ความเสี่ยงด้านบัญชี มี อะไร บาง

การบริหารความเสี่ยง คือ กระบวนการดำเนินงานขององค์กรที่เป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้องค์กรลดมูลเหตุของแต่ละโอกาสที่จะเกิดความเสียหาย ให้ระดับของความเสียหายและขนาดของความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อยู่ในระดับที่องค์กรยอมรับได้ ประเมินได้ ควบคุมได้ และตรวจสอบได้อย่างมีระบบ โดยคำนึงถึงการบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์กรเป็นสำคัญ

คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็น เพื่อช่วยให้การทำงานหลักของเว็บไซต์ใช้งานได้ รวมถึงการเข้าถึงพื้นที่ที่ปลอดภัยต่าง ๆ ของเว็บไซต์ หากไม่มีคุกกี้นี้เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม และจะใช้งานได้โดยการตั้งค่าเริ่มต้น โดยไม่สามารถปิดการใช้งานได้


คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ จะช่วยให้เว็บไซต์เข้าใจรูปแบบการใช้งานของผู้เข้าชมและจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานผลการใช้งานของผู้ใช้งาน


คุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อแสดงโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานแต่ละรายและเพื่อเพิ่มประสิทธิผลการโฆษณาสำหรับผู้เผยแพร่และผู้โฆษณาสำหรับบุคคลที่สาม

🌟มาดูกันนะคะว่า ในการประกอบธุรกิจ จะมีประเด็นความเสี่ยงและแนวทางการป้องกันอะไรบ้างที่เจ้าของธุรกิจควรระวัง เพื่อไม่ให้เกิดกับธุรกิจตัวเองค่ะ

➡️ ประเด็นเสี่ยงข้อมูลภายใน

1.สินค้าและวัตถุดิบ

• ควรจัดเก็บเป็นหมวดหมู่เหมาะสม แบ่งประเภทหรือจัดหมวดหมู่ของสินค้า ออกเป็นแต่ละประเภทของชนิดของสินค้านั้น ๆ

• ควรมีการตรวจนับเป็นประจำ เพื่อให้ทราบว่าสินค้าคงเหลือมีอยู่จริง และจำนวนถูกต้อง อีกทั้งสินค้าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์

• ควรใช้โปรแกรมเชื่อมโยงกับระบบบัญชี ทำให้เห็นภาพรวมของระบบและการเคลื่อนไหวของรายการ

2.เงินเดือนและค่าแรง

• ควรจ่ายโดยการโอนอัตโนมัติผ่านระบบธนาคาร ต้องตรวจสอบชื่อและเลขที่บัญชีของพนักงานแต่ละคนให้ถูกต้องตรงกัน ข้อมูลพนักงานตรงกับระบบประกันสังคม

3.การเลือกใช้โปรแกรมบัญชี

• สามารถเชื่อมโยงกับระบบงานอื่น เช่น ควบคุมสินค้า ระบบซื้อขาย ระบบทรัพย์สิน ระบบเงินเดือน เพื่อแสดงข้อมูบที่ถูกต้องเป็นปัจจุบัน

ความเสี่ยงด้านบัญชี มี อะไร บาง

ความเสี่ยง (RISK) ถ้าจะอธิบายความหมายง่ายๆ ก็คือ โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด ความเสียหายหรือเหตุการณ์
ไม่พึงประสงค์ที่ทำให้งานไม่สำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด (แต่บางครั้งความเสี่ยงที่อาจ จะเกิดขึ้น
อาจจะเป็นโอกาสด้านที่ดีก็ได้) ซึ่งงานด้านบัญชีก็มีความเสี่ยง มีโอกาสจะเกิดความผิดพลาดความเสียหายได้
เช่นเดียวกัน  ดังนั้น นักบัญชีเรามาทำความเข้าใจกับความเสี่ยงกันครับ

สำหรับความเสี่ยงที่นักบัญชีควรทำความเข้าใจพื้นฐานแบ่งออกเป็น
1. ความเสี่ยงจากลักษณะธุรกิจ/ ความเสี่ยงสืบเนื่อง (Inherent Risk)
2. ความเสี่ยงจากการควบคุมภายใน (Control Risk)
3. ความเสี่ยงจากการตรวจไม่พบข้อผิดพลาด (Detection Risk)

ความเสี่ยงจากลักษณะของธุรกิจ (Inherent Risk) หรือความเสี่ยงสืบเนื่อง เป็นความเสี่ยงที่มีอยู่โดยธรรมชาติ
ในธุรกิจหรือกิจกรรมแต่ละอย่าง เมื่อใดก็ตามที่ตัดสินใจจะทำธุรกิจหรือกิจกรรมนั้น ความเสี่ยงดังกล่าวก็จะปรากฏอยู่
ซึ่งผู้บริหารจะต้องมีความเข้าใจถึงความเสี่ยงจากธุรกิจที่องค์กรของตนประสบอยู่ และผู้บริหารจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ
ว่าจะลดความเสี่ยงนี้ได้อย่างไร นั่นหมายความว่า ควรพิจารณาความเสี่ยงระดับใด (สูง กลาง ต่ำ)  และพยายาม
จัดการให้ความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยทั่วไปความเสี่ยงจากลักษณะทางธุรกิจลดลงได้ด้วยการจัดให้มีระบบ
การควบคุมภายใน (Internal Control)

จากที่กล่าวข้างต้น นักบัญชีจึงต้องมีส่วนช่วยผู้บริหารในการวิเคราะห์ว่าลักษณะการประกอบธุรกิจมีกิจกรรมในจุดใด
บ้างหรือไม่ที่มีโอกาสของความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งถ้าไม่มีการกำหนดมาตรการในการควบคุมที่เพียงพอ ย่อม
ส่งผลกระทบก่อให้เกิดความเสี่ยงหายแก่องค์กรได้ 

  บางส่วนจากบทความ "ความเสี่ยงพื้นฐาน นักบัญชีควรระวัง"
  อ่านบทความฉบับเต็มได้ใน... วารสาร CPD & Account 16 ฉบับที่ 193  เดือนมกราคม 2563
Accounting Style: CPD Coach  : Mr.Knowing
วารสาร : CPD&ACCOUNT มกราคม 2563
ความเสี่ยงด้านบัญชี มี อะไร บาง

ความเสี่ยงด้านบัญชี มี อะไร บาง

ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกองค์กรธุรกิจ เป็นโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด ความเสียหาย การรั่วไหล ความสูญเปล่าหรือเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต และมีผลกระทบ ที่จะทำให้การดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จหรือบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร ที่กำหนดไว้ งานบัญชีเป็นงานที่มีความสำคัญมากของทุกองค์กร มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลบัญชีและ การเงิน ซึ่งต้องมีความถูกต้องสำหรับผู้ประกอบการนำไปใช้ในการตัดสินใจ และมีความน่าเชื่อถือ สำหรับบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามงานบัญชีก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาดซึ่งจะก่อ ให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร ผู้ประกอบการจะรับมือกับความเสี่ยงในงานบัญชีได้อย่างไร บทความนี้ มีคำตอบ

ความเสี่ยงที่พบในงานบัญชี

ความเสี่ยงที่พบในงานบัญชี  ประกอบด้วย

1. ความเสี่ยงจากลักษณะธุรกิจ (Inherent Risk หรือ IR) หรือความเสี่ยงสืบเนื่อง

เป็นความเสี่ยงที่มีอยู่โดยธรรมชาติในธุรกิจหรือกิจกรรมแต่ละอย่าง เกิดขึ้นจากลักษณะของธุรกิจ ความ เสี่ยงนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อมีการตัดสินใจทำธุรกิจหรือดำเนินกิจกรรมนั้น

โดยความเสี่ยงสืบเนื่อง แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทดังนี้

1.1 ความเสี่ยงสืบเนื่องในระดับงบการเงิน

เป็นการพิจารณาความเสี่ยงจากงบการเงินโดยรวม ว่างบการเงินมีโอกาสแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริง ที่เป็นสาระสำคัญได้อย่างไร โดยปัจจัยที่ใช้ประเมินความเสี่ยงสืบเนื่องในระดับของงบการเงิน ได้แก่

– ลักษณะธุรกิจของกิจการ

เช่น กิจการที่มีรายการกิจการที่เกี่ยวข้องกันมีความเสี่ยงจากการกำหนดราคาขายสินค้าระหว่างกันใน ราคาต่ำกว่าราคาตลาด หรือกิจการที่มีรายการค้าการนำเข้าหรือส่งออก มีความเสี่ยงในเรื่องอัตรา แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือกิจการที่จำหน่ายสินค้าประเภทแฟชั่นตามสมัยนิยม มีความ เสี่ยงเรื่องสินค้าล้าสมัย เป็นต้น

– ความซื่อสัตย์และประสบการณ์ของผู้บริหาร

ความซื่อสัตย์ ประสบการณ์ของผู้บริหาร รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระหว่างงวดบัญชี มีผลต่อการ จัดทำงบการเงิน

– แรงกดดันที่ผิดปกติต่อผู้บริหาร

การที่ผู้บริหารได้รับค่าตอบแทนที่มีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับกำไรสุทธิหรือรายได้ มีโอกาสที่กิจการจะบันทึก รายการกำไรสุทธิหรือรายได้สูงกว่าความเป็นจริง เช่น กิจการอาจรับรู้รายได้โดยที่ยังไม่ควรรับรู้ ตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป หรือการเลื่อนการรับรู้ค่าใช้จ่ายโดยการตั้งบันทึกบัญชีค่าใช้จ่าย รอตัดบัญชี เป็นต้น

– ปัจจัยที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่กิจการดำเนินอยู่

ได้แก่ เศรษฐกิจ สถานการณ์การแข่งขันในตลาด ลูกค้า เทคโนโลยี การเกิดโรคระบาด เช่น การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 วิธีการปฏิบัติทางบัญชีสำหรับอุตสาหกรรมนั้นๆ เป็นต้น

1.2 ความเสี่ยงสืบเนื่องในระดับของยอดคงเหลือในบัญชีและประเภทของรายการ

เป็นการพิจารณาในรายละเอียดของรายการมากกว่าในระดับของงบการเงิน ได้แก่

– การประเมินความซับซ้อนของรายการและเหตุการณ์ ว่าต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรือการประมาณการ ในการกำหนดยอดคงเหลือของบัญชี เช่น การประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตาม เทคโนโลยี

– การพิจารณาความเป็นไปได้ที่สินทรัพย์จะสูญหายหรือถูกยักยอก
– รายการที่มีความผิดปกติและซับซ้อน รวมทั้งรายการที่ไม่ผ่านการประมวลผลตามปกติ

2. ความเสี่ยงจากการควบคุม (Control Risk หรือ CR)

เป็นความเสี่ยงที่ระบบบัญชีของกิจการไม่สามารถป้องกันหรือตรวจพบและแก้ไข การแสดงข้อมูล ที่ขัดต่อข้อเท็จจริงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันเวลา หรือเป็นความเสี่ยงที่เกิดจากระบบการควบคุม ภายในที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีการปฏิบัติตาม จนทำให้มีข้อผิดพลาดรวมอยู่ในงบการเงิน ตัวอย่างเช่น

– กิจการไม่มีการอนุมัติรายการก่อนการจ่ายเงิน ทำให้มีการจ่ายเงินซ้ำซ้อน หรือมีรายจ่ายที่ไม่ใช่รายจ่ายของกิจการ

– กิจการไม่มีนโยบายหรือแนวทางในการปฏิบัติงานทำให้ไม่มีการแบ่งแยกหน้าที่งานที่เหมาะสม

– มีการจัดทำงบพิสูจน์ยอดเงินฝากธนาคารโดยพนักงานบัญชี แต่ไม่ได้รับการตรวจทานจาก หัวหน้าแผนกบัญชี

– ผู้จัดการแผนกบัญชีมีความไว้วางใจพนักงานบัญชีคนหนึ่งมากเกินไป จึงมอบหมายให้จัดทำรายงาน ทางการเงินทั้งหมดโดยไม่ได้ตรวจสอบ

แนวทางในการจัดการความเสี่ยง

ในการจัดการความเสี่ยง ในที่นี้ขอนำแนวคิดของ COSO (The Committee of Sponsoring Organizations of the Tread Way Commission) ซึ่งเป็นคณะกรรมการร่วมของสถาบันวิชาชีพทางด้านบัญชีและตรวจสอบภายใน 5 สถาบัน มาใช้ดังนี้

1. การวางระบบควบคุมภายใน

การควบคุมภายในเป็นเครื่องมือในการจัดการที่เป็นกลไกพื้นฐานของกระบวนการกำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ขององค์กรให้ดำเนินงานไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์

วัตถุประสงค์ของการควบคุมภายใน

1. ความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงาน (Effective and Efficiency of Operation หรือ O) เป็นวัตถุประสงค์ที่มุ่งเน้นให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่ กำหนดไว้ขององค์กร

2. ความเชื่อถือได้ของรายงานทางการเงิน (Reliability of Financial Reporting หรือ F) เพื่อให้ ผู้ใช้รายงานทางการเงินขององค์กรที่เป็นบุคคลทั้งภายในและภายนอกได้ข้อมูลที่ถูกต้องไปใช้ใน การตัดสินใจ

3. การปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด กฎระเบียบ และข้อบังคับ (Compliance with Laws and Regulations หรือ C) เพื่อป้องกันมิให้องค์กรเกิดความเสียหายจากการละเว้นไม่ปฏิบัติ หรือ ปฏิบัติผิดกฎหมาย ข้อกำหนด กฎ ระเบียบ และข้อบังคับขององค์กรเอง

ประเภทของการควบคุมภายใน

การควบคุมภายในแบ่งออกเป็น 5 ประเภทดังนี้

1. การควบคุมแบบป้องกัน (Preventive Control)

เป็นการควบคุมเพื่อป้องกัน หรือลดความเสี่ยงจากความผิดพลาด ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เช่น การแบ่งแยกหน้าที่การงาน การควบคุมการเข้าถึงทรัพย์สิน เป็นต้น

2. การควบคุมแบบค้นพบ (Detective Control)

เป็นการควบคุมเพื่อค้นพบความเสียหาย หรือความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น การสอบทานงาน การสอบยืนยันยอด การตรวจนับพัสดุ เป็นต้น

3. การควบคุมแบบแก้ไข (Corrective Control)

เป็นวิธีการควบคุมที่กำหนดขึ้นเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นให้ถูกต้อง หรือเพื่อหาวิธีแก้ไขเพื่อ ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำอีกในอนาคต

4. การควบคุมแบบส่งเสริม (Directive Control)

เป็นวิธีการควบคุมที่ส่งเสริมหรือกระตุ้นให้เกิดความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เช่น การให้รางวัล แก่ผู้มีผลงานดี เป็นต้น

5. การควบคุมแบบชดเชย (Compensating Control)

เป็นวิธีการควบคุมที่กำหนดขึ้นเพื่อชดเชยหรือทดแทนระบบสำรองที่ทำอยู่เดิม เช่น การเปลี่ยนจากการ ใช้โปรแกรมบัญชีระบบออฟไลน์เป็นระบบออนไลน์ เป็นต้น

ความเสี่ยงด้านบัญชี มี อะไร บาง

แนวทางการวางระบบการควบคุมภายใน

มีแนวทางดังต่อไปนี้

1. การกำหนดวัตถุประสงค์ของกิจกรรมการควบคุมภายใน

เป็นการกำหนดวัตถุประสงค์ของกิจกรรมให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในภาพรวมขององค์กร การค้นหาความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญที่ทำให้การดำเนินงานไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ และการพิจารณาการ ควบคุมที่มีอยู่ว่าสามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงได้ในระดับใด

2. แนวทางการกำหนดหรือออกแบบระบบการควบคุมภายใน

การกำหนดแนวทางระบบการควบคุมภายในทำได้โดยกำหนดหลักเกณฑ์ ระเบียบการปฏิบัติงาน การป้องกันการทุจริตอย่างต่อเนื่อง มีการกำหนดแผนการดำเนินการโดยเชื่อมโยงมาตรฐาน การปฏิบัติงานของหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร

3 .การติดตามประเมินผล

ได้แก่ การติดตามประเมินผลในระหว่างการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่รวมอยู่กับการบริหาร จัดการ และการควบคุมดูแลการปฏิบัติงานปกติประจำวัน โดยบุคลากรขององค์กรทุกระดับต้องมี ความรับผิดชอบร่วมกันในการติดตามการประเมินผลในหน่วยงานย่อยของตนเอง และการประเมินผล เป็นรายครั้ง โดยอาจจัดตั้งหน่วยงานอิสระในการประเมินผลตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้บริหาร มีเครื่องมือในการประเมินผล เช่น แบบสอบถามการควบคุมภายใน รวมทั้งการทดสอบการควบคุม ได้แก่ การทดสอบระบบการปฏิบัติงาน การสอบทานรายการต่างๆ เป็นต้น

2.การบริหารความเสี่ยง (Enterprise Risk Management)

ตามแนวทางกรอบจัดการความเสี่ยงของ COSO (COSO ERM : Enterprise Risk Management)     การบริหารความเสี่ยงเป็นกระบวนการที่เป็นผลมาจากผู้บริหารและบุคลากรขององค์กรร่วมกัน กำหนดขึ้น เพื่อประยุกต์ใช้ในการกำหนดกลยุทธ์โดยการออกแบบสามารถระบุเหตุการณ์ที่มีความ เป็นไปได้อันจะมีผลกระทบต่อองค์กร และการจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจอย่างสมเหตุสมผลว่าจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กรได้

วัตถุประสงค์ของการบริหารความเสี่ยง

1. วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ (Strategic :S);                                  

เป็นวัตถุประสงค์ระดับสูงที่เน้นเป้าหมายรวมและสัมพันธ์กับการสนับสนุนพันธกิจ เป็นการกำหนดโดย ผู้บริหารระดับสูง เช่น แผนยุทธศาสตร์ แผนกลยุทธ์ เป็นต้น

2. วัตถุประสงค์การดำเนินงาน (Operations :O)

เป็นวัตถุประสงค์ของการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผลและคุ้มค่า  ซึ่งวัดได้จากอัตรา กำไรสุทธิ อัตราผลตอบแทน อัตราหมุนเวียนการใช้ทรัพย์สิน การลดความสูญเสียในกระบวนการผลิต ระดับความพึงพอใจของลูกค้าในการให้บริการ เป็นต้น

3. วัตถุประสงค์การรายงาน (Reporting: R)

เป็นวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความเชื่อถือได้ของการรายงานโดยเน้นทุกรายงานมิใช่เฉพาะรายงานการ เงิน ซึ่งมีความสำคัญต่อการการตัดสินใจของผู้บริหารและความน่าเชื่อถือสำหรับบุคคลภายนอก

4.วัตถุประสงค์การปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ (Compliance :C)

เป็นวัตถุประสงค์ที่มุ่งให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับองค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ทำการละเมิดซึ่งจะเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องหรือเสียชื่อเสียง

แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง

ในการบริหารจัดการความความเสี่ยง เริ่มจากการระบุเหตุการณ์ (Event Identification) โดยแยก เหตุการณ์ที่เป็นโอกาสออกจากความเสี่ยง ทำการระบุความเสี่ยง จากนั้นก็ประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) โดยการวิเคราะห์ ประเมินและจัดลำดับความเสี่ยง สำหรับแนวทางตอบสนองความเสี่ยง(Risk Response) ประกอบด้วย

  1. การยอมรับความเสี่ยง (Accept Risk)

เป็นการยอมรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่เกิดความคุ้มค่าในการจัดการควบคุมหรือป้องกัน ความเสี่ยง

  • การลดหรือควบคุมความเสี่ยง (Control/Treat/Mitigate Risk)

เป็นการปรับปรุงระบบการทำงานหรือการออกแบบวิธีการทำงานใหม่ เพื่อลดโอกาสที่จะเกิด หรือลดผลกระทบให้อยู่ในระดับที่องค์กรยอมรับได้

  • การกระจายความเสี่ยงหรือการโอนความเสี่ยง (Transfer/Share Risk)

     เป็นการกระจายหรือถ่ายโอนความเสี่ยงให้ผู้อื่นช่วยแบ่งเบาภาระความเสี่ยง

  • การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Avoid/Terminate Risk)

เป็นการจัดการความเสี่ยงที่อยู่ในระดับสูงมาก และหน่วยงานไม่สามารถยอมรับได้ จึงต้องตัดสินใจยกเลิกโครงการหรือกิจกรรมนั้น

ความเสี่ยงด้านบัญชี มี อะไร บาง

ผู้ประกอบการจึงควรเลือกแนวทางการตอบสนองต่อความเสี่ยงที่ทำให้ความน่าจะเป็นและผลกระทบ จากความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ จากนั้นจึงควรกำหนดนโยบายและวิธีปฏิบัติซึ่งจะช่วย ให้เกิด ความมั่นใจว่าความเสี่ยงได้รับการตอบสนองอย่างมีประสิทธิผลและมีการปฏิบัติตามวิธีการตอบสนอง     ความเสี่ยงที่กำหนดไว้และประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ภายในเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรจัดให้มีการสื่อสารกับบุคลากรในองค์กร เพื่อให้มีการตอบสนองต่อเหตุการณ์ ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งควรมีการติดตามผลจากการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อนำมาประเมินกรอบการจัดการความเสี่ยง ให้เกิดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

การจัดวางระบบการควบคุมภายในและการบริหารจัดการความเสี่ยงดังที่กล่าวมา เป็นแนวทางที่จะช่วย ผู้ประกอบการรับมือความเสี่ยงในงานบัญชีได้ นักบัญชีขององค์กรสามารถมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการ วิเคราะห์ความเสี่ยงในงานบัญชี โดยวิเคราะห์ลักษณะการประกอบธุรกิจ มีกิจกรรมตรงส่วนไหนขององค์กรที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงและถ้าไม่มีมาตรการการควบคุมที่เพียงพอจะ ส่งผลกระทบก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรได้

การเลือกใช้โปรแกรมบัญชีที่ดีเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยผู้ประกอบการรับมือต่อความเสี่ยงในงานบัญชี ได้

PEAK โปรแกรมบัญชี ช่วยผู้ประกอบการจัดทำบัญชี ช่วยลดความเสี่ยงในงานบัญชี ให้ข้อมูลและรายงานที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือ นำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์และตัดสินใจได้โดยไม่ผิดพลาด และนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่องค์กรกำหนด

ความเสี่ยงทางบัญชี มีอะไรบ้าง

สำหรับความเสี่ยงที่นักบัญชีควรทำความเข้าใจพื้นฐานแบ่งออกเป็น 1. ความเสี่ยงจากลักษณะธุรกิจ/ ความเสี่ยงสืบเนื่อง (Inherent Risk) 2. ความเสี่ยงจากการควบคุมภายใน (Control Risk) 3. ความเสี่ยงจากการตรวจไม่พบข้อผิดพลาด (Detection Risk)

ความเสี่ยงทางด้านการเงินหมายถึงอะไร

ความเสี่ยงทางการเงิน หมายถึง ความไม่แน่นอนของผลลัพธ์ในอนาคตอันเนื่องมาจากการดำเนินกิจกรรมทางการเงินแล้วส่งผลกระทบทางลบต่อมูลค่าของกิจการ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลก การผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การผันผวนของราคาปัจจัยการผลิต หรือราคาสินค้า ซึ่งล้วนส่งผลต่อผลการดำเนินงานของกิจการ ...

ความเสี่ยงเกิดจากอะไร

ความเสี่ยง คือ โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด ความเสียหาย การรั่วไหล ความสูญเปล่า หรือเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคตและมีผลกระทบหรือทำให้การดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร ทั้งในด้านยุทธศาสตร์ การปฏิบัติงาน การเงินและ ...

ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติงาน มีอะไรบ้าง

ความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ.
การทุจริตภายใน.
กระบวนการฉ้อโกงจากภายนอก.
การเป็นนายจ้างที่บกพร่อง ละเลยต่อความรับผิดชอบ รวมถึงความไม่ปลอดภายในสถานที่ทำงาน.
ความเสียหายที่เกิดกับลูกค้า จากการออกผลิตภัณฑ์ รวมทั้งพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจ.
ความเสียหายต่อสินทรัพย์ทางกายภาพ.
การชะงักงันในการดำเนินธุรกิจ และความล้มเหลวของระบบต่าง ๆ.