Work and Holiday Australia 2022 เปิดวันไหน

เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงมีความฝันอยากจะเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะไปเที่ยว เรียน หรือทำงาน ออกไปหาประสบการณ์ใช้ชีวิตในต่างแดนดูบ้างว่าจะเป็นอย่างไร วันนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล มีอีกหนึ่งโครงการดี ๆ มาแนะนำ นั่นก็คือ Work and Holiday ของประเทศออสเตรเลีย หรือ ที่เรียกกันว่า WAH ซึ่งเป็นวีซ่าที่ให้เราได้ทั้งเรียน เที่ยว และทำงาน ได้อย่างถูกต้อง ภายในระยะเวลา 1 ปี ใครอยากรู้ว่าจะมีกฎเกณฑ์ ขั้นตอน กำหนดการสมัคร ปี 2565 และเอกสารที่ต้องใช้ยังไงบ้าง พี่เห็ดรวบรวมมาให้ที่นี่แล้วจ้าาา

วีซ่า Work and Holiday ประเทศออสเตรเลีย คืออะไร?

ก่อนอื่นอยากให้เพื่อน ๆ ได้ทำความรู้จักกับที่มาที่ไปของ วีซ่า Work and Holiday ออสเตรเลียกันค่ะ โครงการนี้ถูกจัดตั้งขึ้น โดยความร่วมมือของรัฐบาลไทย และรัฐบาลออสเตรเลีย เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนไทย ที่มีอายุระหว่าง 18-30 ปี สามารถเดินทางไปศึกษา ท่องเที่ยว พร้อมทำงานในประเทศออสเตรเลีย ได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งข้อตกลงนี้ มีขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2005 ซึ่งโดยปกติจะมีโควตาประเภทนี้อยู่ที่ 500 คนต่อปีงบประมาณ แต่เมื่อปี 2020 ก็ให้โควตาที่ ปีละ 2,000 คน เลยทีเดียว **ส่วนในปี 2022 นี้มีโควตาอยู่ที่ 1,000 คน

Tips : ผู้สมัคร วีซ่าออสเตรเลีย ประเภทนี้ สามารถทำงานกับนายจ้างแต่ละแห่งได้นานสุดไม่เกิน 6 เดือน ถ้าทำงานถึง 6 เดือนแล้วจะต้องเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ นอกจากนี้ผู้สมัครจะต้องมีหลักฐานว่า มีเงินเพียงพอในกรณีไม่มีงานทำ ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ในออสเตรเลียได้โดยไม่ลำบากอะไร

คุณสมบัติของผู้สมัคร

1. มีสัญชาติไทย
2. มีอายุระหว่าง 18 – 30 ปี (ไม่เกิน 31 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ยื่นวีซ่ากับทางสถานทูตฯ)
3. สำเร็จการศึกษา ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไป
4. มีหลักฐานแสดงทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามรายการดังนี้
   – ผลการสอบ IELTS (ประเภทใดก็ได้) เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4.5 ในทุกทักษะ มีอายุไม่เกิน 1 ปี
   – ผลการสอบ TOEFL iBT ระดับคะแนน 32 ขึ้นไป ทุกทักษะ มีอายุไม่เกิน 1 ปี หรือ
   – ใบรับรองหรือประกาศนียบัตรที่แสดงว่า ได้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีระยะเวลา 2 ปี จากสถาบันการศึกษาที่มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน
   – หลักฐานการจบระดับประถมศึกษา (Primary) และมัธยมศึกษาตอนต้น (3 years of secondary education) จากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน
   – หลักฐานที่แสดงว่าได้ศึกษาระดับมัธยมศึกษา 5 ปี (5 years of secondary education) จากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน
   – สำเร็จการศึกษาจากประเทศออสเตรเลียหลักสูตร 1 ปี ในระดับปริญญาบัตรหรือประกาศนียบัตร
5. ต้องเดินทางคนเดียว (ไม่มีผู้ติดตาม)
6. มีหลักฐานการเงินเป็นบัญชีออมทรัพย์ (ของผู้สมัครเอง) เป็นจำนวน 5,000 AUD หรือประมาณ 120,000 บาทไทย
7. มีความประพฤติและสุขภาพดี
8. มีหนังสือรับรองคุณสมบัติ ซึ่งออกให้โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งนี้ การสมัครขอรับหนังสือรับรองคุณสมบัติดังกล่าว ผู้สมัครจะต้องยื่นเอกสารสำคัญ ดังนี้
   – ใบสมัคร (พิมพ์มาจากการสมัครผ่านทางระบบออนไลน์)
   – ปริญญาบัตรหรือหนังสือรับรองการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด โดยเอกสารต้องออกก่อนวันที่เปิดรับสมัครออนไลน์
   – ใบรายงานผลการศึกษา (Transcript) ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
   – หนังสือเดินทางที่มีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
   – บัตรประจำตัวประชาชน ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
   – ทะเบียนบ้าน ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
   – หลักฐานเกี่ยวกับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษดังกล่าวข้างต้น*
   – หลักฐานการเงินเป็นบัญชีออมทรัพย์ (ของผู้สมัครเอง) จำนวน 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เป็น Bank Statement หรือใบรับรองทางการเงินของบัญชีเงินฝากจากธนาคาร โดยชื่อบัญชีจะต้องเป็นชื่อของผู้เดินทางเท่านั้น
   – แผนการเดินทางโดยคร่าว ๆ และประเภทงานที่สนใจจะทำระหว่างอยู่ออสเตรเลีย (เขียนสรุปไม่เกิน 1 หน้า เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ)
   – บันทึกข้อตกลงที่ผู้ปกครองลงนามเรียบร้อยแล้ว
   – สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนผู้ปกครอง

ข้อควรทราบเพิ่มเติมจากทาง ดย.

– ห้ามทำการสมัครเข้าร่วมโครงการผ่านบริษัทนายหน้าที่รับเป็นตัวกลางทำการสมัคร และ / หรือจัดหาที่อยู่ให้เด็ดขาด เนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ และอาจทำให้ไม่ได้รับวีซ่า รวมทั้งอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพได้
– วีซ่าประเภทนี้ ไม่ใช่วีซ่าทำงาน ดังนั้น หากพบว่าทำงานประจำ ณ ที่ใดเกินกว่า 6 เดือน จะถือว่าได้ทำผิดกฎหมาย อาจถูกถอนวีซ่าและถูกส่งกลับประเทศได้
– หากตรวจสอบพบว่าผู้สมัครมีเจตนากรอกข้อมูลเท็จ ดย. จะตัดสิทธิ์ผู้สมัครทันที
– การมีใบรับรองคุณสมบัติไม่ได้หมายความว่าวีซ่าจะผ่าน แต่การยื่นขอวีซ่าได้จะต้องมีใบรับรองจากทาง ดย.ก่อน
– การพิจารณาวีซ่าขึ้นอยู่กับทางสถานทูตออสเตรเลียเท่านั้น

Work and Holiday Australia 2022 เปิดวันไหน
Credit : unsplash.com

เอกสารที่ต้องใช้ยื่นประกอบ วีซ่า Work and Holiday

เอกสารส่วนตัว

– พาสปอร์ตตัวจริง (รวมถึงพาสปอร์ตเล่มเก่าๆ ถ้ามี รวมถึงประวัติการเดินทาง) อายุพาสปอร์ตต้องเหลือมากกว่า 6 เดือน (สแกนหน้าแรกและหน้าที่มีตราประทับเดินทางทุกหน้า)
– รูปถ่ายหน้าตรง ใบหน้าชัดเจน พื้นหลังสีขาว ขนาด 4.5 x 3.5 cm ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
– สำเนาบัตรประชาชน / สำเนาทะเบียนบ้าน (พร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ)
– หลักฐานทางราชการต่างๆ เช่น สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล / สำเนาทะเบียนสมรส – หย่า (พร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ)
– หลักฐานผ่านการเกณฑ์ทหาร หรือเรียน รด. (สำหรับผู้ชายพร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ)
– หลักฐานการศึกษา Transcript และใบรับรองจบปริญญาบัตร (หากเป็นภาษาไทยต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ)
– หลักฐานการผ่านงาน ในกรณีที่ผ่านการทำงานมาแล้ว (หากเป็นภาษาไทยต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ)
– หลักฐานเกี่ยวกับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ เช่น ผลการสอบ IELTS / TOEFL หรือใบรับรองผลการศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษ
– หนังสือรับรองคุณสมบัติจาก กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.)

Tips : ในการยื่นขอวีซ่าออสเตรเลีย ควรแนบ หลักฐานการทำงาน ไปด้วย เพราะจะแสดงให้เห็นถึงประวัติของเราว่าทำงานอะไรมาบ้างค่ะ

ในกรณี Sponsor ตัวเอง

– หลักฐานการเงิน ในการยื่นเอกสารกับทางสถานฑูตออสเตรเลีย (เอกสารที่แนะนำให้แนบไปด้วยเลยคือ Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือนของผู้เดินทางหรือของสปอนเซอร์ไม่น้อยกว่า 5,000 AUD)
– จดหมายชี้แจงเรื่องหลักฐานการเงิน ในกรณีที่มียอดเงินเข้ามาไม่นาน หรือไม่ถึง 6 เดือน

ในกรณี Sponsor โดยบุคคลอื่น

– จดหมายรับรองค่าใช้จ่าย (เขียนเป็นภาษาอังกฤษพร้อมเซ็นรับรอง)
– เอกสารส่วนตัวของ Sponsor เช่น สำเนาบัตรประชาชน / สำเนาหน้าพาสปอร์ต
– หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน / สำเนาทะเบียนสมรส / สำเนาสูติบัตร พร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ
– หลักฐานการเงิน (Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือน ของผู้เดินทางหรือของสปอนเซอร์ไม่น้อยกว่า 5,000 AUD)
– จดหมายชี้แจงเรื่องหลักฐานการเงิน ในกรณีที่มียอดเงินเข้ามาไม่นาน หรือไม่ถึง 6 เดือน

Tips : ทางสถานทูต จะขอดู ที่มาของเงิน ในช่วง 6 เดือนก่อนยื่นวีซ่า หากมีเงินก้อนใหญ่เข้ามาทีเดียว เราต้องสามารถอธิบายแหล่งที่มาของเงินนั้นให้ได้ พร้อมแนบหลักฐานด้วย เช่น จดหมายจากบุคคลที่โอนเงินเข้ามาให้เราว่าโอนให้เพราะอะไร อย่างไร แสดงที่มาของเงินเข้า-ออก และมีความสัมพันธ์อะไรกับเรา เป็นต้น

Work and Holiday Australia 2022 เปิดวันไหน
Credit : unsplash.com

กำหนดการรับสมัคร Work and Holiday ออสเตรเลีย 2022

กำหนดการลงทะเบียนและสมัครขอใบรับรองออนไลน์ – รอบแรก

22 – 30 กรกฎาคม 2565 : ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรับ Username และ Password สำหรับใช้ Log in เข้าระบบในวันกดโควต้า ทางเว็บไซต์ http://www.dcy.go.th/ เปิดระบบ 22 มิ.ย. 65 เวลา 09.00 น., ปิดระบบ 30 มิ.ย. 65 เวลา 16.00 น.

12 กรกฎาคม 2565 : ทดสอบระบบสมัครออนไลน์ เวลา 09.00 – 15.00 น. หรือปิดระบบเมื่อครบจำนวน (ไม่บังคับ)

26 กรกฎาคม 2565 : กดโควตาจริง เวลา 09.00 – 15.00 น. หรือปิดระบบเมื่อครบจำนวน โควตา 1,000 คน สำรอง 300 คน และประกาศรายชื่อในวันเดียวกัน

27 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2565 : ผู้ได้รับโควตา 1,000 คน และสำรอง 300 คน ส่งเอกสารทางไปรษณีย์แบบ EMS และ E-mail นับวันที่ประทับตราส่งเอกสาร ภายในวันที่ 5 สิงหาคม 2565 และแจ้งหมายเลขพัสดุผ่านฟอร์มออนไลน์

15 – 31 สิงหาคม 2565 : ตรวจเอกสารพิจารณาคุณสมบัติ

กันยายน 2565 : ประกาศผลการพิจารณาผ่านทางระบบออนไลน์, ออกหนังสือรับรอง (มีอายุการใช้งาน 90 วัน), ผู้ผ่านคุณสมบัติ มารับหนังสือรับรองด้วยตนเอง กำหนด 3 วันทำการ ณ ชั้น 1 อาคารกระทรวง พม.

กำหนดการลงทะเบียนและสมัครขอใบรับรองออนไลน์ – รอบ 2

26 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2565 : ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรับ Username และ Password สำหรับใช้ Log in เข้าระบบในวันกดโควต้า ทางเว็บไซต์ http://www.dcy.go.th/ เปิดระบบ 26 ต.ค. 65 เวลา 09.00 น., ปิดระบบ 4 พ.ย. 65 เวลา 16.00 น. / จำกัดจำนวนวันละ 200 คน ทั้งหมด 2,000 คน

7 พฤศจิกายน 2565 : ทดสอบระบบสมัครออนไลน์ เวลา 09.00 – 15.00 น. หรือปิดระบบเมื่อครบจำนวน (ไม่บังคับ)

9 พฤศจิกายน 2565 : กดโควตาจริง เวลา 09.00 – 15.00 น. หรือปิดระบบเมื่อครบจำนวน โควตา 1,600 คน

10 พฤศจิกายน 2565 : ประกาศรายชื่อผู้ได้รับโควตา

11 – 21 พฤศจิกายน 2565 : ผู้ได้รับโควตา 1,600 คน ส่งเอกสารทางอีเมล [email protected] และ Google Form : https://forms.gle/GHFDxTrPzhjuhnoy5 ภายในวัน ที่ 21 พ.ย. 2565 ไม่เกิน 16.00 น.

22 พฤศจิกายน – 22 ธันวาคม 2565 : ตรวจเอกสารพิจารณาคุณสมบัติ

ธันวาคม 2565 – มกราคม 2566 : ประกาศผลการพิจารณาผ่านทางระบบออนไลน์, ออกหนังสือรับรอง (มีอายุการใช้งาน 90 วัน), ผู้ผ่านคุณสมบัติ มารับหนังสือรับรองด้วยตนเอง กำหนด 3 วันทำการ ณ ชั้น 1 อาคารกระทรวง พม.

ที่มา : กรมกิจการเด็กเเละเยาวชน

รายละเอียดและขั้นตอนในการยื่นขอวีซ่า Work and Holiday

ก่อนสมัครขอใบรับรองได้จะต้องลงทะเบียนรับ Username และ Password ก่อน โดยผู้ลงทะเบียนจะต้องเตรียมข้อมูลเพื่อกรอกในขั้นตอนลงทะเบียน ดังนี้

  1. ไฟล์รูปถ่ายหน้าตรง (แนะนำให้ใช้รูปแบบเดียวกับที่จะใช้สมัครวีซ่า)
  2. เลขบัตรประจำตัวประชาชน
  3. ชื่อ-นามสกุล (ภาษาไทยและอังกฤษ)
  4. อีเมล 

**ต้องเช็กข้อมูลให้ถูกต้องก่อนคอนเฟิร์มทุกครั้ง**

ข้อมูลประกอบการสมัครผ่านระบบออนไลน์ (กดโควต้า)

– หลังจากได้รับ Username และ Password แล้วต้องนำมาล็อคอินสำหรับสมัครขอใบรับรองในเว็บไซต์ www.dcy.go.th ตามวันและเวลาที่ระบุไว้
– เมื่อล็อคอินเข้ามาจะขึ้นรูปถ่ายพร้อมข้อมูลตามที่เคยลงทะเบียนไว้ ซึ่งจะไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในส่วนนี้ได้แล้ว
– จากนั้นให้นำข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ กรอกในใบสมัครออนไลน์ให้ครบทุกช่อง (ถ้ากรอกไม่ครบจะไม่สามารถกด Submit ได้) และเช็กความถูกต้องให้เรียบร้อยก่อนกดส่ง

  • เลขประจำตัวประชาชน
  • ชื่อ-สกุล (ภาษาไทยและอังกฤษ)
  • วัน เดือน ปีเกิด
  • ที่อยู่ตามบัตรประชาชน
  • ที่อยู่ที่ติดต่อได้สะดวก พร้อมเบอร์โทรศัพท์มือถือ และอีเมลแอดเดรส
  • ข้อมูลเกี่ยวกับหลักฐานแสดงทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ (IELTS)
  • ข้อมูลบุคคลติดต่อในกรณีฉุกเฉิน

* หลักฐานและข้อมูลที่ต้องเตรียมในการขอใบรับรองคุณสมบัติจาก ดย. จะคล้าย ๆ กับเอกสารที่เราต้องไปยื่นตอนขอวีซ่านะคะ

สำหรับ วีซ่า Work and Holiday ประเทศออสเตรเลีย สามารถขอได้เลยหลังจากที่ได้รับใบรับรอง เพราะทางสถานทูตออสเตรเลียเริ่มนับโควต้าใหม่ทุกวันที่ 1 ก.ค. ของทุกปี แต่ใบรับรองของดย. จะหมดอายุภายใน 3 เดือนหลังจากได้รับมา จึงควรต้องรีบขอวีซ่า (ค่าวีซ่าประมาณ 495 AUD) โดยเราสามารถไปกรอก วีซ่าออสเตรเลีย ออนไลน์ได้ที่ https://immi.homeaffairs.gov.au/ เมื่อกรอกพร้อมชำระค่าวีซ่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องไปเก็บลายนิ้วมือที่ VFS (ค่าบริการของ VFS ประมาณ 734 บาท) จากนั้นก็รอผลวีซ่าได้เลย และต้องขอย้ำว่า **การได้รับใบรับรองไม่ได้แปลว่าได้วีซ่านะคะ**

Work and Holiday Australia 2022 เปิดวันไหน
Credit : pixabay.com

ค่าใช้จ่าย ในการทำวีซ่า Work and Holiday

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเข้าร่วมโครงการ Work and holiday พี่เห็ดจะแยกออกเป็น 2 ส่วนนะคะ

ค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัว :

– ค่าวีซ่าโดยประมาณ 12,000 บาท (อาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรเช็ก ณ วันที่ยื่นวีซ่า Work and Holiday อีกครั้ง)
– ค่าสอบ IELTS 6,900-7,500 (ยกเว้นคนที่จบอินเตอร์)
– ค่าตรวจสุขภาพ 3,000-5,000 บาท (ตามที่โรงพยาบาลกำหนด)

ค่าใช้จ่ายส่วนตัว :

– ค่าตั๋วเครื่องบิน 12,000-35,000 บาท (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาบิน และสายการบินนั้นๆ)
– ค่าประกันการเดินทาง 9,000-30,000 บาท (ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์และแผนที่เลือกทำ)
– Pocket money 25,000-45,000 บาท (สำหรับที่พักและค่าเดินทางในช่วงแรก)

เห็นแบบนี้แล้วมีเพื่อน ๆ คนไหนสนใจเดินทางไปหาประสบการณ์ดี ๆ กับ โครงการ Work and Holiday นี้บ้างไหมคะ พี่เห็ดชักอยากไปบ้างแล้วสิ อย่างไรก็ตาม ในการยื่นเอกสารเกี่ยวกับวีซ่า ไม่ว่าจะเป็น วีซ่าออสเตรเลีย หรือวีซ่าประเทศอื่น ๆ ควรศึกษาและอัปเดตข้อมูลก่อนการยื่นทุกครั้ง เพื่อจะได้เตรียมให้ครบและถูกต้อง ตามกระบวนการที่แต่ละสถานทูตได้กำหนดมา

และนี่ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจ ที่พี่เห็ดนำมาฝากทุกคน เกี่ยวกับวีซ่าที่สามารถให้ได้ทั้งการท่องเที่ยว และทำงานในต่างประเทศ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ สำหรับใครที่อยากไปทำงานในต่างประเทศในระยะสั้น เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ ถ้าใครสนใจก็รอติดตามการอัปเดตในปีต่อ ๆ ไป พร้อมเมื่อไหร่ก็สมัครกันได้เลย

Work and Holiday เปิดรับช่วงไหน

วิธีสมัครเข้าโครงการ Work and Holiday 2022 ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรับ Username และ Password ผ่านเว็บไซต์ของกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) www.dcy.go.th ได้ตั้งแต่วันที่ 22-30 มิถุนายน 2565. เลือกสมัครได้ประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้นตั้งแต่วันลงทะเบียน และไม่สามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้

Work and Holiday Australia กี่เดือน

Tips : ผู้สมัคร วีซ่าออสเตรเลีย ประเภทนี้ สามารถทำงานกับนายจ้างแต่ละแห่งได้นานสุดไม่เกิน 6 เดือน ถ้าทำงานถึง 6 เดือนแล้วจะต้องเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ นอกจากนี้ผู้สมัครจะต้องมีหลักฐานว่า มีเงินเพียงพอในกรณีไม่มีงานทำ ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ในออสเตรเลียได้โดยไม่ลำบากอะไร

รอวีซ่าออสกี่วัน 2022

วีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียจะใช้ระยะเวลารอผลประมาณ 15 วันทำการ และหลังจากวันที่ยื่นใบสมัครไปแล้วนั้น ทั้งนี้ ระยะเวลาอาจจะเร็วหรือช้า จะขึ้นอยู่กับปริมาณของใบสมัครวีซ่าในช่วงเวลานั้น ซึ่งเราแนะนำผู้ขอวีซ่าไม่ควรจะทำการจองตั๋วเครื่องบินแบบ Non-Refund เพราะวีซ่าอาจจะออกมาไม่ทันกำหนดระยะเวลาที่จะเริ่มเดินทางได้

Work and Holiday ต้องมีอะไรบ้าง

หนังสือรับรองการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ฉบับจริง พร้อมสำเนา อย่างละ 1 ชุด ใบรายงานผลการศึกษา (Transcript) ฉบับจริง พร้อมสำเนา อย่างละ 1 ชุด พาสปอร์ตที่มีอายุการใช้งานเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ฉบับจริง พร้อมสำเนา อย่างละ 1 ชุด บัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน ฉบับจริง พร้อมสำเนา อย่างละ 1 ชุด