Show ต่อเนื่องจากบทความ เกมส์ความคิด MULTIPOTENTIALITE” THE FEAR OF MAKING A CAREER SHIFT “Multipotentialite” หมายถึง คนที่มีความสนใจหลายศาสตร์ มีความสามารถรอบด้าน แต่บ่อยครั้งที่คนกลุ่มนี้ประสบกับความรู้สึกหลงทาง เหมือนตัวเองไม่ได้เก่งอะไรสักอย่าง จึงเป็นที่มาให้รู้สึกเหมือนค้นหาตัวเองไม่เจอ และเปลี่ยนงานบ่อย ซึ่งจริงๆ แล้วเชื่อว่าไม่มีใครอยากโดนตราหน้าว่าเป็น Jop Hopper การเขียน Resume ที่ดีเป็นวิธีที่จะทำให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสได้งานมากขึ้น แต่ต้องเขียนเรซูเม่อย่างไร สำหรับคนที่ประสบการณ์ (ต่างสายงาน) เยอะ จะจับ Skill ที่เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับงานเข้ามาอยู่ในเรซูเม่ยังไงให้เข้าตา? Skillsolved มี Resume Template ให้ Download ได้ฟรีนะคะ คลิกได้เลยค่ะ 🙂 1. สร้างความโดดเด่นให้กับตัวเองด้วยทักษะเปลี่ยนจากเรซูเม่แบบ Traditional (Chronological ที่ต้องเขียนประวัติการทำงานของคุณในรูปแบบ Timeline) มาเป็นลักษณะ Functional Resume ที่เน้นเรื่องทักษะมากกว่า เริ่มต้นจากการ Create a Skill-Set List จับทักษะที่คล้ายคลึงกันมากรุ้ปกันก่อน โดยเลือกมาประมาณ 3-4 ทักษะที่เป็นทักษะหัวใจหรือจำเป็นสำหรับตำแหน่งงานที่คุณกำลังสมัคร พูดถึงประวัติการทำงานของคุณ ในส่วนล่างของทักษะ ตามด้วยประสบการณ์หรือรางวัลที่เกี่ยวข้องกับทักษะนั้นๆ โดยระบุชื่อตำแหน่งงาน วันที่การจ้างงานและชื่อบริษัทที่เคยทำงานด้วย การเขียนเรซูเม่แบบนี้จะทำให้ Recruiter ที่กำลังมองหาทักษะมากกว่าประสบการณ์เข้าหาคุณได้ง่าย และเป็นการดึงจุดโฟกัสไปที่ทักษะที่คุณมี คนอ่านจะรู้สึกได้ถึงการที่คุณได้ใช้ทักษะต่างๆ นี้มาในมาอย่างสม่ำเสมอในการทำงาน มากกว่าการไปสนใจด้านประวัติการทำงานต่างสายงานของคุณ ตัวอย่าง : สมัครงานตำแหน่ง IT Administrator Administrative Skill (ดูแลระบบ)ตัวแหน่งงาน
: Administrator บริษัท : XXX ตัวแหน่งงาน : พนักงาน Call Center บริษัท : XXX จากการที่ได้เรียนรู้ระบบงานของ Call Center มา จึงรู้ถึงข้อดีข้อเสีย สามารถประยุกต์ใช้ได้ตามสถานการณ์และช่วยออกแบบ Solution มาแก้ปัญหาได้ ศึกษาเรื่อง IVR (ซอฟต์แวร์ Interactive Voice Respond) ว่าสายเข้ามาได้ยังไง สายมาจากไหน โอนสายอย่างไร และจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างไรถ้าสายเข้าบังเอิญเข้ามารวมกันกลายเป็นการประชุมสายไป 2. จับงานที่คล้ายกันเข้ามาไว้ด้วยกันจัดเรียงประวัติการทำงานของคุณตามประเภทอุตสาหกรรม สามารถมีหลายกลุ่มได้ แต่ภายในกลุ่ม แต่ละตำแหน่งจะต้องมีความสอดคล้องกับหัวข้อ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเคยเป็นทั้งพนักงาน Call Center และพนักงานแคชเชียร์ในห้างดังมาก่อน ให้ตั้งหัวข้อว่า ‘Service Industry’ และบรรยายสั้นถึงๆ หน้าที่ความรับผิดชอบในช่วงที่ทำงานตำแหน่งนั้นๆ แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่งานก่อนหน้าของคุณมีเหมือนกัน เช่น การเป็น Call Center และพนักงานแคชเชียร์ สิ่งที่ต้องมีเหมือนกันคือ การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ และความอดทนที่เป็นเลิศ สิ่งนี้ทำให้ Recruiter เห็นว่า คุณสามารถปรับตัวให้เข้ากับแต่ละตำแหน่งงานได้ ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งงานที่ต่างกันก็ยังสามารถนำทักษะจากงานก่อนมาปรับใช้กับอีกงานได้ 3. แสดงความก้าวหน้าในอาชีพสร้างชาร์ท Career Path ขึ้นมา ในที่นี้หมายถึง เส้นทางความก้าวหน้าสายอาชีพของตำแหน่งงานที่เราต้องการสมัคร อธิบายว่าเริ่มต้นทำงานในตำแหน่งใด จากตำแหน่งนั้นได้เติบโตไปเป็นอะไรได้บ้าง โดยอาจเริ่มจากตำแหน่งแรกสุดไว้ด้านล่างสุด ค่อยๆ ไล่ขึ้นไปด้านบนจนถึงตำแหน่งสูงสุดในปัจจุบัน จัดให้อยู่ในระนาบเดียวกัน โดยใช้ทักษะเป็นตัวตั้ง ชาร์ทนี้ทำขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงเส้นทางการสั่งสมประสบการณ์และผลงาน ในแต่ละตำแหน่งที่เคยทำมา มันอาจมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้นายจ้างมองข้ามการทำงานต่างสายงานของคุณไปได้ ตัวอย่าง : Management Experience จากงานที่เคยทำมาก่อนหน้านี้คุณอาจใส่รายละเอียดเพิ่มเติมไปว่า ตอนที่ทำงานเป็นพนักงาน Call Center นั้นเริ่มมาจากการเป็นพนักงานฝึกหัด (Management Trainee) หลังจากเปลี่ยนสถานที่ทำงาน ไปเป็นพนักงานแคชเชียร์ในห้างสรรพสินค้า ได้เข้ารับในตำแหน่งหัวหน้าแคชเชียร์ (Group Leader) และกำลังอยากพัฒนาตัวเองให้ก้าวไปสู่ Division Leader ให้ได้ ซึ่งถ้าวางได้ไปจนถึงสูงสุดแล้วว่าเราอยากเป็นอะไรก็จะดีมาก เมื่อคนอ่านเห็นเส้นทางการวางแผนเส้นที่ชัดเจน เขาจะประเมินได้ว่าจากจุดที่คุณยืนวันนี้ และสิ่งที่บริษัทมองหา คุณสามารถโตได้ที่บริษัทของเขา หรือควรจะไปโตที่อื่นคือทางเลือกที่ดีกว่า 4. ออกโรงด้วย COVER LETTER เสริมจุดเด่นเหนือคู่แข่งนอกเหนือจาก 3 Tips ที่แนะนำไปด้านบน ในส่วนของ การศึกษา ข้อมูลส่วนตัวบางอย่างที่จำเป็น ก็ควรใส่ลงไปด้วย เรียงลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง และที่ขาดไปไม่ได้คือ Cover Letter ไม่ใช่แค่จดหมายนำที่เอาไว้เกริ่น แต่เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้สมัครที่มีประสบการณ์ต่างสายเยอะ เป็นเหมือนบทนำให้กับคนที่จะมาดู Portfolio และ Resume คุณสนใจคุณได้
หากได้รับโอกาสเข้ามาทำงานในตำแหน่งที่สมัครไป เอาสิ่งที่เขียนลงไปใน Resume ไม่ได้ มาเขียนใน Cover Letter แทน ดังนั้นภาษาที่คุณใช้ควรแสดงถึงความตั้งใจในการสมัคร และควรเป็นสำนวนทางการ ตัวอย่าง: คุณเคยเป็นพนักงาน Call Center มาก่อน และอยากสมัครงานตำแหน่ง Human Resources Coordinator คุณอาจเขียนว่า : About The Author Penny You’ve heard the famous saying, “Choose a job you love, and you will never have to work a day in your life.” But what if you have yet to figure out what it is that makes your heart beat faster ? or, an even more common scenario ? I'm here to suggest how to turn what you love doing into a lucrative career path. More from SkillSolved |