คูม ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน 60 กิจกรรมท่ี 1 หาแรงลัพธท ก่ี ระทาํ ตอ วัตถไุ ดอยางไร กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดวัดขนาดของแรงท่ีกระทํา ตอวัตถุโดยใชเคร่ืองช่ังสปริง อธิบายการหาแรงลัพธของ แรงท่ีกระทําตอวัตถุในทิศทางเดียวกันและตรงกันขาม และอธิบายขนาดและทิศทางของแรงลัพธที่กระทําตอ วัตถุที่อยูน่ิง รวมทั้งเขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทําตอ วัตถุ เวลา 3 ชวั่ โมง จุดประสงคการเรยี นรู วัดขนาดของแรง อธิบายการหาแรงลัพธท่ี กระทําตอวัตถุ และเขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทํา ตอวตั ถุ วสั ดุ อุปกรณสาํ หรบั ทาํ กจิ กรรม สงิ่ ท่คี รตู อ งเตรยี ม/กลุม 1. เครื่องชั่งสปรงิ 3 อัน 2. ถุงทราย 1 ถุง ทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 3. ถงุ พลาสติกมหี หู ิ้ว 1 ใบ 4. เชือกยาวประมาณ 8 เซนติเมตร 1 เสน C4 การสื่อสาร 5. กระดาษแขง็ ขนาด A4 1 แผน C5 ความรวมมอื 6. กรรไกร 1 เลม สอ่ื การเรยี นรูและแหลง เรียนรู 7. ไมบรรทัด 1 อัน 8. วตั ถอุ ่ืน ๆ เชน กอนหนิ 1 กอน 1. หนังสือเรยี น ป.5 เลม 1 หนา 30-35 ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.5 เลม 1 หนา 28-35 S1 การสงั เกต 3. วีดิทัศนตัวอยางการปฏิบัติการวิทยาศาสตรสําหรับครู S2 การวดั เรอ่ื ง หาแรงลัพธทกี่ ระทาํ ตอวตั ถุไดอยางไร S3 การใชจํานวน http://ipst.me/9477 S13 การตีความหมายขอ มลู และลงขอ สรุป S14 การสรางแบบจําลอง สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 61 คูม ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน แนวการจัดการเรียนรู หากนักเรียนอาจตอบคําถาม ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ไ ม ไ ด ต า ม แ น ว 1. ครูนําเขาสกู ิจกรรมโดยสาธิตการหว้ิ ถุงทีม่ ีส่งิ ของอยดู านในดวยการรวบหู คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียน หว้ิ เขาดว ยกัน จากนนั้ ครถู ามนักเรยี นดงั นี้ คิดอยางเหมาะสม รอคอยอยาง 1.1 ขณะท่ีครูห้ิวถุง มีแรงอะไรกระทําตอถุงบาง และแรงที่กระทํามี อดทน และรับฟงแนวความคิด ทิศทางใดบาง (นักเรียนตอบตามความเขาใจ เชน นํ้าหนักของ ของนักเรียน สิง่ ของมที ศิ ทางลง และแรงทคี่ รูห้วิ ถงุ มที ิศทางขนึ้ ) 1.2 เหตุใดสิง่ ของในถงุ หิ้วจงึ มีนํ้าหนกั และนาํ้ หนักมที ศิ ทางลง (เพราะ ส่ิงของในถุงห้ิวมีมวล จึงมีแรงโนมถวงของโลกกระทําตอวัตถุใน แนวด่ิงในทิศทางลงสพู นื้ โลก) 1.3 ถาครูห้ิวถุงไวน่ิง ๆ แรงที่ครูใชห้ิวถุง จะมีคาเปนอยางไรเมื่อเทียบ กับนํ้าหนกั ของถงุ (นกั เรียนตอบตามความเขา ใจ) 1.4 ถาครูใหตัวแทนนกั เรยี นหน่ึงคนมาชวยห้ิวถุงอกี ขางหนึ่ง แลวครูดึง ห้ิวขางท่ีเหลือ เมื่อเปรียบเทียบแรงท่ีนักเรียนกับครูใชห้ิวถุงคนละ หน่ึงขางกับแรงท่ีครูห้ิวถุงคนเดียวจะเปนอยางไร (นักเรียนตอบ ตามความเขาใจ) ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนไว และช้ีแจงวานักเรียนจะไดหา คําตอบจากการทาํ กจิ กรรมตอไป 2. นักเรียนอานช่ือกิจกรรม และทําเปนคิดเปน ในหนังสือเรียนหนา 30 จากน้ันรวมกันอภิปรายเพ่ือตรวจสอบความเขาใจจุดประสงคใน การทํากิจกรรม โดยใชคาํ ถามดงั น้ี 2.1 กจิ กรรมนีน้ ักเรยี นจะไดเรยี นรูเกีย่ วกับเร่อื งอะไร (การหาแรงลพั ธทก่ี ระทําตอวตั ถ)ุ 2.2 นกั เรยี นจะไดเรยี นรเู ร่ืองนด้ี ว ยวธิ ีใด (วัดขนาดของแรง) 2.3 เม่ือเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายการหาแรงลัพธที่กระทํา ตอวตั ถุและเขียนแผนภาพแสดงแรงทก่ี ระทาํ ตอวัตถ)ุ 3. นักเรยี นบันทกึ จดุ ประสงคลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม หนา 28 และ อานส่ิงท่ี ตอ งใชในการทํากจิ กรรม ครูอาจตรวจสอบวานักเรียนรูจักวัสดุและอุปกรณ ที่ใชในการทํากิจกรรมหรือไม ถานักเรียนไมรูจักวัสดุ อุปกรณบางอยาง ครูควรนํามาแสดงใหดู หรือถานักเรียนไมรูวิธีการใชเครื่องช่ังสปริง ครูควร แนะนาํ และสาธิตวิธีการใชท ีถ่ กู ตอ ง 4. นักเรียนอานทําอยางไร โดยครูใชวิธีการฝกอานตามความเหมาะสมกับ ความสามารถในการอานของนักเรียน ในกิจกรรมมีวิธีทําท้ังหมด 3 ตอน สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี คูม ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 62 ครูอาจใหนักเรียนอานทําอยางไรเฉพาะตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 กอน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและ จากน้ันรวมกันอภิปรายเพ่ือสรุปข้ันตอนการทํากิจกรรม โดยใชคําถาม ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 ที่นกั เรียนจะได ตอ ไปน้ี ตอนที่ 1 ฝก จากการทาํ กจิ กรรม 4.1 ขนั้ แรกของการทํากจิ กรรม นกั เรยี นตอ งทาํ อะไร (บรรจุถุงทรายลงใน S1 การสงั เกตการเคล่ือนทีข่ องถุงทราย ถุงหูหิ้วพลาสติก แลวใชเครื่องชั่งสปริง 2 อัน เก่ียวท่ีหูหิ้วของ ถุงพลาสติกขางละอัน ดึงเครื่องชั่งสปริงในแนวด่ิงโดยใหเครื่องชั่ง แผนกระดาษ เชอื ก และ วัตถุอน่ื ๆ สปรงิ ทั้งสองอันอยนู ิ่ง) S2 การวดั ขนาดของแรงจากเคร่ืองชง่ั 4.2 นักเรียนตองสังเกตและบันทกึ ผลอะไร (สงั เกตและบันทกึ ขนาดของแรง สปรงิ ท่ีเครื่องชงั่ สปริงแตล ะอันกระทาํ ตอ ถงุ ทราย) S3 การหาผลรวมของแรงท่ีอานไดจาก 4.3 หลงั จากวดั ขนาดของแรงที่เคร่ืองชัง่ สปริงแตละอนั กระทําตอถงุ ทราย แลว นักเรยี นตองทําอะไรตอ (ทํากิจกรรมซํ้า แตใชเครอ่ื งชั่งสปริง เครอื่ งชัง่ สปรงิ 1 อนั เกย่ี วทหี่ หู ิว้ ทง้ั สองขางของถุงพลาสตกิ วัดขนาดของแรงทอ่ี าน ได) S14 เขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระตอ ถงุ กิจกรรมตอนที่ 1 ครูควรกําชับใหนักเรียนแขวนหูถุงห้ิวแตละขางไว ทราย เชอื กและกระดาษแขง็ กับเครื่องช่ังสปริงโดยตองถือเคร่ืองชั่งสปริงแตละอันในแนวด่ิง ใหขนาน C4 การสื่อสารดวยการนําเสนอผลการ กนั และตองอา นคา แรงจากเครอ่ื งชัง่ สปริงในขณะที่ถุงทรายอยนู ิ่งเสมอ ทํากิจกรรมดว ยการพูดและการ เขยี นแผนภาพแสดงแรง ตอนที่ 2 C5 ความรวมมอื ในการใชเ คร่ืองช่ัง 4.4 กิจกรรมตอนที่ 2 นักเรียนตองทําอะไรกับเชือกที่ไดรับ (ผูกปลาย สปรงิ วัดขนาดของแรงและการ เชือกทั้งสองขางเขาดวยกันใหเปนวง แลวใชเคร่ืองช่ังสปริง 2 อัน สังเกตการเคลื่อนท่ีของวตั ถุ เกยี่ วกบั เชือกในทิศทางตรงขา มกนั ) 4.5 สิ่งท่ีนักเรียนตองคาดคะเนคืออะไร (ถาออกแรงดึงเครื่องชั่งสปริงใน ทิศทางตรงกันขาม โดยเชือกยังคงอยูนิ่ง ขนาดของแรงท่ีอานไดจาก เครือ่ งชงั่ สปริงแตละอนั เมื่อนํามาเปรยี บเทียบกนั จะเปน อยางไร) 4.6 หลังจากทํากจิ กรรมเพ่ือตรวจสอบการคาดคะเนแลว นักเรียนตองทํา อะไร (เขยี นแผนภาพแสดงทิศทางและขนาดของแรงที่เครื่องช่ังสปริง ทงั้ สองดงึ เชือกใหอยนู ิง่ โดยใชผลจากการทํากิจกรรมครงั้ ใดครง้ั หนึ่ง) 5. เม่ือนกั เรียนเขาใจวธิ ีการทาํ กิจกรรมในทาํ อยา งไร ตอนท่ี 1 และ ตอนที่ 2 แลว ครูแจกวัสดอุ ุปกรณ และใหนกั เรยี นเริม่ ปฏิบตั ิกิจกรรมตาม ขั้นตอน 6.หลงั จากทาํ กิจกรรมแลว ครนู าํ อภปิ รายผลการทาํ กิจกรรม โดยใชคาํ ถามดังน้ี สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 63 คูม อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน นํา้ หนกั ของ ถงุ ทราย ตอนท่ี 1 6.1 เครื่องชั่งสปริงใชทําอะไรในกิจกรรมนี้ (วัดคาของแรงที่ใชในการดึง นาํ ้ หนกั ของ ถงุ ทราย ถงุ พลาสติกท่ีมีถุงทรายบรรจุอยู) 6.2 หนวยของแรงคอื อะไร (นิวตนั ) 6.3 เมื่อใชเคร่ืองช่ังสปริง 2 อัน เก่ียวท่ีหูหิ้วของถุงพลาสติกขางละอัน มีแรงใดกระทําตอถุงทรายที่อยูในถุงพลาสติกบาง และมีทิศทาง อยางไร (ครูอาจวาดภาพถุงทรายท่ีแขวนไวกับเคร่ืองช่ังสปริงบน กระดาน แลวใหน กั เรยี นบอกทศิ ทางของแรงท่ีกระทาํ ตอถุงทราย) 6.4 คาของแรงท่ีอานไดจากเคร่ืองช่ังสปริงแตละอันเปนอยางไร (คาของ แรงท่ีอานไดจากเครื่องชั่งสปริงแตละอันข้ึนอยูกับผลการทํากิจกรรม ของนกั เรยี น) 6.5 เมือ่ ใชเครอ่ื งชง่ั สปริง 1 อันเกี่ยวท่ีหูห้ิวของถุงพลาสติก มีแรงใดกระทํา ตอถุงทรายท่ีอยูในถุงพลาสติกบาง และมีทิศทางใด (น้ําหนักของ ถุงทรายมีทิศทางลง และมีแรงดึงจากเคร่ืองช่ังสปริงที่กระทํากับ ถุงทรายมีทิศทางข้ึน – ครูอาจวาดภาพถุงทรายท่ีแขวนไวกับเครื่องชั่ง สปริงบนกระดาน แลวใหนักเรียนบอกทิศทางของแรงที่กระทําตอถุง ทราย) 6.6 ขนาดของแรงที่อานไดเม่ือเกี่ยวถุงทรายกับเคร่ืองชั่งสปริง 1 อัน เปน เทาใด (ขนาดของแรงท่อี า นไดมคี า ประมาณ 5 นิวตนั ) 6.7 ทิศทางของแรงท่ีกระทําตอหูห้ิวของถุงพลาสติกแตละขาง เหมือนกัน หรือไม อยางไร (เหมอื นกัน โดยอยูในทิศทางข้นึ ) 6.8 ผลรวมของแรงที่อานไดจากเครื่องชง่ั สปรงิ 2 อนั เทยี บกับคาของแรงท่ี อานไดจ ากเคร่ืองช่ังสปรงิ 1 อันเปนอยา งไร (มคี า เทากัน) 6.9 แรงลัพธของแรงที่เครื่องช่ังสปริงทั้งสองกระทําตอถุงทรายในทิศทาง เดียวกันหาไดอยางไร (แรงลัพธหาไดจากการนําคาของแรงที่อานได จากเครอ่ื งชง่ั สปรงิ แตล ะอนั มารวมกนั ) 6.10เมื่อเปล่ียนจากถุงทรายเปนวัตถุอ่ืน ๆ ไดผลเชนเดียวกันหรือไม อยางไร (เมื่อเปล่ียนจากถุงทรายเปนวัตถุอ่ืนก็ไดผลเชนกัน โดย แรงลัพธของแรงที่อานไดจากเคร่ืองช่ังสปริง 2 อัน จะเทากับคาของ แรงทอ่ี านไดจากเครื่องช่งั สปริง 1 อัน) 6.11กิจกรรมตอนที่ 1 สรุปวิธีการหาแรงลัพธไดอยางไร (เมื่อมีแรง 2 แรง อยูในแนวเดียวกันและอยูในทิศทางเดียวกันจะหาแรงลัพธของแรงท่ี กระทําตอวัตถไุ ดโดยการนาํ คา ของแรงมารวมกัน) สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี คมู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 64 ตอนท่ี 2 6.12 เมื่อใชเครื่องชั่งสปริง 2 อัน ดึงเชือกที่ผูกเปนวงในทิศทางตรงกัน ขาม แลวเชือกยังคงอยูนิ่ง แรงท่ีอานไดจากเครื่องชั่งสปริงแตละ อนั มคี าเทากนั หรือไม (แรงที่อานไดจากเครื่องช่ังสปริงแตละอันมีคา เทากัน) 6.13 แรงท่ีใชดึงเชือกอยูในแนวเดียวกันหรือไม (อยูในแนวเดียวกัน คือ แนวนอนหรือแนวระดบั เหมอื นกัน) 6.14 แรงที่ใชด ึงเชอื กอยใู นทิศทางใด (อยูใ นทิศทางตรงกนั ขา ม) 6.15 แรงลพั ธข องแรงทั้งสองหาไดอยางไร (นําขนาดของแรงแตละแรงมา ลบหรือหักลางกนั ) 6.16 แรงลัพธข องแรงท้งั สองเปนเทาใด (เทา กบั ศูนย) 6.17 เขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีใชดึงเชือกไดอยางไร (ใชลูกศรท่ีมีความ ยาวเทากันแทนแรงที่กระทําตอเชือกขนาดเทากัน แตอยูในทิศทาง ตรงกันขา ม) 7. นักเรียนอานทําอยางไร ตอนที่ 3 แลวรวมกันอภิปรายเพ่ือสรุปลําดับ ข้นั ตอนตามความเขา ใจ โดยครใู ชค ําถามดังตอไปนี้ 7.1 นักเรียนตองทําอะไรกับกระดาษแข็ง (เจาะรู 3 รู บนกระดาษ โดย เจาะรูที่ 1 และ 2 อยูดานเดียวกัน และเจาะรูท่ี 3 ท่ีดานตรงกันขาม โดยรูที่ 3 อยูในแนวกึ่งกลางของ 2 รูแรก จากนั้นรอยเชือกแลวผูก เปน วงเขา กบั แตละรสู ําหรับเกีย่ วกบั เคร่อื งชง่ั สปริง) 7.2 นักเรียนตองทําอยางไรกับเคร่ืองช่ังสปริงและกระดาษแข็งท่ีเตรียมไว (เก่ยี วเครื่องช่ังสปริงเขากับเชือกแตละรู แลวออกแรงดึงใหขนานกัน ในแนวราบ โดยใหกระดาษแข็งอยูนิ่ง จากน้ันอานคาของแรงจาก เครอ่ื งช่งั สปรงิ แตละอนั ) 7.3 นกั เรียนตอ งเปลยี่ นแรงทใี่ ชด ึงเคร่ืองชั่งสปรงิ อีกก่คี ร้งั (2 ครง้ั ) 7.4 นักเรียนตองเขียนแผนภาพแสดงส่ิงใด (เขียนแผนภาพแสดงทิศทาง และขนาดของแรงทก่ี ระทําตอ กระดาษแข็ง) 8. เมื่อนกั เรียนเขาใจวิธีการทํากิจกรรมในทําอยา งไรแลว ครแู จกวสั ดุ อุปกรณ และใหนักเรียนเรมิ่ ปฏบิ ัตติ ามขัน้ ตอนของกิจกรรม 9. หลังจากทํากจิ กรรมแลว ครนู ําอภิปรายผลการทาํ กิจกรรม โดยใชคาํ ถาม ดังน้ี สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 65 คมู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน 9.1 มีแรงที่กระทําตอกระดาษแข็งในแนวใดบาง (มีแรงดึงในแนวราบหรือ แนวระดับ โดยแรง 2 แรง มีทิศทางเดียวกัน สวนอีกแรงหน่ึงมีทิศทาง ตรงกนั ขามกบั แรงท้ังสอง) 9.2 หาแรงลัพธของเครื่องช่ังสปริงอันที่ 1 และ 2 ที่กระทําตอวัตถุได อยางไร ทําไมจึงทําเชนนั้น (นําขนาดของแรงที่อานไดมารวมกัน เพราะแรงของเครื่องชั่งสปรงิ อนั ท่ี 1 และอนั ที่ 2 มที ิศทางเดยี วกนั ) 9.3 คา ของแรงลพั ธจากเคร่ืองชั่งสปริงอันท่ี 1 และอันที่ 2 เปนอยางไรเม่ือ เทียบกับคาของแรงที่อานไดจากเคร่ืองชั่งสปริงอันที่ 3 (คาของแรงที่ อานไดจากเครื่องชงั่ สปริงอันที่ 1 และ 2 จะเทากับคาของแรงท่ีอานได จากเครือ่ งชั่งสปรงิ อนั ที่ 3) 9.4 แรงลัพธท่ีกระทําตอแผนกระดาษแข็งหาไดอยางไร มีคาเปนเทาใด (นําคาของแรงลพั ธจากเครื่องชั่งสปริงอันที่ 1 และ 2 มาลบกับคาของ แรงที่อา นไดจ ากเคร่ืองชงั่ สปริงอนั ท่ี 3 ซง่ึ จะไดคา เปน ศูนย) 9.5 เมื่อออกแรงกระทําตอกระดาษแข็ง แลวกระดาษแข็งยังคงอยูนิ่ง แรงลัพธทก่ี ระทาํ ตอวัตถุมีคา เปน เทาใด (แรงลัพธมีคา เปนศูนย) 10. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปวาการหาแรงลัพธของแรงที่ กระทําตอวัตถุทําไดโดยถาแรงท่ีกระทําตอวัตถุอยูในทิศทางเดียวกัน ใหนํา คาของแรงหลาย ๆ แรงมารวมกัน แตถาแรงท่ีกระทําตอวัตถุอยูในทิศทาง ตรงกันขาม ใหนําคาของแรงทั้งสองทิศทางมาลบ (-) หรือหักลางกัน สาํ หรบั วตั ถทุ ี่อยนู ่ิงแรงลัพธจะมีคาเปนศูนย การเขียนแผนภาพแสดงแรงที่ กระทําตอวตั ถุทําไดโดยใชล ูกศรแสดงแรง (S13) 11. นักเรยี นรวมกันอภิปรายเพอ่ื ตอบคําถามในฉนั รอู ะไร โดยครูอาจใชคําถาม เพิม่ เติมในการอภิปรายเพ่ือใหไดแนวคาํ ตอบท่ีถูกตอง 12. นักเรียนรวมกันสรุปสิ่งท่ีไดเรียนรูในกิจกรรมน้ี จากน้ันนักเรียนอานสิ่งท่ี ไดเรียนรู และเปรียบเทียบกับขอ สรปุ ของตนเอง 13. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกต้ังคําถามเก่ียวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรูเพิ่มเติม ใน อยากรูอีกวา จากน้ันครูอาจสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอคําถามของ ตนเองหนาชั้นเรียน และใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับคําถามท่ี นาํ เสนอ 14. ครูนําอภิปรายเพ่ือใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบางและในขั้นตอนใด แลวบันทึกลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม หนา 35 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คูม ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 66 15. นักเรียนรวมกันอานรูอะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียน หนา 36 ครูนํา การเตรยี มตวั ลวงหนา สาํ หรบั ครู อภิปรายเพื่อนาํ ไปสูข อ สรปุ เก่ยี วกับสงิ่ ทไ่ี ดเ รียนรูในเรื่องน้ี นอกจากน้ันครู เพื่อจัดการเรยี นรูใ นครงั้ ถัดไป ใชคําถามเพือ่ เชื่อมโยงไปยงั บทตอไป คือ “ถา เราออกแรงขนาด 50 นิวตัน ดันกลองที่วางอยูบนพื้นเพ่ือใหกลองเคล่ือนท่ี แตกลองยังอยูนิ่ง แสดงวา ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดเรียน แรงลัพธท่ีกระทําตอกลองมีคาเทากับศูนย นั่นคือตองมีแรงอีกแรงท่ีมี เรื่องที่ 2 แรงเสียดทาน และกิจกรรม ขนาดเทากับ 50 นิวตัน กระทําตอกลองในทิศทางตรงกันขามกับทิศ ท่ี 2 แรงเสียดทานมีผลตอวัตถุอยางไร ทางการออกแรงของเรา แรงนั้นคือแรงอะไร” ครูชักชวนใหนักเรียนหา โดยครูเตรียมส่ือการสอน เชน ภาพ คาํ ตอบจากการเรยี นในเรื่องตอไป นาํ เขาสูบทเรียน ถุงทราย เครื่องช่ังสปริง ครูควรตรวจสอบใหม่ันใจวาเครื่องชั่ง สปริงอยูในสภาพพรอมใชงาน เชน ตัวเลขบนเครื่องช่ังสปริงชัดเจน สปริงไม ฝด ขีดสเกลเรมิ่ ตน ที่เลขศูนยพอดี สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 67 คมู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน แนวคําตอบในแบบบันทึกกิจกรรม วดั ขนาดของแรงและอธบิ ายการหาแรงลพั ธท ก่ี ระทาํ ตอวัตถใุ นทศิ ทาง เดยี วกนั 32 5 5 คาํ ตอบขึน้ อยูกบั ผลการทํากิจกรรมของนักเรยี น สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 68 1. วดั ขนาดของแรงและอธบิ ายการหาแรงลพั ธท่ีกระทําตอวัตถุใน ทศิ ทางตรงกนั ขา ม 2. สงั เกตและอธบิ ายขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธท่กี ระทาํ ตอวตั ถุ โดยการเขยี นแผนภาพของแรงที่กระทําตอวตั ถุ เทา กนั ขึ้นอยูกับการทาํ กิจกรรมของนกั เรียน สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 69 คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน ขึน้ อยกู ับการทาํ กิจกรรมของนักเรยี น 5 นิวตนั 5 นิวตนั 1. วัดขนาดของแรงและอธบิ ายการหาแรงลัพธท ่ีกระทําตอวัตถุ 2. สังเกตและอธิบายขนาดและทิศทางของแรงลัพธท่ีกระทําตอ วตั ถุ ทีอ่ ยนู ่ิงโดยการเขียนแผนภาพของแรงทีก่ ระทําตอ วตั ถุ สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 70 คําตอบข้ึนอยูกบั ผลการทํากิจกรรมของนกั เรียน ผลรวมของแรงท่ีอาน คําตอบข้นึ อยกู ับผลการทาํ กจิ กรรมของนักเรียน ไดจากเครอ่ื งช่งั สปริง คําตอบขึน้ อยูกบั ผลการทํากจิ กรรมของนกั เรยี น อันที่ 1 และ 2 จะเทา กบั อนั ท่ี 3 3 นิวตัน 6 นิวตัน คา ของแรงท่อี า นไดขึน้ อยูกับผลการทาํ กิจกรรม 3 นวิ ตนั สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 71 คูม ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน แรงทเ่ี ครื่องช่ังสปริงทง้ั สองกระทาํ ตอถุงทรายอยูในแนวเดียวกนั โดยมีทศิ ข้นึ ในแนวดง่ิ เม่อื แขวนวัตถกุ ับเครื่องชงั่ สปริง 2 อนั คาของแรงที่อา นไดจ ากเคร่อื งชงั่ สปริง แตล ะอนั เมื่อนํามาบวกกันจะเทา กบั คา ของแรงท่อี า นไดเมอ่ื แขวนวัตถุกับ เครอ่ื งชัง่ สปรงิ 1 อนั แรงลพั ธของแรงทีเ่ ครื่องชั่งสปรงิ สองอนั กระทาํ ตอ วตั ถหุ าไดโดยนาํ แรงทีอ่ า นได จากเครื่องชง่ั แตละอันมาบวกกนั เม่อื แขวนวัตถกุ บั เครอ่ื งชั่งสปริง 2 อัน คาของแรงที่อา นไดจ ากเครือ่ งชั่งสปรงิ แตละอนั เมื่อนาํ มาบวกกันจะเทา กบั คาของแรงที่อานไดเม่ือแขวนวตั ถุกับ เคร่อื งชงั่ สปรงิ 1 อนั สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 72 แรงทเ่ี ครือ่ งชั่งสปรงิ ดึงเชือกอยใู นแนวเดียวกนั คือแนวนอนหรอื แนวระดับ แตม ที ิศทางตรงขามกนั ขนาดของแรงทีอ่ า นไดจ ากเครอ่ื งชงั่ สปรงิ 2 อนั ไมแตกตา งกัน แตมี คา เทา กนั แรงลพั ธม คี า เปน ศนู ย แรงลัพธของแรงที่เคร่อื งช่ังสปรงิ 2 อัน กระทําตอ วัตถุ หาไดจากการนาํ คาของแรงท่อี านไดจากเครอื่ งชง่ั สปริงแตล ะอนั มาลบกัน เมื่อใชเ ครอื่ งชั่งสปรงิ 2 อัน ดงึ เชอื กทีผ่ กู เปน วงใหย ังคงอยนู ่ิง ตองออกแรงใน แนวเดียวกนั แตดึงในทิศทางตรงกนั ขาม ดวยแรงท่ีมขี นาดเทา กัน การหาแรง ลัพธข องแรงทีก่ ระทาํ ตอเชือกหาไดจากนําคา ของแรงท่ีอานไดม าลบกัน สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 73 คูมือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน ผลรวมขนาดของแรงท่ีอานไดจ ากเครอื่ งช่งั สปริงอันท่ี 1 และ 2 มีขนาด เทา กับแรงที่อา นไดจากเครอ่ื งช่งั สปรงิ อนั ที่ 3 แรงลพั ธท ก่ี ระทาํ ตอกระดาษแขง็ ท่อี ยูนิง่ หาไดโดยนาํ ผลรวมขนาดของแรงจากเคร่อื ง ช่งั สปริงอนั ท่ี 1 และ 2 ลบกับขนาดของแรงท่ีไดจากเคร่ืองช่ังสปริงอันท่ี 3 แรงลัพธ มคี า เปน ศนู ย เม่อื ใชเ ครือ่ งชง่ั สปรงิ 3 อนั ดึงกระดาษแข็งทเี่ จาะรู 3 รู ใหอ ยนู ่งิ ตอ งออกแรง กระทําตอ เครื่องชั่งสปริงแตละอนั โดยแรงลัพธท่ีกระทําตอกระดาษแข็งเปนศูนย การหาแรงลัพธข องแรงหลาย ๆ แรง ที่กระทําตอวัตถุพจิ ารณาจากทิศทางของแรงท่ี กระทาํ ตอวตั ถนุ น้ั และเม่อื ออกแรงกระทาํ ตอวตั ถุ แลว วัตถยุ งั คงอยูน ง่ิ แรงลัพธท ี่ กระทําตอวตั ถจุ ะมีคาเปนศูนย สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี คมู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 74 คาํ ถามของนกั เรยี นท่ตี ั้งตามความอยากรขู องตนเอง สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 75 คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน แนวการประเมินการเรียนรู การประเมินการเรยี นรขู องนกั เรยี นทําได ดังน้ี 1. ประเมนิ ความรเู ดิมจากการอภิปรายในช้ันเรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู ากคาํ ตอบของนักเรยี นระหวางการจดั การเรียนรูและจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ ละทักษะแหงศตวรรษที่ 21 จากการทํากิจกรรมของนักเรียน การประเมนิ จากการทาํ กิจกรรมท่ี 1 หาแรงลัพธทกี่ ระทาํ ตอ วตั ถุไดอ ยางไร ระดับคะแนน 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ 3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช รหัส สงิ่ ทป่ี ระเมนิ ระดับคะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสงั เกต S2 การวัด S3 การใชจ ํานวน S13 การตคี วามหมายขอ มูลและลงขอสรปุ S14 การสรา งแบบจําลอง ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การส่ือสาร C5 ความรว มมอื รวมคะแนน สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี คมู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 76 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรต ามระดบั ความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเ กณฑการประเมิน ดงั น้ี ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) S1 การสงั เกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใชประสาท สามารถใชประสาทสัมผัส สามารถใชประสาทสัมผัส รายละเอียดเกี่ยวกับ สัมผัสเก็บรายละเอียด เก็บรายละเอียดของขอมูล เก็บรายละเอียดของขอมูล การเคลื่อนที่ของถุง ของขอมูลเกี่ยวกับการ เก่ียวกับการเคลื่อนท่ีของ เก่ียวกับการเคล่ือนที่ของ ทราย เชือกผูกเปนวง เคลื่อนท่ีของถุงทราย ถุงทราย เชือกผูกเปนวง ถุงทราย เชือกผูกเปนวง แ ล ะ ก ร ะ ด า ษ แ ข็ ง เชือกผูกเปนวง และ และกระดาษแข็งขณะวัด และกระดาษแข็งขณะวัด ขณะวัดแรง รวมถึง กระดาษแข็งขณะวัด แรง รวมถึงทศิ ทางของแรง แรง รวมถึงทศิ ทางของแรง ทิ ศ ท า ง ข อ ง แ ร ง ที่ แรง รวมถึงทิศทางของ ที่กระทํา จากการช้ีแนะ ที่กระทําไดเพียงบางสวน กระทาํ แรงท่ีกระทํา ไดดวย ของครูหรือผูอื่นหรือมีการ แมว า จะไดรบั คําชีแ้ นะจาก ตนเอง โดยไมเพ่ิมเติม เพิ่มเติมความคดิ เห็น ครหู รือผอู ่นื ความคดิ เห็น S2 การวดั - การใชเ ครอื่ งช่งั สปริง สามารถใชเคร่ืองช่ัง สามารถใชเคร่ืองชั่งสปริง สามารถใชเคร่ืองช่ังสปริง อานคาของแรง ที่ สปริงอา นคาของแรง ท่ี อานคาของแรง ที่กระทํา อานคาของแรง ท่ีกระทํา กระทําตอถุงทราย ก ร ะ ทํ า ต อ ถุ ง ท ร า ย ตอถุงทราย เชือกผูกเปน ตอถุงทราย เชือกผูกเปน เชือกผูกเปนวง และ เชือกผูกเปนวงและ วง และกระดาษแขง็ วง และกระดาษแข็ง กระดาษแขง็ กระดาษแข็ง และระบุ ไดถูกตอง แตระบุหนวย ไดถูกตองเพียงบางสวน - การระบุหนวยของ ห น ว ย ข อ ง แ ร ง ไ ด ของแรงไมถูกตอ ง และระบุหนวยของแรงไม แรง ถกู ตอง หรือใชเคร่ืองช่ังสปริงไม ถูกตอ ง ถูกตอง แตระบุหนวยของ แรงไดถกู ตอ ง S3 การใชจ าํ นวน การคํานวณหาแรง สามารถคํานวณหาแรง สามารถคํานวณหาแรง สามารถคํานวณหาแรง ลัพธจากผลรวมของ ลัพธจากผลรวมของ ลัพธจากผลรวมของแรงท่ี ลัพธจากผลรวมของแรงที่ แรงที่เครื่องชั่งสปริง แรงท่ีเครื่องชั่งสปริง เครื่องช่ังสปริงกระทําตอ เครื่องช่ังสปริงกระทําตอ กระทําตอ วตั ถุ ก ร ะ ทํ า ต อ วั ต ถุ ไ ด วตั ถุไดถ ูกตองท้ังหมด จาก วั ต ถุ ไ ด ถู ก ต อ ง เ พี ย ง ถูกตองทั้งหมดดว ย การชีแ้ นะของครูหรอื ผูอื่น บางสวน แมวาจะไดรับคํา ตนเอง ช้แี นะจากครูหรอื ผอู นื่ S13 การตีความหมาย การตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีคว ามหมาย ส าม ารถ ตีคว ามห มา ย ขอ มูลและลงขอ สรปุ ขอมูล จากการ ทํา ข อ มู ล จ า ก ก า ร ทํ า ขอมูลจากการทํากิจกรรม ขอมูลจากการทํากิจกรรม กิจกรรมไดวาเม่ือมี กจิ กรรมไดว าเมอื่ มีแรง ไดวาเม่ือมีแรงหลายแรง ไดวาเม่ือมีแรงหลายแรง แรงหลายแรงจาก หลายแรงจากเคร่ืองชั่ง จากเครื่องชั่งสปริงกระทํา จากเคร่ืองชั่งสปริงกระทํา สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 77 คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) เ ค รื่ อ ง ช่ั ง ส ป ริ ง สปริงกระทาํ ตอวัตถุจะ ตอวัตถุจะหาแรงลัพธที่ ตอวัตถุจะหาแรงลัพธท่ี กระทําตอวัตถุจะหา หาแรงลัพธที่กระทํา กระทําตอวัตถุไดแตกตาง กระทําตอวัตถุไดแตกตาง แรงลัพธที่กระทําตอ ตอวัตถุไดแตกตางกัน กันและลงขอสรุปไดวา กันแตล งขอส รุปไดไม วัตถุไดแตกตางกัน และลงขอสรุปไดวา การหาแรงลัพธท่ีกระทํา ครบถวน แมว า จะไดร ับคํา และลงขอสรุปไดวา ก า ร ห า แ ร ง ลั พ ธ ที่ ตอวัตถุตองพิจารณจาก ชีแ้ นะจากครหู รอื ผูอน่ื การหาแรงลัพธ ท่ี กระทําตอวัตถุตอง ขนาดและทิศทางของแรง กระทําตอวัตถุตอง พิจารณจากขนาดและ ท้ังหมดท่ีมากระทําตอ พิจารณจากขนาด ทิศทางของแรงท้ังหมด วัตถุนั้นได จากการช้ีแนะ และทิศทางของแรง ที่มากระทําตอวัตถุนั้น จากครูและผูอ่ืน ทั้งหมดที่มากระทํา ไดดวยตนเอง ตอ วัตถนุ ั้น S14 การสราง สรางแบบจําลองการ ส า ม า ร ถ ส ร า ง สามารถสรางแบบจําลอง สามารถสรางแบบจําลอง แบบจําลอง เขียนแผนภาพแสดง แบบจําลองการเขียน การเขียนแผนภาพแสดง การเขียนแผนภาพแสดง แรงท่ีเครื่องช่ังสปริง แผนภาพแสดงแรงที่ แ ร ง ที่ เ ค ร่ื อ ง ช่ั ง ส ป ริ ง แ ร ง ท่ี เ ค ร่ื อ ง ชั่ ง ส ป ริ ง กระทําตอวัตถุโดยใช เครื่องชั่งสปริงกระทํา กระทาํ ตอวัตถุโดยใชลูกศร กระทําตอวัตถุโดยใชลูกศร ลูกศ รแ ส ด งข นา ด ตอวัตถุโดยใชลูกศร แสดงขนาดและทิศทาง แสดงขนาดและทิศทาง และทศิ ทางของแรง แสดงขนาดและทิศทาง ของแรงไดถูกตองจากการ ของแรงไดถูกตองบางสวน ของแรงไดถูกตองดวย ชี้แนะจากครหู รือผูอ ่ืน แมวาจะไดรับการชี้แนะ ตนเอง จากครหู รือผอู น่ื สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คมู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน 78 ตาราง แสดงการวิเคราะหท ักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใชเ กณฑก ารประเมนิ ดังนี้ ทกั ษะแหง รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ศตวรรษที่ 21 พอใช (2) C4 การส่ือสาร การนําเสนอขอมูลจาก สามารถนําเสนอขอมูล สามารถนําเสนอขอมูลจาก สามารถนําเสนอขอมูล การสังเกต การวัดและ จากการสังเกต การวัด การสังเกต การวัดและ จากการสังเกต การวัด อ ภิ ป ร า ย เ ก่ี ย ว กั บ และอภิปรายเก่ียวกับ อธิบายเก่ียวกับวิธีการหา แ ล ะ อ ธิ บ า ย เ กี่ ย ว กั บ วิธีการหาแรงลัพธ โดย วิธีการหาแรงลัพธ โดย แรงลัพธได โดยใชการพูด วิธกี ารหาแรงลัพธได โดย ใชการพูดและเขียน ใ ช ก า ร พู ด แ ล ะ เ ขี ย น และเขียนแผนภาพเพื่อให ใ ช ก า ร พู ด แ ล ะ เ ขี ย น แผนภาพเพ่ือใหผูอื่น แผนภาพเพื่อใหผูอื่น ผูอ่ืนเขาใจไดโดยอาศัยการ แผ นภาพเพ่ือใหผูอื่น เขา ใจ เขา ใจดดวยตนเอง ช้ีแนะจากครหู รอื ผูอ นื่ เขาใจไดบางสวน แมวา จะไดรับคําชี้แนะจากครู หรอื ผอู ่นื C5 ความ การทํางานรวมกับผูอ่ืน สามารถทํางานรวมกับ สามารถทํางานรวมกับผูอื่น สามารถทํางานรวมกับ รวมมือ ในการเตรียมอุปกรณ ผู อ่ื น ใ น ก า ร เ ต รี ย ม ในการเตรียมอุปกรณการ ผู อ่ื น ใ น ก า ร เ ต รี ย ม การสังเกตและการวัด อุปกรณการสังเกตและ สังเกตและการวัดขนาดของ อุปกรณการสังเกตและ ข น า ด ข อ ง แ ร ง ด ว ย การวดั ขนาดของแรงดวย แรงดว ยเครื่องชั่งสปริง การวัดขนาดของแรงดวย เครื่องชั่งสปริง รวมท้ัง เคร่ืองชั่งสปริง รวมท้ัง รวมท้ังยอมรับความคิดเห็น เคร่ืองช่ังสปริงในบาง ยอมรับความคิดเห็น ยอมรับความคิดเห็นของ ของผูอื่นบางชวงเวลาที่ทํา ชวงเวลา แตไ มค อยสนใจ ของผูอ ืน่ ผูอ่ืนต้ังแตเร่ิมตนจน กิจกรรม ในความคิดเห็นของผอู น่ื สาํ เร็จ สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 79 คมู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน เรือ่ งท่ี 2 แรงเสียดทาน ในเร่อื งนีน้ ักเรยี นจะไดเรียนรูเกี่ยวกับแรงเสียดทานซ่ึงเปนแรง ตานการเคล่ือนท่ีของวัตถุ เกิดขึ้นระหวางผิวสัมผัสของวัตถุ และมี ทิศทางตรงกันขามกับทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุ ผลของแรงเสียด ทานที่มีตอการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุทําใหวัตถุที่กําลัง เคล่ือนที่เปล่ียนเปนเคล่ือนท่ีชาลงจนหยุดนิ่ง และสามารถแสดงแรง เสียดทานและแรงที่กระทําตอวัตถุในแนวเดียวกันโดยการเขียน แผนภาพ จดุ ประสงคการเรียนรู 1. วัดขนาดของแรงและอธิบายแรงเสยี ดทานทมี่ ผี ลตอการ เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนทีข่ องวตั ถุ 2. เขียนแผนภาพแสดงแรงเสยี ดทานและแรงทกี่ ระทําตอ วัตถุในแนว เดยี วกนั เวลา 3 ชั่วโมง วสั ดุ อุปกรณสําหรับทํากจิ กรรม เคร่อื งชง่ั สปรงิ ถุงทราย ส่อื การเรยี นรแู ละแหลง เรียนรู 1. หนงั สือเรยี น ป.5 เลม 1 หนา 37-42 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.5 เลม 1 หนา 36-42 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คูม อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน 80 แนวการจัดการเรียนรู (30 นาที) ขัน้ ตรวจสอบความรู (5 นาท)ี 1. ครูทบทวนความรูพ้ืนฐานและตรวจสอบความรูเดิมของนักเรียน โดยให นกั เรยี นดภู าพคนกําลงั ปน ตนไม จากนั้นครูซักถามดวยคาํ ถามตอ ไปน้ี 1.1 นักเรยี นคิดวามแี รงอะไรกระทาํ ตอคนในภาพน้ี และทิศทางของแรง น้ันเปนอยางไร (มีแรงดึงดูดของโลกหรือแรงโนมถวงของโลกมา กระทาํ โดยมีทศิ ทางลงสูพ้ืนโลก) 1.2 นอกจากแรงดึดดูดของโลกแลว นักเรียนคิดวายังมีแรงอะไรที่ กระทําตอคนปนตนไมในภาพอีก จึงทําใหเขาปนตนไมไดโดยไมตก ลงมา (นักเรียนตอบตามความเขาใจ เชน แรงตาน แรงฝด หรือ แรงเสียดทาน) 2. ครเู ช่ือมโยงความรเู ดิมของนกั เรียนสเู รื่องแรงท่ีตานการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใชคําถามวาแรงที่ตานไมใหคนในรูปตกลงมาจากตนไมเปนแรงอะไร มีลักษณะอยางไร จากน้ันครูชักชวนใหนักเรียนหาคําตอบจากการอาน เรอื่ งแรงเสยี ดทาน ขนั้ ฝกทกั ษะจากการอา น (20 นาท)ี 3. นักเรียนอานชื่อเร่ือง และคําถามใน คิดกอนอาน ในหนังสือเรียนหนา 37 แลวรวมกันอภิปรายในกลุมเพ่ือหาคําตอบตามความเขาใจของกลุม ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใชเปรียบเทียบกับคําตอบ ภายหลงั การอา นเนื้อเร่อื ง 4. นักเรียนอานคําใน คําสําคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หาก นักเรียนอานไมได ครูควรสอนอานใหถูกตอง) ครูชักชวนใหนักเรียนหา ความหมายของคําภายหลงั จากการอา นเนือ้ เรื่อง 5. นักเรียนอานเน้ือเรื่องตามวิธีการอานที่เหมาะสมกับความสามารถของ นักเรียน และรว มกนั อภิปรายใจความสาํ คัญ โดยใชคาํ ถาม ดังน้ี 5.1 แรงมีผลตอวตั ถุอยางไร (แรงทําใหว ัตถเุ ปล่ียนแปลงการเคลือ่ นท)ี่ 5.2 การเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุมีลักษณะใดบาง (วัตถุที่อยูนิ่ง เปลย่ี นเปนเคลื่อนที่ หรอื จากเคลื่อนท่ีอยูแลว เปล่ียนเปนเคลื่อนที่เร็ว ข้ึน ชาลง หยุดน่งิ หรือเปล่ยี นทิศทาง) 5.3 เม่ือออกแรงกระทําตอตู แรงที่ตานการเคลื่อนที่ของตู คืออะไร (แรง เสยี ดทาน) สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 81 คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 5.4 แรงเสียดทานเกิดขึ้นเมื่อใด (เม่ือมีแรงมากระทําตอวัตถุเพื่อทําใหวัตถุ นั ก เ รี ย น อ า จ ไ ม ส า ม า ร ถ ต อ บ เคลอ่ื นท่ี ซง่ึ วตั ถุอาจจะเคลื่อนท่ีหรือไมเคลื่อนที่ก็ได) คาํ ถามหรอื อภปิ รายไดต ามแนวคําตอบ ครูคว รใหเวล านักเรียนคิดอยาง 5.5 แรงเสียดทานเกิดข้ึนท่ีใด และมีทิศทางใด (แรงเสียดทานเกิดข้ึน เหมาะสม รอคอยอยางอดทน และรับ ระหวางผิวสัมผัสของตูกับพื้นบริเวณท่ีสัมผัสกับตู โดยแรงเสียดทาน ฟง แนวความคดิ ของนกั เรียน มที ิศทางตรงกันขามกับทิศทางท่ตี องการใหตูเคล่ือนที่) ขน้ั สรปุ จากการอาน (5 นาท)ี 6. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อใหไดขอสรุปวาเม่ือออกแรงกระทํา ตอวัตถเุ พ่อื ทําใหว ตั ถุเคล่ือนท่ีจะมีแรงตานการเคลื่อนท่ีของวัตถุนั้นเรียก แรงที่ตานการเคลื่อนที่น้ีวา แรงเสียดทาน ซึ่งเกิดข้ึนบริเวณผิวสัมผัส ระหวางวตั ถุ และมีทิศทางตรงกนั ขามกบั ทิศทางการเคลื่อนทีข่ องวตั ถุ 7. นักเรียนตอบคําถามจากเรื่องที่อานในรูหรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 36 8. ครูและนกั เรียนรวมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียนในรู หรือยงั กับคาํ ตอบทเ่ี คยตอบและบนั ทึกไวในคิดกอนอาน 9. ครูชักชวนนักเรียนตอบคําถามทายเร่ืองที่อาน คือ กิจกรรมอะไรบางใน ชีวิตประจําวันของเราที่เกี่ยวของกับแรงเสียดทาน และถาเราออกแรง กระทําตอวัตถุท่ีอยูน่ิงเพ่ือใหวัตถุเคล่ือนที่ แตวัตถุยังคงอยูนิ่ง แรงเสียด ทานทเ่ี กดิ ขึน้ ขณะน้นั จะมขี นาดเทาใด และมที ศิ ทางเปน อยางไร ครูบนั ทึกคาํ ตอบของนกั เรียนบนกระดานโดยยังไมเฉลยคําตอบ แต ชักชวนใหน กั เรียนหาคาํ ตอบจากการทํากจิ กรรม สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คมู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 82 แนวคําตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม แรงเสียดทาน เปน แรงท่ีตานการเคลอ่ื นท่ีของวตั ถุ มที ิศทางตรงกนั ขา ม กับทศิ ทางการเคลือ่ นท่ีของวัตถุ โดยเกิดขึน้ ระหวา งผวิ สัมผัสของวัตถุ เมือ่ มแี รงมากระทําตอวัตถเุ พอ่ื ใหวตั ถุเคลอื่ นที่ สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 83 คูม อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน กิจกรรมท่ี 2 แรงเสียดทานมผี ลตอ วัตถอุ ยา งไร กจิ กรรมน้ีนักเรียนจะไดสังเกตผลของแรงเสียดทานที่มีตอการ เปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุเม่ือออกแรงกระทําตอวัตถุที่อยูนิ่ง เพื่อใหวัตถุเคล่ือนท่ี และสังเกตผลของแรงเสียดทานที่มีตอการ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุท่ีกําลังเคล่ือนที่ รวมท้ังเขียน แผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงทก่ี ระทาํ ตอวัตถใุ นแนวเดยี วกนั เวลา 2.5 ช่วั โมง จุดประสงคการเรยี นรู 1. วดั ขนาดของแรงและอธิบายแรงเสียดทานที่มีผลตอการ เปลยี่ นแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุ 2. เขยี นแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงท่กี ระทาํ ตอ วตั ถุ ในแนวเดียวกัน วสั ดุ อุปกรณส ําหรับทาํ กจิ กรรม ส่ือการเรียนรูและแหลงเรียนรู สงิ่ ทีค่ รูตองเตรียม/กลมุ 1. หนงั สอื เรียน ป.5 เลม 1 หนา 38-40 1. เคร่อื งชง่ั สปริง 1 อนั 2. ถงุ ทราย 1 ถงุ 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.5 เลม 1 หนา 37-42 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร 3. วดี ทิ ัศนตัวอยา งการปฏบิ ัติการวทิ ยาศาสตรสาํ หรับ S1 การสงั เกต ครูเรือ่ งแรงเสยี ดทานมผี ลตอวตั ถุอยา งไร S2 การวัด S8 การลงความเห็นจากขอมูล http://ipst.me/8048 S13 การตคี วามหมายขอมลู และลงขอสรปุ S14 การสรางแบบจาํ ลอง ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การสอ่ื สาร C5 ความรว มมือ สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี คูมอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 84 แนวการจัดการเรียนรู 1. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยเลือกตัวแทนนักเรียน 2 คน ใหคนหน่ึงนั่งยอง ๆ นักเรียนอีกคนหน่ึงลากเพ่ือนที่น่ังยองใหเคล่ือนท่ีไปบนพ้ืน จากนั้น ครอู าจใชค ําถามดังนี้ 1.1 ขณะนักเรยี นลากเพ่อื นใหเคล่อื นท่ี มีแรงเสียดทานเกิดขึ้นหรือไม ถามี แรงเสียดทานมีทิศทางอยางไร (มีแรงเสียดทาน โดยแรง เสียดทานมที ิศทางตรงกันขามกับทศิ ทางทตี่ ัวเพ่ือนเคลือ่ นท่ีไป) 1.2 แรงเสยี ดทานเกิดขึ้นบรเิ วณใด (ระหวางเทาของนักเรยี นท่ีนัง่ ยอง กับพืน้ ) 1.3 เมื่อนกั เรียนลากเพื่อน แลว เพื่อนยงั ไมเ คลื่อนที่ นกั เรียนคดิ วามี แรงเสียดทานเกิดขึน้ หรอื ไม ถามี คดิ วามีคาเปนเทา ใด (นกั เรยี น ตอบตามความเขาใจ) ครเู ชอื่ มโยงความรเู ดมิ ของนักเรยี นเพอื่ เขาสกู ารทํากิจกรรม โดยครู ชักชวนใหนักเรียนหาคาํ ตอบทถี่ ูกตองจากการทาํ กิจกรรมท่ี 2 2. นกั เรียนอา นชอ่ื กิจกรรม และ ทาํ เปน คดิ เปน โดยรว มกนั อภปิ รายเพื่อ ตรวจสอบความเขาใจจดุ ประสงคใ นการทํากิจกรรม โดยครูใชคําถาม ดังน้ี 2.1 กจิ กรรมน้นี ักเรียนจะไดเรียนรูเรื่องอะไร (แรงเสียดทานที่มีผลตอ การเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนทข่ี องวัตถ)ุ 2.2 นกั เรยี นจะไดเรยี นรูเรอ่ื งน้ีดวยวธิ ใี ด (วัดขนาดของแรงและสังเกต การเปล่ยี นแปลงการเคลือ่ นท่ขี องวัตถ)ุ 2.3 เม่ือเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายแรงเสียดทานท่ีมีผล ตอ การเปลยี่ นแปลงการเคลอื่ นที่ของวัตถุท้ังวัตถุที่อยูน่ิงและวัตถุท่ี เคล่ือนท่ี และเขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงท่ีกระทํา ตอวตั ถุในแนวเดยี วกัน) 3. นักเรยี นบันทกึ จดุ ประสงคลงในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 37 และ อาน ส่งิ ทตี่ อ งใชในการทาํ กจิ กรรม 4. นักเรียนอานทําอยางไร โดยครูใชวิธีฝกอานท่ีเหมาะสมกับ ความสามารถในการอานของนักเรียน จากน้ันครูตรวจสอบความเขาใจ ของนักเรียนเก่ียวกับการทํากิจกรรม ตอนท่ี 1 เพ่ือสรุปลําดับขั้นตอน ตามความเขาใจ โดยครูใชคาํ ถามดังตอ ไปน้ี สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 85 คูมอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 4.1 ขั้นตอนในการเตรียมอุปกรณ ทําไดอยางไร (นําถุงทรายมาวางบน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละ พืน้ โตะ แลว นาํ เครอ่ื งชง่ั สปรงิ มาเกี่ยวท่ีหูของถงุ ทราย) ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ท่ีนักเรยี นจะได 4.2 วิธีวัดแรงทําไดอยางไร (ออกแรงดึงถุงทรายดวยเคร่ืองชั่งสปริงใน ฝก จากการทํากิจกรรม แนวราบ โดยทีถ่ งุ ทรายยังคงอยนู ิ่ง) ตอนท่ี 1 S1 การสังเกตการเคลื่อนที่ของถุงทราย 4.3 นักเรียนตองทํากิจกรรมก่ีครั้ง และแตละคร้ังแตกตางกันอยางไร (ใชแรงดึงถงุ ทรายดวยเครื่องชัง่ สปรงิ ใหมคี าตางกนั 3 ครัง้ ) เมอ่ื ดึงดว ยเครอ่ื งชั่งสปริง S2 การวัดขนาดของแรงที่ใชดึงถุงทราย 4.4 นักเรียนตองรว มกันอภปิ รายในประเด็นใด (มีแรงใดบางกระทําตอ ถุงทรายในแนวราบ ซง่ึ เปน ผลใหถ งุ ทรายยังคงอยูน ่งิ ) ดวยเครื่องช่ังสปริง โดยถุงทรายยังไม เคลื่อนท่ี 4.5 นักเรียนจะนําเสนอผลการอภิปรายดวยวิธีใด (เขียนแผนภาพ S8 การลงความเห็นเกี่ยวกับขนาดและ แสดงแรงที่กระทําตอถุงทรายในแนวราบ) ทิศทางของแรงเสียดทานท่ีเกิดขึ้น ขณะที่ดึงถุงทรายดวยเคร่ืองชั่งสปริง 5. เม่ือนกั เรยี นเขา ใจวิธกี ารทํากิจกรรมในทําอยางไรแลว ครแู จกวสั ดุ แลวถงุ ทรายยังคงอยูน่ิง อปุ กรณ และใหนักเรยี นเรมิ่ ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามข้นั ตอน S14 เขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทําตอ ถุงทรายในแนวราบ 6. หลังจากทํากิจกรรมแลว ครูนําอภิปรายผลการทํากิจกรรม โดยใช C4 การสื่อสารโดยการนําเสนอผลการทํา คําถามดงั น้ี กิจกรรมดวยการพูดและการเขียน 6.1 นักเรียนใชเคร่ืองชั่งสปริงทําอะไรในกิจกรรมนี้ (วัดแรงท่ีใชในการ แผนภาพแสดงแรง ดงึ ถุงทรายในแนวราบ) C5 ความรว มมือในการทําการทํากจิ กรรม 6.2 หนวยของแรงคืออะไร (นวิ ตัน) 6.3 เม่ือออกแรงดึงถุงทรายดวยเคร่ืองชั่งสปริงในแนวราบ มีแรง ห า ก นั ก เ รี ย น อ า จ ต อ บ อะไรบางกระทําตอถุงทรายในแนวราบท่ีเปนผลใหถุงทรายยังคง คําถามหรืออภิปรายไมไดตาม อยูน่ิง (แรงที่ใชดึงถุงทราย และแรงตานการเคลื่อนท่ีของถุงทราย แนวคําตอบ ครูควรใหเวลา หรือแรงเสียดทาน) นั ก เ รี ย น คิ ด อ ย า ง เ ห ม า ะ ส ม 6.4 เม่ือออกแรงดึงถุงทรายดวยเครื่องช่ังสปริงในแนวราบ แลว รอคอยอยางอดทน และรับฟง ถุงทรายยังคงอยูน่ิง ขนาดและทิศทางของแรงที่ใชดึงเทียบกับ แนวความคดิ ของนักเรียน แรงเสียดทานเปนอยางไร เพราะเหตุใด (แรงที่ใชดึงและแรงเสียด ทานมีขนาดเทากัน แตมีทิศทางตรงกันขาม เพราะถุงทรายยังคง อยูน่ิง แรงลัพธมีคาเปนศูนย แรงเสียดทานจึงตองมีขนาดเทากับ แรงท่ีใชด งึ แตมที ศิ ทางตรงกันขา ม) 6.5 เม่ือออกแรงกระทําตอถุงทรายดวยแรงขนาดตางกัน แตถุงทราย ยังไมเคลื่อนที่ แรงเสียดทานมีคาเทาเดิมทุกครั้งหรือไม รูได อยางไร (แรงเสียดทานมีคาเปลี่ยนไปไดหลายคา รูไดจากแรงท่ีใช ดึงถุงทรายมีคาเปลี่ยนไป เม่ือถุงทรายยังไมเคล่ือนที่ แสดงวา แรงเสียดทานมีคา เปล่ียนไปดว ย) สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 86 6.6 เขยี นแผนภาพแสดงแรงที่กระทําตอถุงทรายในแนวราบไดอยางไร ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและ (ใชล ูกศรแสดงขนาดและทศิ ทางของแรงที่ดึงถุงทรายดวยเครื่องช่ัง ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ท่นี กั เรียนจะได สปริง และแรงเสียดทานซ่ึงมีทิศทางตรงกันขาม แตมีขนาดเทากัน โดยลูกศรแสดงแรงเสียดทานจะอยรู ะหวางผิวสัมผัสของพ้ืนโตะกับ ฝก จากการทํากจิ กรรม ถงุ ทราย) ในขั้นตอนนี้ครูอาจใหนักเรียนออกมาเขียนแผนภาพบนกระดาน ตอนที่ 2 S1 การสังเกตการเปล่ียนแปลงการ ครตู รวจสอบความถกู ตอ งเกยี่ วกบั ขนาดและทิศทางของแรงในแผนภาพ 7. นักเรียนอานทําอยางไร ตอนที่ 2 แลวรวมกันอภิปรายเพ่ือสรุปลําดับ เคลอื่ นที่ของถุงทรายที่กําลังเคล่ือนท่ี ไปบนพน้ื ข้ันตอนการทํากิจกรรมตามความเขา ใจ โดยครูใชคําถามดังตอไปน้ี S8 การลงความเห็นเก่ียวกับทิศทางของ 7.1 นักเรียนตองทําอะไรในกิจกรรมน้ี (ผลักถุงทรายใหเคลื่อนที่ไปบน แรงเสียดทานท่ีกระทําตอถุงทรายที่ กาํ ลงั เคลอื่ นท่ีไปบนพ้นื พื้นโตะ ) S14 เขียนแผนภาพแสดงแรงที่ทําให 7.2 หลังจากผลักถุงทรายแลว นักเรียนตองทําอะไร (สังเกตการ ถุงทรายที่กาํ ลงั เคลื่อนที่มีการเปลี่ยน เปล่ยี นแปลงการเคล่ือนทข่ี องถงุ ทราย บนั ทึกผล) 7.3 นกั เรียนตองรวมกันอภปิ รายในประเดน็ ใด (อภิปรายเกี่ยวกับแรงท่ี แปลงการเคลอ่ื นท่ี ทาํ ใหถุงทรายท่ีกาํ ลงั เคล่ือนทีเ่ ปลย่ี นแปลงการเคลื่อนท)่ี C4 การส่ือสารดวยการนําเสนอผล 7.4 นักเรียนจะนําเสนอผลการอภิปรายดวยวิธีใด (เขียนแผนภาพ ก า ร ทํ า กิ จ ก ร ร ม ด ว ย ก า ร พู ด แ ล ะ การเขยี นแผนภาพแสดงแรง แสดงแรงทที่ าํ ใหถ ุงทรายเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนที่) 8. เมื่อนกั เรยี นเขา ใจวิธกี ารทํากจิ กรรมตอนที่ 2 ในทาํ อยางไร หลงั จาก C5 ความรวมมือในการทํากจิ กรรม ทํากจิ กรรมแลว ครูนาํ อภปิ รายผลการทาํ กิจกรรม โดยใชคาํ ถามดังน้ี 8.1 เม่ือผลักถุงทรายใหเคลื่อนท่ี ถุงทรายมีการเปล่ียนแปลงการ เคลื่อนที่หรือไม อยางไร (ถุงทรายมีการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ี โดยถงุ ทรายทกี่ ําลังเคล่ือนที่จะเคลือ่ นทช่ี าลง ๆ จนหยดุ นง่ิ ) 8.2 เพราะเหตุใดถุงทรายจึงเคล่ือนที่ชาลง ๆ จนหยุดนิ่ง (เพราะมีแรง เสียดทานมากระทําตอถุงทรายในทิศทางตรงกันขามกับทิศทาง การเคลอ่ื นที่ของถงุ ทราย) 8.3 เขียนแผนภาพแสดงแรงที่ทําใหถุงทรายท่ีกําลังเคลื่อนท่ีมีการ เปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่ไดอยางไร (ใชลูกศรแสดงขนาดและ ทิศทางของแรงเสียดทานท่ีกระทําตอถุงทราย โดยแรงเสียดทานมี ทิศทางตรงกันขามกับทิศทางการเคลื่อนท่ีของถุงทราย และลูกศร แสดงแรงเสียดทานจะอยูบริเวณผิวสัมผัสระหวางพื้นโตะกับ ถงุ ทราย) สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 87 คมู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน ในข้ันตอนนี้ครูอาจใหนักเรียนออกมาเขียนแผนภาพแสดงแรงที่ กระทําตอวัตถุบนกระดาน ครูตรวจสอบความถูกตองเกี่ยวกับขนาด และทศิ ทางของแรงในแผนภาพ 9. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปกิจกรรมท้ัง 2 ตอนวา เมื่อออกแรงกระทําตอวัตถุแลววัตถุยังไมเคลื่อนที่ จะเกิดแรงเสียด ทานตานการเคลือ่ นทข่ี องวตั ถุ คาของแรงเสยี ดทานจะมีคาเทากับแรง ท่ีใชดึง ดังน้ันในขณะท่ีวัตถุยังไมเคลื่อนที่ แรงเสียดทานจึงมีไดหลาย คา และเมื่อวัตถุกําลังเคลื่อนที่ แรงเสียดทานจะมีผลใหวัตถุนั้น เคล่ือนท่ีชา ลงจนหยุดน่ิง (S13) 10. ครูชักชวนอภิปรายสถานการณในชีวิตประจําวันโดยอาจใชรูปภาพ หรือวีดิทศั น เชน การใชเบรกของรถยนต จักรยานยนต หรือจักรยาน การไถลของรถเขน็ หรือวัตถุอน่ื ๆ ไปบนพืน้ จากนน้ั ใหน ักเรียนอธิบาย วา สถานการณดังกลา วเกีย่ วของกับแรงเสยี ดทานหรอื ไม อยา งไร 11. จากสถานการณท่ใี ชนําเขาสูบทเรียน ครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย เกี่ยวกับสถานการณดังกลาว โดยถามนักเรียนวาเมื่อออกแรงลาก เพ่ือน เพ่อื ใหเ พอื่ นเคลอื่ นท่ี - ถาเพ่ือนไมเคล่ือนท่ี นักเรียนคิดวามีแรงเสียดทานเกิดข้ึนหรือไม ถามี คิดวามีคาเทาใด (มีแรงเสียดทานเกิดข้ึน โดยแรงเสียดทาน จะมีคา เทากับแรงท่ลี ากเพื่อน) - ถาเพ่ือนเคลื่อนท่ี จะมีแรงเสียดทานเกิดข้ึนหรือไม เพราะเหตุใด (มีแรงเสียดทานเกิดข้ึน เพราะแรงเสียดทานเกิดขึ้นเมื่อวัตถุ เคล่ือนทไี่ ปบนผิวสัมผัส) 12. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายวิธีการเขียนแผนภาพแสดง แรงเสียดทานและแรงที่กระทําตอวัตถุในแนวเดียวกันและลงขอสรุป วาสามารถเขียนแผนภาพดวยการใชลูกศร โดยหัวลูกศรแสดงทิศทาง และความยาวของลูกศรแสดงขนาดของแรง (S13) 13. ครูนําภาพคนปน ตนไมมาใหน ักเรียนวิเคราะหอกี คร้งั วามีแรงอะไรบาง กระทําตอคนในภาพ (มีแรงดึงดูดของโลกกระทําในทิศทางลงสูพื้น โลก และมีแรงเสียดทานในทิศทางขึ้นเพ่ือตานการเคล่ือนที่ของคน ไมใหตกลงมาสูพื้น โดยแรงเสียดทานเกิดบริเวณผิวสัมผัสระหวางมือ เทา ลาํ ตัว กบั ตน ไม) 14. นักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ือตอบคําถามในฉันรูอะไร โดยครูอาจใช คาํ ถามเพมิ่ เติมในการอภิปรายเพ่ือใหไดแนวคาํ ตอบทถี่ ูกตอ ง สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คมู ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 88 15. นักเรียนรวมกันสรุปสิ่งท่ีไดเรียนรูในกิจกรรมน้ี จากน้ันนักเรียนอาน สิง่ ที่ไดเรยี นรู และเปรยี บเทียบกบั ขอ สรปุ ของตนเอง 16. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกตั้งคําถามเก่ียวกับเร่ืองท่ีสงสัยหรืออยากรู เพิม่ เติมใน อยากรูอ กี วา จากนัน้ ครูอาจสมุ นักเรยี น 2 -3 คน นําเสนอ คําถามของตนเองหนาช้ันเรียน และใหนักเรียนรวมกันอภิปราย เกีย่ วกบั คําถามท่นี ําเสนอ 17. ครนู าํ อภิปรายเพ่ือใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษที่ 21 อะไรบางและในขั้นตอน ใดบา ง 18. นักเรียนรวมกันอานเกร็ดนารู ซึ่งเปนเร่ืองเกี่ยวกับการออกแบบ รองเทาที่ใชเลนกีฬาใหเหมาะสมกับการใชงานตามประเภทของกีฬา น้ัน ๆ โดยพ้ืนรองเทาอาจมีรอยหยักเพื่อเพ่ิมแรงเสียดทานใหยึดเกาะ พืน้ ไดด ขี น้ึ 19. นักเรียนรวมกันอานรูอะไรในเร่ืองน้ี ในหนังสือเรียน หนา 42 ครูนํา อภปิ รายเพื่อนาํ ไปสูขอสรุปเก่ียวกับสิ่งท่ีไดเรียนรูในเรื่องน้ี จากน้ันครู กระตุนใหนักเรียนตอบคําถามในชวงทายของเน้ือเร่ือง ดังน้ี “การทํา กิจกรรมหลายอยางในชีวิตประจําวันของเราเกี่ยวของกับแรงเสียด ทาน ยกตัวอยางเชน การเดิน การเลนกระดานล่ืน การยกสิ่งของ ลองคิดดูสิวา กิจกรรมใดบางท่ีตองใชแรงเสียดทานและกิจกรรม ใดบางท่ีไมตองใชแรงเสียดทาน” นักเรียนตอบคําถามตามความคิด ของตนเอง เชน การเดินและการยกส่ิงของตองอาศัย แรงเสียดทาน แตการเลนกระดานล่ืนไมตองอาศัยแรงเสียดทาน นอกจากนี้ครูอาจ ต้ังคําถามเพื่อเชื่อมโยงไปยังบทตอไป โดยอาจใชคําถามวา นอกจาก แรงเสียดทานจะตานการเคลื่อนที่ของวัตถุแลว ยังทําใหวัตถุเกิดการ ส่ันและเกิดเสียงไดอีกดวย เชน เสียงจากไวโอลินเกิดจากแรงเสียด ทานระหวางคันชักกับสายไวโอลินทําใหสายไวโอลินเกิดการสั่นและ เกดิ เสยี ง ลองคิดดูสวิ ารอบ ๆ ตัวเรา ยังมีอะไรอีกบางที่สามารถทําให เกิดเสียง และเสียงตาง ๆ มีลักษณะอยางไร โดยนักเรียนจะหา คาํ ตอบไดจ ากการเรยี นในบทตอไป สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 89 คมู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน ความรเู พ่ิมเตมิ สําหรบั ครู เม่อื เตะลูกบอลไปบนพืน้ ขณะทล่ี กู บอลสมั ผสั กบั เทาจะมีแรงท่ีเทากระทําตอ ลูกบอล ทาํ ใหลูกบอลเปลย่ี นแปลงการ เคลอ่ื นทจี่ ากอยนู ่ิงเปนเคล่ือนที่ แตเมื่อลูกบอลหลดุ จากเทา ออกไปแลว จะไมมแี รงที่เทา กระทาํ ตอลกู บอลอีก แตล กู บอลจะ เคล่ือนที่ออกไปไดดวยความเร็ว ดังนนั้ เมอื่ เขยี นแผนภาพแสดงแรงทกี่ ระทําตอลูกบอลท่ีกําลงั เคล่อื นที่ไปบนพ้ืน จะมีแรงใน แนวราบเพยี งแรงเดยี วทีก่ ระทาํ ตอ ลูกบอล นน่ั คือแรงเสยี ดทานในทิศทางตรงกันขามกบั ทศิ ทางการเคลื่อนที่ของลูกบอล จงึ ทาํ ใหล ูกบอลเคล่อื นทชี่ าลงจนหยุดนิง่ บนพนื้ ดังน้นั ถา เตะลกู บอลไปบนพน้ื ทไี่ มมแี รงเสียดทานเลย ลูกบอลจะเคล่ือนที่ไปดวยความเร็วเทาเดิมไปเร่ือย ๆ เพราะ ไมม แี รงเสยี ดทานมากระทาํ ตอลกู บอล ลูกบอลจึงไมเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ ทิศทางการเคลื่อนท่ขี องลูกบอล แรงเสียดทาน สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คูมือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 90 แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม 1. สงั เกตและอธบิ ายแรงเสียดทานทีม่ ีผลตอ การเปลยี่ นแปลงการเคลอ่ื นท่ขี องวัตถุ 2. เขียนแผนภาพแสดงแรงเสยี ดทานและแรงท่กี ระทําตอวตั ถใุ นแนวเดยี วกัน บนั ทกึ ผลตามผลการสงั เกตของนกั เรยี น แรงที่ใชดงึ ถงุ ทรายดวยเครอื่ งชง่ั สปริงและแรงเสียดทาน สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 91 คูมอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน แรงทใี่ ชดงึ ถุงทราย แรงเสยี ดทาน สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คูมือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 92 1. สังเกตและอธิบายแรงเสยี ดทานทม่ี ผี ลตอการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนทข่ี องวัตถุ 2. เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงท่กี ระทําตอวัตถใุ นแนวเดยี วกนั ถงุ ทรายเคล่อื นท่ีชา ลงจนหยุดนงิ่ ทศิ ทางของถุงทรายที่กาํ ลงั เคลอื่ นท่ี แรงเสียดทาน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 93 คูมอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน แรงลพั ธท ี่กระทาํ ตอถุงทรายมคี าเทา กบั ศนู ย ทั้งสามคร้งั มี เพราะ เม่ือออกแรงดึงถุงทรายแลวถุงทรายยังคงอยนู งิ่ แสดงวามแี รงเสียดทาน กระทาํ ในทิศทางตรงกันขา มเพ่อื ตา นการเคลือ่ นท่ขี องถงุ ทราย แรงเสียดทานเกิดขนึ้ ระหวางผิวสัมผัสของพื้นโตะและถุงทราย มีขนาด เทากบั แรงท่ใี ชดงึ ถงุ ทรายดวยเครอื่ งชั่งสปริงและมที ศิ ทางตรงกันขา มกับ แรงทใ่ี ชด งึ เม่ือมแี รงมากระทําแลว ถุงทรายยังคงอยนู ่งิ จะเกดิ แรงเสียดทานระหวาง ผวิ ของถุงทรายกับพน้ื โตะ ในทศิ ทางตรงกนั ขา มกบั ทิศทางของแรงท่ใี ช ดงึ ถุงทรายเพื่อตานการเคลอื่ นทขี่ องถงุ ทราย โดยแรงเสียดทานขณะท่ี วัตถยุ ังไมเคลอื่ นท่ีมีไดห ลายคา สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 94 มแี รงเสยี ดทานกระทําตอถุงทราย เพราะถงุ ทรายมีการเปลย่ี นแปลงการ เคลอื่ นที่ โดยเคลือ่ นท่ีชาลงจนหยุดนง่ิ แรงเสียดทานเกิดข้นึ ระหวา งผวิ สัมผัสของถุงทรายกับพืน้ โตะ มที ิศทาง ตรงกนั ขามกับทิศทางการเคล่อื นท่ีของถุงทราย เม่อื ถุงทรายเคล่ือนที่ไปบนพ้ืนโตะ จะมแี รงเสยี ดทานเกดิ ข้ึนระหวาง ผวิ สัมผัสของถุงทรายกับพื้นโตะ ในทศิ ทางตรงกนั ขา มกับทศิ ทางการ เคลอ่ื นท่ขี องถงุ ทราย เพื่อตานการเคลื่อนท่ขี องถุงทรายทําใหถงุ ทราย เคล่อื นท่ีชา ลงจนหยดุ น่ิง เมอ่ื ออกแรงกระทําตอ วตั ถุแลว วตั ถุยงั ไมเ คล่ือนท่ี จะเกดิ แรงเสียดทานตานการ เคลื่อนทีข่ องวตั ถุ คา ของแรงเสยี ดทานจะมคี าเทากบั แรงท่ใี ชดงึ ดังน้นั ในขณะที่ วตั ถยุ ังไมเคลอื่ นท่ี แรงเสียดทานจงึ มไี ดหลายคา และเม่ือวตั ถกุ ําลังเคล่อื นที่ แรงเสยี ดทานจะมีผลใหว ตั ถุนั้นเคลอ่ื นทีช่ าลงจนหยุดนิ่ง สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 95 คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน คาํ ถามของนักเรียนทต่ี ้ังตามความอยากรูข องตนเอง สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี คมู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 96 แนวการประเมินการเรียนรู การประเมินการเรียนรขู องนกั เรียนทาํ ได ดงั นี้ 1. ประเมนิ ความรูเดิมจากการอภปิ รายในช้ันเรียน 2. ประเมนิ การเรียนรจู ากคาํ ตอบของนักเรียนระหวา งการจัดการเรยี นรูแ ละจากแบบบันทึกกิจกรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ ละทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 จากการทาํ กิจกรรมของนกั เรยี น การประเมินจากการทาํ กิจกรรมที่ 2 แรงเสียดทานมีผลตอ วตั ถอุ ยางไร ระดับคะแนน 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช รหสั ส่งิ ทปี่ ระเมิน ระดบั คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสงั เกต S2 การวดั S8 การลงความเหน็ จากขอ มลู S13 การตีความหมายขอ มลู และลงขอ สรุป S14 การสรางแบบจําลอง ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การสื่อสาร C5 ความรว มมือ รวมคะแนน สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 97 คูมอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน ตาราง แสดงการวิเคราะหท ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรตามระดับความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเกณฑการประเมนิ ดังนี้ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรงุ (1) S1 การสงั เกต บรรยายรา ย ล ะ เ อี ย ด ส า ม า ร ถ ใ ช ป ร ะ ส า ท สามารถใชประสาทสัมผัส สามารถใชประสาทสัมผัส เก่ียวกับการเปล่ียนแปลง สัมผัสเก็บรายละเอียด เก็ บรายละเอี ยดของ เก็บรายละเอียดของขอมูล การเคลื่อนที่ของถุงทราย ของขอมูลเก่ียวกับการ ข อ มู ล เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร เก่ียวกับการเคลื่อนที่ของ เมื่อใชเคร่ืองชั่งสปริงดึง เคลอ่ื นทข่ี องถุงทรายเมื่อ เคลื่อนที่ของถุงทรายเม่ือ ถุงทรายเม่ือใชเครื่องชั่ง และเมื่อถูกผลักใหออก ใชเคร่ืองช่ังสปริงดึงและ ใชเคร่ืองชั่งสปริงดึง และ สปริงดึงและเมื่อถูกผลักให จากมือไปบนพน้ื เม่ือถูกผลักใหออกจาก เมอ่ื ถูกผลักใหออกจากมือ ออกจากมือไปบนพื้นได มื อ ไ ป บ น พื้ น ไ ด ด ว ย ไปบนพ้นื ไดจากการชี้แนะ เพียงบางสวน แมวาจะได ตนเอง โดยไมเพ่ิมเติม ของครูหรือผูอ่ืนหรือมี รับคําช้ีแนะจากครูหรือ ความคดิ เหน็ การเพม่ิ เติมความคิดเหน็ ผูอื่น S2 การวัด -ใชเครื่องชั่งสปริงวัด สามารถใชเคร่ืองช่ังสปริง สามารถใชเคร่ืองชั่งสปริง สามารถใชเคร่ืองชั่งสปริง ขนาดของแรงที่ใชดึงถุง วัดขนาดของแรงที่ใชดึง วัดขนาดของแรงที่ใชดึง วัดขนาดของแรงไดถูกตอง ทราย ถุงทรายและระบุหนวย ถุงทรายและระบุหนวย เพี ยงบางส วน แต ระบุ -ระบุหนว ยของแรง ของแรงไดถูกตองดวย ของแรงไดถูกตอง จาก หนวยของแรงไมได แมวา ตนเอง การชี้แนะของครูหรือ จะไดรับคําชี้แนะจากครู ผูอ น่ื หรอื ผอู ่นื S8 ก า ร ล ง ค ว า ม ลงความเห็นจากขอมูลได สามารถลงความเห็น สามารถลงความเห็น สามารถลงความเห็นจาก เหน็ จากขอมลู วามีแรงเสียดทานกระทํา จากขอมูลไดวามีแรง จากขอมูลไดวามีแรง ขอมูลไดวามีแรงเสียดทาน ตอถุงทรายจากการวัด เสียดทานกระทําตอถุง เสียดทานกระทําตอถุง กระทําตอถุงทรายจากการ ขนาดของแรงที่ใชดึงถุง ทรายจากการวัดขนาด ทรายจากการวัดขนาด วัดขนาดของแรงท่ีใชดึงถุง ทรายและการสังเกตการ ของแรงท่ีใชดึงถุงทราย ของแรงท่ีใชดึงถุงทราย ทรายและการสังเกตการ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ก า ร และการสั งเกตการ และการสั งเกตการ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ เคล่ือนที่ของถุงทรายเมื่อ เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ก า ร ของถุงทรายเมื่อผลักถุง ผลักถุงทรายออกไปจาก เคล่ือนที่ของถุงทราย เคล่ือนท่ีของถุงทราย ทรายออกไปจากมือ แตไม มือ เม่ือผลักถุงทรายออกไป เม่ือผลักถุงทรายออกไป สามารถบอกเหตุผลได จากมือ เนื่องจากแรง จากมือ เนื่องจากแรง แมวาจะไดรับการช้ีแนะ เสียดทานจะมีทิศทาง เสียดทานจะมีทิศทาง จากครหู รือผอู ื่น ตรงกันขามกับทิศทาง ตรงกันขามกับทิศทาง ของการเคลื่อนท่ีของถุง ของการเคลื่อนที่ของถุง ท ร า ย เ มื่ อ มี แ ร ง ม า ท ร า ย เ มื่ อ มี แ ร ง ม า สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน 98 ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรงุ (1) กระทาํ ไดต วยตนเอง กระทําจากการชี้แนะ ของครหู รอื ผูอืน่ S13 การตีความ ตีความหมายขอมูลจาก สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมายขอมูล หมายขอมูลและลง การวัดขนาดของแรงท่ี ขอมูลจากการวัดขนาด ขอมูลจากการวัดขนาด จากการวัดขนาดของแรงท่ี ขอสรุป ใชดึงถุงทรายแลวถุง ของแรงท่ีใชดึงถุงทราย ของแรงที่ใชดึงถุงทราย ใชดึงถุงทรายแลวถุงทราย ทรายยังไมเคลื่อนท่ี โดย แ ล ว ถุ ง ท ร า ย ยั ง ไ ม แ ล ว ถุ ง ท ร า ย ยั ง ไ ม ยังไมเคลื่อนท่ี โดยเปล่ียน เปลยี่ นคาของแรงท่ีใชดึง เคลื่อนท่ี โดยเปลี่ยนคา เคลื่อนที่ โดยเปล่ียนคา คาของแรงที่ใชดึงและจาก และจากการสังเกตการ ของแรงท่ีใชดึง และจาก ของแรงท่ีใชดึง และจาก การสังเกตการเคล่ือนที่ เคล่ือนท่ีของถุงทราย การสังเกตการเคล่ือนท่ี การสังเกตการเคล่ือนที่ ของถุ งทรายจนแต ลง เม่อื ถกู ผลักไปบนพื้น จน ของถุงทราย และลง ของถุ งทราย และลง ข อสรุ ปได ไม ครบถ วน ลงขอสรุปไดวาเมื่อออก ขอสรุปไดวาเม่ือออกแรง ขอสรุปไดวาเมื่อออกแรง แมวา จะไดรับคําช้ีแนะจาก แรงกระทําตอวัตถุแลว กระทําตอวัตถุแลววัตถุ กระทาํ ตอวัตถุแลววัตถุยัง ครูหรือผูอ น่ื วัตถุยังไมเคล่ือนที่ จะมี ยังไมเคล่ือนท่ี จะมีแรง ไมเคลื่อนที่ จะมีแรงเสียด แรงเสียดทานตานการ เ สี ย ด ท า น ต า น ก า ร ทานตานการเคล่ือนท่ีของ เคล่ือนท่ีของวัตถุและ เคล่ือนท่ีของวัตถุและ วัตถุและเม่ือวัตถุกําลัง เม่ือวัตถุกําลังเคลื่อนที่ เมื่อวัตถกุ ําลังเคล่ือนท่ีจะ เคลื่อนที่จะมีแรงเสียด จะมีแรงเสียดทานตาน มีแรงเสียดทานตานการ ทานตานการเคลื่อนท่ีทํา การเคลื่อนท่ีทําใหวัตถุ เ ค ล่ื อ น ท่ี ทํ า ใ ห วั ต ถุ ใหวัตถุเคลื่อนที่ชาลงจน เคลอ่ื นท่ชี าลงจนหยดุ นง่ิ เคลื่อนท่ีชาลงจนหยุดน่ิง หยุดนิ่ง ไดจากการชี้แนะ ไดด วยตนเอง ของครูหรือผอู ื่น S14 การสรางแบบ สรางแบบจําลองการ สามารถสรางแบบจําลอง สามารถสรางแบบจําลอง สามารถสรางแบบจําลอง จําลอง เขียนแผนภาพแสดงแรง การเขียนแผนภาพแสดง การเขียนแผนภาพแสดง การเขียนแผนภาพแสดง ในแนวราบท่ีกระทําตอ แรงในแนวราบท่ีกระทํา แรงในแนวราบท่ีกระทํา แรงในแนวราบที่กระทําตอ ถุ ง ท ร าย เ มื่ อดึ ง ด ว ย ตอถุงทรายเม่ือดึงดวย ตอถุงทรายเมื่อดึงดวย ถุงทรายเมื่อดึงดวยเคร่ือง เครื่องช่ังสปริงแลวถุง เครื่องช่ังสปริงแลวถุง เครื่องช่ังสปริงแลวถุง ชั่งสปริงแลวถุงทรายยังไม ทรายยังไมเคล่ือนท่ี และ ทรายยังไมเคล่ือนที่ และ ทรายยังไมเคลื่อนที่ และ เคล่ือนท่ีและเม่ือผลักถุง เม่ือผลักถุงทรายไปบน เมื่อผลักถุงทรายไปบน เม่ือผลักถุงทรายไปบน ทรายไปบนพื้นโดยใชลูกศร พ้ืนโดยใชลูกศรแสดง พ้ืนโดยใชลูกศรแสดง พื้นโดยใชลูกศรแสดง แสดงขนาดและทิศทางของ ขนาดและทิศทางของ ขนาดและทิศทางของแรง ขนาดและทิศทางของแรง แรงไดถูกตองบางสวน แรง ไดถ กู ตองดว ยตนเอง ไดถูกตองจากการชี้แนะ แมวาจะไดรับการช้ีแนะ ของครหู รือผูอ่ืน จากครหู รอื ผอู น่ื สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 99 คูมือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน ตาราง แสดงการวิเคราะหท ักษะแหง ศตวรรษที่ 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใชเ กณฑการประเมนิ ดงั นี้ ทักษะแหง รายการประเมิน ระดับความสามารถ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรุง (1) C4 การสอ่ื สาร นําเสนอขอมูลจาก สามารถนําเสนอขอ มูล สามารถนําเสนอขอมูล สามารถนาํ เสนอขอ มูล การสังเกตและ จากการสงั เกตและ จากการสงั เกตและ จากการสังเกตและ อภปิ รายเกีย่ วกับแรง อภปิ รายเกย่ี วกบั แรงเสยี ด อภปิ รายเกีย่ วกบั แรง อภปิ รายเกี่ยวกบั แรง เสยี ดทานทก่ี ระทาํ ตอ ทานทีก่ ระทาํ ตอถุงทราย เสียดทานท่ีกระทําตอถุง เสยี ดทานท่กี ระทําตอถุง ถงุ ทราย โดยการพูด โดยการพดู และเขยี น ทราย โดยการพูดและ ทราย โดยการพูดและ และเขียนแผนภาพ แผนภาพเพ่ือใหผอู น่ื เขียนแผนภาพเพ่อื ให เขยี นแผนภาพเพอ่ื ให เพ่อื ใหผ ูอืน่ เขาใจ เขาใจไดดวยตนเอง ผูอื่นเขา ใจไดโดยอาศัย ผูอ่ืนเขาใจเพยี งได การช้ีแนะจากครหู รือ บางสว น แมวา จะได ผอู ื่น รับคาํ ช้แี นะจากครูหรือ ผอู น่ื C5 ความรว ม ทํางานรว มกบั ผูอืน่ ใน ทาํ งานรวมกบั ผูอ่นื ในการ ทาํ งานรว มกับผูอน่ื ใน ทํางานรวมกบั ผูอื่นใน มอื การสงั เกตการ สงั เกตการเคลอื่ นท่ีของถุง การ การสังเกตการ การสงั เกตการเคลื่อนท่ี เคล่ือนท่ีของถุงทราย ทรายและวดั ขนาดของ เคล่ือนที่ของถงุ ทราย ของถงุ ทรายและวัด และวัดขนาดของแรง แรงดว ยเคร่อื งชง่ั สปรงิ และวดั ขนาดของแรง ขนาดของแรงดว ย ดวยเครื่องช่ังสปริง รวมท้ังยอมรบั ความ ดว ยเคร่อื งชง่ั สปรงิ เคร่ืองช่งั สปรงิ รวมทง้ั รวมทั้งยอมรับความ คิดเห็นของผอู ่ืนตั้งแต รวมท้งั ยอมรบั ความ ยอมรบั ความคิดเหน็ คดิ เห็นของผูอนื่ เรมิ่ ตน จนสาํ เร็จ คดิ เหน็ ของผอู ืน่ บาง ของผูอ่นื ในบางชว งเวลา ชวงเวลาทที่ าํ กจิ กรรม ที่ทํากจิ กรรม แตไมค อย สนใจในความคิดเหน็ ของผูอน่ื สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 100 กจิ กรรมทายบทที่ 1 แรงลัพธแ ละแรงเสียดทาน (0.5 ช่วั โมง) 1. นักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปส่ิงที่ไดเรียนรูจากบทนี้ ในแบบบันทึก กิจกรรม หนา 43 2. นกั เรยี นตรวจสอบการสรุปส่ิงท่ีไดเรียนรูของตนเองโดยเปรียบเทียบกับ ผงั มโนทัศนในหัวขอ รอู ะไรในบทน้ี ในหนังสือเรียน หนา 43 3. นักเรียนกลับไปตรวจคําตอบของตนเองในสํารวจความรูกอนเรียน ใน แบบบันทึกกิจกรรม หนา 24-26 อีกคร้ัง หากคําตอบของนักเรียนไม ถูกตองใหขีดเสนทับขอความเหลาน้ัน แลวแกไขใหถูกตอง หรืออาจ แกไขคําตอบดวยปากกาที่มีสีตางจากเดิม นอกจากนี้ครูอาจนํา สถานการณ (หรือคําถาม) ในรูปนําบทในหนังสือเรียน หนา 26 มารวม อภิปรายกับนักเรียนอีกครั้ง ดังน้ี “การเลนชักเยอมีแรงใดมาเก่ียวของ บาง” ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายแนวทางการตอบคําถาม เชน การเลนชักเยอมีแรงท่ีผูเลนแตละฝายออกแรงดึงเพื่อใหเชือกเคล่ือนท่ี ไปในเขตแดนของตน นอกจากนีย้ ังมีแรงเสียดทานที่เกิดระหวางมือของ ผูเลนแตละคนกับเชือกบริเวณท่ีมือสัมผัส รวมทั้งเกิดแรงเสียดทานท่ี เทาของผูเลนแตละคนกับพ้ืน ในกรณีท่ีดึงเชือกแลวเชือกยังอยูน่ิง นั่น แสดงวาผูเลนท้ังสองฝายออกแรงดึงเชือกดวยแรงเทา ๆ กัน โดยมีแรง ลพั ธเ ปนศนู ย เชือกจึงอยนู ่ิง นักเรียนอาจมีคําตอบที่แตกตางจากน้ี ครูควรเนนใหนักเรียนตอบ คาํ ถามพรอ มอธิบายเหตุผลประกอบ 4. นักเรียนทํา แบบฝกหัดทายบทที่ 1 ครูสุมนักเรียน 2-3 คน นําเสนอ คําตอบหนาช้ันเรียน ถาคําตอบยังไมถูกตอง ครูนําอภิปรายหรือให สถานการณเ พมิ่ เติมเพื่อแกไขแนวคิดคลาดเคลื่อนใหถ ูกตอง 5. นักเรียนรวมกันทํากิจกรรม รวมคิด รวมทํา เพ่ือออกแบบและทํา โมบายประดับบานท่สี ามารถหอยกระถางตนไมท มี่ ีน้ําหนักมากได โดยท่ี เสนเชือกไมขาด สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 101 คมู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน สรปุ ผลการเรียนรขู องตนเอง รูปหรือขอความสรปุ ส่ิงท่ไี ดเ รยี นรจู ากบทนต้ี ามความเขาใจของนักเรยี น สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คมู ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน 102 แนวคําตอบในแบบฝกหดั ทา ยบท มีแรงเสียดทานเกิดระหวางมือของผูเลนแตละคนกับเชือก และเกดิ ขนึ้ บรเิ วณเทา ของผูเลน แตละคนกับพืน้ แรงเสียดทานทีเ่ ชือกกระทาํ ตอมอื แรงเสยี ดทานทพ่ี นื้ กระทาํ ตอ เทา สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 103 คูม ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 30 นิวตัน ไปทางดา นซายมอื ค 50 นิวตัน 40 นวิ ตนั ก ง 30 นิวตนั 40 นิวตัน ข สะพานขึงตอ งใชส ายเคเบลิ ขนาดใหญ จาํ นวนมากเพื่อชวยรับนํา้ หนกั ของ สะพาน โดยแรงลพั ธท ี่กระทาํ ตอสะพาน มีคาเทา กบั ศูนย สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 104 แรงทใ่ี ชเ ข็นรถยนต ใหเคลอื่ นท่ี แรงเสยี ดทาน แรงเสยี ดทาน 0 นิวตัน รถยนตไมเ คลือ่ นที่ แรงเสยี ดทานทเี่ กิดระหวางลอรถยนตกบั พน้ื มีขนาดเทา กบั แรงท่ใี ชในการเขน็ รถยนตใ หเ คล่ือนที่ แตม ี ทิศทางตรงกนั ขา ม สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 105 คูมอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน บทที่ 2 เสยี ง บทนมี้ ีอะไร จุดประสงคการเรยี นรปู ระจําบท เรื่องท่ี 1 เสยี งกบั การไดยนิ กจิ กรรมท่ี 1.1 เสียงเคล่อื นที่ไดอยา งไร เมอ่ื เรียนจบบทน้ี นักเรียนสามารถ กิจกรรมที่ 1.2 เสยี งสูง เสยี งตํา่ เกิดไดอยา งไร 1. อธิบายการเคลื่อนที่ของเสียงจากแหลงกาํ เนิดเสียง จนถงึ หูผฟู ง กิจกรรมที่ 1.3 เสียงดงั เสียงคอย ขนึ้ อยูกบั อะไร 2. อธบิ ายการเกิดเสยี งสงู เสยี งต่ํา กิจกรรมท่ี 1.4 มลพษิ ทางเสยี งเปนอยา งไร 3. อธบิ ายการเกดิ เสยี งดัง เสยี งคอย 4. วัดระดบั เสียงโดยใชเครอ่ื งมอื วัดระดับเสียง 5. เสนอแนะแนวทางในการหลีกเล่ยี งและลดมลพิษ ทางเสียง เวลา 11 ชั่วโมง แนวคดิ สาํ คญั เ สี ย ง เ ป น พ ลั ง ง า น ท่ี เ กิ ด จ า ก ก า ร สั่ น ข อ ง แหลงกําเนิดเสียง เสียงเคลื่อนท่ีจากแหลงกําเนิดเสียง โดยอาศัยตวั กลางจนถึงหูผูฟง เสียงที่ไดยินมีทั้งเสียงสูง เสียงตํ่า เสียงดัง เสียงคอย โดยเสียงสูง เสียงตํ่าขึ้นกับ ความถ่ีในการสั่นของแหลงกําเนิดเสียง สวนเสียงดัง เสียงคอ ยข้นึ กับพลังงานในการสั่นของแหลงกาํ เนิดเสียง และระยะหางจากแหลงกําเนิดเสียงถึงหูผูฟง ความดัง ของเสียงวัดไดดวยเคร่ืองมือวัดระดับเสียง มีหนวยเปน เดซเิ บล เสียงดงั มาก ๆ ท่ีเปนอนั ตรายตอการไดยินและ เสียงตาง ๆ ที่กอใหเกิดความรําคาญ จัดเปนมลพิษทาง เสียง ส่อื การเรียนรแู ละแหลง เรียนรู 1. หนงั สอื เรียน ป.5 เลม 1 หนา 47-73 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.5 เลม 1 หนา 49-79 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คมู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน 106 ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรและทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 รหัส ทักษะ 1.1 กิจกรรมที่ 1.4 ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร 1.2 1.3 S1 การสงั เกต S2 การวดั S3 การใชจ ํานวน S4 การจําแนกประเภท S5 การหาความสัมพนั ธร ะหวา ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา S6 การจัดกระทาํ และส่ือความหมายขอ มลู S7 การพยากรณ S8 การลงความเหน็ จากขอมลู S9 การตั้งสมมตฐิ าน S10 การกาํ หนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั กิ าร S11 การกาํ หนดและควบคุมตัวแปร S12 การทดลอง S13 การตีความหมายขอมูลและลงขอสรปุ S14 การสรางแบบจําลอง ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 C1 การสรางสรรค C2 การคิดอยา งมวี ิจารณญาณ C3 การแกป ญหา C4 การสอ่ื สาร C5 ความรวมมือ C6 การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร หมายเหตุ : รหสั ทกั ษะทีป่ รากฏนี้ ใชเ ฉพาะหนงั สอื คมู อื ครูเลม นี้ สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 107 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน แนวคดิ คลาดเคลอ่ื น แนวคิดคลาดเคล่ือนที่อาจพบและแนวคิดท่ีถกู ตอ งในบทที่ 2 เสียง มดี งั ตอ ไปน้ี แนวคดิ คลาดเคล่อื น แนวคิดทถ่ี กู ตอ ง ความดงั ของเสยี งและระดบั สูงตาํ่ ของเสยี งเปน ความดังของเสียงและระดับสูงตํ่าของเสียงแตกตางกัน สิ่งเดียวกัน (Ozkan, 2013) (Ozkan, 2013) การออกแรงตีวัตถุดวยแรงท่ีมากจะทําใหความถ่ีของ การออกแรงตีวัตถุดวยแรงท่ีมากขึ้น จะทําใหไดยินเสียงดัง เสยี งเปลย่ี นไป (Weiler, 1998) ขึ้น แตค วามถขี่ องเสยี งจะไมเ ปลี่ยนแปลง (Ozkan, 2013) ถาครูพบวา มีแนวคิดคลาดเคลื่อนใดท่ยี ังไมไดแ กไ ขจากการทํากจิ กรรมการเรียนรู ครูควรจัดการเรยี นรเู พิ่มเติมเพ่อื แกไข ตอ ไปได สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน 108 บทนี้เริม่ ตนอยางไร (1 ช่วั โมง) ในการทบทวนความรูพื้นฐาน คุณครูควรใหเวลานักเรียนคิดอยาง 1. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยใหนักเรียนนั่งเปนกลุม กลุมละประมาณ 4 คน เหมาะสม รอคอยอยางอดทน โดยแตละกลุมกําหนดเสียงประจํากลุม เชน เสียงมา เสียงแมว เสียง นักเรียนตองตอบคําถามเหลานี้ได รถพยาบาล เม่ือครูชี้ไปท่ีกลุมใด ใหนักเรียนกลุมน้ันสงเสียงรองพรอม ๆ ถูกตอง หากตอบไมไดหรือลืมครู กัน จากนั้นครูนําอภิปรายโดยอาจใชคําถามเพ่ือทบทวนความรูพื้นฐาน ตอ งใหค วามรู ท่ีถูกตองทนั ที และตรวจสอบความรูเดมิ ดงั น้ี 1.1 เสียงเกิดขึ้นไดอยางไร (เสียงเกิดจากการสั่นของแหลงกําเนิด เสียง) ถานักเรียนตอบไมถูกตอง ครูควรทบทวน เพื่อใหนักเรียนตอบได ถูกตอ ง 1.2 เสียงท่ีนักเรียนไดยินจากกลุมตาง ๆ เสียงใดเปนเสียงสูง เสียงใด เปนเสียงต่ํา (นักเรียนตอบตามความเขาใจ เชน เสียงแมวเปน เสียงสูง) 1.3 เสียงสูง เสียงต่ําตางกันหรือไม อยางไร (นักเรียนตอบตามความ เขาใจ เชน ตางกัน โดยเสียงสูงจะเปนเสียงแหลม เสียงต่ําจะเปน เสียงทมุ ) นักเรียนตอบคําถามตามความเขาใจของตนเองโดยครูยังไมตอง เฉลยคําตอบทถ่ี กู ตอ ง 2. ครูใหนักเรียนอา นช่ือบท และจุดประสงคก ารเรยี นรปู ระจําบท ใน หนังสอื เรยี นหนา 47 จากนน้ั ครูใชคําถามเพื่อตรวจสอบความเขา ใจของ นกั เรยี น ดงั น้ี 2.1 บทนี้ นกั เรียนจะไดเ รียนรูเ รือ่ งอะไร (เรื่องเสยี ง) 2.2 เม่ือจบบทเรียนนี้ นักเรียนจะสามารถทําอะไรไดบาง (อธิบายการ เคล่ือนที่ของเสียงจากแหลงกําเนิดเสียงจนถึงหูผูฟง อธิบายการ เกิดเสียงสูง เสียงต่ํา เสียงดัง เสียงคอย วัดระดับเสียงโดยใช เครือ่ งมอื วดั ระดบั เสียง เสนอแนะแนวทางในการหลีกเล่ียงและลด มลพษิ ทางเสียง) 3. ครูใหนักเรียนอานชื่อบท และแนวคิดสําคัญ ในหนังสือเรียนหนา 48 จากน้ันครูซักถามวา จากการอานแนวคิดสําคัญ นักเรียนคิดวาจะไดเรียน สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 109 คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน เกี่ยวกับเรื่องอะไรบาง (ในเร่ืองน้ีจะไดเรียนเร่ืองตัวกลางของเสียง เสียงสูง ขอ เสนอแนะเพม่ิ เติม เสียงตํา่ เสยี งดงั เสยี งคอ ย การวดั ระดับเสียง และมลพิษทางเสียง) ในการนําเขาสูบทเรียน ครูอาจหาคลิป 4. ครูชักชวนใหน ักเรยี นสงั เกตรูป จากน้ันอา นเน้ือเร่ืองในหนา 48 โดยครู วีดิโอภาพยนตรจาก YouTube หรือแหลงอื่น ๆ ฝกทักษะการอานทเี่ หมาะสมกบั ความสามารถของนักเรยี น แลว ท่มี ฉี ากการระเบิดในอวกาศมาเปดใหนักเรียนดู ตรวจสอบความเขาใจในการอาน โดยใชค าํ ถามดังตอไปนี้ แลว รว มกันอภปิ รายเกี่ยวกบั เหตุการณดงั กลา ว 4.1 นกั เรยี นเคยชมภาพยนตรทีเ่ ก่ียวกับอวกาศหรือไม (นักเรียนตอบ ตวั อยา งวดี ทิ ัศน: ตามประสบการณข องตนเอง) https://www.youtube.com/watch?v=ctC m9MnbolA 4.2 นักเรียนคดิ วาถานักบินอวกาศอยใู นเหตุการณการระเบดิ ของดาวใน อวกาศ จะไดย นิ เสียงระเบดิ หรอื ไม เพราะเหตใุ ด (นักเรียนตอบ การเตรยี มตวั ลวงหนา สําหรับครู ตามความคิดของตนเอง) เพื่อจดั การเรยี นรูในครง้ั ถัดไป 5. ครูชกั ชวนนักเรยี นตอบคําถามเกี่ยวกบั เสียงในสํารวจความรกู อ นเรยี น ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดเรียน 6. นักเรียนทําสํารวจความรูกอนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรมหนา 50-51 เรือ่ งที่ 1 เสยี งกับการไดยิน ครูควรเตรียม ตัวอยางท่ีหลากหลาย โดยอาจใชของจริง โดยนักเรียนอานคําถามแตละขอ ครูตรวจสอบความเขาใจของนักเรียน หรือภาพประกอบเพ่ือใหนักเรียนไดเห็น จนแนใจวานักเรียนสามารถทําไดดวยตนเอง จึงใหนักเรียนตอบคําถาม ตัวอยางเก่ียวกับแหลงกําเนิดเสียง ซึ่ง โดยคาํ ตอบของแตล ะคนอาจแตกตางกัน และคําตอบอาจถูกหรอื ผิดกไ็ ด อาจเปนแหลงกําเนิดเสียงตามธรรมชาติ หรือแหลงกาํ เนดิ เสยี งทีม่ นษุ ยสรางขึ้น 7. ครสู ังเกตการตอบคําถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบวานักเรียนมีแนวคิด เก่ียวกับเร่ืองเสียงอยางไร หรืออาจสุมใหนักเรียน 2 – 3 คน นําเสนอ คําตอบของตนเอง โดยครูยังไมเฉลยคําตอบที่ถูกตอง แตจะใหนักเรียน ยอ นกลับมาตรวจคาํ ตอบอีกคร้ังหลงั เรยี นจบบทน้แี ลว ทัง้ นีค้ รอู าจบันทึก แนวคิดคลาดเคล่ือนหรือแนวคิดท่ีนาสนใจของนักเรียน แลวนํามา ออกแบบการจัดการเรียนรูเพื่อแกไขแนวคิดคลาดเคล่ือนใหถูกตอง และ ตอยอดแนวคิดทน่ี า สนใจของนกั เรียน สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี |