การตั้งราคาให้กับสินค้าหรือบริการของเราก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่เราควรให้เวลากับมันในการหาข้อมูลมาตอบคำถามว่าราคาเท่าไหร่ที่เราควรให้มันเป็น เพราะมันจะส่งผลหลาย ๆ อย่างกับธุรกิจ และไม่มีลูกค้าคนไหนที่จะอยากจ่ายเงินให้กับสินค้าหรือบริการที่ตัวเองรู้ว่ามันแพงมากกว่าปกติ หรือบางครั้งลูกค้าก็กังวลว่าราคาของสินค้าหรือบริการที่ถูกเกินไปนั้นจะทำให้ไม่ได้คุณภาพ บทความนี้ก็เลยจะมาให้ขั้นตอนต่าง ๆ ที่คุณนำไปใช้ในการตั้งราคาสินค้าและบริการของคุณเอง Show 1. คำนวณต้นทุนของคุณการคำนวณต้นทุนได้ครบถ้วนและแม่นยำจะช่วยให้คุณตั้งราคาที่ไม่ทำให้คุณขาดทุนในระยะยาว พยายามคำนวณทุกปัจจัยที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ คุณใช้อะไรบ้างในการสร้างสินค้าหรือบริการของคุณ ก่อนนำมาขายให้กับลูกค้า ตัวอย่างเช่น เวลา ค่าจ้างพนักงาน ภาษี หรือค่าเช่าที่ เป็นต้น 2. . เข้าใจตลาดเป้าหมายของคุณสำรวจและวิเคราะห์คู่แข่งของคุณ ดูว่าพวกเขาตั้งราคาเท่าไหร่ในสินค้าหรือบริการที่คุณภาพที่พอ ๆ กับของเรา รวมทั้งสำรวจและวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า ดูว่าพวกเขาจ่ายไหวมากที่สุดที่ราคาเท่าไหร่ และคำนวณต้นทุนต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ดี หลังจากนั้นเราก็มาตัดสินใจว่าจะตั้งราคาอย่างไร 3. เลือกวิธีการตั้งราคาการตั้งราคาทำได้หลายวิธี เช่น ตั้งราคาอิงจากต้นทุน ตั้งราคาอิงจากราคาของคู่แข่งในท้องตลาด ตั้งตามคุณค่าของสินค้า(ตีเป็นมูลค่าที่ลูกค้าจะได้รับ) เป็นต้น หรือใช้กลยุทธ์การตั้งราคา(Pricing Strategy Matrix)
4. ใช้หลักจิตวิทยาเข้าช่วยบางครั้งราคาเราอาจจะไม่สามารถแตกต่างจากคู่แข่งของเราได้มากนัก ลูกเล่นเหล่านี่ก็จะเข้ามาช่วยทำให้ราคาของเราดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
5. หาจุดคุ้มทุนหากคุณได้คำนวณต้นทุนจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สำรวจราคาคู่แข่ง และตั้งราคาเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อย ลำดับต่อไปคือหาจุดคุ้มทุนที่จะเป็นตัวบอกคุณว่าคุณต้องขายมากน้อยแค่ไหนถึงจะทำให้คุณไม่ขาดทุนและทำให้คุณได้กำไร ถ้าหากคำนวณแล้วมันดูจะเป็นไปได้ยาก คุณควรกลับไปเริ่มขั้นตอนแรก ไม่ฉะนั้นคุณจะมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน *ข้อแนะนำ : อัพเดทข้อมูลอยู่ตลอดเวลาหมั่นสอดส่องคู่แข่งของคุณว่ามีการปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่ พูดคุยแลกเปลี่ยนกับลูกค้าของคุณเกี่ยวกับความคิดเห็นของพวกเขาในเรื่องของราคากับความคุ้มค่าที่พวกเขาได้รับกลับไป เพื่อคุณจะปรับตัวได้ทันสถานะการณ์ต่าง ๆ ของการแข่งขันในตลาดของคุณ หากมีคำถามหรือข้อโต้แย้งสามารถคอมเมนต์แลกเปลี่ยนกันได้เลย หากชอบคอนเทนต์แบบนี้ฝากกดแชร์เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่กำลังสนุกกับการทำธุรกิจแล้วเติบโตไปด้วยกัน การตั้งราคาขายนับเป็นสิ่งที่ยากสำหรับคนที่เริ่มทำธุรกิจใดๆก็ตาม ตั้งแต่พ่อค้าแม่ค้าไปถึงธุรกิจขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ในบทความนี้ได้รวมวิธีการตั้งราคาขายสินค้าที่สามารถเอาไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกลายเป็นเรื่องง่ายดาย 3 วิธีหลักในการตั้งราคา
ทั้ง 3 วิธีเป็นวิธีการตั้งราคาขายสินค้าโดยพื้นฐานทั่วไปที่ใช้กัน โดยสามารถเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง แต่ก็จำเป็นต้องนำทั้ง 3 วิธีมาผสมผสานใช้ร่วมกัน ที่จำเป็นต้องยึดตัวลูกค้าเป็นสำคัญ
คุณค่า (Value) กับการกำหนดราคา หลักการตลาดที่ดีนั้นการกำหนดราคาต้องขึ้นอยู่กับคุณค่าที่ผู้บริโภคจะได้รับ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคำว่า คุณค่า (Value) หมายถึง ประโยชน์ด้านการเงินที่ลูกค้าสามารถประหยัดได้ และความพึงพอใจที่ลูกค้าได้รับจากสินค้าหรือบริการ แต่หากเป็นในทางเศรษฐศาสตร์จะหมายถึง คุณค่าจากการใช้งานหรือประโยชน์จากสินค้าหรือบริการที่เราซื้อ รวมคุณค่าจากการแลกเปลี่ยน เช่น ราคาสินค้าร้าน A สูงกว่าร้าน B อยู่ 10 บาท แต่ร้านค้าอยู่ใกล้บ้านมากกว่า ซึ่งช่วยให้ประหยัดเวลาการเดินทางได้ การตั้งราคาสินค้าด้วยคุณค่านั้นจำเป็นต้องตั้งคำถามเหล่านี้ประกอบกัน
การผลิตสินค้าที่มีคุณค่าโดยการยึดลูกค้าเป็นสำคัญ (Customer Driven) ธุรกิจจำเป็นต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อผลิตสินค้าที่ตรงตามความต้องการ สินค้าที่ผลิตขึ้นมานั้นต้องมีความพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งที่แตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในตลาด สินค้าต้องส่งผลให้ลูกค้ามีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น คุณภาพก็ต้องอยู่ในระดับที่ได้มาตรฐานขึ้นไป และที่สำคัญธุรกิจต้องแสดงถึงความจริงใจในทุกๆด้าน ธุรกิจใดสามารถนำนวัตกรรม (Innovation) และเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในกระบวนการผลิต หรือแม้แต่ผลิตออกมาเป็นสินค้าก็จะมีต้นทุนที่สร้างคุณค่าให้กับลูกค้ามากกว่าคู่แข่งอื่นๆในตลาด โดยผลของนวัตกรรมนั้นต้องสะท้อนจากการยึดความต้องการของตัวลูกค้าเป็นหลัก มีการใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในตัวสินค้า และเป็นสิ่งที่ยังไม่มีใครทำมาก่อน คุณค่าจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นหากสินค้านั้นมีคุณค่ากับสังคม ชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อม และต้องมีความรวดเร็วลดเวลาและขั้นตอนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ปัจจัยที่มีผลต่อการรับรู้คุณค่าของผู้บริโภค ในการทำธุรกิจเพื่อนำเสนอคุณค่าที่แท้จริงให้กับผู้บริโภค ธุรกิจจำเป็นต้องเข้าใจปัจจัยที่สร้างผลกระทบต่อการรับรู้คุณค่าของผู้บริโภค เพื่อนำไปพิจารณาในการตั้งราคาด้วยการยึดคุณค่าเป็นหลัก โดยมีผลกระทบอยู่ 9 อย่างด้วยกัน |