นพ.กิตติ ลาภสมบัติศิริ ผู้อำนวยการกองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ว่า การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพมีบทบาทมากในการพัฒนาสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุ และป้องกันโรคที่เกี่ยวเนื่อง จากการขาดการออกกำลังกาย เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคข้อต่อเสื่อมสภาพ ตลอดจนช่วยแก้ไข หรือฟื้นฟูร่างกายจากบางโรค ผู้สูงอายุควรเคลื่อนไหวออกแรงในระดับปานกลางที่ทำให้หายใจแรงขึ้น (ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นหายใจหอบ) สะสมให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที เฉลี่ยสัปดาห์ละ 5 วัน อาจจะออกกำลังรวดเดียว 30 นาที หรือแบ่งเป็นช่วงละ 10-15 นาที ถ้าออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินเล่น รำมวยจีน ควรทำอย่างน้อย 45-60 นาที หากร่างกายแข็งแรง และต้องการสร้างเสริมความทรหดของหัวใจ ให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิกระดับปานกลางถึงหนัก ที่ทำให้หายใจหอบ เหนื่อย เป็นระยะเวลาอย่างน้อยวันละ 20 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน ประโยชน์ของการออกกำลังกายช่วยให้กล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อ แข็งแรงและยืดหยุ่น ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ชะลอการเป็นโรคกระดูกพรุน เคลื่อนไหวและทรงตัวได้ดี ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น หัวใจ หลอดเลือด และปอดแข็งแรง ที่สำคัญลดโรคที่เกิดจากความชรา ทั้งนี้ การเริ่มต้นออกกำลังกายควรเลือกกิจกรรมออกแรงที่ชอบ จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนทีละน้อยเพื่อให้การเคลื่อนไหวกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน อย่าฝืนทำในสิ่งที่ท่านไม่สามารถทำได้ หากมีอาการเจ็บหน้าอก ปวดข้อ หายใจไม่ค่อยทัน หรือรู้สึกไม่สบาย ควรหยุดออกกำลังกายและไปพบแพทย์ เช่น เดินเร็ว, วิ่งเหยาะๆช้าๆ, ว่ายน้ำหรือเดินในน้ำ, เดินแกว่งแขน, ปั่นจักรยานช้าๆ, หรือเดินบนเครื่องออกกำลังกาย 2. การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเช่น การยกน้ำหนักเบาๆ การบริหารกล้ามเนื้อด้วยการดึงหนังยาง หรือทำท่ากายบริหารต่างๆ 3. การออกกำลังกายเพื่อฝึกการทรงตัวเช่น ไทเก๊ก/ไทชิ เต้นลีลาศ โยคะแบบเน้นการทรงตัวและยืดเหยียดกล้ามเนื้อ หรือการฝึกย่ำเท้า ฝึกยืนขาเดียวผู้สูงวัยควรออกกำลังกายให้ได้ครบทั้ง 3 ประเภท โดยเลือกให้เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน ที่สำคัญ เราต้องระลึกไว้เสมอว่า ต้องออกกำลัง อย่างปลอดภัย ค่อยๆทำ ทำช้าๆ และทำสม่ำเสมอ จึงจะดีต่อใจและร่างกายอย่างแท้จริง การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุมีหลาย ชนิดดังนี้
การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมจะส่งผลดีต่อสุขภาพของคนได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยให้มีสุขภาพที่ดี ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองหรือภาวะหัวใจขาดเลือด ทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงแก่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และกระดูก ช่วยให้ต่อสู้กับโรคกระดูกพรุนและลดความเสี่ยงของการหกล้มหรือการเกิดอุบัติเหตุอื่น ๆ ได้ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง แต่การออกกำลังกายยังส่งผลดีด้านอื่น ๆ ด้วย โดยผู้สูงอายุที่ออกกำลังกายเป็นประจำนั้น อาจได้รับประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่าง ๆ เช่น
การออกกำลังกายที่เหมาะกับผู้สูงอายุ การออกกำลังกายที่พอเหมาะหรืออย่างน้อยประมาณวันละ 30 นาทีเป็นประจำทุกวัน ทั้งการออกกำลังกายแบบแอโรบิค การออกกำลังกายเพื่อเสริมความยืดหยุ่น การออกกำลังกายเพื่อเสริมการทรงตัว และการออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยผู้สูงอายุที่ต้องการออกกำลังกายหรือผู้ที่ดูแลใกล้ชิดอยากให้บุคคลสูงวัยในครอบครัวได้ออกกำลังกาย สามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญได้ เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม ถูกต้อง และปลอดภัย การออกกำลังกายแบบแอโรบิค เป็นการออกกำลังกายที่ไม่เข้มข้นมากและมีความต่อเนื่อง โดยอาศัยพลังงานจากออกซิเจนภายในร่างกาย ซึ่งสามารถแบ่งระดับและลักษณะกิจกรรมของการออกกำลังกายแบบนี้ได้ 2 ระดับ ดังนี้
การออกกำลังกายเพื่อเสริมความยืดหยุ่น เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้กระดูกข้อต่อเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่ ปรับลักษณะท่าทางของร่างกายให้ดีขึ้น ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ เพิ่มการไหลเวียนเลือด ปรับการทรงตัวและการใช้กล้ามเนื้อในการเคลื่อนไหวให้ดีขึ้น ซึ่งความยืดหยุ่นมีความจำเป็นต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ผู้สูงอายุควรออกกำลังกายแบบยืดหยุ่นอย่างน้อยวันละ 10 นาที สัปดาห์ละ 2 วัน เพื่อยืดกล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ ตามวิธีดังต่อไปนี้
การออกกำลังกายเพื่อเสริมการทรงตัว เป็นการออกกำลังกายเพื่อลดความเสี่ยงในการหกล้ม ซึ่งผู้สูงอายุสามารถออกกำลังกายได้ด้วยตนเอง หรืออาจมีคนประคองอยู่ด้านข้างเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ โดยผู้สูงอายุควรออกกำลังกายเพื่อเสริมการทรงตัวด้วยท่าต่าง ๆ เป็นประจำทุกวันเพื่อสุขภาพที่ดี ดังนี้
การออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เป็นการขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยที่สามารถเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ ทั้งกล้ามเนื้อแขน ขา หลัง หน้าท้อง สะโพก หน้าอก และหัวไหล่ เช่น การถือของ การขึ้นลงบันได การลุกหรือนั่งบนเก้าอี้ รวมถึงการยกดัมเบลที่เริ่มจากน้ำหนักน้อย ๆ รอบละ 10-15 ครั้ง หรือการออกกำลังกายที่ไม่ใช้อุปกรณ์ แต่อาศัยน้ำหนักของตนเอง เป็นต้น โดยผู้สูงอายุอาจฝึกปฏิบัติตามท่าออกกำลังกายดังต่อไปนี้ |