สรุปเนื้อหาภาษาอังกฤษ ม.1 PDF

English Map สรุปเนื้อหาภาษาอังกฤษ ระดับมัธยมต้น ม.1-2-3
ครอบคลุมเนื้อหาวิชาเรียน สรุปสั้นๆ กระชับ อ่านจบได้เร็ว อ่านจบได้หลายรอบ ด้วยรูปแบบ Mind Map พร้อมภาพประกอบสี่สี เจาะประเด็นสำคัญที่มักออกสอบ ใช้สำหรับเตรียมตัวสอบระดับมัธยมต้น
ผู้เขียน : นพ. ชาญชัย กิจประเสริฐ,เอี่ยมศิริ กิจประเสริฐ,วีรปรียา กิจประเสริฐ,ชนม์นิภา กิจประเสริฐ
ปีที่พิมพ์ : 2564
จำนวนหน้า : 40 หน้า
ขนาด : 30 x 23.4 ซม.
9786164303430
misbook

สรุปเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษ สำหรับน้องๆ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในรูปแบบสั้น กระชับ เข้าใจง่าย นำเสนอพร้อม Mind Map ภาพประกอบสี่สี ครอบคลุมเนื้อหาวิชาเรียน อ่านจบได้ไว สามารถอ่านหลังเลิกเรียน เพื่อทบทวนเนื้อหา ทำให้จำได้แม่นยำยิ่งขึ้น และเจาะประเด็นสำคัญที่มักออกสอบ เพื่อใช้สำหรับเตรียมตัวสอบ ทั้งยังมี QR Code ที่สามารถสแกนเพื่อฟังเสียงบรรยายได้ เหมือนมีครูมาคอยติวให้

สรุปเนื้อหาภาษาอังกฤษ ม.1 PDF

  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

รวมใบงานแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษ ม.1 โดยในแบบฝึกหัดนี้จะช่วยเสริมสร้างความรู้ภาษาสากลต่อยอดจากเรื่องที่เรียนมาในหลักสูตร ให้เด็กได้ทบทวนจากแบบฝึกหัดหลักไปในตัว โดยเป็นภาษาอังกฤษพื้นฐานทั้งหมดมัธยมต้น ตั้งแต่พื้นฐานเริ่มต้นจนถึงสูงในหัวข้อต่างๆ เช่น ครอบครัว โรงเรียน อาหาร สถานที่ต่างๆ ฯลฯ และเรียนรู้ใบงานแบบฝึกหัดตามหัวข้อต่างๆ ตามการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภายในแบบฝึกหัดมีภาพประกอบและเฉลยสำหรับครูผู้สอน ให้นักเรียน สื่อสารออกมาได้ง่ายขึ้น

  • รวมใบงานแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษ ม.1
    • เทอม 1
    • เทอม 2

รวมใบงานแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษ ม.1

เทอม 1

  1. All about me
  2. Happy Family
  3. Going to school
  4. Enjoy Reading
  5. Eating Out
  6. The places we go
  7. Go shopping

เทอม 2

  1. Home Sweet Home
  2. Wonderful Journey
  3. Occupation
  4. Weather and Seasons
  5. Animals
  6. Healthy Life
  7. Entertainments
  8. Cyber World

**แบบฝึกหัดเหล่านี้สามารถนำไปแชร์ต่อ เพื่อสร้างเสริมการเรียนรู้ให้ผู้อื่น ไม่ควรนำไปจำหน่าย!

ดูแบบฝึกหัดอื่นๆ ingaplife.com

  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

เราใช้คุกกี้ในเว็บไซต์ของเราเพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุดโดยจดจำการตั้งค่าของคุณและเข้าชมซ้ำ การคลิก "ยอมรับทั้งหมด" แสดงว่าคุณยินยอมให้ใช้คุกกี้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเข้าไปที่ "การตั้งค่าคุกกี้" เพื่อให้คำยินยอมที่มีการควบคุม

สรปุ เนอ้ื หาวิชาภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจาวนั ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
เรือ่ งท่ี 1

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การใช้ภาษาทา่ ทางในการสือ่ สารในชวี ติ ประจาวัน (Language in daily life)

ภาษาท่าทาง หมายถึง การเคลอ่ื นไหวในลักษณะต่าง ๆ ของรา่ งกายท่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงสิ่งท่ีเรารสู้ กึ หรอื
คิด การใชภ้ าษากายมีความแตกตา่ งกันในแต่ละเช้อื ชาติ ภาษาในเร่ืองของการแสดงทา่ ทาง ได้แก่ ทางสายตา
การสัมผสั และการส่ือสารท่ีไม่ใช้คาพูด เชน่

Hug = กอด This way please = เชิญทางน้ี

Victory = สัญลกั ษณ์ของชยั ชนะ O.K. หรือ Okay = เหน็ ดว้ ย, ตกลง, ใช่

การโต้ตอบทางโทรศพั ท์ (Telephone Conversation)
สานวนทม่ี ักจะใช้ในการพูดโทรศพั ท์ มีดังนี้
Sorry, I can't hear. ขอโทษนะคะ/ครบั ดฉิ ัน/ผม ไม่ไดย้ ินเลยค่ะ/ครบั
Louder, please. กรุณาพดู ดังกว่านค้ี ะ่ /ครับ
Pardon? ขอโทษวา่ อะไรนะคะ/ครบั
He's not here now. ขณะน้ีเขาไม่อยู่ค่ะ/ครบั
My phone number is…… โทรศัพท์ของฉันหมายเลข...........................
Sorry, you've got a wrong number. ขอโทษค่ะ/ครับ คุณโทรผดิ หมายเลขแลว้ ค่ะ/ครับ
A phone line is busy. สายโทรศัพท์ไมว่ า่ ง
A telephone is out of order. โทรศพั ทข์ ดั ขอ้ งหรอื เสยี
Who's calling? ใครกาลังพูด, ใครกาลงั โทรศัพท์
Would you like to leave a message? คณุ สามารถฝากข้อความไว้ได้ไหมคะ/ครบั
Just a moment, please. กรุณารอสักครู่
Just a minutes, please. กรุณารอสักครู่

สรปุ เนอ้ื หาวิชาภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจาวัน ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้
เร่อื งท่ี 2 การโต้ตอบทางโทรศพั ท์ (Telephone Conversation)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สานวนทมี่ กั จะใช้ในการพูดโทรศัพท์ มดี งั นี้

ภาษาองั ฤษ คาแปล

Sorry, I can't hear. ขอโทษนะคะ/ครับ ดิฉนั /ผม ไม่ได้ยินเลยค่ะ/ครับ
Louder, please. กรณุ าพูดดงั กว่าน้ีคะ่ /ครับ
Pardon? ขอโทษว่าอะไรนะคะ/ครับ
He's not here now. ขณะนเี้ ขาไม่อยู่ค่ะ/ครับ

My phone number is…… โทรศัพท์ของฉนั หมายเลข...........................

Sorry, you've got a wrong number. ขอโทษค่ะ/ครับ คุณโทรผดิ หมายเลขแลว้ ค่ะ/ครับ

A phone line is busy. สายโทรศพั ท์ไมว่ า่ ง

A telephone is out of order. โทรศัพท์ขดั ข้องหรอื เสยี

Who's calling? ใครกาลังพดู , ใครกาลังโทรศัพท์

Would you like to leave a message? คณุ สามารถฝากข้อความไว้ได้ไหมคะ/ครับ
Just a moment, please. กรณุ ารอสักครู่
Just a minutes, please

.

สรุปเนื้อหาวชิ าภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวนั ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
เรื่องท่ี 3 การแสดงความรู้สึกต่าง ๆ (Expression of feeling)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ภาพยนตร์เร่ืองนเ้ี ป็นอยา่ งไรบ้าง (How about the movie?)

การแสดงความชอบความไมช่ อบ หรอื ความพึงพอใจ ความไม่พึงพอใจ เปน็ เรื่องธรรมดาและสามารถ
พบเห็นได้โดยทัว่ ไปคาศัพท์ท่ีใชแ้ สดงอากัปกรยิ าดังกล่าวขา้ งต้น จะประกอบด้วยคาต่อไปน้ี

like = ชอบ
dislike/don’t like = ไม่ชอบ
pleasant = พึงพอใจ
pleased = พงึ พอใจ
unpleasant = ไมพ่ ึงพอใจ
กรณีท่ีเราชอบ จะใช้ในรปู ประโยคบอกเล่า ยกตัวอย่าง เช่น
I like seafood. ฉนั ชอบอาหารทะเล
I like to walk to school. ฉันชอบเดินไปโรงเรียน
I like dogs. ฉนั ชอบสุนัข
ในกรณีทเ่ี ราไมช่ อบ สามารถเขยี นรูปประโยคเปน็ ประโยคปฏิเสธ โดยใช้ Verb to do มาวางไวห้ ลงั
ประธาน ตามด้วย not นาหนา้ กรยิ าแท้ ยกตัวอยา่ ง เชน่
I don't like seafood. ฉันไม่ชอบอาหารทะเล
I don't like to walk to school. ฉนั ไม่ชอบเดนิ ไปโรงเรียน
I don't like dogs. ฉันไม่ชอบสนุ ขั
และสามารถใชค้ าวา่ dis ซึง่ เปน็ อุปสรรค (prefix) เติมหน้าคากรยิ าแท้ เพื่อทาเปน็ ประโยคปฏิเสธได้
เช่นกนั เช่น
I dislike seafood. ฉนั ไมช่ อบอาหารทะเล
I dislike to walk to school. ฉนั ไม่ชอบเดินไปโรงเรยี น
I dislike dogs. ฉันไมช่ อบสุนัข
นอกจากนน้ั ยังมีสานวนท่ีมักใช้ในการแสดงความรสู้ ึกพอใจและไม่พอใจอีกหลายสานวน เช่น
That's great! ยอดเย่ยี มจริง ๆ
That is bad. แยจ่ รงิ
How wonderful! วเิ ศษมาก
How awful! แย่มาก
I am so pleased to hear that. ฉันดีใจทีไ่ ด้ทราบเร่ืองน้ี
I am afraid I don't like it. ฉันคดิ วา่ ฉันไม่ชอบ
I love it. / I enjoy it. / I like it. ฉันชอบมัน
I am disappointed to see that. ฉนั ผิดหวงั ที่เห็นเชน่ นัน้

เสียใจด้วยนะ (Sorry to hear that)
คาพูดและสานวนท่มี ักนยิ มใช้ ได้แก่ คาว่า

Sorry.
I'm so sorry.

นอกจากนี้ยังสามารถใช้สานวนคาว่า sympathy แสดงความเศรา้ โศกเสียใจได้ดว้ ย เชน่
It's my sympathy to hear that your father passed away.
I deeply regret.

นอกจากแสดงความเสยี ใจ ยงั สามารถแสดงความเหน็ อกเห็นใจ ปลอบใจและให้กาลงั ใจในโอกาส
ตา่ ง ๆ ซง่ึ สานวนทม่ี ักจะใช้ ได้แก่

Don't worry. ไม่ต้องกงั วล
Cheer up. สู้ ๆ
Take it easy. ใจเยน็ ๆ ไว้
Relaxed. ทาใจใหส้ บาย
You will be fine. เดย๋ี วก็ดีเอง
Well done. ทาได้ดีมาก
You did a good job. ทาได้ดมี าก

การแสดงความดีใจหรอื ความยนิ ดใี นโอกาสต่าง ๆ ซง่ึ มสี านวนท่ีเกี่ยวขอ้ ง เชน่
Bravo! ไชโย
Congratulations! ยินดดี ้วย
Well done! ทาได้ดมี าก
Happy Birthday! สุขสนั ตว์ ันเกิด
Merry Christmas! สขุ สันต์วนั คริสต์มาส
Happy New Year! สุขสันตว์ นั ปใี หม่

สรุปเน้อื หาวชิ าภาษาองั กฤษในชีวิตประจาวนั ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้
เร่ืองท่ี 4 การพดู แสดงความคิดรูปแบบต่าง ๆ

(Expression of opinions/Ideas/wishes/offering helps, etc.)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำนวนท่ใี ชส้ อบถำมเกยี่ วกบั ควำมคดิ เห็น ได้แก่
What do you think about…...................? คณุ คิดอย่ำงไรเกี่ยวกบั ............................
Do you have any idea about…………….? คณุ มีควำมคิดเหน็ เก่ียวกบั .....................หรอื ไม่
Do you agree that…………………..? คุณเหน็ ด้วยกบั ........................หรือไม่
สำนวนทใ่ี ช้ตอบ ไดแ้ ก่
In my opinion, ………………. ในควำมคิดเห็นของฉัน
In my point of view, ………... ในควำมคิดเห็นของฉนั
I think so. ฉนั เห็นด้วย
I agree with you. ฉันเหน็ ดว้ ย
I don't think so. ฉันไม่เห็นด้วย

I disagree. ฉันไม่เห็นดว้ ย

I have no idea. ฉันไม่มีควำมเห็น

สรุปเนือ้ หาวชิ าภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
เรอ่ื งท่ี 5 การซื้อของ (Shopping)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สานวนทใี่ ช้ถาม เมอื่ ใหบ้ ริการ เชน่

What can I do for you? ฉันจะช่วยอะไรคุณไดบ้ ้าง
What are you looking for? คณุ กาลงั มองหาอะไรอยู่
Can I help you? ฉนั จะช่วยคุณได้ไหม
May I help you? ฉนั จะชว่ ยคณุ ได้ไหม
Do you need some help? คุณตอ้ งการความชว่ ยเหลอื รึเปล่า
If you need anything, please tell me. ถา้ ต้องการอะไรโปรดบอก
If you need anything, please let me know. นะครับ/ค่ะ

ในกรณที ี่พูดให้สภุ าพจะใช้กรยิ ารปู would หรอื could สานวนทีใ่ ช้ตอบ เช่น
I'm looking for…………………….. ฉนั กาลงั หา............................อยู่
I want…………………………….... ฉันต้องการ................................
Certainly. I want…………………... แน่นอน ฉันตอ้ งการ..................
Yes, of course. I'm looking for….… แน่นอน ฉันกาลังมองหา...........

สรปุ เนอื้ หาวชิ าภาษาอังกฤษในชวี ิตประจาวัน ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้
เรือ่ งท่ี 6 ประโยคบอกเลา่ (Affirmative Statement or Dedication Sentence)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ประโยคบอกเล่า (Affirmative Statement or Dedication Sentence) คือ ประโยคที่ใชใ้ น

การสื่อสารเร่อื งราว ขา่ วสาร ข้อคิดเห็นตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจาวัน ประกอบดว้ ย ประธาน (Subject)

และกรยิ า (Verb) ซึ่งอาจจะมีกรรม (Object) หรือสว่ นขยาย (Complement) ดว้ ยก็ได้

ประธาน + กรยิ า + กรรม

(Subject) (Verb) (Object)

ตัวอย่าง

Subject = S Verb = V Object = O Complement

I sing

She cries

He writes a letter.

They walk every Sunday.

ในประโยคบอกเล่า การกระจายกริยาต้องเปน็ ไปตามประธาน (Subject) และกาล (Tense) ที่บอก

เลา่ เรื่องน้นั

สรปุ เน้อื หาวิชาภาษาอังกฤษในชวี ิตประจาวัน ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้

เรื่องที่ 7 ประโยคคาถาม (Question sentence) : What?

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ประโยคคาถาม (Question sentence)

เปน็ ประโยคท่ีใช้ถามเพ่ือต้องการคาตอบจากผู้ทเี่ ราสนทนาดว้ ย ประโยคคาถามมี 2 ชนดิ คอื

(1) ประโยคคาถามท่ีขึน้ ต้นด้วยกริยาชว่ ย (Yes - no question) เป็นประโยคที่ตอ้ งการคาตอบว่า

Yes (ใช่) หรือ No (ไมใ่ ช่) เท่าน้ัน ประโยคคาถามประเภทนี้ต้องขึ้นตน้ ประโยคด้วยกรยิ าช่วย

การทาประโยคคาถามแบบ Yes-no question น้ที าจากประโยคบอกเลา่ ธรรมดา (Affirmative

sentence) โดยเอากรยิ าชว่ ย (Helping Verb) มาไวข้ า้ งหนา้ ได้แก่ Verb to be, will, have ถ้าประโยคใด

ไมม่ ีกริยาชว่ ยใหใ้ ช้ Verb to do โดยกระจายรปู กรยิ าช่วยให้ถูกต้องตามประธาน และทากรยิ าแทใ้ ห้อยู่ในรปู

เดิมทีไ่ ม่ตอ้ งเติม s หรอื es แลว้ ลงทา้ ยประโยคดว้ ยเคร่ืองหมายคาถาม (Question mark) ดังตวั อยา่ งต่อไปนี้

ประโยคบอกเลา่ ประโยคคาถาม

She is your teacher. Is she your teacher?

(เธอเปน็ ครูของคุณ) (เธอเป็นครูของคุณใช่ไหม)

He likes you. Does he like you?

(เขาชอบคุณ) (เขาชอบคณุ หรือเปล่า)

They buy air ticket. Do they buy air ticket?

(เขาซื้อต๋ัวเคร่ืองบิน) (เขาซ้ือตว๋ั เคร่ืองบนิ ใชไ่ หม)

(2) ประโยคทีข่ ้นึ ตน้ ดว้ ยคาทเ่ี ป็นคาถาม (Question word question) คือ ประโยคทขี่ น้ึ ตน้ ดว้ ยคาท่ี

เปน็ คาถาม ไดแ้ ก่ what (อะไร), when (เมอ่ื ไหร)่ , where (ท่ไี หน), who (ใคร), whom (ถึง, แก่ใคร),

whose (ของใคร), which (อนั ไหน/สง่ิ ไหน), why (ทาไม), how (อยา่ งไร)

ในการตง้ั คาถามดว้ ยคาเหลา่ นี้ สว่ นใหญ่จะต้องตามดว้ ยกริยาชว่ ย ยกเว้น who ตามดว้ ยกริยาแท้

และ whose ตามด้วยคานาม ส่วน which ตามดว้ ยคานามทเี่ ป็นกรรมหรือกริยาชว่ ย

รายละเอียดการใชค้ าทีเ่ ปน็ คาถาม (Question word question) แตล่ ะตัว ดงั ต่อไปนี้

1. What อ่านวา่ วอท แปลว่า อะไร ใช้ถามเก่ียวกับคน สัตว์ สง่ิ ของ เชน่

ประโยค ตอบแบบสนั้ ตอบแบบยาว

Short form) (Long form)

What is in the cage? A bird. A bird is in the cage.

(อะไรอย่ใู นกรง) (นกตวั หนึง่ )

What are you reading? A newspaper. I am reading a newspaper.

(คณุ กาลงั อา่ นอะไรอยู)่ (หนงั สือพิมพ์ฉบบั หนง่ึ )

What is your father? A doctor. He is a doctor.

(พ่อของคุณเป็นอะไร) (อาชีพ) (หมอคนหนง่ึ )

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สรปุ เนื้อหาวิชาภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวนั ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้

เรื่องท่ี 8 ประโยคคาถาม (Question sentence) : Where / When / Who

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ประโยคคาถาม (Question sentence)

Where อ่านว่า แวร์ แปลวา่ ที่ไหน ใช้ถามสถานที่ เช่น

ประโยค ตอบแบบสน้ั ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

Where do you live? In Phuket. I live in Phuket.

(คณุ อาศยั อยู่ทใ่ี ด) (ในจังหวดั ภูเก็ต)

Where will you go? To the market. I will go to the market

(คณุ จะไปไหน) (ไปตลาด)

Where is the dog? Under the tree. The dog is under the tree.

(สนุ ขั อยทู่ ี่ไหน) (ใต้ต้นไม้)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

When อ่านว่า เวน แปลวา่ เมอื่ ไร ใช้ถามเกย่ี วกบั เวลา เชน่

ประโยค ตอบแบบสน้ั ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

When will you go home? At four o’clock. I will go home at four o’clock.

(คุณจะกลบั บา้ นเมอ่ื ไร) (สโี่ มง)

When will your uncle Next year. My uncle will visits

Visit you? next year.

(ลงุ ของคณุ มาเยี่ยมคณุ เม่ือไร) (ปหี นา้ )

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Who อ่านว่า ฮู แปลว่า ใคร ใช้ถามบุคคล เช่น

ประโยค ตอบแบบสน้ั ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

Who is that man? George Smith. That man is

George Smith.

(ผู้ชายคนนน้ั เป็นใคร) (จอรจ์ สมิธ)

Who wants to go Boonchu and Chalerm. Boonchu and Chalerm

home now? want to go home.

(ใครอยากจะกลับบ้าน (บญุ ชแู ละเฉลมิ )

ตอนน้ีบา้ ง)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สรุปเนอ้ื หาวิชาภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวัน ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้

เร่ืองท่ี 9 ประโยคคาถาม (Question sentence) : Why / Which

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ประโยคคาถาม (Question sentence)

Why อ่านวา่ วาย แปลวา่ ทาไม ใชถ้ ามเมอ่ื ต้องการถามถึงเหตุผล เชน่

ประโยค ตอบแบบสนั้ ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

Why do you go to To buy a book. I go to the book

the book store? store to buy a book.

(คณุ ไปรา้ นขายหนังสอื ทาไม) (ซื้อหนงั สือ)

Why are you late? Because the traffic I am late because

is heavy. the traffic is heavy.

(ทาไมคณุ มาสาย) (เพราะรถติด)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

6. Which อา่ นว่า วิช แปลวา่ ตวั ไหน อนั ไหน หรือเป็นการไถ่ถามให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น

ประโยค ตอบแบบสัน้ ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

Which work do you prefer, A teacher. I prefer a teacher.

a teacher or a soldier?

(คณุ ชอบทางานอะไร (ครู)

ครูหรือทหาร)

Which school do you go? Satri Phuket School. I go to Satri Phuket

School.

(คุณจะไปโรงเรยี นไหน) (โรงเรียนสตรีภูเกต็ )

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สรุปเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษในชีวติ ประจาวนั ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น

เรื่องท่ี 10 (Question sentence) : How

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ประโยคคาถาม (Question sentence)

How อ่านว่า ฮาว แปลว่า อย่างไร ใช้ในความหมายทตี่ า่ งกัน ดงั น้ี

How ใช้ถามลักษณะอาการ วิธีการคมนาคม การใช้เครอ่ื งมือตา่ ง ๆ เชน่

ประโยค ตอบแบบสนั้ ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

How do you go to By bus. I go to Suan

Suan Chatuchak? Chatuchak by bus.

คณุ จะไปสวนจตจุ ักร (นั่งรถโดยสารประจาทางไป)

อยา่ งไร)

How is Wasana? Very nice. She is very nice.

(วาสนาเป็นอยา่ งไรบา้ ง) (ดมี าก)

How are you? Fine, thank you. And you? I am fine, thank you.

And you?

(คณุ เป็นอย่างไรบา้ ง) (สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

How long ใชถ้ ามเกย่ี วกับระยะเวลาว่านานเท่าใด เชน่

ประโยค ตอบแบบส้นั ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

How long does it take About half an hour by taxi. It’s half an hour by taxi.

from Sanamluang

to Victory Monument?

(จากสนามหลวงไปอนุสาวรีย์ (ประมาณครึง่ ชั่วโมง

ชัยสมรภูมิใช้เวลานานเท่าไร) โดยรถรบั จา้ ง)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

How often ใช้ถามเกีย่ วกบั ความถี่ เชน่

ประโยค ตอบแบบส้นั ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

How often does Once a week. He sees her once a week.

he see her?

(เขามาหาเธอบ่อยเพียงไร) (สัปดาหล์ ะคร้งั )

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

How many ใช้ถามจานวนมากน้อยเท่าใด (คานามนับได)้ เชน่

ประโยค ตอบแบบสั้น ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

How many books Two books. I read two books.

do you read?

(คณุ อ่านหนงั สอื มากเท่าไร) (สองเลม่ )

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

How far ใช้ถามระยะทางวา่ ไกลเทา่ ไร เชน่

ประโยค ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

How far is it from About 850 Kilometers. It is about 850 Kilometers.

here to Bangkok?

(จากทีน่ ี่ไปกรุงเทพฯ (ประมาณ 850 กิโลเมตร)

ไกลแค่ไหน)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

How old ใช้ถามอายุ เชน่

ประโยค ตอบแบบสนั้ ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

How old are you? Twenty years old. I am twenty years old.

(คณุ อายเุ ทา่ ไหร่ ) (ยส่ี บิ ปี)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

How about ใชถ้ ามความคดิ เห็นเกี่ยวกับสง่ิ ต่าง ๆ เช่น

ประโยค ตอบแบบสนั้ ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

How about the cinema? Very good It is very good.

(ภาพยนตรเ์ ปน็ อยา่ งไรบ้าง) (ดมี าก)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

How high ใช้ถามความสงู ของสิ่งของท่มี คี วามสูงมาก ๆ เชน่ อาคาร ภูเขา เช่น

ประโยค ตอบแบบสน้ั ตอบแบบยาว

(Short form) (Long form)

How high is that building? Fifty feet. It is fifty feet high.

(อาคารหลงั นนั้ สูงเทา่ ไร) (สูง 50 ฟตุ )

How tall are you? Six feet. I am six feet tall.

(คณุ สูงเทา่ ไร) (สูง 6 ฟตุ )

สรปุ เนอ้ื หาวชิ าภาษาอังกฤษในชวี ิตประจาวัน ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้
เรอ่ื งท่ี 11 ประโยคความรวม (Compound Sentence

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ประโยคความรวม (Compound Sentence)

หมายถงึ ประโยคทม่ี ีขอ้ ความ 2 ขอ้ ความ มารวมกนั แล้วเชื่อมดว้ ยคาสนั ธาน (Conjunction หรอื
ตัวเชอ่ื มประสาน)ได้แก่ and (และ), or (หรอื ), but (แต่), so (ดงั น้ัน), still (ยังคง), yet (แลว้ ) etc. และ
Conjunctive Adverb (คากรยิ าวิเศษณ์เช่อื ม) ได้แก่ however (อย่างไรก็ตาม), meanwhile (ในขณะท่ี),
therefore (ดังน้นั ), otherwise (มิฉะน้ัน), thus (ดงั น้นั ) etc.

Compound Sentence ประโยคทเี่ ช่ือมดว้ ยบุพบท (Conjunction หรือตัวเช่อื มประสาน) ได้แก่
and, or, but, so, still, yet etc.

คาสนั ธานทีใ่ ชเ้ ชอ่ื มประโยคความรวม (Compound Sentence) ท่สี าคญั ได้แก่
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

and แปลว่า และ, กบั ใชเ้ ชื่อมประโยคท่ีมีใจความคล้อยตามกนั
(ตวั อย่าง)

Obb and Toom work in Distance Education Institute.
ออ็ บและต้มุ ทางานท่สี ถาบนั การศกึ ษาทางไกล
This table is new and shiny.
โต๊ะตวั นีใ้ หมแ่ ละเป็นเงางาม
Pom talks and walks to school.
ปอ้ มคยุ ไปและเดินไปโรงเรยี น
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
but แปลว่า แต่ ใช้เชื่อมประโยคทม่ี ีใจความขดั แยง้ กนั
(ตวั อย่าง)
That house is old but strong.
บา้ นหลังน้ีเกา่ แต่ยงั แข็งแรง
He complains but he goes with his mother.
เขาบ่นแต่เขาก็ไปกับแม่
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
or แปลวา่ หรอื ใชเ้ ชอ่ื มประโยคท่ีมีใจความให้เลือกอย่างใดอย่างหนึง่
(ตวั อยา่ ง)
What would you like, coffee or tea?
คุณต้องการอะไร กาแฟหรือชา
You can sit here or in that room.
คุณจะนั่งทีน่ ่ีหรือในห้องนนั้ กไ็ ด้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

both…and แปลว่า ทงั้ …และ
(ตวั อย่าง)

Both boys and girls learn English.
ท้ังเดก็ ผชู้ ายและเด็กผู้หญงิ เรียนภาษาองั กฤษ
Idd is both pretty and clever.
อดิ้ ท้งั น่ารักและฉลาด
Suchart both works and studies in the university.
สุชาตทิ งั้ ทางานและเรยี นในมหาวทิ ยาลัย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
either…or แปลว่า ไม่อย่างหนึง่ กอ็ ีกอยา่ งหนึ่ง (ให้เลือกเอาอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง)
(ตัวอยา่ ง)
Either me or you should telephone to the director.
ไมฉ่ ันก็คณุ จะต้องโทรศัพท์ไปหาท่านผู้อานวยการ
Dan begins either reading or writing English tomorrow.
แดนจะเริม่ ไม่อา่ นก็เขียนภาษาองั กฤษพรงุ่ น้ี
You have to sell either the house or the car.
คณุ จะต้องขายไม่บา้ นกร็ ถยนต์
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
neither…nor แปลวา่ ไมท่ ง้ั สองอย่าง
(ตัวอย่าง)
This man is neither rich nor clever.
ผู้ชายคนนที้ ง้ั ไม่รวยและไม่ฉลาด
Pan will neither live nor work in Bangkok.
ปานจะไม่มวี ันอยู่หรือทางานในกรุงเทพฯ
ถา้ ใช้ neither วางไว้หนา้ ประโยค จะตอ้ งตามดว้ ยกรยิ าชว่ ย ประธานและกริยาแท้ เช่น
Neither did he listen his teacher, nor did he read the book.
เขาท้ังไม่ฟังครูและไมอ่ ่านหนังสือ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
not only…but also แปลวา่ ไมเ่ พียง.......แต่.......ด้วย
(ตวั อยา่ ง)
Not only man, but also woman could be the prime minister.
ไม่ใช่เฉพาะแต่ผู้ชายเทา่ น้นั ผู้หญิงกส็ ามารถเปน็ นายกรฐั มนตรีได้
Not only you, but also he has not read the book yet.
ไม่เพยี งแต่คณุ เท่านัน้ เขากย็ ังไมไ่ ด้อา่ นหนงั สือเช่นเดียวกัน
I know not only Sumalee but also her family.
ฉนั ไมเ่ พียงแตร่ ู้จักกับสุมาลเี ท่านัน้ ฉันยงั รู้จกั ครอบครัวของเธอดว้ ย

สรุปเนือ้ หาวิชาภาษาองั กฤษในชีวิตประจาวัน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
เรื่องที่ 12 สรุป 12 Tense

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Tense คือ การเปล่ียนรูปของคากริยา เพอื่ แสดงชว่ งเวลาต่าง ๆ ในประโยคภาษาองั กฤษ ใช้บอกว่าเหตกุ ารณ์น้ันอยู่
ในชว่ งใด แบง่ เป็น 3 ชว่ งเวลา คือ

Past = อดีต
Present = ปัจจบุ ัน
Future = อนาคต
โดยแต่ละช่วงเวลาแบง่ เป็น 4 แบบและมโี ครงสร้างประโยค รวมถึงหลักการใช้ทีแ่ ตกต่างกนั ดงั นี้
1. Past Tenses ใชเ้ ล่าถงึ เหตุการณใ์ นอดตี มี 4 แบบ คือ
1.1 Past Simple Tense

หลกั การใช้ : ใชก้ ับเหตกุ ารณ์ที่เกิดข้ึนแล้วและจบแล้วในอดีต
โครงสรา้ ง : S + V2
ข้อสงั เกต : yesterday, in the past, last + day/month/year, in + ชว่ งเวลาในอดีต เชน่ in
1989
1.2 Past Continuous Tense
หลกั การใช้ : ใชก้ บั เหตุการณ์ท่กี าลงั เกิดขนึ้ ในอดีต
โครงสร้าง : S + was/were + V.ing
ขอ้ สังเกต : at this time yesterday, at that moment, at this time in the past
1.3 Past Perfect Tense
หลกั การใช้ : ใช้อธบิ ายเหตุการณท์ ่ีเกดิ ขึ้นก่อนหนา้ เหตุการณใ์ นอดตี เหตกุ ารณห์ น่ึง
โครงสร้าง : S + had + V3
ข้อสังเกต : by the time, before, after, when, before last week, by….o’clock yesterday
และทีส่ าคัญ Past Perfect จะใช้คูก่ ับ Past Simple เสมอ
1.4 Past Perfect Continuous Tense
หลักการใช้ : ใช้อธิบายเหตุการณ์ทเ่ี กิดอย่างตอ่ เน่ืองและเกิดขึน้ ก่อนอีกเหตุการณห์ นง่ึ ในอดีต
โครงสร้าง : S + had + been + V.ing
ขอ้ สงั เกต : for, since, how long, before, after
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. Present Tenses ใชเ้ ลา่ ถงึ เหตุการณ์ในปัจจุบัน มี 4 แบบ คือ
2.1 Present Simple Tense
หลกั การใช้ : ใชก้ บั เหตกุ ารณ์ทเี่ กดิ ในปจั จบุ นั , ทาเป็นประจา, เป็นจรงิ ทางวิทยาศาสตร์
โครงสร้าง : S + V1 (s, es)
ข้อสังเกต : always, usually, often, never, today, nowadays, every + day/month/year,
normally, habitually, naturally

2.2 Present Continuous Tense
หลกั การใช้ : ใช้กับเหตกุ ารณ์ท่กี าลงั เกิดขึ้นในปัจจบุ ัน
โครงสรา้ ง : S + V. to be + V.ing
ข้อสงั เกต : now, right now, at this moment, at the moment, at present

2.3 Present Perfect Tense
หลกั การใช้ : เลา่ เหตุการณ์ที่เกดิ ในอดีตและดาเนนิ มาถึงปัจจบุ ัน หรือส่งผลถงึ ปัจจุบัน
โครงสรา้ ง : S + have/has + V3
ขอ้ สงั เกต : since, for, just, yet, already, never, ever

2.4 Present Perfect Continuous Tense
หลักการใช้ : ใชก้ บั เหตุการณ์ท่เี กิดขน้ึ เรื่อย ๆ ตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
โครงสรา้ ง : S + have/has + been + V.ing
ขอ้ สงั เกต : for an hour, for a week, for a long time, for….years, all day, all morning,

since, how long
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. Future Tenses ใช้เล่าเหตกุ ารณ์ท่ีจะเกิดข้นึ ในอนาคต มี 4 แบบ คอื

3.1 Future Simple Tense
หลกั การใช้ : ใชก้ บั เหตกุ ารณ์ทีเ่ กิดขึน้ ทั่วไปในอนาคต
โครงสร้าง : S + will + V1
ข้อสังเกต : tomorrow, next week/month/year, soon

3.2 Future Continuous Tense
หลกั การใช้ : ใช้กับเหตุการณ์ทีก่ าลงั เกิดขึ้นในอนาคต
โครงสร้าง : S + will + be + V.ing
ขอ้ สังเกต : at…(time)…tomorrow, at this time tomorrow

3.3 Future Perfect Tense
หลักการใช้ : ใช้เล่าถึงเหตกุ ารณ์ท่ีจะทาเสรจ็ สมบรู ณ์ ณ เวลาหนึง่ ในอนาคต
โครงสรา้ ง : S + will + have + V3
ข้อสงั เกต : by the end of this year, by this time tomorrow, in….years time,

in…(month)…next year
3.4 Future Perfect Continuous Tense
หลกั การใช้ : ใช้เล่าถึงเหตุการณใ์ นอนาคตท่ีจะได้ทาไปแล้วเป็นระยะเวลาหนงึ่ และกาลงั ทาอยู่
โครงสร้าง : S + will have + been + V.ing
ข้อสังเกต : for, by, the time

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สรุปเนอ้ื หาวิชาภาษาองั กฤษในชีวิตประจาวนั ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้
เรอ่ื งท่ี 13 โครงสรา้ งของ Past Simple Tense

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลักการใชแ้ ละโครงสรา้ งของ Past Simple Tense
หลกั การใช้ : ใชก้ บั เหตุการณ์ท่เี กดิ ขึ้นแลว้ และจบแล้วในอดตี
โครงสรา้ ง : S + V2
ขอ้ สังเกต : yesterday, in the past, last + day/month/year, in + ช่วงเวลาในอดตี เช่น in 1989
1. ใช้กับเร่อื งที่เกิดขน้ึ ในอดีตและจบสิ้นลงไปเรียบร้อยแล้ว สงั เกตง่าย ๆ วา่ มักจะมีการระบุช่วงเวลาไว้ด้วย
วา่ เกดิ ข้ึนเมื่อไหร่ และใชก้ รยิ าช่อง 2 ลองมาดูโครงสรา้ งและตวั อยา่ งประโยคกนั ก่อนค่ะ

ประโยคบอกเลา่ S. + V.2 I went to the theme park yesterday.
ประโยคปฎิเสธ S. + did not + V.1 She didn’t come to Thailand last year.
ประโยคคาถาม Did you see Jane at the bank last hour?
Did + S + V.1

จาง่าย ๆ วา่ ประโยคบอกเล่าใชก้ รยิ าชอ่ ง 2 ส่วนประโยคปฏิเสธและประโยคคาถาม ใช้ did รว่ มกับกรยิ า
ช่อง 1

นอกจากนแี้ ล้ว Key word บอกเวลาซง่ึ จบไปแลว้ ทีพ่ บบ่อย ๆ ในประโยค Past Simple Tense ไดแ้ ก่
Yesterday, Last , Ago โดยใชร้ ่วมกบั คาบอกเวลาอ่นื ๆ มาดูตวั อย่างกันเลยค่ะ

last + เวลา/ วัน/ สัปดาห์/ last hour, last night, last
Last เดอื น/ฤดู/ ปี
Monday, last week, last month, Did they study Science last

last summer, last winter, last Monday.

year

Ago วินาที / นาท/ี ชวั่ โมง/ วัน/ 5 minutes ago, 3 day ago, 2 The bus arrived thirty
สัปดาห/์ เดือน/ ปี + ago weeks ago, 1 month ago, 4 years minutes ago.
ago

เม่ือกริยาชอ่ ง 2 เปน็ องคป์ ระกอบสาคัญ เราจึงต้องท่องคากรยิ าที่อยู่ในช่อง 2 ใหด้ วี า่ เติม –ed หรือ -d

หรอื ไม่ อย่างไร ดูตัวอย่างกรยิ าชอ่ ง 2 กนั ค่ะ

ชอ่ งท่ี 1 ช่องท่ี 2 ชอ่ งท่ี 3 ความหมาย

be was, were been เป็น,อยู่,คือ

become became become กลายเปน็

break broke broken แตก, หกั

bring brought brought นามา

ช่องท่ี 1 ช่องท่ี 2 ช่องที่ 3 ความหมาย
build built built สรา้ ง
buy bought bought ซอ้ื
come came come มา
do did done ทา
drive drove driven ขบั รถ
eat ate eaten กนิ
feel felt felt รสู้ ึก
get got gotten ได้
give gave given ให้
leave left left ออกจาก
run ran run วงิ่
sell sold sold ขาย
sit sat sat น่งั
sleep slept slept นอน

Ex. They came here yesterday.
(พวกเขามาทีน่ ี่เมื่อวานน้)ี

Ex. He left home ten minutes ago.
(เขาออกจากบา้ นเมอ่ื 50 นาทีทแ่ี ล้ว)

Ex. I bought a new phone two days ago.
(ฉนั ซ้อื โทรศัพทใ์ หม่มาเม่ือ 2 วันก่อน)

2. ใช้พดู ถึงนสิ ัยหรือกิจวตั รท่ีเคยทาในอดีต หรอื การบอกว่าใครเคยทาอะไร เคยไปไหนในอดีตมาแล้ว และ
เหตกุ ารณ์นน้ั จบลงแลว้
Ex. We cooked every day last year.
(พวกเราทาอาหารกันทุกวันเมอ่ื ปีท่ีแลว้ )

Ex. He always went to office late last month.
(เขาไปสานักงานสายเสมอเม่ือเดือนทแ่ี ลว้ )

Ex. I was in London in 2017.
(ฉนั อยู่ที่ลอนดอนในปี 2017)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/72111/-blo-laneng-lan-

สรุปเน้ือหาวิชาภาษาอังกฤษในชีวติ ประจาวนั ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น
เรื่องท่ี 14 Past continuous tense

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Past continuous tense เป็นประโยคทีก่ ล่าวถึงเหตกุ ารณ์ทก่ี าลงั เกิดข้นึ อย่างต่อเน่ืองในอดีตเสมือนวา่ เราน่งั
ไทม์แมชชีนไปจ้องมองดเู หตกุ ารณ์ท่กี าลังเกิดข้ึนในอดีตอย่างไรอยา่ งน้นั เลย

โครงสร้างประโยค Past continuous tense He was playing football yesterday at 10 am.
ประโยคบอกเลา่ S + was/were + V.ing He was not playing football yesterday at 10 am.
ประโยคปฏิเสธ S + was/were + not + V.ing Was he playing football yesterday at 10 am?
ประโยคคาถาม Was/Were+ S + V.ing

กอ่ นจะไปกนั ต่อ ขอจอดแวะทบทวนเพมิ่ เติม หลกั การใช้ Was / Were

Subject ประธานประโยค Verb to be ทใี่ ช้ (กรยิ าช่อง 2 ของ is และ are)

I, He, She, It, A cat (ประธานเอกพจน)์ was

You, We, They, Cats (ประธานพหูพจน์) were

Past continuous tense ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ในอดตี ซงึ่ มีด้วยกนั 3 แบบ คอื
1. เหตกุ ารณ์ท่ีกาลังเกิดในอดตี เช่น
It was raining yesterday at noon. (ฝนตกลงมาเมื่อวานตอนเที่ยง)
2. เหตกุ ารณท์ ี่กาลงั เกิดต่อเนอ่ื งอยใู่ นอดตี ซึ่งเกดิ ข้ึนอยู่ก่อน แล้วก็มอี กี เหตกุ ารณห์ นงึ่ เขา้ มาแทรก เช่น
I was having a beautiful dream when the alarm clock rang.
(ฉันกาลงั ฝนั ดีอยูเ่ ชียว นาฬิกาปลกุ ก็ดนั ดังขึน้ )
3. เหตกุ ารณ์กาลังเกดิ ไปพร้อม ๆ กนั ในอดตี ไม่มอี นั ไหนเกดิ ก่อนเกิดหลงั เช่น
While my mom was cooking, my dad was washing his car.
(ขณะทแี่ ม่กาลังทาอาหาร พ่อก็กาลังลา้ งรถ)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การใช้ While, When, As
While, When, as ถอื ว่าเป็น Key word สาคัญทบี่ ่งบอกว่าประโยคนเี้ ป็นประโยค Past continuous tense เลยกว็ ่า
ได้ เช่น

When the police arrived, we were sleeping.
(ตอนท่ีตารวจมาถึง พวกเรากาลงั นอนหลับกนั อยู่)

While she was drawing a picture, I came in the room.
(ขณะที่เธอกาลังวาดภาพ ผมก็เขา้ มาในห้อง )

เทคนิคการจา
- ประโยคท่ีอยหู่ ลัง while และ as ใช้ past continuous (Subject + was/were +V.ing) เพราะเปน็

เหตุการณท์ ย่ี ังจะเกดิ ต่อเนือ่ งไปอีกระยะหนึ่ง เชน่ We were sleeping, The car was running, She was drawing
a picture

- ประโยคที่อย่หู ลัง when ใช้ past simple (Subject + V.2) เพราะเป็นเหตุการณ์ทีแ่ ทรกเข้ามาส้นั ๆ
และจบไปแลว้ พดู งา่ ย ๆ ว่าเกดิ ขึ้นแปบ๊ เดียว เช่น the police arrived, the phone rang, I came in the room, it
started to rain

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อา้ งอิง https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/72173/-blo-laneng-lan-

สรุปเนอื้ หาวิชาภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวัน ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้
เรื่องท่ี 15 Past Perfect Tense

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Perfect Tense เปน็ ประโยคทีม่ ี 2 เหตุการณเ์ กิดขึน้ ในอดีต โดยเหตุการณห์ นึง่ จบลงไปแลว้ จึงเกดิ อีกหนึ่งเหตุการณ์

เหตกุ ารณแ์ รก ใช้ Past Perfect He had cleaned his room.
ประโยคบอกเลา่ Subject + had + V.3 He had not cleaned his room.
ประโยคปฏิเสธ Subject + had not + V.3 Had he cleaned his room?
ประโยคคาถาม Had + Subject + V.3

เหตกุ ารณ์ท่ี 2 จบลงแลว้ ใช้ Past Simple Tense (Subject + V.2) โดยมักมีคาเชอื่ ม เชน่ when, before ระหว่าง 2

เหตกุ ารณ์น้ี

เหตกุ ารณแ์ รก ใช้ Past Perfect คาเชอื่ ม เหตกุ ารณ์ท่ี 2 ใช้ Past Simple ความหมาย

He had cleaned his room before he left home. เขาทาความสะอาดห้องก่อนทจ่ี ะ
ออกจากบา้ น

The train had left when we got to the station. รถไฟออกไปแลว้ ตอนทีเ่ รามาถึง
สถานี

ข้อสงั เกต
เน่อื งจาก 2 เหตกุ ารณ์นี้จะเกิดข้นึ ในอดีตในเวลาใกลเ้ คยี งกัน และจุดเดน่ ของ Past Perfect Tense คอื ใช้เล่า

ถึงเหตุการณห์ น่งึ ซ่งึ จบไปแลว้ อกี เหตุการณจ์ ึงคอ่ ยเกิดขน้ึ ดังน้ัน เราจงึ มักพบคาเช่ือมประโยค เช่น after, already,
just, yet, until, till, as soon as, when, by the time

ตวั อย่างประโยค
I had waited for 2 hours before they arrived. (ฉนั รอมาแล้ว 2 ช่ัวโมงก่อนทพี่ วกเขาจะมาถึง)
After the guests had left, I went to bed. (หลงั จากที่แขกกลบั แลว้ ฉนั ถึงได้เข้านอน)
Before I went to my house, I had had* a car accident. (กอ่ นที่ฉนั กลับบ้าน ฉันเกดิ อบุ ัตเิ หตรุ ถชน)
*had ตวั หลังในประโยคน้ี คือ Verb 3 ของ have นะคะ
By the time they came here, I already had finished my work. (ในตอนท่ีพวกเขามาที่น่ี ฉันทางาน

เสรจ็ เรียบรอ้ ยแล้ว)
My dad had not arrived by the time I left. (พ่อยังไม่มา ตอนทฉ่ี นั ออกจากบา้ น)
They hadn't believed until they saw it. (พวกเขาไมเ่ ชื่อ จนกระทั่งได้เห็นเอง)
ประโยคน้เี ป็นตวั อยา่ งการใช้คาปฏิเสธรปู ย่อของ had not คอื hadn’t อ่านวา่ แฮดดึนท
Had he studied English before he moved to New York?
(เขาไดเ้ รยี นภาษาอังกฤษก่อนเขายา้ ยไปนิวยอร์กหรือเปลา่ )

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อา้ งองิ https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/72203/-blo-laneng-lan-

สรปุ เน้ือหาวิชาภาษาอังกฤษในชีวติ ประจาวนั ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
เร่อื งที่ 16 Past Perfect Continuous Tense

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลกั การใช้ Past Perfect Continuous Tense เรอื่ งราวดาเนินมาเร่อื ย ๆ ก่อนเจออกี เรือ่ งหนง่ึ Past Perfect
Continuous นั้นมกี ารเพิม่ รายละเอียดข้ึนอีกนิด โดยโฟกัสกนั เน้น ๆ ท่คี วามต่อเน่ืองในเหตกุ ารณ์แรกท่เี กิดข้นึ ซึ่งก็
มกั จะมคี าท่ีบอกถึงระยะเวลาเขา้ มาด้วย ไม่เชอื่ มาลองดตู วั อย่างเปรยี บเทยี บก่อนเลย

Past perfect Past perfect Continuous

They had played football before it started to They had been playing football for about half an
rain. hour before it started to rain.
(พวกเขาเล่นฟตุ บอลกอ่ นท่ีฝนเริม่ ตก)
(พวกเขาเล่นฟุตบอลมาแล้วประมาณครึ่งชว่ั โมง ก่อนทฝ่ี นเรม่ิ
ตก)

The police had looked for criminal before they The police had been looking for criminal for two

caught him. years before they caught him.

(ตารวจสบื หาอาชญากร ก่อนทีจ่ บั ได)้ (ตารวจสืบหาอาชญากรอยู่ถึง 2 ปี กอ่ นท่จี บั ได)้

โครงสร้างประโยค Past Perfect Continuous Tense มี Mr.been มารว่ มด้วย แบบน้ีคะ่

ประโยคบอกเล่า Subject + had + been + V.ing I had been waiting for you.

ประโยคปฏเิ สธ Subject + had not been + V.ing I had not been waiting for you.

ประโยคคาถาม Had + Subject + been + V.ing Had you been waiting for me?

การใชง้ าน : อยา่ งท่บี อกไปตอนแรกวา่ เราใช้ Past Perfect Continuousกบั เหตุการณ์แรกที่เกดิ ขึ้น และตอ้ งการเน้น
ใหเ้ ห็นความต่อเน่อื งของเหตุการณน์ ้ันท่ีได้ดาเนนิ มาเรื่อย ๆ ในอดีต

ข้อสังเกต : ในประโยค Past Perfect Continuous มกั จะมคี าท่บี อกถงึ ช่วงระยะเวลาเข้ามาด้วย เชน่ for 2 hours,
for 20 years, by the time

ต้องจา!! : อยา่ ลืมนะคะวา่ ประโยคท่ีเปน็ เหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นทีหลงั ต้องอยูใ่ นรูป Past Simple (Subject + V.2)

ลองดตู ัวอยา่ งกนั ค่ะ
I had been waiting for 2 hours before they arrived.
(ฉนั รอมาแลว้ 2 ช่ัวโมงก่อนท่ีพวกเขาจะมาถึง)

My family had been living in Bangkok for 20 years before we moved to Chiang Mai.
(ครอบครัวฉนั อาศัยอยู่ท่ีกรุงเทพ 20 ปี ก่อนทีจ่ ะยา้ ยไปเชยี งใหม่)

After my friend had been talking on the phone for an hour, she left the room.
(หลังจากทเี่ พ่อื นฉันคุยโทรศัพทอ์ ย่เู ป็นชั่วโมง เธอก็ออกจากหอ้ งไป)

By the time they came here, I had been sleeping for 3 hours.
(ตอนที่พวกน้นั มาถึง ฉันนอนหลบั ไปแลว้ 3 ช่ัวโมง)

My friend had not been arriving by the time I went to bed.
(เพ่ือนฉันยงั ไมม่ า ตอนท่ีฉนั เข้านอนแล้ว)

Jenny had not been having dinner when I arrived.
(เจนนีย่ ังไม่ได้กินข้าวเย็น ตอนทีฉ่ ันไปถึง)

Had you been studying Chinese when I phoned you?
(คณุ กาลงั เรียนภาษาจีนตอนทีฉ่ นั โทรศัพท์ไปหาใช่ไหม)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อา้ งองิ https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/72250/-blo-laneng-lan-

สรปุ เนือ้ หาวิชาภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวัน ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้
เรือ่ งท่ี 17 Present Simple Tense

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลกั การใช้ Present Simple Tense : เรอื่ งจรงิ ในชวี ติ ประจาวัน

Present แปลว่า ปัจจบุ นั ดงั นั้น Present Simple Tense จงึ เป็นประโยคที่มีโครงสรา้ งแบบงา่ ย ๆ เพื่อใช้พูด
ถงึ เหตกุ ารณใ์ นปัจจบุ นั นั่นเอง โดยมลี ักษณะตา่ ง ๆ ดงั น้ี

1. ใช้เพือ่ พดู ถึงความเป็นจรงิ ในชีวติ ประจาวนั หรอื ความเป็นจริงตามธรรมชาติ ถงึ แมว้ ่าเหตกุ ารณ์นัน้ จะ
เป็นอดตี หรอื อนาคตก็ตาม เช่น

When the earth moves around itself, it makes Day and Night.
(เมื่อโลกหมนุ รอบตวั เอง มนั ทาใหเ้ กดิ กลางวันกลางคนื )
Durian is the king of fruit.
(ทเุ รียนเป็นราชาผลไม้)
2. ใชเ้ พ่ือพูดถงึ เหตุการณ์ นิสยั หรือการกระทาท่ีเกิดข้ึนซา้ ๆ บ่อย ๆ เปน็ ประจาทกุ วัน เชน่
I walk to school every day.
(ฉันเดนิ ไปโรงเรียนทกุ วัน)
Nuda always help other people so everyone loves her.
(นุดาชว่ ยเหลือคนอื่นเป็นประจา ดงั นั้นทกุ คนจึงรกั หลอ่ น)
3. ใชเ้ พื่อใหค้ าแนะนาหรือการบอกทิศทาง เชน่
Turn off the television before going to bed.
(ปดิ โทรทัศน์ก่อนเขา้ นอน)
You go straight for 300 meters, then the destination is on your left.
(คุณเดนิ ตรงไป 300 เมตรและจดุ หมายปลายทางจะอยทู่ างซ้ายมอื ของคณุ )
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รูปประโยคของ Present Simple Tense
ดังทไี่ ด้กล่าวข้างต้นว่า Present Simple Tense คือประโยคทบี่ อกเลา่ เรอ่ื งราวต่าง ๆ เชน่ ฉนั ว่ายนา้ ทกุ ๆ วัน
โดยรูปประโยคของ Present Simple Tense มรี ปู แบบดงั ตอ่ ไปน้ี
1. ประโยคบอกเลา่
โครงสร้างของประโยคบอกเล่า : Subject + Verb.1 + Object + (คาบอกเวลา)
ทัง้ นี้คากริยาชอ่ งที่ 1 นน้ั จะมีการเติม s หรือ es ถา้ หากประธานของประโยคเปน็ เอกพจน์ (He, She,
It) แตถ่ ้าประธานเปน็ I, You หรอื ประธานพหูพจน์ (You (หลายคน), We, They) ใหค้ งรูปคากรยิ านั้น ๆ ไวเ้ ชน่ เดมิ
เช่น
I go to university by bus every morning.
(ฉันไปมหาวิทยาลยั โดยรถโดยสารประจาทางทุกเชา้ )
**ประโยคนป้ี ระธานคือ I แม้จะเป็นเอกพจน์แตเ่ ป็นข้อยกเว้น ดงั กริยา go จงึ ไมต่ ้องเตมิ s หรือ es

He plays guitar very well.
(เขาเลน่ กตี ารเ์ ก่งมาก)
**ประโยคน้ปี ระธานคือ He เป็นเอกพจน์ กรยิ าคือ play จึงต้องเติม s
They enjoy playing the football.
(พวกเขาสนุกกับการเล่นฟุตบอล)
**ประโยคน้ีประธานคือ They เป็นพหูพจน์ กริยาคอื enjoy จงึ ไมต่ อ้ งเติม s หรอื es

ความรเู้ พม่ิ เติม : หลกั การเติม s,es นน้ั งา่ ยนดิ เดยี ว คือ คากรยิ าท่ลี งทา้ ยด้วย ch, o, s, ss, sh, x ให้เติม es เมือ่
ประธานของประโยคเปน็ เอกพจน์ (He, She, It) เช่น

She washes her car.
ประธานของประโยคคือ She ซ่ึงเป็นเอกพจน์ คากริยาคือ wash ท่ีลงทา้ ยด้วย sh จงึ ตอ้ งเติม es ตอ่ ท้าย

สว่ นคากริยาอืน่ ๆ ที่ไม่ได้ลงทา้ ยด้วยพยญั ชนะทง้ั 6 ตวั นนั้ ให้เตมิ s หลงั คากรยิ าในประโยคทม่ี ีประธานเป็นเอกพจน์ได้
เลย เช่น

My mom cooks some food for me.
ประธานของประโยคคอื My mom ซึ่งเป็นเอกพจน์ เราใช้ She แทน My mom ได้ คากริยาคอื cook ท่ีไม่ได้
ลงท้ายดว้ ยพยัญชนะตามกฎ จึงเตมิ s ได้ทนั ที
และถา้ หากคากริยานั้นลงทา้ ยดว้ ย y ใหเ้ ปลีย่ น y เป็น i แลว้ เตมิ es ท้ายคากรยิ านั้น เช่น study - studies,
fly - flies, carry - carries เปน็ ต้น แตม่ ีข้อยกเวน้ คือ ถา้ หากหนา้ y เป็นสระ (A, E, I, O, U) ให้เตมิ s ได้ทนั ที เช่น
play - plays, buy - buys, stay - stays
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. ประโยคคาถาม
โครงสร้างของประโยคคาถามใน Present Simple Tense มีสองรปู แบบคอื
แบบท่ี 1 : Verb to be + Subject + Object/ส่วนขยาย + (คาบอกเวลา) ?
ใชเ้ มอื่ ในประโยคน้ันมี V. to be (Is, Am, Are) ปรากฎอยู่ เช่น
She is my sister. ---> Is she your sister ? (หล่อนเปน็ น้องสาวคุณหรือเปลา่ ?)
เมือ่ เหน็ V. to be ในประโยคใหน้ า V. to be ขึ้นตน้ ประโยคนาหนา้ ประธานไดเ้ ลย เพยี งเทา่ น้กี ็จะกลายเปน็ ประโยค
คาถาม (และอยา่ ลืมเปล่ยี นคาสรรพนามด้วยนะคะ จาก my เปน็ your)

แบบที่ 2 : Verb to do + Subject + Verb.1 + Object + (คาบอกเวลา)?
ใชเ้ มือ่ ประโยคน้นั ไม่มี V. to be จึงต้องนา V. to do ไดแ้ ก่ do กบั does เข้ามาช่วย โดยขึ้นตน้ ประโยค
นาหน้าประธาน ซง่ึ มีวิธกี ารใชท้ ่ีแตกตา่ งกนั คือ Do ใชน้ าหนา้ I, You และประธานทีเ่ ป็นพหพู จน์ (You, We, They)
สว่ น Does ใชน้ าหนา้ ประธานท่เี ปน็ เอกพจน์ (He, She, It) และคากริยาคงรูปชอ่ งท่ี 1 เหมอื นเดมิ โดยไมต่ ้องเติม s, es
เช่น
They play football every evening. ---> Do they play football every evening? (พวกเขาเล่น
ฟตุ บอลทุกเยน็ หรือเปล่า?)
ประโยคนีไ้ ม่มี V. to be อยใู่ นประโยค จึงนา V. to do มาใช้ขน้ึ ตน้ ประโยคนาหน้า they ซง่ึ เปน็ ประธานพหูพจน์

That cat eats fish. ---> Does that cat eat fish ? (แมวตัวนน้ั กนิ ปลาหรอื เปล่า?)
ประโยคนไี้ ม่มี V. to be อยใู่ นประโยค จึงนา V. to do นนั่ ก็คอื does มาใช้ขนึ้ ตน้ ประโยคนาหนา้ that cat หรอื กค็ ือ
it ซึ่งเป็นประธานเอกพจน์ โดยคากรยิ าคือ eat มีการตดั s ออกในประโยคคาถาม
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. ประโยคปฏเิ สธ

รูปแบบประโยคปฏิเสธใน Present Simple Tense มสี องรูปแบบคลา้ ยกบั รูปแบบประโยคคาถามคือ
แบบที่ 1 : Subject + Verb to be + not + Object/สว่ นขยาย + (คาบอกเวลา)
ใชเ้ มือ่ ในประโยคนนั้ มี V. to be (Is, Am, Are) ปรากฎอยู่ เช่น
I am your servant. ---> I am not your servant. (ฉันไม่ไดเ้ ป็นคนรบั ใชข้ องคณุ )
เมอ่ื เห็น V. to be ในประโยคให้เตมิ not ไวห้ ลัง V. to be ไดท้ นั ที เพียงเท่านีก้ จ็ ะกลายเปน็ ประโยคปฏิเสธ
แบบที่ 2 : Subject + Verb to do + not + Verb.1 + Object + (คาบอกเวลา)
แบบท่สี องใชเ้ มือ่ ประโยคน้ันไมม่ ี V. to be จึงตอ้ งนา V. to do ไดแ้ ก่ do กับ does เข้ามาช่วยแลว้ ตามหลังดว้ ย not
เพ่ือบอกความปฏิเสธ ส่วนคากรยิ าใหค้ งรปู ช่องที่ 1 เหมอื นเดมิ โดยไมต่ ้องเติม s,es เช่น
He watches television at home. ---> He does not watch television at home. (เขาไม่ได้ดู
โทรทัศน์อยู่ที่บา้ น)
ประโยคน้ไี ม่มี V. to be อยใู่ นประโยค จงึ นา V. to do น่ันกค็ อื does มาเป็นกริยาชว่ ยและตามดว้ ย not เพ่อื บอกรูป
ปฏเิ สธ สว่ นคากรยิ าเมอื่ อยู่ในรปู ปฏเิ สธแลว้ ใหต้ ัด s,es ทง้ิ คงเหลอื คากรยิ าชอ่ งท่ี 1 รูปเดิม
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คาบอกเวลาใน Present Simple Tense
ในประโยค Present Simple Tense มกั จะมีคาบอกเวลาซ่ึงเป็น Adverbs of Frequency ปรากฎอยใู่ น
ประโยคเพื่อบอกความถีข่ องเหตกุ ารณห์ รอื การกระทานน้ั ๆ ได้แก่

Adverbs of Frequency คาบอกเวลา
Always สมา่ เสมอ, เปน็ ประจา
Frequently บอ่ ย ๆ
Often บอ่ ย ๆ
Usually โดยปกติ
Hardly แทบจะไม่เคย
Never ไมเ่ คย
Rarely แทบจะไมเ่ คย
Seldom นาน ๆ คร้ัง
Sometimes บางครงั้

และนอกจากตัวอย่างคาบอกเวลาท่พี บบ่อยใน Present Simple Tense แลว้ ยงั อาจพบคาวา่ every + ...
เชน่ every month, every morning, every Saturday เพ่อื บอกความถ่ีของเหตกุ ารณ์หรือการกระทาก็ได้ เช่น

My teacher always drinks coffee in the morning.
(ครูของฉันดื่มกาแฟในตอนเช้าเปน็ ประจา)

Nadech usually gets up at 7 o'clock.
(โดยปกติณเดชตน่ื นอนตอนเจ็ดโมง)

Narong hardly reads books so he doesn't pass the exam.
(ณรงค์แทบจะไมเ่ คยอ่านหนงั สอื ดงั นั้นเขาจึงสอบตก)

It seldom rains in this part of the country.
(ฝนตกนาน ๆ ครงั้ ในพ้ืนทน่ี ้ีของประเทศ)

I feel like she's selfish sometimes.
(ฉนั รูส้ กึ วา่ หลอ่ นเหน็ แกต่ วั ในบางครัง้ )

Kimmy hangs out with her friends every Saturday night.
(คิมมี่ออกไปเท่ยี วกับเพ่ือนของเธอทกุ คืนวนั เสาร)์
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างองิ https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/68506/-blo-laneng-lan-

สรปุ เน้อื หาวิชาภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจาวัน ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น
เรอ่ื งที่ 18 Present Continuous Tense

ลกั ษณะการใช้ Present Continuous Tense
Present Continuous Tense หรือหลายคนอาจจะรู้จักในชื่อ Present Progressive Tense อยา่ งทเ่ี รารู้วา่

present แปลวา่ ปจั จบุ นั สว่ น continuous/progressive แปลว่า ดาเนินอย่างต่อเนอ่ื ง ดงั นน้ั Tense น้ีจงึ เปน็ การ
บอกเลา่ สิ่งที่กาลงั เกิดขึ้นอย่ใู นปัจจบุ นั โดยมีลักษณะการใชด้ งั น้ี

1. ใช้เพือ่ บอกเล่าเหตุการณ์หรือการกระทาในปัจจุบันที่กาลังดาเนินอยู่และยังไม่จบลง (จะจบลงใน
อนาคต) โดยอาจพบคาบอกเวลา (Adverbs of time) ปรากฏอยู่ในประโยคด้วย เช่น now, at the moment,
right now เปน็ ตน้ ตวั อย่างการใช้เช่น

I am studying at Chulalongkorn university.
(ฉันกาลังศกึ ษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั )

Palm is trying to lose weight now.
(ปาล์มกาลังพยายามลดนา้ หนักอยูต่ อนนี้)

2. ใชก้ บั เหตุการณ์หรือการกระทาทก่ี าลังเป็นกระแสหรอื เป็นทนี่ ยิ มอย่ใู นขณะนั้น เชน่
These day, most people are favoring healthy food.
(ปัจจบุ นั ผู้คนสว่ นใหญ่กาลังนิยมอาหารเพอื่ สุขภาพ)

3. ใชก้ ับเหตุการณห์ รือการกระทาทก่ี าลงั จะเกดิ ข้ึนในอนาคต โดยมกี ารเตรียมและวางแผนไว้ลว่ งหน้า
อยา่ งแน่นอนแล้ว และมักพบคาบอกเวลา (Adverbs of time) เชน่ tonight, this evening, tomorrow, next
week เปน็ ต้น ตัวอยา่ งการใช้เชน่

I am meeting my parent tonight.
(ฉนั จะพบกับพ่อแม่ในคนื นี้)

Cherprang and Pun are going on holiday next week.
(เฌอปรางและปัญจะไปพักร้อนสัปดาหห์ นา้ )

4. ใชก้ ับเหตกุ ารณห์ รือการกระทาทเ่ี กิดขึน้ บ่อยจนเกนิ ไป ทาให้ซา้ ซากและนา่ เบ่ือ ตัวอยา่ งเช่น
Suwich is constantly talking. I wish he would shut up.
(สุวชิ พดู ไม่หยุดเลย ฉนั หวงั ว่าเขาจะหยุดพดู เสยี ที)
**ผูพ้ ดู แสดงอาการราคาญจากการพูดไม่หยุดของสุวิช

I don't like gangster near my house because they are always making noisy.
(ฉันไม่ชอบกลมุ่ อนั ธพาลใกล้บา้ นของฉนั เพราะพวกเขามักจะทาเสยี งดงั เสมอ)
**ถงึ แมว้ ่าเปน็ เหตุการณ์ทเี่ กิดขนึ้ ประจา แต่มันเกินพอดจี ึงใช้ในรูปประโยค Present Continuous Tense
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

รปู ประโยคของ Present Continuous Tense
ลกั ษณะเด่นของรปู ประโยค Present Continuous Tense คือ การใช้ V. to be (Is, Am, Are) และตามด้วย

คากรยิ าที่มีการเติม -ing โดยรปู ประโยค Present Continuous Tense มี 3 รูปแบบ ดังน้ี
1. ประโยคบอกเลา่
โครงสรา้ งประโยคบอกเลา่ : Subject + V. to be + Verb. เตมิ ing + Object + (คาบอกเวลา)

สงิ่ ทเี่ ราต้องคานึงในรูปประโยคของ Present Continuous Tense คือการใช้ V. to be ซ่ึงประกอบด้วย is, am, are
โดยจะเลือกใช้ V. to be ตัวใดน้ันใหส้ ังเกตท่ปี ระธานของประโยค ถา้ ประธานเปน็ He, She, It ให้ใช้ is แต่ถ้าประธาน
เปน็ I ให้ใช้ am และถ้าประธานเป็น You, We, They ให้ใช้ are และเปลีย่ นรูปคากรยิ าโดยการเตมิ ing ตัวอยา่ งเช่น

My sister is playing violin.
(น้องสาวของฉนั กาลงั เล่นไวโอลิน)
** ประโยคนปี้ ระธานคือ My sister หรือใช้ She แทนได้ จึงต้องตามด้วย V. to be คือ is และเติม ing หลงั คาวา่ play

We are reading newspaper now.
(พวกเรากาลังอ่านหนงั สอื พิมพ์ตอนนี้)
** ประโยคนี้ประธานคือ We ซ่งึ เป็นพหูพจน์ ต้องตามด้วย V. to be คอื are และเติม ing หลังคาว่า read

I am sleeping under the tree.
(ฉนั กาลงั นอนอยู่ใต้ต้นไม้)
** ประโยคนป้ี ระธานคือ I ซง่ึ ถงึ แม้ว่าจะเปน็ เอกพจน์ แตจ่ ะตอ้ งตามดว้ ย V. to be คอื am เทา่ นน้ั และเตมิ ing หลัง
คาวา่ sleep
ความรเู้ พิม่ เติม : หลกั การเติม ing ท้ายคากริยาโดยท่ัวไปสามารถเติม ing ไดเ้ ลย แต่มีข้อยกเว้นบางกรณี ดังน้ี
1. คากริยาน้ันมสี ระเสยี งสน้ั (อะ อิ อุ เอะ โอะ ฯลฯ) และโดยมากมักเปน็ a, e, i, o, u อยูห่ นา้ พยัญชนะทา้ ย
หรอื คากรยิ าน้นั ๆ มีตวั สะกดเพียงตวั เดยี ว กอ่ นเตมิ ing ใหเ้ พมิ่ ตวั สะกดของคานนั้ ซา้ อีกตวั หนงึ่ แล้วจึงเตมิ ing เชน่
sit ---> sitting
cut ---> cutting
get ---> getting
shop ---> shopping
2. คากริยานนั้ ลงท้ายดว้ ย e ให้ตดั e ท้งิ แล้วเตมิ ing เช่น
come ---> coming
drive ---> driving
make ---> making
ride ---> riding
smoke ---> smoking

3. คากรยิ าทมี่ ีสระ 2 ตวั (A, E, I, O, U) ให้เติม ing ไดเ้ ลย เชน่
cook ---> cooking
keep ---> keeping
read ---> reading

4. คากริยาท่ีลงท้ายดว้ ย ie ใหเ้ ปลยี่ น ie เป็น y แลว้ จึงเตมิ ing เช่น
die ---> dying
lie ---> lying

5. คากรยิ าที่มสี องพยางค์ และออกเสยี งหนัก (stress) ท่พี ยางคห์ ลัง โดยพยางคน์ ัน้ มสี ระและตัวสะกดเพยี งตัว
เดียว ให้เพม่ิ ตัวสะกดของคาน้ันซ้าอีกตัวหนงึ่ แลว้ จึงเติม ing เช่น

begin ---> beginning
refer ---> referring
swim ---> swimming
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. ประโยคคาถาม
โครงสร้างประโยคคาถาม : V. to be + Subject + Verb. เตมิ ing + object + (คาบอกเวลา)?
ประโยคคาถามใน Present Continuous Tense ไม่มีกฎอะไรมากมายเลยค่ะ เพียงแค่สลับท่ี V. to be ขนึ้ มา
ไว้ตน้ ประโยค โดยตอ้ งพจิ ารณาการเลือกใช้ V. to be ตามประธานของประโยคดว้ ย เพยี งเทา่ น้ีกจ็ ะได้ประโยคคาถาม
ตัวอยา่ งเช่น
Is it raining at the moment ?
(ฝนกาลังตกอยู่ตอนน้หี รือเปล่า?)

Are you lying to me ?
(คุณกาลงั โกหกฉันหรอื เปลา่ ?)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. ประโยคปฏิเสธ
โครงสรา้ งประโยคปฏิเสธ : Subject + V. to be + not + Verb. เตมิ ing + object + (คาบอกเวลา)
สาหรบั รูปประโยคปฏิเสธคงรปู เดมิ คล้ายกบั ประโยคบอกเล่า แต่เพิ่ม not ขน้ึ มาหลัง V. to be เพยี งเทา่ นี้กจ็ ะเปน็
ประโยคปฏเิ สธใน Present Continuous Tense ตัวอย่างเช่น
The students are not studying Science.
(นกั เรยี นไม่ได้กาลงั เรียนวิชาวทิ ยาศาสตร์)

Sunisa is not doing homework.
(สนุ สิ าไม่ไดก้ าลงั ทาการบา้ น)

I am not swimming in the canal.
(ฉันไม่ได้กาลังว่ายนา้ อยู่ในลาคลอง)

ข้อควรจา : คากรยิ าบางตัวไม่สามารถนามาใช้ในรูปประโยค Present Continuous Tense ได้ ดงั นี้
1. กรยิ าที่แสดงถึงประสาทสัมผสั ท้งั หา้ เช่น see, hear, feel, taste, smell เปน็ ต้น
2. กรยิ าท่แี สดงความรู้สึก นึกคดิ เช่น believe, know, understand, forget, remember, recognize, fear เป็นต้น
3. กริยาทแ่ี สดงความชอบและไม่ชอบ เชน่ love, like, hate, dislike, desire เปน็ ต้น
4. กรยิ าท่แี สดงความตอ้ งการ เช่น want, wish, prefer เป็นตน้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างองิ https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/68559/-blo-laneng-lan-

สรุปเนอื้ หาวิชาภาษาอังกฤษในชีวติ ประจาวนั ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น
เรือ่ งที่ 19 Present Perfect Tense

หลกั การใช้ Present Perfect Tense อดตี ถึงปัจจบุ ันยังคงอยู่
Present Perfect Tense เป็น Tense เปน็ เหตุการณใ์ นอดีตที่มผี ลต่อเน่ืองถึงปัจจุบัน
โครงสรา้ งของ Present Perfect Tense คือ
Subject + has / have + V3

has / have ผันตามประธาน ดังนี้
- ประธานเปน็ เอกพจน์ (He, She, It, John, Jane) ใช้ Has
- ประธานเปน็ พหพู จน์ (I, You, We, They, The dogs, Students) ใช้ Have

หลักการใช้ Present Perfect Tense คือ
1. ใชก้ บั เหตุการณ์ทีเ่ พงิ่ จบไป หรอื เพง่ิ จบลงใหม่ ๆ มกั จะมีคาวา่ just, already หรอื yet ในประโยค เช่น
Has the train arrived yet (รถไฟมาถึงหรือยัง)
Daniel has just informed us where to meet tomorrow.
(แดเนยี ลเพิ่งแจง้ เราว่าพรุ่งน้ีจะให้ไปเจอกันท่ไี หน)

2. ใช้กับเหตกุ ารณ์ทเี่ กดิ ขึน้ ต้ังแต่อดีตและมีผลหรือยังคงสภาพจนถงึ ปัจจบุ นั แต่เหตุการณ์น้นั ได้จบลงไปแลว้
โดยส่วนใหญ่จะมคี าวา่ since, for, ever since, so far อยู่ในประโยค เช่น

I’ve known her for years. (ฉนั รู้จกั เธอมาหลายปีแล้ว)
Wendy has lived here ever since. (เวนดอี้ ย่ทู ่นี ่ีมาตั้งแต่บัดน้ัน)

3. ใชใ้ นการเลา่ ประสบการณ์ต่าง ๆ สว่ นใหญ่จะมีคาวา่ never, ever, once, twice รวมอยู่ดว้ ย เช่น
Have you ever been to Japan? (คณุ เคยไปประเทศญีป่ ่นุ ไหม)
She has been to Japan twice. (เธอเคยไปญ่ีปุน่ สองคร้งั )

4. ใช้ในโครงสรา้ ง If-clause แบบที่ 1 ในสว่ นของเง่ือนไขที่แสดงว่าถ้าทาเหตุการณ์หนึง่ เสร็จแล้วอีกเหตุการณ์
จะเกดิ ข้นึ เช่น

The children can go out, if they have finished their homework.
(เด็ก ๆ สามารถออกไปเล่นข้างนอกได้ ถ้าพวกเขาทาการบ้านเสรจ็ )
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แหล่งข้อมูล
ภัทรา ภทั รภูรรี กั ษ์. (2558). Chapter 3 : Tenses Perfect English Grammar, 3(1), 62-63
เลิศ เกษมคา. (2537). Chapter 12 : Tense Grammar and Techniques of the English Language, 24, 297-
299
https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/69706/-blo-laneng-lan-

สรปุ เนอ้ื หาวชิ าภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวนั ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
เรือ่ งที่ 20 Present Perfect Continuous

หลกั การใช้ Present Perfect Continuous จากอดีตเรื่อยมาถงึ ปัจจุบนั
โครงสรา้ งของ Present Perfect Continuous Tense
Subject + has / have + been + V.ing + Object

has / have ผนั ตามประธาน ดงั น้ี
ประธานเปน็ เอกพจน์ (He, She, It, John, Jane) ใช้ Has
ประธานเป็นพหพู จน์ (I, You, We, They, The dogs, Students) ใช้ Have
หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense
1. ใชก้ บั เหตุการณ์ทเี่ กดิ ขึ้นเร่ือย ๆ ตง้ั แต่อดตี จนถึงปจั จุบัน เช่น

Lisa has been living in New York since 2004.
ลซิ า่ อาศยั อยู่ทนี่ ิวยอร์กตั้งแต่ปี 2004
(อาศยั อยู่ตั้งแตป่ ี 2004 และตอนนกี้ ย็ งั อาศัยอยู่ท่ีนวิ ยอรก์ )

My sister has been talking on the phone for an hour!
นอ้ งสาวของฉนั คยุ โทรศัพท์มาเป็นชว่ั โมงแล้ว
(เร่มิ คยุ ต้งั แต่หนึง่ ชัว่ โมงท่แี ล้ว และตอนนี้ก็ยังคยุ อยู่)

2. ใช้พดู แทน Present perfect ได้ในความหมายทเ่ี หมือนกัน
How long have you been learning English? หรอื How long have you learned English?
คุณเรยี นภาษาองั กฤษมาเทา่ ไหร่แล้ว

Note: กริยาที่ไม่แสดงความต่อเน่ืองของการกระทาจะไม่สามารถใช้ Tense นไ้ี ด้ เช่น
เราจะไมพ่ ดู ว่า The clock has been stopping เน่ืองจากคาวา่ stop เป็นกรยิ าที่ไม่แสดงความตอ่ เนื่อง ดงั นัน้ เราจึง
ต้องพดู วา่ The clock has stopped เพอื่ บอกว่านาฬิกาหยดุ ทางาน ซง่ึ ผลของการกระทาคอื เข็มนาฬิกาไม่เดิน

ตัวอย่างของกริยาท่ไี มแ่ สดงความต่อเนื่อง เช่น believe, cost, dislike, envy, forget, hate, know, like, love,
need, see, taste, understand หรือ want เป็นต้น
นอกจากนจี้ ะไมใ่ ช้ just, already, never, finally กับ Present Perfect Continuous Tense
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความแตกตา่ งระหว่าง Present perfect กบั Present perfect continuous
Present Perfect จะอธิบายถงึ สิ่งทีเ่ กิดขึน้ และจบลงไปแล้ว แตผ่ ลของการกระทาดงั กลา่ วยังแสดงใหเ้ ห็นอยู่ แต่
Present Perfect Continuous จะอธบิ ายถึงส่ิงทีเ่ กดิ ข้ึนหรอื สิ่งท่ีทาตั้งแต่ในอดีตและยงั คงทาต่อมาเรื่อย ๆ จนถงึ
ปจั จุบัน เน้นว่ากาลังกระทาสิ่งน้นั อยู่ ไม่ใช่ผลของสงิ่ ท่ที า เช่น

How long have you known her?
คณุ รู้จักเธอมานานแคไ่ หนแล้ว
**คาวา่ known เปน็ กิรยิ าทีไ่ ม่แสดงความต่อเน่ือง และการทาความรู้จักนั้นคอื ได้ทาความรู้จกั กันไปตัง้ แต่ครง้ั แรกท่ีเจอ
กนั และจบลงไปแล้ว แตส่ ถานะความเปน็ เพื่อนยงั คงอยมู่ าจนถงึ ปัจจบุ ัน ซง่ึ ความเป็นเพ่ือนคือผลของการทาความรูจ้ ัก
จึงต้องใช้ Present Perfect Tense

How long have you been working with Nancy?
คณุ ทางานกบั แนนซ่มี านานแคไ่ หนแล้ว
**เป็นการเนน้ ท่ีการกระทาวา่ ทางานดว้ ยกนั มานานแค่ไหน และตอนนี้ก็ยงั ทางานกบั แนนซ่ีอยู่ เนอื่ งจากเปน็ การพูดถงึ
ความต่อเนื่องต้ังแต่ในอดตี มาจนถึงปัจจบุ นั และปจั จบุ นั กย็ ังคงกระทาสิ่งนั้นอยู่ จงึ ต้องใช้ Present Perfect
Continuous Tense
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แหลง่ ข้อมูล
https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/69707/-blo-laneng-lan-

สรปุ เน้อื หาวิชาภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจาวัน ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น
เรอ่ื งท่ี 21 Future Simple Tense

หลกั การใช้ Future Simple Tense อนาคตแสนธรรมดา
Future tenses เปน็ Tense ทีพ่ ดู ถึงเรอ่ื งท่จี ะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต แบง่ เป็น 4 ประเภท คือ Future Simple

Tense, Future Continuous Tense, Future Perfect Tense และ Future Perfect Continuous Tense ซึง่ ครง้ั น้ี
เราจะมาทาความเขา้ ใจ หลักการใช้ Future Simple Tense อนาคตแสนธรรมดา

Future Simple Tense เป็น Tense ที่พูดถึงเร่อื งราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เช่น ฉนั จะทานั่น ฉัน
จะทาน่ี

โครงสรา้ งของ Future Simple Tense
ประโยคบอกเลา่ :

Subject + will + Verb Infinitive + Object

NOTE: Verb infinitive คือ คากรยิ าที่อยใู่ นรูปปกติ ไมม่ ีการผนั และไม่มกี ารเติมสง่ิ ใดต่อทา้ ย ตัวอย่างเช่น talk, swim,
go

ประโยคปฏเิ สธ :
Subject + will not (won't) + Verb Infinitive + Object

ประโยคคาถาม :
Will/Shall + Subject + Verb Infinitive?

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลกั การใช้ Future Simple Tense
1. ใช้กับเหตุการณท์ ี่คาดวา่ จะเกดิ หรอื มีโอกาสทีจ่ ะขน้ึ ในอนาคต โดยทเ่ี หตุการณ์นนั้ จะเกิดขึ้นหรอื ไม่เกิดขนึ้ กไ็ ด้

Ex. They say it will rain all week.
พวกเขาบอกวา่ ฝนจะตกตลอดท้ังสัปดาห์เลย (ซึ่งความจรงิ แลว้ ฝนอาจจะไมต่ กก็ได)้

Ex. Jane will come to the party.
เจนจะไปงานเล้ียง (ซึ่งความจรงิ แล้วเจนอาจจะไม่ไปงานเลย้ี งกไ็ ด)้

2. ใช้ในโครงสร้าง If-clause แบบท่ี 1 แสดงถงึ เหตุการณท์ ี่มีแนวโนม้ จะเกดิ ขนึ้ เมื่อมีอีกเหตุการณ์หนึง่ เกดิ ข้นึ มา
ก่อน

Ex. If Patrick comes, I will go.
ถ้าแพทริคมา ฉันจะไป

Ex. All the students will be kept in detention if they misbehave.
นกั เรยี นท้ังหมดจะถูกลงโทษโดยการกักตัว ถา้ พวกเขาประพฤติตัวไมด่ ี

3. ใช้กับการใหส้ ัญญา หรือการเสนอส่ิง ๆ หนึ่งใหผ้ ู้อน่ื
Ex. I will give you a lift to the university if you want to.
ฉนั จะไปส่งเธอทีม่ หาวทิ ยาลยั เองถา้ เธอต้องการ
Ex. Will you have some more juice?
คุณจะรับน้าผลไม้เพิ่มหนอ่ ยไหม

4. ใช้กับเหตุการณ์ทีเ่ พ่ิงคิดได้ว่าจะทาเดียยวนน้ั ไม่มกี ารเตรียมตวั มาก่อนล่วงหนา้ วา่ จะทา
Ex. Kate: Can we go to the department store?
เราไปหา้ งสรรพสนิ คา้ กันดีไหม
Carl: We’ll see.
ขอฉันคิดดกู ่อนนะ

NOTE: เราสามารถใช้ shall แทน will ได้ในกรณที ตี่ ้องการแสดงความจรงิ ใจ ต้งั ใจหรือแสดงความหนกั แน่นจริงจังของ
การกระทา

Ex. Mary shall be glad to see Ken.
แมร่คี งต้องดใี จทจี่ ะไดพ้ บเคน

Ex. I shall be disappointed if she isn’t happy.
ฉันคงต้องผดิ หวงั ถ้าเธอไมม่ ีความสุข

Ex. Tonight, you shall sleep outside.
คืนน้แี กจะตอ้ งนอนข้างนอก

นอกจากน้ี เรายงั พบการใช้ shall แทน will ในหนงั สือสาคญั และสนุ ทรพจน์ท่เี ปน็ ทางการมาก เช่น
We here highly resolve this nation under God shall have a new birth of freedom.
ณ บดั น้ี เราได้ตัดสนิ ใจอยา่ งเด็ดเดี่ยวแลว้ วา่ ชนชาติภายใต้ความคุ้มครองของพระเจ้าชนชาติน้ี จะตอ้ งกอ่ กาเนดิ
เสรภี าพข้นึ ใหม่

(สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีเอบ็ บราฮมั ลงิ คอรน์ ในการเลิกทาส)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แหล่งข้อมลู
https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/69778/-blo-laneng-lan-

สรปุ เนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษในชีวติ ประจาวนั ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น
เร่ืองที่ 22 Future continuous tense

หลกั การใช้ Future continuous tense สอ่ งดอู นาคตทีก่ าลังจะเกิดขนึ้ แน่ ๆ
การใชป้ ระโยคแบบ Future continuous tense ใช้ได้กบั เหตกุ ารณ์ 2 แบบ คือ
1. มีเหตกุ ารณห์ นึ่งเดยี วท่ีคาดวา่ จะเกิดข้นึ อย่างแนน่ อนในอนาคต โดยมีการระบุเวลาในอนาคตไว้ค่อนข้าง

ชัดเจนด้วย เชน่ My brother will be watching a football match tomorrow at 9 am. พ่ชี ายของฉนั คงกาลังดู
การแขง่ ขันฟุตบอล ในวันพรุ่งนี้ เวลา 9 โมง

โครงสร้างประโยค Future continuous tense

ประโยคบอกเล่า Subject + will + be + V.ing I will be studying English at 10 o’clock tomorrow.

ประโยคปฏิเสธ Subject + will not be + V.ing I will not be studying English at 10 o’clock
tomorrow.

ประโยคคาถาม Will + Subject + be + V.ing Will I be studying English at 10 o’clock tomorrow?

ตวั อย่างประโยค

My friend will be doing his homework tonight. (เพื่อนฉันคงกาลงั ทาการบา้ นอย่ใู นคืนนี้)

The first train will be arriving tomorrow at 6 o’clock. (รถไฟขบวนแรกจะมาถงึ พรุง่ นี้ เวลา 6 โมง)

At 7 o’clock, I will be eating dinner with my family. (เวลา 1 ทุ่ม ฉันคงกาลงั กินอาหารม้ือคา่

กับครอบครวั อยู่)

I will be having a test at 9 a.m. tomorrow. (ฉนั คงกาลังสอบอยู่ตอนพรงุ่ นี้9 โมง)

I will be seeing the doctor on Friday afternoon. (ฉันคงกาลงั ไปหาหมอ ในวันศกุ รช์ ว่ งบา่ ย)

Next Monday, you will be working in your new job. (วนั จนั ทรห์ นา้ นี้ คณุ ก็คงกาลงั ทางานในท่ีใหม่)

2. มี 2 เหตกุ ารณ์ท่ีคาดวา่ กาลังจะเกดิ ข้นึ ในอนาคต แตเ่ กดิ ขน้ึ ไม่พร้อมกนั เช่น
I will be sleeping when my mom gets home tonight.
(ฉันคงกาลงั หลับอยูต่ อนท่ีแม่มาถงึ บ้านคนื นี)้

มาดโู ครงสรา้ งประโยคของ 2 เหตกุ ารณว์ า่ ใชอ้ ยา่ งไรกนั คะ่ I will be sleeping
เหตุการณ์ ท่ี 1 (เกิดกอ่ น) ใช้ Future Continuous S. + will + be + V.ing my mom gets home
เหตุการณ์ ท่ี 2 (เกดิ หลัง) ใช้ Present Simple S + V.1

ตวั อย่างประโยค
I’ll be preparing the dinner when you come tomorrow evening.
(ฉนั คงกาลังเตรยี มอาหารค่าอยูต่ อนท่ีคุณกลบั มาพร่งุ น้ีเย็น)

เพิ่มเติม: I’ll เปน็ รูปยอ่ ของ I will ส่วน I will not ใช้รูปย่อเป็น I won’t

My boss will be meeting when I arrive tomorrow morning.
(เจ้านายของฉันคงกาลงั ประชุมอยู่ ตอนท่ีฉนั ไปถึงพรงุ่ น้เี ช้า)

The children will be sleeping when I cook breakfast tomorrow morning.
(เด็ก ๆ คงกาลงั หลับอยู่ตอนที่ฉนั ทาอาหารเชา้ วันพรงุ่ น้ี)

ขอ้ สงั เกต : การใช้ Future continuous tense มคี วามใกลเ้ คยี งกับ Future simple tense เพราะว่าเป็นการบอกถึง
เหตกุ ารณท์ ่ีกาลังจะเกิดข้ึนในอนาคตขา้ งหนา้ เหมือนกนั แตแ่ ตกต่างกันตรงท่ี Future continuous tense จะเหน็ ภาพ
เหตกุ ารณช์ ัดเจนกวา่ มคี วามแน่นอนทีจ่ ะเกิดข้นึ มากกว่า ลองดู 2 ประโยคขา้ งล่างนเ้ี ปรียบเทยี บกัน

I will see the doctor tomorrow morning.
ฉันจะไปหาหมอวันพรุ่งน้ีตอนเช้า(Future simple)

I will be seeing the doctor tomorrow morning.
ฉันคงกาลังพบหมออยู่ในวันพรุ่งนต้ี อนเชา้ (Future continuous)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แหลง่ ข้อมูล
https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/72303/-blo-laneng-lan-

สรปุ เนอื้ หาวิชาภาษาอังกฤษในชีวิตประจาวัน ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้
เรอ่ื งท่ี 23 Future Perfect Tense

หลักการใช้ Future Perfect Tense อนาคตทค่ี าดว่าจะทาเสร็จแล้ว
การใช้ Future Perfect Tenseสามารถนาไปใช้ได้กบั เหตกุ ารณ์ 2 แบบ คอื
1. มีเหตกุ ารณ์หน่ึงเหตกุ ารณท์ ีค่ าดวา่ จะสนิ้ สดุ ลงแล้วในอนาคต เช่น I will have finished my report by

tomorrow.(ฉนั คงจะทารายงานของฉันเสรจ็ ในวันพร่งุ นี้)

โครงสรา้ งและตวั อย่างประโยค I will have finished my report by tomorrow.
ประโยคบอกเลา่ Subject + will + have + V.3 I will not have finished my report by
tomorrow.
ประโยคปฏเิ สธ Subject + will + not + have + V.3 Will I have finished my report by tomorrow?

ประโยคคาถาม Will + Subject + have + V.3

ตวั อยา่ งการใช้ Future Perfect Tense
I will have seen the dentist Friday evening. (ฉันคงจะหาหมอฟันเสร็จแลว้ ตอนเย็นวนั ศกุ ร์)
We will have eaten dinner at 6 o’clock tomorrow.
(พวกเราคงจะกนิ อาหารม้ือค่ากนั เสร็จตอน 6 โมงเย็นพรงุ่ นี้)
I will have watching movie tomorrow evening. (ฉันคงจะดหู นงั เสรจ็ ตอนเยน็ วันพรุ่งน้ี)
I will have been here for one year next month. (ในเดอื นหนา้ ฉนั กจ็ ะอยู่ทีน่ ่มี าไดค้ รบ 1 ปีแล้ว)

2. มี 2 เหตกุ ารณ์ โดยในอนาคตจะมีเหตกุ ารณห์ น่งึ ดาเนินมาจนจบส้ินลงพอดีกบั อกี เหตกุ ารณ์หนงึ่
เกิดขึน้ เช่น I will have eaten when you pick me up. (ฉนั คงจะทานขา้ วเสร็จแล้วตอนที่คุณมารบั )

โครงสร้างและตัวอย่างประโยคของ 2 เหตุการณ์ S. + will + have + V.3 I will have eaten
เหตกุ ารณ์ ท่ี 1 (เกดิ ก่อน) ใช้ Future Perfect S + V.1 you pick me up
เหตุการณ์ ที่ 2 (เกิดหลงั ) ใช้ Present Simple

ดูตวั อย่างประโยคแล้วจะเขา้ ใจมากขนึ้ ค่ะ
The train will have left when we get the station.(รถไฟคงจะออกไปแลว้ ตอนที่พวกเราไปถึงสถานี)
By the time you read this letter, I will have left. (ขณะทค่ี ุณอ่านจดหมายนี้ ฉันคงไปแล้วนะ)
The kids will have woken up when we come. (เด็ก ๆ คงจะตื่นกันแลว้ ตอนเรากลับมา)
She will have dressed when he picks her up. (เธอคงจะแต่งตวั เสร็จแล้วตอนทีเ่ ขามารับ)
He will have washed his car when I get home. (เขาคงจะลา้ งรถเสรจ็ แล้วตอนที่ฉันถึงบา้ น)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แหล่งข้อมลู
https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/72407/-blo-laneng-lan-

สรุปเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษในชีวติ ประจาวัน ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้
เร่ืองท่ี 24 Future Perfect Continuous Tense

หลกั การใช้ Future Perfect Continuous Tense ดาเนินมาและดาเนินต่ออีกระยะ

Future Perfect Continuous Tense ใชก้ ล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้ 2 แบบ
1. พดู ถงึ เหตกุ ารณห์ นงึ่ เหตุการณท์ ี่เกิดข้ึนในอนาคต ซ่ึงได้ดาเนินต่อเนื่องมาแล้วเป็นระยะเวลาหนึง่ และ

ในเวลาอนาคตที่อ้างอิงนนั้ ก็ดาเนนิ ไปต่ออีกสักพกั มีการระบุระยะเวลาอยา่ งชัดเจนวา่ ไดด้ าเนินมาแล้วนานเพียงใด
เชน่ for five minutes, for one hour, for two weeks

Ex. I will have been studying Chinese for two years next month.
(ฉนั คงจะได้เรียนภาษาจนี มาครบ 2 ปีเตม็ แลว้ ในเดือนหนา้ กค็ ือถ้านบั ถึงแคเ่ ดอื นนีจ้ ะยังไมค่ รบ 2 ปแี ละได้
เรียนตอ่ เนือ่ งมาได้ระยะหนง่ึ แล้ว ซึง่ ก็จะยงั คงน่าจะเรยี นต่อไปอีก)

โครงสรา้ งและตัวอยา่ งประโยค I will have been studying Chinese for
ประโยคบอกเล่า Subject + will + have + been + V.ing two years next month.
ประโยคปฏิเสธ Subject + will not + have + been + V.ing I will not have been studying Chinese
ประโยคคาถาม Will + Subject + have + been + V.ing for two years next month.
Will I not have been studying Chinese
for two years next month?

ลองดูตัวอย่างเพิ่มเตมิ ใหเ้ ข้าใจข้ึนค่ะ
I will have been eating lunch for 30 minutes at 12 o’clock tomorrow.
(ฉันคงจะกาลงั กินอาหารเทีย่ งมาได้ 30 นาทแี ล้ว ในตอนเที่ยงวนั พรุ่งน้ี)
I will have been working here for ten years by this September.
(ฉันคงจะได้ทางานท่นี ีม่ าเปน็ เวลา 10 ปีแลว้ ในเดอื นกนั ยายนท่ีจะถึงน้ี)
At 9 a.m. tomorrow, we will have been working for 12 hours.
(ในเวลา 9.00 น. ของวันพร่งุ นี้ พวกเราคงจะทางานครบ 12 ชวั่ โมงพอด)ี

2. ใช้พดู ถึงสองเหตุการณ์ในอนาคต โดยมีข้อสงั เกตวา่ ในประโยคจะระบุอยา่ งชดั เจนวา่ เหตกุ ารณแ์ รกเกดิ
ขึน้ มานานเพยี งใดแล้ว จากน้นั จงึ เกดิ เหตกุ ารณท์ ี่ 2 ตามมา

Ex. My friend will have been reading for three hours by the time I get library.
(เพื่อนของฉนั คงจะได้กาลงั อ่านหนงั สอื เปน็ เวลา 3 ชวั่ โมงแล้ว ตอนที่ฉนั มาถึงหอ้ งสมุด)

โครงสร้างและตัวอยา่ งประโยคของสองเหตุการณ์

เหตกุ ารณ์ ท่ี 1 ใช้ Future Perfect S. + will + have been + My friend will have been
(เกิดก่อนและระบดุ ้วยว่า Continuous V.ing reading for three hours.
เกดิ ข้ึนมานานแค่ไหนแลว้ )

เหตกุ ารณ์ ท่ี 2 ใช้ Present Simple S + V.1 I get library.
(เกดิ หลงั )

ตัวอยา่ งประโยค
The train will have been leaving for 15 minutes when we get the station.
(รถไฟคงจะออกไปแลว้ 15 นาที ตอนที่พวกเราไปถึงสถานี)

They will have been fighting for over an hour by the time the police come.
(พวกเขาคงจะทะเลาะกนั นานกวา่ 1 ช่วั โมงแลว้ ตอนทต่ี ารวจมาถึง)

They will have been waiting for more than 3 hours when the brand new shopping mall
opens.

(พวกเขาคงจะรอมานานกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว ตอนท่หี า้ งสรรพสนิ ค้าแห่งใหม่เปิดให้บรกิ าร)

I won’t have been waiting for you for 30 minutes when you arrive.
(ฉันไม่ไดร้ อคุณมาแลว้ 30 นาทนี ะ ตอนทค่ี ุณมาถงึ น่ะ (อาจจะรอมาแล้ว 3 ชัว่ โมง))
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แหล่งข้อมูล
https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/72448/-blo-laneng-lan-