลพั ธม คี า เปน ศนู ย แรงลัพธของแรงที่เคร่อื งช่ังสปรงิ 2 อัน กระทําตอ วัตถุ หาไดจากการนาํ คาของแรงท่อี านไดจากเครอื่ งชง่ั สปริงแตล ะอนั มาลบกัน เมื่อใชเ ครอื่ งชั่งสปรงิ 2 อัน ดงึ เชอื กทีผ่ กู เปน วงใหย ังคงอยนู ่ิง ตองออกแรงใน แนวเดียวกนั แตดึงในทิศทางตรงกนั ขาม ดวยแรงท่ีมขี นาดเทา กัน การหาแรง ลัพธข องแรงทีก่ ระทาํ ตอเชือกหาไดจากนําคา ของแรงท่ีอานไดม าลบกัน สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

73 คูมือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน ผลรวมขนาดของแรงท่ีอานไดจ ากเครอื่ งช่งั สปริงอันท่ี 1 และ 2 มีขนาด เทา กับแรงที่อา นไดจากเครอ่ื งช่งั สปรงิ อนั ที่ 3 แรงลพั ธท ก่ี ระทาํ ตอกระดาษแขง็ ท่อี ยูนิง่ หาไดโดยนาํ ผลรวมขนาดของแรงจากเคร่อื ง ช่งั สปริงอนั ท่ี 1 และ 2 ลบกับขนาดของแรงท่ีไดจากเคร่ืองช่ังสปริงอันท่ี 3 แรงลัพธ มคี า เปน ศนู ย เม่อื ใชเ ครือ่ งชง่ั สปรงิ 3 อนั ดึงกระดาษแข็งทเี่ จาะรู 3 รู ใหอ ยนู ่งิ ตอ งออกแรง กระทําตอ เครื่องชั่งสปริงแตละอนั โดยแรงลัพธท่ีกระทําตอกระดาษแข็งเปนศูนย การหาแรงลัพธข องแรงหลาย ๆ แรง ที่กระทําตอวัตถุพจิ ารณาจากทิศทางของแรงท่ี กระทาํ ตอวตั ถนุ น้ั และเม่อื ออกแรงกระทาํ ตอวตั ถุ แลว วัตถยุ งั คงอยูน ง่ิ แรงลัพธท ี่ กระทําตอวตั ถจุ ะมีคาเปนศูนย  สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 74 คาํ ถามของนกั เรยี นท่ตี ั้งตามความอยากรขู องตนเอง       สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

75 คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน แนวการประเมินการเรียนรู การประเมินการเรยี นรขู องนกั เรยี นทําได ดังน้ี 1. ประเมนิ ความรเู ดิมจากการอภิปรายในช้ันเรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู ากคาํ ตอบของนักเรยี นระหวางการจดั การเรียนรูและจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ ละทักษะแหงศตวรรษที่ 21 จากการทํากิจกรรมของนักเรียน การประเมนิ จากการทาํ กิจกรรมท่ี 1 หาแรงลัพธทกี่ ระทาํ ตอ วตั ถุไดอ ยางไร ระดับคะแนน 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ 3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช รหัส สงิ่ ทป่ี ระเมนิ ระดับคะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสงั เกต S2 การวัด S3 การใชจ ํานวน S13 การตคี วามหมายขอ มูลและลงขอสรปุ S14 การสรา งแบบจําลอง ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การส่ือสาร C5 ความรว มมอื รวมคะแนน  สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 76 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรต ามระดบั ความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเ กณฑการประเมิน ดงั น้ี ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) S1 การสงั เกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใชประสาท สามารถใชประสาทสัมผัส สามารถใชประสาทสัมผัส รายละเอียดเกี่ยวกับ สัมผัสเก็บรายละเอียด เก็บรายละเอียดของขอมูล เก็บรายละเอียดของขอมูล การเคลื่อนที่ของถุง ของขอมูลเกี่ยวกับการ เก่ียวกับการเคลื่อนท่ีของ เก่ียวกับการเคล่ือนที่ของ ทราย เชือกผูกเปนวง เคลื่อนท่ีของถุงทราย ถุงทราย เชือกผูกเปนวง ถุงทราย เชือกผูกเปนวง แ ล ะ ก ร ะ ด า ษ แ ข็ ง เชือกผูกเปนวง และ และกระดาษแข็งขณะวัด และกระดาษแข็งขณะวัด ขณะวัดแรง รวมถึง กระดาษแข็งขณะวัด แรง รวมถึงทศิ ทางของแรง แรง รวมถึงทศิ ทางของแรง ทิ ศ ท า ง ข อ ง แ ร ง ที่ แรง รวมถึงทิศทางของ ที่กระทํา จากการช้ีแนะ ที่กระทําไดเพียงบางสวน กระทาํ แรงท่ีกระทํา ไดดวย ของครูหรือผูอื่นหรือมีการ แมว า จะไดรบั คําชีแ้ นะจาก ตนเอง โดยไมเพ่ิมเติม เพิ่มเติมความคดิ เห็น ครหู รือผอู ่นื ความคดิ เห็น S2 การวดั - การใชเ ครอื่ งช่งั สปริง สามารถใชเคร่ืองช่ัง สามารถใชเคร่ืองชั่งสปริง สามารถใชเคร่ืองช่ังสปริง อานคาของแรง ที่ สปริงอา นคาของแรง ท่ี อานคาของแรง ที่กระทํา อานคาของแรง ท่ีกระทํา กระทําตอถุงทราย ก ร ะ ทํ า ต อ ถุ ง ท ร า ย ตอถุงทราย เชือกผูกเปน ตอถุงทราย เชือกผูกเปน เชือกผูกเปนวง และ เชือกผูกเปนวงและ วง และกระดาษแขง็ วง และกระดาษแข็ง กระดาษแขง็ กระดาษแข็ง และระบุ ไดถูกตอง แตระบุหนวย ไดถูกตองเพียงบางสวน - การระบุหนวยของ ห น ว ย ข อ ง แ ร ง ไ ด ของแรงไมถูกตอ ง และระบุหนวยของแรงไม แรง ถกู ตอง หรือใชเคร่ืองช่ังสปริงไม ถูกตอ ง ถูกตอง แตระบุหนวยของ แรงไดถกู ตอ ง S3 การใชจ าํ นวน การคํานวณหาแรง สามารถคํานวณหาแรง สามารถคํานวณหาแรง สามารถคํานวณหาแรง ลัพธจากผลรวมของ ลัพธจากผลรวมของ ลัพธจากผลรวมของแรงท่ี ลัพธจากผลรวมของแรงที่ แรงที่เครื่องชั่งสปริง แรงท่ีเครื่องชั่งสปริง เครื่องช่ังสปริงกระทําตอ เครื่องช่ังสปริงกระทําตอ กระทําตอ วตั ถุ ก ร ะ ทํ า ต อ วั ต ถุ ไ ด วตั ถุไดถ ูกตองท้ังหมด จาก วั ต ถุ ไ ด ถู ก ต อ ง เ พี ย ง ถูกตองทั้งหมดดว ย การชีแ้ นะของครูหรอื ผูอื่น บางสวน แมวาจะไดรับคํา ตนเอง ช้แี นะจากครูหรอื ผอู นื่ S13 การตีความหมาย การตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีคว ามหมาย ส าม ารถ ตีคว ามห มา ย ขอ มูลและลงขอ สรปุ ขอมูล จากการ ทํา ข อ มู ล จ า ก ก า ร ทํ า ขอมูลจากการทํากิจกรรม ขอมูลจากการทํากิจกรรม กิจกรรมไดวาเม่ือมี กจิ กรรมไดว าเมอื่ มีแรง ไดวาเม่ือมีแรงหลายแรง ไดวาเม่ือมีแรงหลายแรง แรงหลายแรงจาก หลายแรงจากเคร่ืองชั่ง จากเครื่องชั่งสปริงกระทํา จากเคร่ืองชั่งสปริงกระทํา สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

77 คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) เ ค รื่ อ ง ช่ั ง ส ป ริ ง สปริงกระทาํ ตอวัตถุจะ ตอวัตถุจะหาแรงลัพธที่ ตอวัตถุจะหาแรงลัพธท่ี กระทําตอวัตถุจะหา หาแรงลัพธที่กระทํา กระทําตอวัตถุไดแตกตาง กระทําตอวัตถุไดแตกตาง แรงลัพธที่กระทําตอ ตอวัตถุไดแตกตางกัน กันและลงขอสรุปไดวา กันแตล งขอส รุปไดไม วัตถุไดแตกตางกัน และลงขอสรุปไดวา การหาแรงลัพธท่ีกระทํา ครบถวน แมว า จะไดร ับคํา และลงขอสรุปไดวา ก า ร ห า แ ร ง ลั พ ธ ที่ ตอวัตถุตองพิจารณจาก ชีแ้ นะจากครหู รอื ผูอน่ื การหาแรงลัพธ ท่ี กระทําตอวัตถุตอง ขนาดและทิศทางของแรง กระทําตอวัตถุตอง พิจารณจากขนาดและ ท้ังหมดท่ีมากระทําตอ พิจารณจากขนาด ทิศทางของแรงท้ังหมด วัตถุนั้นได จากการช้ีแนะ และทิศทางของแรง ที่มากระทําตอวัตถุนั้น จากครูและผูอ่ืน ทั้งหมดที่มากระทํา ไดดวยตนเอง ตอ วัตถนุ ั้น S14 การสราง สรางแบบจําลองการ ส า ม า ร ถ ส ร า ง สามารถสรางแบบจําลอง สามารถสรางแบบจําลอง แบบจําลอง เขียนแผนภาพแสดง แบบจําลองการเขียน การเขียนแผนภาพแสดง การเขียนแผนภาพแสดง แรงท่ีเครื่องช่ังสปริง แผนภาพแสดงแรงที่ แ ร ง ที่ เ ค ร่ื อ ง ช่ั ง ส ป ริ ง แ ร ง ท่ี เ ค ร่ื อ ง ชั่ ง ส ป ริ ง กระทําตอวัตถุโดยใช เครื่องชั่งสปริงกระทํา กระทาํ ตอวัตถุโดยใชลูกศร กระทําตอวัตถุโดยใชลูกศร ลูกศ รแ ส ด งข นา ด ตอวัตถุโดยใชลูกศร แสดงขนาดและทิศทาง แสดงขนาดและทิศทาง และทศิ ทางของแรง แสดงขนาดและทิศทาง ของแรงไดถูกตองจากการ ของแรงไดถูกตองบางสวน ของแรงไดถูกตองดวย ชี้แนะจากครหู รือผูอ ่ืน แมวาจะไดรับการชี้แนะ ตนเอง จากครหู รือผอู น่ื  สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน 78 ตาราง แสดงการวิเคราะหท ักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใชเ กณฑก ารประเมนิ ดังนี้ ทกั ษะแหง รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ศตวรรษที่ 21 พอใช (2) C4 การส่ือสาร การนําเสนอขอมูลจาก สามารถนําเสนอขอมูล สามารถนําเสนอขอมูลจาก สามารถนําเสนอขอมูล การสังเกต การวัดและ จากการสังเกต การวัด การสังเกต การวัดและ จากการสังเกต การวัด อ ภิ ป ร า ย เ ก่ี ย ว กั บ และอภิปรายเก่ียวกับ อธิบายเก่ียวกับวิธีการหา แ ล ะ อ ธิ บ า ย เ กี่ ย ว กั บ วิธีการหาแรงลัพธ โดย วิธีการหาแรงลัพธ โดย แรงลัพธได โดยใชการพูด วิธกี ารหาแรงลัพธได โดย ใชการพูดและเขียน ใ ช ก า ร พู ด แ ล ะ เ ขี ย น และเขียนแผนภาพเพื่อให ใ ช ก า ร พู ด แ ล ะ เ ขี ย น แผนภาพเพ่ือใหผูอื่น แผนภาพเพื่อใหผูอื่น ผูอ่ืนเขาใจไดโดยอาศัยการ แผ นภาพเพ่ือใหผูอื่น เขา ใจ เขา ใจดดวยตนเอง ช้ีแนะจากครหู รอื ผูอ นื่ เขาใจไดบางสวน แมวา จะไดรับคําชี้แนะจากครู หรอื ผอู ่นื C5 ความ การทํางานรวมกับผูอ่ืน สามารถทํางานรวมกับ สามารถทํางานรวมกับผูอื่น สามารถทํางานรวมกับ รวมมือ ในการเตรียมอุปกรณ ผู อ่ื น ใ น ก า ร เ ต รี ย ม ในการเตรียมอุปกรณการ ผู อ่ื น ใ น ก า ร เ ต รี ย ม การสังเกตและการวัด อุปกรณการสังเกตและ สังเกตและการวัดขนาดของ อุปกรณการสังเกตและ ข น า ด ข อ ง แ ร ง ด ว ย การวดั ขนาดของแรงดวย แรงดว ยเครื่องชั่งสปริง การวัดขนาดของแรงดวย เครื่องชั่งสปริง รวมท้ัง เคร่ืองชั่งสปริง รวมท้ัง รวมท้ังยอมรับความคิดเห็น เคร่ืองช่ังสปริงในบาง ยอมรับความคิดเห็น ยอมรับความคิดเห็นของ ของผูอื่นบางชวงเวลาที่ทํา ชวงเวลา แตไ มค อยสนใจ ของผูอ ืน่ ผูอ่ืนต้ังแตเร่ิมตนจน กิจกรรม ในความคิดเห็นของผอู น่ื สาํ เร็จ สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

79 คมู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน เรือ่ งท่ี 2 แรงเสียดทาน ในเร่อื งนีน้ ักเรยี นจะไดเรียนรูเกี่ยวกับแรงเสียดทานซ่ึงเปนแรง ตานการเคล่ือนท่ีของวัตถุ เกิดขึ้นระหวางผิวสัมผัสของวัตถุ และมี ทิศทางตรงกันขามกับทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุ ผลของแรงเสียด ทานที่มีตอการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุทําใหวัตถุที่กําลัง เคล่ือนที่เปล่ียนเปนเคล่ือนท่ีชาลงจนหยุดนิ่ง และสามารถแสดงแรง เสียดทานและแรงที่กระทําตอวัตถุในแนวเดียวกันโดยการเขียน แผนภาพ จดุ ประสงคการเรียนรู 1. วัดขนาดของแรงและอธิบายแรงเสยี ดทานทมี่ ผี ลตอการ เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนทีข่ องวตั ถุ 2. เขียนแผนภาพแสดงแรงเสยี ดทานและแรงทกี่ ระทําตอ วัตถุในแนว เดยี วกนั เวลา 3 ชั่วโมง วสั ดุ อุปกรณสําหรับทํากจิ กรรม เคร่อื งชง่ั สปรงิ ถุงทราย ส่อื การเรยี นรแู ละแหลง เรียนรู 1. หนงั สือเรยี น ป.5 เลม 1 หนา 37-42 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.5 เลม 1 หนา 36-42  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน 80 แนวการจัดการเรียนรู (30 นาที) ขัน้ ตรวจสอบความรู (5 นาท)ี 1. ครูทบทวนความรูพ้ืนฐานและตรวจสอบความรูเดิมของนักเรียน โดยให นกั เรยี นดภู าพคนกําลงั ปน ตนไม จากนั้นครูซักถามดวยคาํ ถามตอ ไปน้ี 1.1 นักเรยี นคิดวามแี รงอะไรกระทาํ ตอคนในภาพน้ี และทิศทางของแรง น้ันเปนอยางไร (มีแรงดึงดูดของโลกหรือแรงโนมถวงของโลกมา กระทาํ โดยมีทศิ ทางลงสูพ้ืนโลก) 1.2 นอกจากแรงดึดดูดของโลกแลว นักเรียนคิดวายังมีแรงอะไรที่ กระทําตอคนปนตนไมในภาพอีก จึงทําใหเขาปนตนไมไดโดยไมตก ลงมา (นักเรียนตอบตามความเขาใจ เชน แรงตาน แรงฝด หรือ แรงเสียดทาน) 2. ครเู ช่ือมโยงความรเู ดิมของนกั เรียนสเู รื่องแรงท่ีตานการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใชคําถามวาแรงที่ตานไมใหคนในรูปตกลงมาจากตนไมเปนแรงอะไร มีลักษณะอยางไร จากน้ันครูชักชวนใหนักเรียนหาคําตอบจากการอาน เรอื่ งแรงเสยี ดทาน ขนั้ ฝกทกั ษะจากการอา น (20 นาท)ี 3. นักเรียนอานชื่อเร่ือง และคําถามใน คิดกอนอาน ในหนังสือเรียนหนา 37 แลวรวมกันอภิปรายในกลุมเพ่ือหาคําตอบตามความเขาใจของกลุม ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใชเปรียบเทียบกับคําตอบ ภายหลงั การอา นเนื้อเร่อื ง 4. นักเรียนอานคําใน คําสําคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หาก นักเรียนอานไมได ครูควรสอนอานใหถูกตอง) ครูชักชวนใหนักเรียนหา ความหมายของคําภายหลงั จากการอา นเนือ้ เรื่อง 5. นักเรียนอานเน้ือเรื่องตามวิธีการอานที่เหมาะสมกับความสามารถของ นักเรียน และรว มกนั อภิปรายใจความสาํ คัญ โดยใชคาํ ถาม ดังน้ี 5.1 แรงมีผลตอวตั ถุอยางไร (แรงทําใหว ัตถเุ ปล่ียนแปลงการเคลือ่ นท)ี่ 5.2 การเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุมีลักษณะใดบาง (วัตถุที่อยูนิ่ง เปลย่ี นเปนเคลื่อนที่ หรอื จากเคลื่อนท่ีอยูแลว เปล่ียนเปนเคลื่อนที่เร็ว ข้ึน ชาลง หยุดน่งิ หรือเปล่ยี นทิศทาง) 5.3 เม่ือออกแรงกระทําตอตู แรงที่ตานการเคลื่อนที่ของตู คืออะไร (แรง เสยี ดทาน) สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

81 คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 5.4 แรงเสียดทานเกิดขึ้นเมื่อใด (เม่ือมีแรงมากระทําตอวัตถุเพื่อทําใหวัตถุ นั ก เ รี ย น อ า จ ไ ม ส า ม า ร ถ ต อ บ เคลอ่ื นท่ี ซง่ึ วตั ถุอาจจะเคลื่อนท่ีหรือไมเคลื่อนที่ก็ได) คาํ ถามหรอื อภปิ รายไดต ามแนวคําตอบ ครูคว รใหเวล านักเรียนคิดอยาง 5.5 แรงเสียดทานเกิดข้ึนท่ีใด และมีทิศทางใด (แรงเสียดทานเกิดข้ึน เหมาะสม รอคอยอยางอดทน และรับ ระหวางผิวสัมผัสของตูกับพื้นบริเวณท่ีสัมผัสกับตู โดยแรงเสียดทาน ฟง แนวความคดิ ของนกั เรียน มที ิศทางตรงกันขามกับทิศทางท่ตี องการใหตูเคล่ือนที่) ขน้ั สรปุ จากการอาน (5 นาท)ี 6. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อใหไดขอสรุปวาเม่ือออกแรงกระทํา ตอวัตถเุ พ่อื ทําใหว ตั ถุเคล่ือนท่ีจะมีแรงตานการเคลื่อนท่ีของวัตถุนั้นเรียก แรงที่ตานการเคลื่อนที่น้ีวา แรงเสียดทาน ซึ่งเกิดข้ึนบริเวณผิวสัมผัส ระหวางวตั ถุ และมีทิศทางตรงกนั ขามกบั ทิศทางการเคลื่อนทีข่ องวตั ถุ 7. นักเรียนตอบคําถามจากเรื่องที่อานในรูหรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 36 8. ครูและนกั เรียนรวมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียนในรู หรือยงั กับคาํ ตอบทเ่ี คยตอบและบนั ทึกไวในคิดกอนอาน 9. ครูชักชวนนักเรียนตอบคําถามทายเร่ืองที่อาน คือ กิจกรรมอะไรบางใน ชีวิตประจําวันของเราที่เกี่ยวของกับแรงเสียดทาน และถาเราออกแรง กระทําตอวัตถุท่ีอยูน่ิงเพ่ือใหวัตถุเคล่ือนที่ แตวัตถุยังคงอยูนิ่ง แรงเสียด ทานทเ่ี กดิ ขึน้ ขณะน้นั จะมขี นาดเทาใด และมที ศิ ทางเปน อยางไร ครูบนั ทึกคาํ ตอบของนกั เรียนบนกระดานโดยยังไมเฉลยคําตอบ แต ชักชวนใหน กั เรียนหาคาํ ตอบจากการทํากจิ กรรม  สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 82 แนวคําตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม แรงเสียดทาน เปน แรงท่ีตานการเคลอ่ื นท่ีของวตั ถุ มที ิศทางตรงกนั ขา ม กับทศิ ทางการเคลือ่ นท่ีของวัตถุ โดยเกิดขึน้ ระหวา งผวิ สัมผัสของวัตถุ เมือ่ มแี รงมากระทําตอวัตถเุ พอ่ื ใหวตั ถุเคลอื่ นที่ สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

83 คูม อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน กิจกรรมท่ี 2 แรงเสียดทานมผี ลตอ วัตถอุ ยา งไร กจิ กรรมน้ีนักเรียนจะไดสังเกตผลของแรงเสียดทานที่มีตอการ เปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุเม่ือออกแรงกระทําตอวัตถุที่อยูนิ่ง เพื่อใหวัตถุเคล่ือนท่ี และสังเกตผลของแรงเสียดทานที่มีตอการ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุท่ีกําลังเคล่ือนที่ รวมท้ังเขียน แผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงทก่ี ระทาํ ตอวัตถใุ นแนวเดยี วกนั เวลา 2.5 ช่วั โมง จุดประสงคการเรยี นรู 1. วดั ขนาดของแรงและอธิบายแรงเสียดทานที่มีผลตอการ เปลยี่ นแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุ 2. เขยี นแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงท่กี ระทาํ ตอ วตั ถุ ในแนวเดียวกัน วสั ดุ อุปกรณส ําหรับทาํ กจิ กรรม ส่ือการเรียนรูและแหลงเรียนรู สงิ่ ทีค่ รูตองเตรียม/กลมุ 1. หนงั สอื เรียน ป.5 เลม 1 หนา 38-40 1. เคร่อื งชง่ั สปริง 1 อนั 2. ถงุ ทราย 1 ถงุ 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.5 เลม 1 หนา 37-42 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร 3. วดี ทิ ัศนตัวอยา งการปฏบิ ัติการวทิ ยาศาสตรสาํ หรับ S1 การสงั เกต ครูเรือ่ งแรงเสยี ดทานมผี ลตอวตั ถุอยา งไร S2 การวัด S8 การลงความเห็นจากขอมูล http://ipst.me/8048 S13 การตคี วามหมายขอมลู และลงขอสรปุ S14 การสรางแบบจาํ ลอง ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การสอ่ื สาร C5 ความรว มมือ  สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 84 แนวการจัดการเรียนรู 1. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยเลือกตัวแทนนักเรียน 2 คน ใหคนหน่ึงนั่งยอง ๆ นักเรียนอีกคนหน่ึงลากเพ่ือนที่น่ังยองใหเคล่ือนท่ีไปบนพ้ืน จากนั้น ครอู าจใชค ําถามดังนี้ 1.1 ขณะนักเรยี นลากเพ่อื นใหเคล่อื นท่ี มีแรงเสียดทานเกิดขึ้นหรือไม ถามี แรงเสียดทานมีทิศทางอยางไร (มีแรงเสียดทาน โดยแรง เสียดทานมที ิศทางตรงกันขามกับทศิ ทางทตี่ ัวเพ่ือนเคลือ่ นท่ีไป) 1.2 แรงเสยี ดทานเกิดขึ้นบรเิ วณใด (ระหวางเทาของนักเรยี นท่ีนัง่ ยอง กับพืน้ ) 1.3 เมื่อนกั เรียนลากเพื่อน แลว เพื่อนยงั ไมเ คลื่อนที่ นกั เรียนคดิ วามี แรงเสียดทานเกิดขึน้ หรอื ไม ถามี คดิ วามีคาเปนเทา ใด (นกั เรยี น ตอบตามความเขาใจ) ครเู ชอื่ มโยงความรเู ดมิ ของนักเรยี นเพอื่ เขาสกู ารทํากิจกรรม โดยครู ชักชวนใหนักเรียนหาคาํ ตอบทถี่ ูกตองจากการทาํ กิจกรรมท่ี 2 2. นกั เรียนอา นชอ่ื กิจกรรม และ ทาํ เปน คดิ เปน โดยรว มกนั อภปิ รายเพื่อ ตรวจสอบความเขาใจจดุ ประสงคใ นการทํากิจกรรม โดยครูใชคําถาม ดังน้ี 2.1 กจิ กรรมน้นี ักเรียนจะไดเรียนรูเรื่องอะไร (แรงเสียดทานที่มีผลตอ การเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนทข่ี องวัตถ)ุ 2.2 นกั เรยี นจะไดเรยี นรูเรอ่ื งน้ีดวยวธิ ใี ด (วัดขนาดของแรงและสังเกต การเปล่ยี นแปลงการเคลือ่ นท่ขี องวัตถ)ุ 2.3 เม่ือเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายแรงเสียดทานท่ีมีผล ตอ การเปลยี่ นแปลงการเคลอื่ นที่ของวัตถุท้ังวัตถุที่อยูน่ิงและวัตถุท่ี เคล่ือนท่ี และเขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงท่ีกระทํา ตอวตั ถุในแนวเดยี วกัน) 3. นักเรยี นบันทกึ จดุ ประสงคลงในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 37 และ อาน ส่งิ ทตี่ อ งใชในการทาํ กจิ กรรม 4. นักเรียนอานทําอยางไร โดยครูใชวิธีฝกอานท่ีเหมาะสมกับ ความสามารถในการอานของนักเรียน จากน้ันครูตรวจสอบความเขาใจ ของนักเรียนเก่ียวกับการทํากิจกรรม ตอนท่ี 1 เพ่ือสรุปลําดับขั้นตอน ตามความเขาใจ โดยครูใชคาํ ถามดังตอ ไปน้ี สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

85 คูมอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 4.1 ขั้นตอนในการเตรียมอุปกรณ ทําไดอยางไร (นําถุงทรายมาวางบน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละ พืน้ โตะ แลว นาํ เครอ่ื งชง่ั สปรงิ มาเกี่ยวท่ีหูของถงุ ทราย) ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ท่ีนักเรยี นจะได 4.2 วิธีวัดแรงทําไดอยางไร (ออกแรงดึงถุงทรายดวยเคร่ืองชั่งสปริงใน ฝก จากการทํากิจกรรม แนวราบ โดยทีถ่ งุ ทรายยังคงอยนู ิ่ง) ตอนท่ี 1 S1 การสังเกตการเคลื่อนที่ของถุงทราย 4.3 นักเรียนตองทํากิจกรรมก่ีครั้ง และแตละคร้ังแตกตางกันอยางไร (ใชแรงดึงถงุ ทรายดวยเครื่องชัง่ สปรงิ ใหมคี าตางกนั 3 ครัง้ ) เมอ่ื ดึงดว ยเครอ่ื งชั่งสปริง S2 การวัดขนาดของแรงที่ใชดึงถุงทราย 4.4 นักเรียนตองรว มกันอภปิ รายในประเด็นใด (มีแรงใดบางกระทําตอ ถุงทรายในแนวราบ ซง่ึ เปน ผลใหถ งุ ทรายยังคงอยูน ่งิ ) ดวยเครื่องช่ังสปริง โดยถุงทรายยังไม เคลื่อนท่ี 4.5 นักเรียนจะนําเสนอผลการอภิปรายดวยวิธีใด (เขียนแผนภาพ S8 การลงความเห็นเกี่ยวกับขนาดและ แสดงแรงที่กระทําตอถุงทรายในแนวราบ) ทิศทางของแรงเสียดทานท่ีเกิดขึ้น ขณะที่ดึงถุงทรายดวยเคร่ืองชั่งสปริง 5. เม่ือนกั เรยี นเขา ใจวิธกี ารทํากิจกรรมในทําอยางไรแลว ครแู จกวสั ดุ แลวถงุ ทรายยังคงอยูน่ิง อปุ กรณ และใหนักเรยี นเรมิ่ ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามข้นั ตอน S14 เขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทําตอ ถุงทรายในแนวราบ 6. หลังจากทํากิจกรรมแลว ครูนําอภิปรายผลการทํากิจกรรม โดยใช C4 การสื่อสารโดยการนําเสนอผลการทํา คําถามดงั น้ี กิจกรรมดวยการพูดและการเขียน 6.1 นักเรียนใชเคร่ืองชั่งสปริงทําอะไรในกิจกรรมนี้ (วัดแรงท่ีใชในการ แผนภาพแสดงแรง ดงึ ถุงทรายในแนวราบ) C5 ความรว มมือในการทําการทํากจิ กรรม 6.2 หนวยของแรงคืออะไร (นวิ ตัน) 6.3 เม่ือออกแรงดึงถุงทรายดวยเคร่ืองชั่งสปริงในแนวราบ มีแรง ห า ก นั ก เ รี ย น อ า จ ต อ บ อะไรบางกระทําตอถุงทรายในแนวราบท่ีเปนผลใหถุงทรายยังคง คําถามหรืออภิปรายไมไดตาม อยูน่ิง (แรงที่ใชดึงถุงทราย และแรงตานการเคลื่อนท่ีของถุงทราย แนวคําตอบ ครูควรใหเวลา หรือแรงเสียดทาน) นั ก เ รี ย น คิ ด อ ย า ง เ ห ม า ะ ส ม 6.4 เม่ือออกแรงดึงถุงทรายดวยเครื่องช่ังสปริงในแนวราบ แลว รอคอยอยางอดทน และรับฟง ถุงทรายยังคงอยูน่ิง ขนาดและทิศทางของแรงที่ใชดึงเทียบกับ แนวความคดิ ของนักเรียน แรงเสียดทานเปนอยางไร เพราะเหตุใด (แรงที่ใชดึงและแรงเสียด ทานมีขนาดเทากัน แตมีทิศทางตรงกันขาม เพราะถุงทรายยังคง อยูน่ิง แรงลัพธมีคาเปนศูนย แรงเสียดทานจึงตองมีขนาดเทากับ แรงท่ีใชด งึ แตมที ศิ ทางตรงกันขา ม) 6.5 เม่ือออกแรงกระทําตอถุงทรายดวยแรงขนาดตางกัน แตถุงทราย ยังไมเคลื่อนที่ แรงเสียดทานมีคาเทาเดิมทุกครั้งหรือไม รูได อยางไร (แรงเสียดทานมีคาเปลี่ยนไปไดหลายคา รูไดจากแรงท่ีใช ดึงถุงทรายมีคาเปลี่ยนไป เม่ือถุงทรายยังไมเคล่ือนที่ แสดงวา แรงเสียดทานมีคา เปล่ียนไปดว ย)  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 86 6.6 เขยี นแผนภาพแสดงแรงที่กระทําตอถุงทรายในแนวราบไดอยางไร ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและ (ใชล ูกศรแสดงขนาดและทศิ ทางของแรงที่ดึงถุงทรายดวยเครื่องช่ัง ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ท่นี กั เรียนจะได สปริง และแรงเสียดทานซ่ึงมีทิศทางตรงกันขาม แตมีขนาดเทากัน โดยลูกศรแสดงแรงเสียดทานจะอยรู ะหวางผิวสัมผัสของพ้ืนโตะกับ ฝก จากการทํากจิ กรรม ถงุ ทราย) ในขั้นตอนนี้ครูอาจใหนักเรียนออกมาเขียนแผนภาพบนกระดาน ตอนที่ 2 S1 การสังเกตการเปล่ียนแปลงการ ครตู รวจสอบความถกู ตอ งเกยี่ วกบั ขนาดและทิศทางของแรงในแผนภาพ 7. นักเรียนอานทําอยางไร ตอนที่ 2 แลวรวมกันอภิปรายเพ่ือสรุปลําดับ เคลอื่ นที่ของถุงทรายที่กําลังเคล่ือนท่ี ไปบนพน้ื ข้ันตอนการทํากิจกรรมตามความเขา ใจ โดยครูใชคําถามดังตอไปน้ี S8 การลงความเห็นเก่ียวกับทิศทางของ 7.1 นักเรียนตองทําอะไรในกิจกรรมน้ี (ผลักถุงทรายใหเคลื่อนที่ไปบน แรงเสียดทานท่ีกระทําตอถุงทรายที่ กาํ ลงั เคลอื่ นท่ีไปบนพ้นื พื้นโตะ ) S14 เขียนแผนภาพแสดงแรงที่ทําให 7.2 หลังจากผลักถุงทรายแลว นักเรียนตองทําอะไร (สังเกตการ ถุงทรายที่กาํ ลงั เคลื่อนที่มีการเปลี่ยน เปล่ยี นแปลงการเคล่ือนทข่ี องถงุ ทราย บนั ทึกผล) 7.3 นกั เรียนตองรวมกันอภปิ รายในประเดน็ ใด (อภิปรายเกี่ยวกับแรงท่ี แปลงการเคลอ่ื นท่ี ทาํ ใหถุงทรายท่ีกาํ ลงั เคล่ือนทีเ่ ปลย่ี นแปลงการเคลื่อนท)่ี C4 การส่ือสารดวยการนําเสนอผล 7.4 นักเรียนจะนําเสนอผลการอภิปรายดวยวิธีใด (เขียนแผนภาพ ก า ร ทํ า กิ จ ก ร ร ม ด ว ย ก า ร พู ด แ ล ะ การเขยี นแผนภาพแสดงแรง แสดงแรงทที่ าํ ใหถ ุงทรายเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนที่) 8. เมื่อนกั เรยี นเขา ใจวิธกี ารทํากจิ กรรมตอนที่ 2 ในทาํ อยางไร หลงั จาก C5 ความรวมมือในการทํากจิ กรรม ทํากจิ กรรมแลว ครูนาํ อภปิ รายผลการทาํ กิจกรรม โดยใชคาํ ถามดังน้ี 8.1 เม่ือผลักถุงทรายใหเคลื่อนท่ี ถุงทรายมีการเปล่ียนแปลงการ เคลื่อนที่หรือไม อยางไร (ถุงทรายมีการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ี โดยถงุ ทรายทกี่ ําลังเคล่ือนที่จะเคลือ่ นทช่ี าลง ๆ จนหยดุ นง่ิ ) 8.2 เพราะเหตุใดถุงทรายจึงเคล่ือนที่ชาลง ๆ จนหยุดนิ่ง (เพราะมีแรง เสียดทานมากระทําตอถุงทรายในทิศทางตรงกันขามกับทิศทาง การเคลอ่ื นที่ของถงุ ทราย) 8.3 เขียนแผนภาพแสดงแรงที่ทําใหถุงทรายท่ีกําลังเคลื่อนท่ีมีการ เปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่ไดอยางไร (ใชลูกศรแสดงขนาดและ ทิศทางของแรงเสียดทานท่ีกระทําตอถุงทราย โดยแรงเสียดทานมี ทิศทางตรงกันขามกับทิศทางการเคลื่อนท่ีของถุงทราย และลูกศร แสดงแรงเสียดทานจะอยูบริเวณผิวสัมผัสระหวางพื้นโตะกับ ถงุ ทราย) สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

87 คมู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน ในข้ันตอนนี้ครูอาจใหนักเรียนออกมาเขียนแผนภาพแสดงแรงที่ กระทําตอวัตถุบนกระดาน ครูตรวจสอบความถูกตองเกี่ยวกับขนาด และทศิ ทางของแรงในแผนภาพ 9. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปกิจกรรมท้ัง 2 ตอนวา เมื่อออกแรงกระทําตอวัตถุแลววัตถุยังไมเคลื่อนที่ จะเกิดแรงเสียด ทานตานการเคลือ่ นทข่ี องวตั ถุ คาของแรงเสยี ดทานจะมีคาเทากับแรง ท่ีใชดึง ดังน้ันในขณะท่ีวัตถุยังไมเคลื่อนที่ แรงเสียดทานจึงมีไดหลาย คา และเมื่อวัตถุกําลังเคลื่อนที่ แรงเสียดทานจะมีผลใหวัตถุนั้น เคล่ือนท่ีชา ลงจนหยุดน่ิง (S13) 10. ครูชักชวนอภิปรายสถานการณในชีวิตประจําวันโดยอาจใชรูปภาพ หรือวีดิทศั น เชน การใชเบรกของรถยนต จักรยานยนต หรือจักรยาน การไถลของรถเขน็ หรือวัตถุอน่ื ๆ ไปบนพืน้ จากนน้ั ใหน ักเรียนอธิบาย วา สถานการณดังกลา วเกีย่ วของกับแรงเสยี ดทานหรอื ไม อยา งไร 11. จากสถานการณท่ใี ชนําเขาสูบทเรียน ครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย เกี่ยวกับสถานการณดังกลาว โดยถามนักเรียนวาเมื่อออกแรงลาก เพ่ือน เพ่อื ใหเ พอื่ นเคลอื่ นท่ี - ถาเพ่ือนไมเคล่ือนท่ี นักเรียนคิดวามีแรงเสียดทานเกิดข้ึนหรือไม ถามี คิดวามีคาเทาใด (มีแรงเสียดทานเกิดข้ึน โดยแรงเสียดทาน จะมีคา เทากับแรงท่ลี ากเพื่อน) - ถาเพ่ือนเคลื่อนท่ี จะมีแรงเสียดทานเกิดข้ึนหรือไม เพราะเหตุใด (มีแรงเสียดทานเกิดข้ึน เพราะแรงเสียดทานเกิดขึ้นเมื่อวัตถุ เคล่ือนทไี่ ปบนผิวสัมผัส) 12. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายวิธีการเขียนแผนภาพแสดง แรงเสียดทานและแรงที่กระทําตอวัตถุในแนวเดียวกันและลงขอสรุป วาสามารถเขียนแผนภาพดวยการใชลูกศร โดยหัวลูกศรแสดงทิศทาง และความยาวของลูกศรแสดงขนาดของแรง (S13) 13. ครูนําภาพคนปน ตนไมมาใหน ักเรียนวิเคราะหอกี คร้งั วามีแรงอะไรบาง กระทําตอคนในภาพ (มีแรงดึงดูดของโลกกระทําในทิศทางลงสูพื้น โลก และมีแรงเสียดทานในทิศทางขึ้นเพ่ือตานการเคล่ือนที่ของคน ไมใหตกลงมาสูพื้น โดยแรงเสียดทานเกิดบริเวณผิวสัมผัสระหวางมือ เทา ลาํ ตัว กบั ตน ไม) 14. นักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ือตอบคําถามในฉันรูอะไร โดยครูอาจใช คาํ ถามเพมิ่ เติมในการอภิปรายเพ่ือใหไดแนวคาํ ตอบทถี่ ูกตอ ง  สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 88 15. นักเรียนรวมกันสรุปสิ่งท่ีไดเรียนรูในกิจกรรมน้ี จากน้ันนักเรียนอาน สิง่ ที่ไดเรยี นรู และเปรยี บเทียบกบั ขอ สรปุ ของตนเอง 16. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกตั้งคําถามเก่ียวกับเร่ืองท่ีสงสัยหรืออยากรู เพิม่ เติมใน อยากรูอ กี วา จากนัน้ ครูอาจสมุ นักเรยี น 2 -3 คน นําเสนอ คําถามของตนเองหนาช้ันเรียน และใหนักเรียนรวมกันอภิปราย เกีย่ วกบั คําถามท่นี ําเสนอ 17. ครนู าํ อภิปรายเพ่ือใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษที่ 21 อะไรบางและในขั้นตอน ใดบา ง 18. นักเรียนรวมกันอานเกร็ดนารู ซึ่งเปนเร่ืองเกี่ยวกับการออกแบบ รองเทาที่ใชเลนกีฬาใหเหมาะสมกับการใชงานตามประเภทของกีฬา น้ัน ๆ โดยพ้ืนรองเทาอาจมีรอยหยักเพื่อเพ่ิมแรงเสียดทานใหยึดเกาะ พืน้ ไดด ขี น้ึ 19. นักเรียนรวมกันอานรูอะไรในเร่ืองน้ี ในหนังสือเรียน หนา 42 ครูนํา อภปิ รายเพื่อนาํ ไปสูขอสรุปเก่ียวกับสิ่งท่ีไดเรียนรูในเรื่องน้ี จากน้ันครู กระตุนใหนักเรียนตอบคําถามในชวงทายของเน้ือเร่ือง ดังน้ี “การทํา กิจกรรมหลายอยางในชีวิตประจําวันของเราเกี่ยวของกับแรงเสียด ทาน ยกตัวอยางเชน การเดิน การเลนกระดานล่ืน การยกสิ่งของ ลองคิดดูสิวา กิจกรรมใดบางท่ีตองใชแรงเสียดทานและกิจกรรม ใดบางท่ีไมตองใชแรงเสียดทาน” นักเรียนตอบคําถามตามความคิด ของตนเอง เชน การเดินและการยกส่ิงของตองอาศัย แรงเสียดทาน แตการเลนกระดานล่ืนไมตองอาศัยแรงเสียดทาน นอกจากนี้ครูอาจ ต้ังคําถามเพื่อเชื่อมโยงไปยังบทตอไป โดยอาจใชคําถามวา นอกจาก แรงเสียดทานจะตานการเคลื่อนที่ของวัตถุแลว ยังทําใหวัตถุเกิดการ ส่ันและเกิดเสียงไดอีกดวย เชน เสียงจากไวโอลินเกิดจากแรงเสียด ทานระหวางคันชักกับสายไวโอลินทําใหสายไวโอลินเกิดการสั่นและ เกดิ เสยี ง ลองคิดดูสวิ ารอบ ๆ ตัวเรา ยังมีอะไรอีกบางที่สามารถทําให เกิดเสียง และเสียงตาง ๆ มีลักษณะอยางไร โดยนักเรียนจะหา คาํ ตอบไดจ ากการเรยี นในบทตอไป สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

89 คมู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน ความรเู พ่ิมเตมิ สําหรบั ครู เม่อื เตะลูกบอลไปบนพืน้ ขณะทล่ี กู บอลสมั ผสั กบั เทาจะมีแรงท่ีเทากระทําตอ ลูกบอล ทาํ ใหลูกบอลเปลย่ี นแปลงการ เคลอ่ื นทจี่ ากอยนู ่ิงเปนเคล่ือนที่ แตเมื่อลูกบอลหลดุ จากเทา ออกไปแลว จะไมมแี รงที่เทา กระทาํ ตอลกู บอลอีก แตล กู บอลจะ เคล่ือนที่ออกไปไดดวยความเร็ว ดังนนั้ เมอื่ เขยี นแผนภาพแสดงแรงทกี่ ระทําตอลูกบอลท่ีกําลงั เคล่อื นที่ไปบนพ้ืน จะมีแรงใน แนวราบเพยี งแรงเดยี วทีก่ ระทาํ ตอ ลูกบอล นน่ั คือแรงเสยี ดทานในทิศทางตรงกันขามกบั ทศิ ทางการเคลื่อนที่ของลูกบอล จงึ ทาํ ใหล ูกบอลเคล่อื นทชี่ าลงจนหยุดนิง่ บนพนื้ ดังน้นั ถา เตะลกู บอลไปบนพน้ื ทไี่ มมแี รงเสียดทานเลย ลูกบอลจะเคล่ือนที่ไปดวยความเร็วเทาเดิมไปเร่ือย ๆ เพราะ ไมม แี รงเสยี ดทานมากระทาํ ตอลกู บอล ลูกบอลจึงไมเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ ทิศทางการเคลื่อนท่ขี องลูกบอล แรงเสียดทาน  สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 90 แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม 1. สงั เกตและอธบิ ายแรงเสียดทานทีม่ ีผลตอ การเปลยี่ นแปลงการเคลอ่ื นท่ขี องวัตถุ 2. เขียนแผนภาพแสดงแรงเสยี ดทานและแรงท่กี ระทําตอวตั ถใุ นแนวเดยี วกัน บนั ทกึ ผลตามผลการสงั เกตของนกั เรยี น แรงที่ใชดงึ ถงุ ทรายดวยเครอื่ งชง่ั สปริงและแรงเสียดทาน สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

91 คูมอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน แรงทใี่ ชดงึ ถุงทราย แรงเสยี ดทาน  สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 92 1. สังเกตและอธิบายแรงเสยี ดทานทม่ี ผี ลตอการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนทข่ี องวัตถุ 2. เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงท่กี ระทําตอวัตถใุ นแนวเดยี วกนั ถงุ ทรายเคล่อื นท่ีชา ลงจนหยุดนงิ่ ทศิ ทางของถุงทรายที่กาํ ลงั เคลอื่ นท่ี แรงเสียดทาน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

93 คูมอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน แรงลพั ธท ี่กระทาํ ตอถุงทรายมคี าเทา กบั ศนู ย ทั้งสามคร้งั มี เพราะ เม่ือออกแรงดึงถุงทรายแลวถุงทรายยังคงอยนู งิ่ แสดงวามแี รงเสียดทาน กระทาํ ในทิศทางตรงกันขา มเพ่อื ตา นการเคลือ่ นท่ขี องถงุ ทราย แรงเสียดทานเกิดขนึ้ ระหวางผิวสัมผัสของพื้นโตะและถุงทราย มีขนาด เทากบั แรงท่ใี ชดงึ ถงุ ทรายดวยเครอื่ งชั่งสปริงและมที ศิ ทางตรงกันขา มกับ แรงทใ่ี ชด งึ เม่ือมแี รงมากระทําแลว ถุงทรายยังคงอยนู ่งิ จะเกดิ แรงเสียดทานระหวาง ผวิ ของถุงทรายกับพน้ื โตะ ในทศิ ทางตรงกนั ขา มกบั ทิศทางของแรงท่ใี ช ดงึ ถุงทรายเพื่อตานการเคลอื่ นทขี่ องถงุ ทราย โดยแรงเสียดทานขณะท่ี วัตถยุ ังไมเคลอื่ นท่ีมีไดห ลายคา  สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 94 มแี รงเสยี ดทานกระทําตอถุงทราย เพราะถงุ ทรายมีการเปลย่ี นแปลงการ เคลอื่ นที่ โดยเคลือ่ นท่ีชาลงจนหยุดนง่ิ แรงเสียดทานเกิดข้นึ ระหวา งผวิ สัมผัสของถุงทรายกับพืน้ โตะ มที ิศทาง ตรงกนั ขามกับทิศทางการเคล่อื นท่ีของถุงทราย เม่อื ถุงทรายเคล่ือนที่ไปบนพ้ืนโตะ จะมแี รงเสยี ดทานเกดิ ข้ึนระหวาง ผวิ สัมผัสของถุงทรายกับพื้นโตะ ในทศิ ทางตรงกนั ขา มกับทศิ ทางการ เคลอ่ื นท่ขี องถงุ ทราย เพื่อตานการเคลื่อนท่ขี องถุงทรายทําใหถงุ ทราย เคล่อื นท่ีชา ลงจนหยดุ น่ิง เมอ่ื ออกแรงกระทําตอ วตั ถุแลว วตั ถุยงั ไมเ คล่ือนท่ี จะเกดิ แรงเสียดทานตานการ เคลื่อนทีข่ องวตั ถุ คา ของแรงเสยี ดทานจะมคี าเทากบั แรงท่ใี ชดงึ ดังน้นั ในขณะที่ วตั ถยุ ังไมเคลอื่ นท่ี แรงเสียดทานจงึ มไี ดหลายคา และเม่ือวตั ถกุ ําลังเคล่อื นที่ แรงเสยี ดทานจะมีผลใหว ตั ถุนั้นเคลอ่ื นทีช่ าลงจนหยุดนิ่ง สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

95 คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน คาํ ถามของนักเรียนทต่ี ้ังตามความอยากรูข องตนเอง       สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 96 แนวการประเมินการเรียนรู การประเมินการเรียนรขู องนกั เรียนทาํ ได ดงั นี้ 1. ประเมนิ ความรูเดิมจากการอภปิ รายในช้ันเรียน 2. ประเมนิ การเรียนรจู ากคาํ ตอบของนักเรียนระหวา งการจัดการเรยี นรูแ ละจากแบบบันทึกกิจกรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ ละทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 จากการทาํ กิจกรรมของนกั เรยี น การประเมินจากการทาํ กิจกรรมที่ 2 แรงเสียดทานมีผลตอ วตั ถอุ ยางไร ระดับคะแนน 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช รหสั ส่งิ ทปี่ ระเมิน ระดบั คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสงั เกต S2 การวดั S8 การลงความเหน็ จากขอ มลู S13 การตีความหมายขอ มลู และลงขอ สรุป S14 การสรางแบบจําลอง ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การสื่อสาร C5 ความรว มมือ รวมคะแนน สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

97 คูมอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน ตาราง แสดงการวิเคราะหท ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรตามระดับความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเกณฑการประเมนิ ดังนี้ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรงุ (1) S1 การสงั เกต บรรยายรา ย ล ะ เ อี ย ด ส า ม า ร ถ ใ ช ป ร ะ ส า ท สามารถใชประสาทสัมผัส สามารถใชประสาทสัมผัส เก่ียวกับการเปล่ียนแปลง สัมผัสเก็บรายละเอียด เก็ บรายละเอี ยดของ เก็บรายละเอียดของขอมูล การเคลื่อนที่ของถุงทราย ของขอมูลเก่ียวกับการ ข อ มู ล เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร เก่ียวกับการเคลื่อนที่ของ เมื่อใชเคร่ืองชั่งสปริงดึง เคลอ่ื นทข่ี องถุงทรายเมื่อ เคลื่อนที่ของถุงทรายเม่ือ ถุงทรายเม่ือใชเครื่องชั่ง และเมื่อถูกผลักใหออก ใชเคร่ืองช่ังสปริงดึงและ ใชเคร่ืองชั่งสปริงดึง และ สปริงดึงและเมื่อถูกผลักให จากมือไปบนพน้ื เม่ือถูกผลักใหออกจาก เมอ่ื ถูกผลักใหออกจากมือ ออกจากมือไปบนพื้นได มื อ ไ ป บ น พื้ น ไ ด ด ว ย ไปบนพ้นื ไดจากการชี้แนะ เพียงบางสวน แมวาจะได ตนเอง โดยไมเพ่ิมเติม ของครูหรือผูอ่ืนหรือมี รับคําช้ีแนะจากครูหรือ ความคดิ เหน็ การเพม่ิ เติมความคิดเหน็ ผูอื่น S2 การวัด -ใชเครื่องชั่งสปริงวัด สามารถใชเคร่ืองช่ังสปริง สามารถใชเคร่ืองชั่งสปริง สามารถใชเคร่ืองชั่งสปริง ขนาดของแรงที่ใชดึงถุง วัดขนาดของแรงที่ใชดึง วัดขนาดของแรงที่ใชดึง วัดขนาดของแรงไดถูกตอง ทราย ถุงทรายและระบุหนวย ถุงทรายและระบุหนวย เพี ยงบางส วน แต ระบุ -ระบุหนว ยของแรง ของแรงไดถูกตองดวย ของแรงไดถูกตอง จาก หนวยของแรงไมได แมวา ตนเอง การชี้แนะของครูหรือ จะไดรับคําชี้แนะจากครู ผูอ น่ื หรอื ผอู ่นื S8 ก า ร ล ง ค ว า ม ลงความเห็นจากขอมูลได สามารถลงความเห็น สามารถลงความเห็น สามารถลงความเห็นจาก เหน็ จากขอมลู วามีแรงเสียดทานกระทํา จากขอมูลไดวามีแรง จากขอมูลไดวามีแรง ขอมูลไดวามีแรงเสียดทาน ตอถุงทรายจากการวัด เสียดทานกระทําตอถุง เสียดทานกระทําตอถุง กระทําตอถุงทรายจากการ ขนาดของแรงที่ใชดึงถุง ทรายจากการวัดขนาด ทรายจากการวัดขนาด วัดขนาดของแรงท่ีใชดึงถุง ทรายและการสังเกตการ ของแรงท่ีใชดึงถุงทราย ของแรงท่ีใชดึงถุงทราย ทรายและการสังเกตการ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ก า ร และการสั งเกตการ และการสั งเกตการ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ เคล่ือนที่ของถุงทรายเมื่อ เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ก า ร ของถุงทรายเมื่อผลักถุง ผลักถุงทรายออกไปจาก เคล่ือนที่ของถุงทราย เคล่ือนท่ีของถุงทราย ทรายออกไปจากมือ แตไม มือ เม่ือผลักถุงทรายออกไป เม่ือผลักถุงทรายออกไป สามารถบอกเหตุผลได จากมือ เนื่องจากแรง จากมือ เนื่องจากแรง แมวาจะไดรับการช้ีแนะ เสียดทานจะมีทิศทาง เสียดทานจะมีทิศทาง จากครหู รือผอู ื่น ตรงกันขามกับทิศทาง ตรงกันขามกับทิศทาง ของการเคลื่อนท่ีของถุง ของการเคลื่อนที่ของถุง ท ร า ย เ มื่ อ มี แ ร ง ม า ท ร า ย เ มื่ อ มี แ ร ง ม า  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน 98 ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรงุ (1) กระทาํ ไดต วยตนเอง กระทําจากการชี้แนะ ของครหู รอื ผูอืน่ S13 การตีความ ตีความหมายขอมูลจาก สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมายขอมูล หมายขอมูลและลง การวัดขนาดของแรงท่ี ขอมูลจากการวัดขนาด ขอมูลจากการวัดขนาด จากการวัดขนาดของแรงท่ี ขอสรุป ใชดึงถุงทรายแลวถุง ของแรงท่ีใชดึงถุงทราย ของแรงที่ใชดึงถุงทราย ใชดึงถุงทรายแลวถุงทราย ทรายยังไมเคลื่อนท่ี โดย แ ล ว ถุ ง ท ร า ย ยั ง ไ ม แ ล ว ถุ ง ท ร า ย ยั ง ไ ม ยังไมเคลื่อนท่ี โดยเปล่ียน เปลยี่ นคาของแรงท่ีใชดึง เคลื่อนท่ี โดยเปลี่ยนคา เคลื่อนที่ โดยเปล่ียนคา คาของแรงที่ใชดึงและจาก และจากการสังเกตการ ของแรงท่ีใชดึง และจาก ของแรงท่ีใชดึง และจาก การสังเกตการเคล่ือนที่ เคล่ือนท่ีของถุงทราย การสังเกตการเคล่ือนท่ี การสังเกตการเคล่ือนที่ ของถุ งทรายจนแต ลง เม่อื ถกู ผลักไปบนพื้น จน ของถุงทราย และลง ของถุ งทราย และลง ข อสรุ ปได ไม ครบถ วน ลงขอสรุปไดวาเมื่อออก ขอสรุปไดวาเม่ือออกแรง ขอสรุปไดวาเมื่อออกแรง แมวา จะไดรับคําช้ีแนะจาก แรงกระทําตอวัตถุแลว กระทําตอวัตถุแลววัตถุ กระทาํ ตอวัตถุแลววัตถุยัง ครูหรือผูอ น่ื วัตถุยังไมเคล่ือนที่ จะมี ยังไมเคล่ือนท่ี จะมีแรง ไมเคลื่อนที่ จะมีแรงเสียด แรงเสียดทานตานการ เ สี ย ด ท า น ต า น ก า ร ทานตานการเคล่ือนท่ีของ เคล่ือนท่ีของวัตถุและ เคล่ือนท่ีของวัตถุและ วัตถุและเม่ือวัตถุกําลัง เม่ือวัตถุกําลังเคลื่อนที่ เมื่อวัตถกุ ําลังเคล่ือนท่ีจะ เคลื่อนที่จะมีแรงเสียด จะมีแรงเสียดทานตาน มีแรงเสียดทานตานการ ทานตานการเคลื่อนท่ีทํา การเคลื่อนท่ีทําใหวัตถุ เ ค ล่ื อ น ท่ี ทํ า ใ ห วั ต ถุ ใหวัตถุเคลื่อนที่ชาลงจน เคลอ่ื นท่ชี าลงจนหยดุ นง่ิ เคลื่อนท่ีชาลงจนหยุดน่ิง หยุดนิ่ง ไดจากการชี้แนะ ไดด วยตนเอง ของครูหรือผอู ื่น S14 การสรางแบบ สรางแบบจําลองการ สามารถสรางแบบจําลอง สามารถสรางแบบจําลอง สามารถสรางแบบจําลอง จําลอง เขียนแผนภาพแสดงแรง การเขียนแผนภาพแสดง การเขียนแผนภาพแสดง การเขียนแผนภาพแสดง ในแนวราบท่ีกระทําตอ แรงในแนวราบท่ีกระทํา แรงในแนวราบท่ีกระทํา แรงในแนวราบที่กระทําตอ ถุ ง ท ร าย เ มื่ อดึ ง ด ว ย ตอถุงทรายเม่ือดึงดวย ตอถุงทรายเมื่อดึงดวย ถุงทรายเมื่อดึงดวยเคร่ือง เครื่องช่ังสปริงแลวถุง เครื่องช่ังสปริงแลวถุง เครื่องช่ังสปริงแลวถุง ชั่งสปริงแลวถุงทรายยังไม ทรายยังไมเคล่ือนท่ี และ ทรายยังไมเคล่ือนที่ และ ทรายยังไมเคลื่อนที่ และ เคล่ือนท่ีและเม่ือผลักถุง เม่ือผลักถุงทรายไปบน เมื่อผลักถุงทรายไปบน เม่ือผลักถุงทรายไปบน ทรายไปบนพื้นโดยใชลูกศร พ้ืนโดยใชลูกศรแสดง พ้ืนโดยใชลูกศรแสดง พื้นโดยใชลูกศรแสดง แสดงขนาดและทิศทางของ ขนาดและทิศทางของ ขนาดและทิศทางของแรง ขนาดและทิศทางของแรง แรงไดถูกตองบางสวน แรง ไดถ กู ตองดว ยตนเอง ไดถูกตองจากการชี้แนะ แมวาจะไดรับการช้ีแนะ ของครหู รือผูอ่ืน จากครหู รอื ผอู น่ื สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

99 คูมือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน ตาราง แสดงการวิเคราะหท ักษะแหง ศตวรรษที่ 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใชเ กณฑการประเมนิ ดงั นี้ ทักษะแหง รายการประเมิน ระดับความสามารถ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรุง (1) C4 การสอ่ื สาร นําเสนอขอมูลจาก สามารถนําเสนอขอ มูล สามารถนําเสนอขอมูล สามารถนาํ เสนอขอ มูล การสังเกตและ จากการสงั เกตและ จากการสงั เกตและ จากการสังเกตและ อภปิ รายเกีย่ วกับแรง อภปิ รายเกย่ี วกบั แรงเสยี ด อภปิ รายเกีย่ วกบั แรง อภปิ รายเกี่ยวกบั แรง เสยี ดทานทก่ี ระทาํ ตอ ทานทีก่ ระทาํ ตอถุงทราย เสียดทานท่ีกระทําตอถุง เสยี ดทานท่กี ระทําตอถุง ถงุ ทราย โดยการพูด โดยการพดู และเขยี น ทราย โดยการพูดและ ทราย โดยการพูดและ และเขียนแผนภาพ แผนภาพเพ่ือใหผอู น่ื เขียนแผนภาพเพ่อื ให เขยี นแผนภาพเพอ่ื ให เพ่อื ใหผ ูอืน่ เขาใจ เขาใจไดดวยตนเอง ผูอื่นเขา ใจไดโดยอาศัย ผูอ่ืนเขาใจเพยี งได การช้ีแนะจากครหู รือ บางสว น แมวา จะได ผอู ื่น รับคาํ ช้แี นะจากครูหรือ ผอู น่ื C5 ความรว ม ทํางานรว มกบั ผูอืน่ ใน ทาํ งานรวมกบั ผูอ่นื ในการ ทาํ งานรว มกับผูอน่ื ใน ทํางานรวมกบั ผูอื่นใน มอื การสงั เกตการ สงั เกตการเคลอื่ นท่ีของถุง การ การสังเกตการ การสงั เกตการเคลื่อนท่ี เคล่ือนท่ีของถุงทราย ทรายและวดั ขนาดของ เคล่ือนที่ของถงุ ทราย ของถงุ ทรายและวัด และวัดขนาดของแรง แรงดว ยเคร่อื งชง่ั สปรงิ และวดั ขนาดของแรง ขนาดของแรงดว ย ดวยเครื่องช่ังสปริง รวมท้ังยอมรบั ความ ดว ยเคร่อื งชง่ั สปรงิ เคร่ืองช่งั สปรงิ รวมทง้ั รวมทั้งยอมรับความ คิดเห็นของผอู ่ืนตั้งแต รวมท้งั ยอมรบั ความ ยอมรบั ความคิดเหน็ คดิ เห็นของผูอนื่ เรมิ่ ตน จนสาํ เร็จ คดิ เหน็ ของผอู ืน่ บาง ของผูอ่นื ในบางชว งเวลา ชวงเวลาทที่ าํ กจิ กรรม ที่ทํากจิ กรรม แตไมค อย สนใจในความคิดเหน็ ของผูอน่ื  สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 100 กจิ กรรมทายบทที่ 1 แรงลัพธแ ละแรงเสียดทาน (0.5 ช่วั โมง) 1. นักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปส่ิงที่ไดเรียนรูจากบทนี้ ในแบบบันทึก กิจกรรม หนา 43 2. นกั เรยี นตรวจสอบการสรุปส่ิงท่ีไดเรียนรูของตนเองโดยเปรียบเทียบกับ ผงั มโนทัศนในหัวขอ รอู ะไรในบทน้ี ในหนังสือเรียน หนา 43 3. นักเรียนกลับไปตรวจคําตอบของตนเองในสํารวจความรูกอนเรียน ใน แบบบันทึกกิจกรรม หนา 24-26 อีกคร้ัง หากคําตอบของนักเรียนไม ถูกตองใหขีดเสนทับขอความเหลาน้ัน แลวแกไขใหถูกตอง หรืออาจ แกไขคําตอบดวยปากกาที่มีสีตางจากเดิม นอกจากนี้ครูอาจนํา สถานการณ (หรือคําถาม) ในรูปนําบทในหนังสือเรียน หนา 26 มารวม อภิปรายกับนักเรียนอีกครั้ง ดังน้ี “การเลนชักเยอมีแรงใดมาเก่ียวของ บาง” ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายแนวทางการตอบคําถาม เชน การเลนชักเยอมีแรงท่ีผูเลนแตละฝายออกแรงดึงเพื่อใหเชือกเคล่ือนท่ี ไปในเขตแดนของตน นอกจากนีย้ ังมีแรงเสียดทานที่เกิดระหวางมือของ ผูเลนแตละคนกับเชือกบริเวณท่ีมือสัมผัส รวมทั้งเกิดแรงเสียดทานท่ี เทาของผูเลนแตละคนกับพ้ืน ในกรณีท่ีดึงเชือกแลวเชือกยังอยูน่ิง นั่น แสดงวาผูเลนท้ังสองฝายออกแรงดึงเชือกดวยแรงเทา ๆ กัน โดยมีแรง ลพั ธเ ปนศนู ย เชือกจึงอยนู ่ิง นักเรียนอาจมีคําตอบที่แตกตางจากน้ี ครูควรเนนใหนักเรียนตอบ คาํ ถามพรอ มอธิบายเหตุผลประกอบ 4. นักเรียนทํา แบบฝกหัดทายบทที่ 1 ครูสุมนักเรียน 2-3 คน นําเสนอ คําตอบหนาช้ันเรียน ถาคําตอบยังไมถูกตอง ครูนําอภิปรายหรือให สถานการณเ พมิ่ เติมเพื่อแกไขแนวคิดคลาดเคลื่อนใหถ ูกตอง 5. นักเรียนรวมกันทํากิจกรรม รวมคิด รวมทํา เพ่ือออกแบบและทํา โมบายประดับบานท่สี ามารถหอยกระถางตนไมท มี่ ีน้ําหนักมากได โดยท่ี เสนเชือกไมขาด สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

101 คมู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน สรปุ ผลการเรียนรขู องตนเอง รูปหรือขอความสรปุ ส่ิงท่ไี ดเ รยี นรจู ากบทนต้ี ามความเขาใจของนักเรยี น  สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน 102 แนวคําตอบในแบบฝกหดั ทา ยบท มีแรงเสียดทานเกิดระหวางมือของผูเลนแตละคนกับเชือก และเกดิ ขนึ้ บรเิ วณเทา ของผูเลน แตละคนกับพืน้ แรงเสียดทานทีเ่ ชือกกระทาํ ตอมอื แรงเสยี ดทานทพ่ี นื้ กระทาํ ตอ เทา สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

103 คูม ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 30 นิวตัน ไปทางดา นซายมอื ค 50 นิวตัน 40 นวิ ตนั ก ง 30 นิวตนั 40 นิวตัน ข สะพานขึงตอ งใชส ายเคเบลิ ขนาดใหญ จาํ นวนมากเพื่อชวยรับนํา้ หนกั ของ สะพาน โดยแรงลพั ธท ี่กระทาํ ตอสะพาน มีคาเทา กบั ศูนย  สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 104 แรงทใ่ี ชเ ข็นรถยนต ใหเคลอื่ นท่ี แรงเสยี ดทาน แรงเสยี ดทาน 0 นิวตัน รถยนตไมเ คลือ่ นที่ แรงเสยี ดทานทเี่ กิดระหวางลอรถยนตกบั พน้ื มีขนาดเทา กบั แรงท่ใี ชในการเขน็ รถยนตใ หเ คล่ือนที่ แตม ี ทิศทางตรงกนั ขา ม สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

105 คูมอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน บทที่ 2 เสยี ง บทนมี้ ีอะไร จุดประสงคการเรยี นรปู ระจําบท เรื่องท่ี 1 เสยี งกบั การไดยนิ กจิ กรรมท่ี 1.1 เสียงเคล่อื นที่ไดอยา งไร เมอ่ื เรียนจบบทน้ี นักเรียนสามารถ กิจกรรมที่ 1.2 เสยี งสูง เสยี งตํา่ เกิดไดอยา งไร 1. อธิบายการเคลื่อนที่ของเสียงจากแหลงกาํ เนิดเสียง จนถงึ หูผฟู ง กิจกรรมที่ 1.3 เสียงดงั เสียงคอย ขนึ้ อยูกบั อะไร 2. อธบิ ายการเกิดเสยี งสงู เสยี งต่ํา กิจกรรมท่ี 1.4 มลพษิ ทางเสยี งเปนอยา งไร 3. อธบิ ายการเกดิ เสยี งดัง เสยี งคอย 4. วัดระดบั เสียงโดยใชเครอ่ื งมอื วัดระดับเสียง 5. เสนอแนะแนวทางในการหลีกเล่ยี งและลดมลพิษ ทางเสียง เวลา 11 ชั่วโมง แนวคดิ สาํ คญั เ สี ย ง เ ป น พ ลั ง ง า น ท่ี เ กิ ด จ า ก ก า ร สั่ น ข อ ง แหลงกําเนิดเสียง เสียงเคลื่อนท่ีจากแหลงกําเนิดเสียง โดยอาศัยตวั กลางจนถึงหูผูฟง เสียงที่ไดยินมีทั้งเสียงสูง เสียงตํ่า เสียงดัง เสียงคอย โดยเสียงสูง เสียงตํ่าขึ้นกับ ความถ่ีในการสั่นของแหลงกําเนิดเสียง สวนเสียงดัง เสียงคอ ยข้นึ กับพลังงานในการสั่นของแหลงกาํ เนิดเสียง และระยะหางจากแหลงกําเนิดเสียงถึงหูผูฟง ความดัง ของเสียงวัดไดดวยเคร่ืองมือวัดระดับเสียง มีหนวยเปน เดซเิ บล เสียงดงั มาก ๆ ท่ีเปนอนั ตรายตอการไดยินและ เสียงตาง ๆ ที่กอใหเกิดความรําคาญ จัดเปนมลพิษทาง เสียง ส่อื การเรียนรแู ละแหลง เรียนรู 1. หนงั สอื เรียน ป.5 เลม 1 หนา 47-73 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.5 เลม 1 หนา 49-79  สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน 106 ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรและทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 รหัส ทักษะ 1.1 กิจกรรมที่ 1.4  ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร 1.2 1.3   S1 การสงั เกต    S2 การวดั    S3 การใชจ ํานวน     S4 การจําแนกประเภท   S5 การหาความสัมพนั ธร ะหวา ง   สเปซกับสเปซ   สเปซกับเวลา S6 การจัดกระทาํ และส่ือความหมายขอ มลู S7 การพยากรณ  S8 การลงความเหน็ จากขอมลู  S9 การตั้งสมมตฐิ าน S10 การกาํ หนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั กิ าร S11 การกาํ หนดและควบคุมตัวแปร S12 การทดลอง S13 การตีความหมายขอมูลและลงขอสรปุ  S14 การสรางแบบจําลอง ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 C1 การสรางสรรค C2 การคิดอยา งมวี ิจารณญาณ C3 การแกป ญหา C4 การสอ่ื สาร  C5 ความรวมมือ  C6 การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร  หมายเหตุ : รหสั ทกั ษะทีป่ รากฏนี้ ใชเ ฉพาะหนงั สอื คมู อื ครูเลม นี้ สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

107 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน แนวคดิ คลาดเคลอ่ื น แนวคิดคลาดเคล่ือนที่อาจพบและแนวคิดท่ีถกู ตอ งในบทที่ 2 เสียง มดี งั ตอ ไปน้ี แนวคดิ คลาดเคล่อื น แนวคิดทถ่ี กู ตอ ง ความดงั ของเสยี งและระดบั สูงตาํ่ ของเสยี งเปน ความดังของเสียงและระดับสูงตํ่าของเสียงแตกตางกัน สิ่งเดียวกัน (Ozkan, 2013) (Ozkan, 2013) การออกแรงตีวัตถุดวยแรงท่ีมากจะทําใหความถ่ีของ การออกแรงตีวัตถุดวยแรงท่ีมากขึ้น จะทําใหไดยินเสียงดัง เสยี งเปลย่ี นไป (Weiler, 1998) ขึ้น แตค วามถขี่ องเสยี งจะไมเ ปลี่ยนแปลง (Ozkan, 2013) ถาครูพบวา มีแนวคิดคลาดเคลื่อนใดท่ยี ังไมไดแ กไ ขจากการทํากจิ กรรมการเรียนรู ครูควรจัดการเรยี นรเู พิ่มเติมเพ่อื แกไข ตอ ไปได  สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน 108 บทนี้เริม่ ตนอยางไร (1 ช่วั โมง) ในการทบทวนความรูพื้นฐาน คุณครูควรใหเวลานักเรียนคิดอยาง 1. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยใหนักเรียนนั่งเปนกลุม กลุมละประมาณ 4 คน เหมาะสม รอคอยอยางอดทน โดยแตละกลุมกําหนดเสียงประจํากลุม เชน เสียงมา เสียงแมว เสียง นักเรียนตองตอบคําถามเหลานี้ได รถพยาบาล เม่ือครูชี้ไปท่ีกลุมใด ใหนักเรียนกลุมน้ันสงเสียงรองพรอม ๆ ถูกตอง หากตอบไมไดหรือลืมครู กัน จากนั้นครูนําอภิปรายโดยอาจใชคําถามเพ่ือทบทวนความรูพื้นฐาน ตอ งใหค วามรู ท่ีถูกตองทนั ที และตรวจสอบความรูเดมิ ดงั น้ี 1.1 เสียงเกิดขึ้นไดอยางไร (เสียงเกิดจากการสั่นของแหลงกําเนิด เสียง) ถานักเรียนตอบไมถูกตอง ครูควรทบทวน เพื่อใหนักเรียนตอบได ถูกตอ ง 1.2 เสียงท่ีนักเรียนไดยินจากกลุมตาง ๆ เสียงใดเปนเสียงสูง เสียงใด เปนเสียงต่ํา (นักเรียนตอบตามความเขาใจ เชน เสียงแมวเปน เสียงสูง) 1.3 เสียงสูง เสียงต่ําตางกันหรือไม อยางไร (นักเรียนตอบตามความ เขาใจ เชน ตางกัน โดยเสียงสูงจะเปนเสียงแหลม เสียงต่ําจะเปน เสียงทมุ ) นักเรียนตอบคําถามตามความเขาใจของตนเองโดยครูยังไมตอง เฉลยคําตอบทถ่ี กู ตอ ง 2. ครูใหนักเรียนอา นช่ือบท และจุดประสงคก ารเรยี นรปู ระจําบท ใน หนังสอื เรยี นหนา 47 จากนน้ั ครูใชคําถามเพื่อตรวจสอบความเขา ใจของ นกั เรยี น ดงั น้ี 2.1 บทนี้ นกั เรียนจะไดเ รียนรูเ รือ่ งอะไร (เรื่องเสยี ง) 2.2 เม่ือจบบทเรียนนี้ นักเรียนจะสามารถทําอะไรไดบาง (อธิบายการ เคล่ือนที่ของเสียงจากแหลงกําเนิดเสียงจนถึงหูผูฟง อธิบายการ เกิดเสียงสูง เสียงต่ํา เสียงดัง เสียงคอย วัดระดับเสียงโดยใช เครือ่ งมอื วดั ระดบั เสียง เสนอแนะแนวทางในการหลีกเล่ียงและลด มลพษิ ทางเสียง) 3. ครูใหนักเรียนอานชื่อบท และแนวคิดสําคัญ ในหนังสือเรียนหนา 48 จากน้ันครูซักถามวา จากการอานแนวคิดสําคัญ นักเรียนคิดวาจะไดเรียน สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

109 คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน เกี่ยวกับเรื่องอะไรบาง (ในเร่ืองน้ีจะไดเรียนเร่ืองตัวกลางของเสียง เสียงสูง ขอ เสนอแนะเพม่ิ เติม เสียงตํา่ เสยี งดงั เสยี งคอ ย การวดั ระดับเสียง และมลพิษทางเสียง) ในการนําเขาสูบทเรียน ครูอาจหาคลิป 4. ครูชักชวนใหน ักเรยี นสงั เกตรูป จากน้ันอา นเน้ือเร่ืองในหนา 48 โดยครู วีดิโอภาพยนตรจาก YouTube หรือแหลงอื่น ๆ ฝกทักษะการอานทเี่ หมาะสมกบั ความสามารถของนักเรยี น แลว ท่มี ฉี ากการระเบิดในอวกาศมาเปดใหนักเรียนดู ตรวจสอบความเขาใจในการอาน โดยใชค าํ ถามดังตอไปนี้ แลว รว มกันอภปิ รายเกี่ยวกบั เหตุการณดงั กลา ว 4.1 นกั เรยี นเคยชมภาพยนตรทีเ่ ก่ียวกับอวกาศหรือไม (นักเรียนตอบ ตวั อยา งวดี ทิ ัศน: ตามประสบการณข องตนเอง) https://www.youtube.com/watch?v=ctC m9MnbolA 4.2 นักเรียนคดิ วาถานักบินอวกาศอยใู นเหตุการณการระเบดิ ของดาวใน อวกาศ จะไดย นิ เสียงระเบดิ หรอื ไม เพราะเหตใุ ด (นักเรียนตอบ การเตรยี มตวั ลวงหนา สําหรับครู ตามความคิดของตนเอง) เพื่อจดั การเรยี นรูในครง้ั ถัดไป 5. ครูชกั ชวนนักเรยี นตอบคําถามเกี่ยวกบั เสียงในสํารวจความรกู อ นเรยี น ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดเรียน 6. นักเรียนทําสํารวจความรูกอนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรมหนา 50-51 เรือ่ งที่ 1 เสยี งกับการไดยิน ครูควรเตรียม ตัวอยางท่ีหลากหลาย โดยอาจใชของจริง โดยนักเรียนอานคําถามแตละขอ ครูตรวจสอบความเขาใจของนักเรียน หรือภาพประกอบเพ่ือใหนักเรียนไดเห็น จนแนใจวานักเรียนสามารถทําไดดวยตนเอง จึงใหนักเรียนตอบคําถาม ตัวอยางเก่ียวกับแหลงกําเนิดเสียง ซึ่ง โดยคาํ ตอบของแตล ะคนอาจแตกตางกัน และคําตอบอาจถูกหรอื ผิดกไ็ ด อาจเปนแหลงกําเนิดเสียงตามธรรมชาติ หรือแหลงกาํ เนดิ เสยี งทีม่ นษุ ยสรางขึ้น 7. ครสู ังเกตการตอบคําถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบวานักเรียนมีแนวคิด เก่ียวกับเร่ืองเสียงอยางไร หรืออาจสุมใหนักเรียน 2 – 3 คน นําเสนอ คําตอบของตนเอง โดยครูยังไมเฉลยคําตอบที่ถูกตอง แตจะใหนักเรียน ยอ นกลับมาตรวจคาํ ตอบอีกคร้ังหลงั เรยี นจบบทน้แี ลว ทัง้ นีค้ รอู าจบันทึก แนวคิดคลาดเคล่ือนหรือแนวคิดท่ีนาสนใจของนักเรียน แลวนํามา ออกแบบการจัดการเรียนรูเพื่อแกไขแนวคิดคลาดเคล่ือนใหถูกตอง และ ตอยอดแนวคิดทน่ี า สนใจของนกั เรียน  สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี