การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ

06

Show

สร้างสัมพันธภาพที่ดี มีค่าเสมอ

สัมพันธ์ภาพทางเพศ หมายถึง ความสัมพันธ์ของเพศชาย เพศหญิง โดย ปกติจะพัฒนาจากการที่บุคคลอยู่ใกล้ชิด มีความสนิทสนม สนใจซึ่งกันและกัน เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ในลักษณะต่างๆ ทั้งอุปนิสัยใจคอ การแต่งกาย ความชอบ ไม่ชอบ บุคลิกภาพ ทัศนคติที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดความรู้จักมากขึ้น จนพัฒนาเป็นความ ชื่นชอบ สนิทสนมซึ่งกันและกัน

การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ

การวางตัวต่อเพศตรงข้าม หมายถึง การที่ชายและหญิงประพฤติปฏิบัติต่อกัน เพื่อสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างกันในสภาพต่างๆ กัน การที่มีโอกาสรู้จักคุ้นเคยกับเพื่อนต่างเพศ ที่มีอายุรุ่นเดียวกัน จะช่วยให้เรียนรู้ถึงความแตกต่างและความสัมพันธ์ระหว่างคนกับเพื่อนต่างเพศ การวางตัวต่อเพศตรงข้าม รวมทั้งมารยาทและการปฏิบัติตนต่อเพศตรงข้าม นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับเพศตรงข้ามได้ง่ายขึ้น ในการคบเพื่อนต่างเพศในวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่วัยรุ่นควรกระทำตัวให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และเป็นที่ยอมรับของสังคม ไม่นำมาคิดเป็นเรื่องที่จริงจังมากเกินไป ซึ่งในการวางตัวต่อเพศตรงข้ามต้องคำนึงและพิจารณาอย่างรอบคอบ ว่าควรจะคบในฐานะใด แต่ต้องขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อมหลายด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องคำนึงถึงจุดหมายในชีวิต หน้าที่ และความรับผิดชอบของตนเองเป็นหลักการรู้จักปรับตัวต่อเพศตรงข้ามจะช่วยให้เราสามารถวางตัวได้อย่างเหมาะสม

การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ

ป้องกันตนเองจากการมีเพศสัมพันธ์อันไม่พึงประสงค์ จากพฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าวได้ โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ๕ ขั้นตอน คือ

๑. อย่าเปิดโอกาส ซึ่งเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม คือ ฝ่ายหญิงต้องประพฤติปฏิบัติตน ให้ดี อยู่ใน กรอบประเพณีที่เหมาะสมในการวางตัวต่อเพศตรงข้าม โดยไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายชาย มีโอกาส ในทุกๆ เรื่อง

๒. อย่าเปิดเครื่องรางของขลัง พบมากในการปฏิบัติตัวของเพศหญิง เช่น การแต่งกายที่ยั่วยวน ใส่เสื้อผ้าสายเดี่ยว เสื้อที่คอกว้างเกินไป โชว์สัดส่วนรูปร่างมากเกินไป กระโปรง กางเกงที่สั้นมากๆ ทำให้เพศชาย เกิดความรู้สึกและอารมณ์ทางเพศได้ง่าย ซึ่งจะนำไปสู่การก่อคดีอาชญากรรม ข่มขื่น และการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ พึงประสงค์ได้

๓. อย่าเปิดไฟเขียว เพศหญิงจะต้องรู้จัก

หลักการปฏิเสธบ้าง คือ จะต้องฝึกพูด ๓ คำ คือ ไม่นะ.... อย่านะ...... หยุดนะ...... ให้เป็น โดยตั้งสติให้แน่วแน่ ชัดเจน

๔ . ถ้าปฏิเสธไม่ได้ให้เจรจาต่อรอง เช่น ถ้าจะชวนมีเพศสัมพันธ์ จะต้องหาวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ เช่น ใส่ถุงยางอนามัย (condom) หรืองัดไม้ตายมาใช้ เช่น “ ถ้าคุณไม่ยอม ฉันจะมีแฟนใหม่” เป็นต้น ถ้าเขารักเราจริงๆ ไม่หวังเรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างเดียววิธีนี้คงได้ผล

๖ . แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายยินยอมพร้อมใจ อยากมีเพศสัมพันธ์ ต้องรู้จักการป้องกัน การติดเชื้อโรคเอดส์ (HIV) และป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งจะมีปัญหาติดตามอีกมากมาย เช่นการตั้งครรภ์ เรียนไม่จบ การทำแท้ง เป็นต้น

การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ

1.การวางตัวแบบเพื่อน

มีลักษณะการวางตัวโดยภาพรวมเหมือนกับการวางตัวต่อเพศเดียวกันแบบเพื่อน แต่การวางตัวต่อเพศตรงข้ามจะมีความละเอียดอ่อนกว่า ผู้ชายควรจะปกป้องดูแลช่วยเหลือผู้หญิง ข้อสำคัญคืออย่าคิดไม่ดีกับเพื่อนในทางเพศ และไม่ควรล่วงเกินโดยการถูกเนื้อต้องตัวไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม การพูดจาก็จะต้องระมัดระวังคำพูดที่หยาบคาย ทะลึ่ง หรือพูดสองแง่สองง่าม ส่วนผู้หญิงก็ต้องระวังเพื่อนชายบางคนที่มีนิสัยเจ้าชู้ ชอบล่วงเกินผู้หญิง แม้จะเป็นเพื่อนกันก็ไม่สมควร ในสมัยก่อนจะมีโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาที่เป็นโรงเรียนชายล้วน หรือหญิงล้วนกันมาก อาจมีปัญหาการวางตัวต่อเพศตรงข้ามอยู่บ้าง สมัยต่อมาจนถึงปัจจุบันโรงเรียนชายล้วนก็เปิดรับผู้หญิงเข้าไปเรียน โรงเรียนหญิงล้วน ก็เปิดรับผู้ชายเข้าไปเรียน จึงทำให้มีโรงเรียนประเภทสหศึกษามากขึ้น นักเรียนในโรงเรียนประเภทสหศึกษาจะมีการวางตัวต่อเพศตรงข้ามได้ดี เนื่องจากมีความคุ้นเคยต่อการเข้าสังคมระหว่างเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม

การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ

การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
สังคมยุคโลกาภิวัฒน์ที่ผู้คนดำเนินไปตามแบบวัฒนธรรมตะวันตกมากขึ้น ทำให้บทบาทของชายหญิงได้รับการมองว่าต้องมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ซึ่งสังคมไทยก็เปิดกว้างยอมรับค่านิยมแบบสากลนี้
ความสำคัญของความเสมอภาคทางเพศ
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
ในปัจจุบันบทบาททางเพศระหว่างผู้ชายและผู้หญิงในสังคมเปลี่ยนแปลงไปจาก เดิม โดยเฉพาะในสังคมไทย ซึ่งแต่เดิมนั้นมองบทบาททางเพศของผู้ชายว่าอยู่ในฐานะ " ช้างเท้าหน้า " และมองบทบาททางเพศของผู้หญิงว่าอยู่ในฐานะ " ช้างเท้าหลัง " นั่นคือ ให้บทบาทของผู้ชายเป็นผู้นำและบทบาทของผู้หญิงเป็นผู้ตาม อาจกล่าวได้ว่าสังคมไทยแต่เดิมนั้นกำหนดความเสมอภาคทางเพศโดยเฉพาะประ เด็นในเรื่องของการแสดงออกทางเพศอย่างไม่ค่อยเท่าเทียมกันนัก เมื่อวัฒนธรรมตะวัน ตกเข้ามาเผยแพร่ ค่านิยมหลายอย่างของเราก็ได้มีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับความเป็นสากลซึ่งเรื่องความเสมอภาคทางเพศก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีการเรียกร้องให้มีการแก้ไข และก็สามารถดำเนินการปรับปรุงแก้ไขด้านในหลายประเด็น ดังนั้น ความเสมอภาคทางเพศ จึงหมายถึง การที่เพศชายและเพศหญิงมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงบทบาทของตนเองต่อสังคมได้อย่างเท่าเทียมกัน แต่ต้องอยู่ภายในกรอบที่เหมาะสมของวัฒนธรรมที่ดีงามของสังคมไทย ในปัจจุบันสังคมไทยให้ความ สำคัญกับเรื่อง ความเสมอภาคทางเพศมากขึ้นโดยมองบทบาททางเพศของชายและหญิงว่ามีระดับที่เท่าเทียมกัน ไม่มีการกีดกันทางเพศ
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
ดังนั้น ความสำคัญของความเสมอภาคทางเพศ จึงขึ้นอยู่กับความเข้าใจในบทบาททางเพศและการมีสัมพันธภาพที่เหมาะสมระหว่างชายหญิง โดยวัยรุ่นจะรู้สึกอ่อนไหวกับคำพูดที่เกี่ยวข้องกับบทบาททางเพศของตนเองมากขึ้น
โดยวัยรุ่นจะเลียนแบบพฤติกรรมซึ่งเป็นบทบาททางเพศจากบุคคลที่ใกล้ชิดกับตัว เอง กล่าวคือ วัยรุ่นชายจะเลียนแบบจากพ่อ พี่ชาย หรือญาติชายที่ใกล้ชิด ในขณะที่วัยรุ่นหญิงก็จะเลียนแบบจากแม่ พี่สาว หรือญาติสาวที่สนิท
การวางตัวต่อเพศตรงข้าม
การวางตัวต่อเพศตรงข้าม หมายถึง การที่เพศชายและเพศหญิงประพฤติปฏิบัติต่อ
กันและกัน เพื่อสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างกัน ซึ่งในที่นี้จะขอนำเสนอแนวทางในการวางตัวต่อเพศตรงข้ามในสองสถานภาพ คือ ในฐานะเพื่อนและในฐานะคู่รัก
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
1. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะเพื่อน เมื่อชายหญิงคบกันในฐานะเพื่อน เราควรปฏิบัติตนต่อเพศตรงข้ามทั้งใน ด้านการพูด การแสดงกิริยา และการประ พฤติตัวด้านอื่นๆ ในลักษณะที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
2. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะคู่รัก เมื่อชายหญิงมีความสัมพันธ์กันในฐานะคู่รัก ก็ควรหาโอกาศได้เรียนรู้อุปนิสัย ความต้องการ ค่านิยม และความสนใจของกันและกัน เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพศตรงข้ามในฐานะคู่รักได้พัฒนาไปสู่ฐานะคู่สมรสอนึ่ง ในวัยหนุ่มสาว เพศชายและเพศหญิงจะมีแรงขับทางเพศมาก ซึ่งเป็น ไปตามธรรมชาติความใกล้ชิดกันมากเกินไป อาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรได้
ปัญหาทางเพศ
ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของหลายๆคนก็คือปัญหาทางเพศซึ่งมีอยู่หลายลัษณะไม่ว่าจะเป็นความสับสนต่างๆ การมีความรักใคร่ชอบพอคู่รักที่เป็นเพศเดียวกับตน เป็นต้น
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
1. ลักษณะปัญหาทางเพศ
สถานภาพทางเพศเป็นสิ่งที่ติดตัวทุกคนมาตั้งแต่กำเนิด สถานภาพทางเพศก็อาจจะ
มิใช่ปัจจัยกำหนดความเป็นชายเป็นหญิงได้อย่างแท้จริงทั้งหมด เนื่องจากบุคคลบางกลุ่มอาจเกิดการเบี่ยงเบนทางเพศ ซึ่งสามารถจำแนกลักษณะปัญหาทางเพศได้ ดังนี้
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
1. ความสับสนในความเป็นชายหญิง จะเริ่มต้นในวัยเด็ก โดยเด็กผู้ชายอายุ 3-6 ปี
บางคนชอบเล่นตุ๊กตา ชอบแสดงท่าทางคล้ายผู้หญิง แต่พออายุ 12-13 ปี ความรู้สึกและการแสดงออกอย่างนี้อาจหายไปเลย
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
2. ความเบี่ยงเบนทางเพศ ( Sexual Deviations ) คือ กลุ่มคนที่มีพฤติกรรมทาง
เพศผิดปกติ ซึ่งแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
2.1 ) ปฏิเสธเพศ ( Transexual ) คือ ผู้ที่ไม่พอใจและไม่ยอมรับในเพศที่แท้จริงที่มี
มากำเนิด รวมทั้งมีความเชื่อว่าเพศที่ปรากฏทางร่างกายของตนไม่ถูกต้อง ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับเพศชายโดยชายเหล่านี้จะมีลักษณะท่าทางการแสดงออกเป็นเพศหญิง
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
2.2) รักร่วมเพศ ( Homosexual ) คือ ผู้ที่มีความพึงพอใจที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ได้แก่ ชายรักชาย และหญิงรักหญิง
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
1) ชายรักชาย หรือเกย์ ( Gay ) แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เกย์คิง หมายถึง ผู้ที่แสดงบทบาททางเพศเป็นชายหรือฝ่ายกระทำเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ส่วนอีกประเภทหนึ่ง คือ เกย์ควีน หมายถึง ผู้ที่แสดงบทบาททางเพศเป็นหญิงหรือฝ่ายถูกกระทำเมื่อมีเพศสัมพันธ์
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
2) หญิงรักหญิง หรือเลสเบี้ยน ( Lesbian ) คนไทยมีคำเรียกดั้งเดิมว่า อัญจารี แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ทอม หมายถึง การแสดงออกภายนอกมีลักษณะภายนอกเป็นชาย ส่วนอีกประเภทหนึ่ง คือ ดี้ หมายถึง การแสดงออกภายนอกจะมีลักษณะเป็นหญิง
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
2.3) รักสองเพศ ( Bisexuality ) หมายถึง ผู้ที่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ทั้งกับเพศชายและเพศหญิง ภาษาชาวบ้านนิยมเรียกว่า เสือไบ หรือพวกกระแสสลับ
แนวทางการแก้ไขปัญหาทางเพศ
เพื่อให้เด็กมีพฤติกรรมทางเพศที่ถูกต้อง พ่อแม่ ผู้ปกครอง จึงควรให้การดูแลเด็กดังนี้
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
1. พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูก เพราะหากพ่อแม่แสดงบทบาททางเพศไม่เหมาะสม จะทำให้ลูกเกิดความเบี่ยงเบนทางเพศได้
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
2. สนับสนุนให้วัยรุ่นทั้งเพศชายและหญิงแสดงเอกลักษณ์ทางเพศของตนเองให้ถูกต้องและเหมาะสม
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
3. สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทางเพศตามที่สังคมไทยและกรอบของขนบ
ธรรมเนียมวัฒนธรรมไทยได้กำหนดไว้พร้อมทั้งมีการส่งเสริมให้เด็กเห็นคุณค่าและความสำคัญของความเป็นเพศชายและเพศหญิง โดยอาจให้คำแนะนำและเสนอแนะกับเด็กที่เป็นวัยรุ่น ดังนี้
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
3.1 ยอมรับตนเอง โดยค้นหาและทำความรู้จักตนเองให้ได้ว่าตนเองคือใคร เป็นเพศชายหรือหญิง
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
3.2 เข้าใจธรรมชาติว่า เมื่อเกิดมาเป็นเพศชายหรือเพศหญิงแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยน แปลงได้
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
3.3 ภาคภูมิใจในเพศของตนเองและเห็นอกเห็นใจเพื่อนที่มีพฤกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
3.4 ส่งเสริมให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้านเพศศึกษา

การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ

การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ
https://th.wikipedia.org/wiki/โลกตะวันตก

การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะ