สิ่งที่เรียกว่า “ความสามารถในการทำงาน” มีแบบไหนบ้าง และสำคัญอย่างไรกับองค์กรพนักงานออฟฟิศอย่างเราๆมักถูกประเมินผลการทำงานผ่านการประเมินเป้าหมาย ความรับผิดชอบ และส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงานที่สำคัญกับบทบาทในการทำงาน โดยทั่วไปการประเมินผลงานมักจะเกี่ยวข้องกับยอดขาย เป้าหมายที่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเกณฑ์ความพึงพอใจของลูกค้า พนักงานยังได้รับการประเมินผ่านการทำงานเป็นทีม ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสารต่างๆ และวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องให้พนักงานบรรลุเป้าหมายดังกล่าวเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี บริษัทส่วนใหญ่ใช้วิธีการประเมินผลรายปีเพื่อตัดสินผลการทำงานเนื่องด้วยมีความสำคัญในการประเมินความสำเร็จขององค์กร แต่ทำไมคุณถึงต้องรอให้ผลการประเมินการทำงานของคุณออกมาในเมื่อคุณสามารถเริ่มปรับปรุงวิธีการทำงานของคุณได้ตั้งแต่ตอนนี้ เริ่มจากการปรับปรุงปัจจัยหลักๆที่จะช่วยให้คุณทำงานได้ดียิ่งขึ้นโดยคุณสามารถรู้สิ่งที่ควรปรับปรุงได้จากการประเมินของพนักงานซึ่งช่วยบอกถึงสิ่งที่ควรต้องปรับปรุงต่อไป และนี่คือ 4 ปัจจัยหลักๆซึ่งควรนำมาปรับปรุงพัฒนาการทำงานของคุณ1. โฟกัสงานที่ทำ การทำงานแบบหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันย่อมไม่ดีกับคุณเป็นแน่ เพราะสมองสามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เพียงเวลาเดียว คนที่ทำงานแบบสลับไปมาระหว่างสองสิ่งที่ต่างกันย่อมมีปัญหาสภาวะทางอารมณ์ ขาดความกระตือรือร้นและเกิดข้อผิดพลาดบ่อยครั้ง ผลคือผลการปฏิบัติงานไม่ดีเท่าที่ควร เลือกการทำงานโดยมุ่งให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าและสมาธิของคุณทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ลองใช้วิธีการด้านล่างนี้ช่วยเพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพ ลองวิธีการนี้ดู ลองปิดเสียงหรือการแจ้งเตือนของอุปกรณ์สื่อสารต่างๆไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์มือถือของคุณลงชั่วคราว อาจเปิดโหมด “ห้ามรบกวน” หรือ “ปิดเสียง”แทน เพื่อให้คุณสามารถตั้งใจทำงานใดงานหนึ่งจนจบโดยไม่มีสิ่งใดรบกวนคุณได้ คุณจะเริ่มสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของประสิทธิภาพและจำนวนผลงานของคุณ ทั้งคุณภาพ ประสิทธิผล และความสร้างสรรค์ในงานของคุณการทำงานแบบเน้นงานชิ้นในชิ้นหนึ่งช่วยให้คุณเพิ่มสมาธิและความตั้งใจได้ดียิ่งกว่าเดิม ช่วยให้คุณสามารถค้นหาวิธีการและคิดหาวิธีการที่สร้างสรรค์หรือพบวิธีการใหม่ๆ อีกด้วย 2. เรื่องของสุขภาพกายและจิต งานที่ดีที่สุด ย่อมมาจากจิตและกายที่ดีที่สุด ดังนั้น หากคุณเหนื่อยล้าอยู่ คุณไม่มีทางสร้างงานที่ดีออกมาได้ การอดหลับอดนอนเพื่อทำงานย่อมไม่เป็นผลดีต่องานที่ออกมาอย่างแน่นอน ผลคือ ร่างกายและจิตใจอันเหนื่อยล้าของคุณจากน้ำตาลในเลือดที่ตกลงและการสัปงกในช่วงเวลาทำงาน ทำให้สมรรถนะในการทำงานของคุณเสื่อมถอยลง เมื่อคุณรู้สึกเหนื่อยล้า จงหาวิธีการปลุกเร้าตัวเองให้สดชื่นอยู่เสมอเพื่อช่วยรักษาระดับทัศนคติและลดข้อผิดพลาดในการทำงานให้น้อยลง ดังนั้นหากงานคุณต้องนั่งทำงานเป็นระยะเวลานานหรือมีโอกาสที่คุณอาจจะเลิกงานช้า เทคนิคด้านล่างนี้จะช่วยให้ทำงานผ่านได้อย่างฉลุย • ตั้งเวลาพักให้แก่ตัวคุณเอง เพื่อที่คุณจะได้ไปยืดเส้นยืดสายผ่อนคลายเสียบ้าง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่สมองและช่วยให้สมองปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้น การพัฒนาสรรถนะในการทำงาน การแก้ปัญหาและการจัดการเวลา เมื่อสุขภาพกายและใจของคุณป่วยย่อมมีผลต่อการทำงาน การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญต่อสมรรถนะการทำงานของคุณ คุณมีแนวโน้มที่จะทำงานได้ตามกำหนดเวลาและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากคุณสามารถมีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์เต็มที่ หางานได้ง่ายกว่าเดิมผ่าน application บนมือถือจาก jobsDB ทั้ง iOS และ Android โหลดเลย 3. ทำงานในแต่ละวันให้เต็มที่ เพิ่มสมรรถนะในการทำงานของคุณผ่านการวางแผนในแต่ละวัน ระบุสิ่งที่คุณต้องทำในแต่ละวันถัดไปก่อนที่คุณจะนอนหรือเป็นสิ่งแรกในตอนเช้าเพื่อที่คุณจะได้ทำงานในวันนั้นๆได้อย่างเต็มที่ คิดถึงสิ่งทีคุณต้องการทำให้สำเร็จในแต่ละวันหรืองานอื่นๆที่ต้องการเวลาในการทำงานมากกว่าเดิม อย่าลืมหาเวลาในการพักทุกๆ 5 นาทีเพื่อที่คุณจะได้ทำสมองให้ปลอดโปร่งก่อนจะเริ่มงานถัดไป หากคุณติดขัดหรือคิดงานไม่ออก ลองหาเวลาไปเดินเล่นพักสมองซัก 10 นาที หากคุณวางแผนการทำงานของคุณมาเป็นอย่างดีแล้ว คุณจะไม่เพียงแต่รู้สึกทำงานได้อย่างเต็มที่กับงานเพียงอย่างเดียวแต่เป็นการเต็มที่กับชีวิตอีกด้วย นอกเหนือจากการวางแผนการทำงานและยึดตามแผนให้สำเร็จ ยังมีเทคนิคดีๆที่ช่วยให้คุณสามารถนำไปใช้เพื่อช่วยให้การทำงานในแต่ละวันดียิ่งขึ้น
สิ่งที่คุณจะได้พัฒนา นั่นคือ การบริหารเวลา ประสิทธิภาพในการทำงาน การทำงานเป็นทีม และทักษะความเป็นผู้นำ 4. เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกัน การทำงานร่วมกันเป็นทีมเป็นทักษะที่จำเป็นในที่ทำงานเพราะว่าความสำเร็จของทีมก็คือความสำเร็จของคุณเช่นเดียวกัน การทำงานร่วมกันในทีมทำให้เกิดความคิดใหม่ๆและการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้นเพราะทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันนั่นเอง ดังนั้นจะทำอย่างไรให้คุณเป็นคนที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างแรกเลยคือคุณต้องแน่ใจว่าได้ทำงานจนสุดความสามารถ ต่อมาคือการช่วยสนับสนุนทีมผ่านทักษะความสามารถหรือการวางแผนการใช้คน ส่วนที่สาม คือการเข้าใจถึงจุดอ่อนของตัวเองเพื่อที่คุณจะได้ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นซึ่งมีความถนัดมากกว่า และส่วนท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คือ การขอความช่วยเหลือและคำแนะนำต่างๆหากคุณไม่แน่ใจในงานที่ทำและเสนอตัวที่จะช่วยหากคุณทำได้ทันที รูปแบบของการทำงานที่คุณจะได้รับการพัฒนา นั่นคือ ทักษาความเป็นผู้นำ ทักษะการสื่อสารและ การทำงานร่วมกันเป็นทีม บทสรุปส่งท้าย การบริหารเวลาในการทำงานแต่ละวันจะช่วยให้คุณสามารถจัดสรรเวลาในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน เมื่อคุณจัดอันดับความสำคัญของงานคุณได้แล้ว คุณย่อมรู้สึกมั่นใจที่สามารถควบคุมเวลาและความเครียดได้ดีขึ้น โดยปกติแล้ว คุณจะรู้สึกมั่นใจถึงประสิทธิภาพในการทำงานและไว้วางใจได้ยิ่งกว่เดิม ซึ่งช่วยให้สะท้อนผลการทำงานของคุณให้ดียิ่งขึ้นไปอีก #icanbebetter |