#ละเมิด เป็นการกระทำโดย #จงใจ หรือ #ประมาทเลินเล่อ ต่อบุคคลภายนอกโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้ (ผู้ถูกกระทำ) ได้รับเสียหายแก่ #ชีวิต#ร่างกาย#อนามัย#เสรีภาพ#ทรัพย์สิน หรือ #สิทธิอย่างหนึ่งอย่างใด กฎหมายถือว่าผู้นั้นทำละเมิดจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดนั้น (ป.พ.พ.ม. 420) การกระทำจะเป็นละเมิดต้องประกอบด้วยหลัก 3 ประการ 1. กระทำต่อบุคคลอื่นโดย #ผิดกฎหมาย ซึ่งหมายถึงการประทุษกรรม กระทำต่อบุคคลโดยผิดกฎหมายด้วยอาการฝ่าฝืนต่อความหมายที่ห้ามไว้หรือละเว้นไม่กระทำ ในสิ่งที่กฎหมายบัญญัติให้กระทำหรือตนมีหน้าที่ ตามกฎหมายจะต้องกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นต้นว่า ฆ่าเขาตาย, ทำร้ายร่างกายเขา,ขับรถโดยประมาทชนคนตายและทรัพย์สินของเขาเสียหาย ฯลฯ 2. กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ คือ ทำโดยรู้สำนึกและในขณะเดียวกันก็รู้ว่าจะทำให้เขาเสียหาย เช่น เจตนาฆ่าหรือเจตนาทำร้าย ฯลฯ อย่างไรก็ดี การกระทำโดยจงใจในเรื่องละเมิดถือหลักเบาบางกว่าทางอาญาสำหรับอาญานั้นต้องกระทำโดยรู้สึกสำนึกในการที่ทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำต้องประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลด้วยส่วนจงใจในเรื่องละเมิดบางกรณีไม่ผิดในทางอาญาแต่เป็นละเมิดต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เขา.คำว่าประมาทเลินเล่อในทางแพ่งหมายความถึงการกระทำที่ขาดความระมัดระวังจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายนั้นและหมายความถึงการไม่ป้องกันผลที่เกิดขึ้นโดยประมาทเลินเล่อแม้ตนเองไม่ได้กระทำให้เกิดผลนั้นขึ้นระดับความระมัดระวังของบุคคลต้องถือระดับบุคคลธรรมดา 3. ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย โดยปกติผู้กระทำต้องรับผิดเฉพาะการกระทำของตนแต่อย่างไรก็ดีในเรื่องละเมิดถ้าได้มีการกระทำละเมิดร่วมกันหรือแม้มิได้ร่วมแต่เป็นผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการกระทำละเมิดดังนี้บุคคลเหล่านี้จะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายนั้น #ค่าสินไหมทดแทน เกิดจากการละเมิดที่ได้รับความเสียหาย ที่พึงได้รับนั้นถ้า #ตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องดำเนินการ #ฟ้องร้องต่อศาล และศาลจะกำหนดค่าสินไหมทดแทนโดยจะวินิจฉัยตามสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิด ปกติค่าสินไหมทดแทน ได้แก่ การคืนทรัพย์สินที่ผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะการละเมิดหรือใช้ราคาทรัพย์สิน รวมทั้งค่าเสียหายพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆ ที่ได้ก่อขึ้นด้วย สิทธิประโยชน์เรียกร้องค่าสินไหมทดแทน เพื่อเยียวยาความเสียหายจากการถูกทำละเมิดมีรายละเอียดอะไรบ้าง ติดตามกันได้เลยครับ เรียกร้องสินไหมทดแทนได้ 1.เสียชีวิต 2.ร่างกาย/อนามัย 3.เสรีภาพ 4.ชื่อเสียง 5.ทรัพย์ 6.สิทธิอื่น ๆ“การชดใช้ความเสียหายแก่ทรัพย์สิน” 1.คืนทรัพย์สินที่เสียหายไป 2.ใช้ราคาแทนการคืนทรัพย์สิน“เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้กี่วิธี?” 1.คืนทรัพย์สินที่เสียหาย 2.ใช้ราคาแทนการคืนทรัพย์สิน *กรณีทรัพย์สินเสื่อมค่า บุบสลาย เสียหาย จนคืนไม่ได้* 3.ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 1.ทายาทจะได้รับ -ค่าปลงศพ -ค่าใช้จ่ายจำเป็นเพื่อการปลงศพ -ค่ารักษาพยาบาลก่อนเสียชีวิต 2.พ่อแม่ สามีหรือภรรยา ลูก และ ลูกบุญธรรมหรือผู้รับลูกบุญธรรมจะได้รับ -ค่าขาดการไร้การอุปการะ 3 พ่อแม่ สามีหรือภรรยา ลูก และ นายจ้างจะได้รับ -ค่าชดใช้ขาดแรงงาน (ครัวเรือน/อุตสาหกรรม)“การชดใช้ค่าเสียหายแก่ร่างกายอนามัย” **ผู้เสียหายเท่านั้นที่เรียกร้องได้** 1.ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ระหว่างเจ็บป่วย 2.ค่าเสียความสามารถประกอบการงาน 3.ค่าชดใช้ขาดแรงงาน 4.ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป เช่น ค่ารักษา – ค่าเดินทาง – ค่าจ้างเฝ้าไข้ – ค่าจ้างเลี้ยงลูก 5.ค่าความเสียอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น พิการ – อับอาย – เสียโฉม – เสียอวัยวะสืบพันธุ์/เสียสุขภาพจิต“การชดใช้ความเสียหายแก่สิทธิและเสรีภาพ” 1.ชดใช้ค่าขาดแรงงาน 1.1 ขาดแรงงานในครัวเรือน พ่อแม่ สามีหรือภรรยา ลูก (ตามกฎหมาย) หรือ ผู้ใช้อำนาจปกครองมีสิทธิเรียกร้องให้ชดใช้ได้ 1.2 ขาดแรงในอุตสาหกรรม นายจ้าง(ตามสัญญาจ้าง) มีสิทธิเรียกร้องให้ชดใช้ได้ 2.ค่าเสียหายอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตัวเงิน“การชดใช้ค่าเสียหายแก่ชื่อเสียง” *ผู้เสียหายต้องแจ้งขอไว้ในคำฟ้อง* -ชดใช้ค่าเสียหาย -จัดการใช้ชื่อเสียงกลับมาดีดังเดิม -หรือทั้ง 2 อย่าง “ศาลจะใช้ดุลพินิจวินิจฉัย” หลักการใช้ดุลพินิจของศาล -พฤติการณ์ข้อเท็จจริงในคดี -ความร้ายแรงของการละเมิด -ประเภทของสินไหมทดแทนที่กฎหมายกำหนดไว้ *ศาลกำหนดค่าสินไหมทดแทนไม่เกินกว่าที่โจทก์ร้องในคำฟ้อง* #กฎหมายน่ารู้#คดีแพ่ง#ชื่นใจคนไทยรู้กฎหมาย#รู้กฎหมายไว้ใช้กฎหมายเป็น#สำนักงานกิจการยุติธรรม#กระทรวงยุติธรรม |