“เราทุกคนล้วนเคยตกเป็นเหยื่อของโปรแกรมออกแบบสไลด์ที่ไร้คุณภาพ” สปอยทำความเข้าใจบริบททำความเข้าใจให้ถ่องแท้ว่ากำลังสื่อสารกับใครให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้หรือทำอะไร จะใช้วิธีการใดสื่อสาร และต้องใช้ข้อมูลใดเพื่อสนับสนุนประเด็นของคุณ โดยสามารถประยุกต์ใช้แนวคิดเรื่องเล่าสามนาทีหัวใจสำคัญ และการเขียนสตอรีบอร์ดเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวตลอดจนวางแผนเนื้อหาและการนำเสนอตามความต้องการได้
คำถามที่ควรถาม
เลือกสื่อที่เหมาะสมเมื่อนำเสนอตัวเลขเพียงหนึ่งหรือสองตัว การนำเสนอด้วยข้อความง่ายๆ จะเหมาะสมที่สุด กราฟเส้นนั้นเหมาะกับข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง ส่วนแผนภูมิแท่งใช้นำเสนอข้อมูลแบ่งประเภทได้ดีโดยต้องมีเส้นฐานที่ค่าเป็นศูนย์ พิจารณาให้ความเชื่องโยงของประเด็นที่ต้องการนำเสนอเป็นปัจจัยตัดสินว่าควรเลือกใช้แผนภูมิประเภทใด จงหลีกเลี่ยงแผนภูมิวงกลม แผนภูมิโดนัท รูปสามมิติ และการใช้เส้นแกน Y สองเส้น เพราะจะเป็นอุปสรรดต่อการตีความข้อมูล กราฟทั้งหมดของเล่มนี้ https://www.storytellingwithdata.com/book/downloads charts and graphs — a complete guide — storytelling with data กราฟทั้งหมด Crop มาจากไฟล์ที่เขาแจกให้โหลดมาลองฝึกที่นี่ Book downloads — storytelling with data ข้อความ
ตาราง
แต่ การใช่ตารางเป็นไอเดียที่ไม่ค่อยดีนักในการนำเสนอ เพราะขณะพูด เขาจะเลิกฟังคุณ และไปสนใจตารางแทน ถ้าไม่ติดอะไร ก็แนะนำให้ลดการใช้ขอบตาราง ข้อมูลจะได้เด่นขึ้นมา คนจะได้ไม่เสียเวลากับตารางเยอะ ฮีตแมพ เราใช้ Heatmap เพื่อลดภาระทางสมอง คนอ่านตารางจะได้โฟกัสได้ถูก
แผนภูมิกระจาย Scatterplot จะมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างของสองสิ่ง
กราฟเส้น จงใส่ข้อมูลด้วยช่วงเวลาที่สม่ำเสมอ ถ้าข้อมูลมีหลายเส้นมากๆ อย่าใช้หลายสี เพราะจะดูไม่รู้เรื่อง เลือกสักอย่างว่าจะบอกอะไร กราฟความชัน จะมีประโยชน์เมื่อคุณมีสองช่วงเวลา หรือ ข้อมูลเปรียบเทียบสองประเด็น และ ต้องการแสดงความสัมพันธ์ของการเพิ่ม ลด หรือความแตกต่าง กราฟแท่ง อันนี้ดีย์ เพราะคนอ่านไม่ต้องคิดเยอะ และนั่นก็หมายถึงเข้าใจผิดได้ง่ายเช่นกัน เลยต้องมีเส้นฐานเป็น 0เสมอ ไม่งั้น จะดูเหมือนแตกต่างกันมากกว่าความเป็นจริง
แท่งๆ ควรกว้างกว่าสีขาวช่องว่าง แผนภูมิแท่งแนวตั้ง ยิ่งเยอะยิ่ง งง การจัดลำดับประเภทข้อมูลให้สอดคล้องกันจึงสำคัญยิ่ง ถ้าจะเน้นอะไรสักอย่าง ให้เอาไว้ที่ฐานเท่านั้น แผนภูมิน้ำตก เพื่อนำเสนอจุดเริ่มต้นของข้อมูล การเพิ่มและลด ตลอดจนผลลัพธ์ในตอนท้าย แผนภูมิแท่งแนวนอน เลือกใช้เพราะมันอ่านง่ายมาก และ ใช้กับพวกชื่อยาวๆได้ดี แผนภูมิแท่งแนวนอนแบบเรียงซ้อน ถูกใช้บ่อยมาก เวลาให้ประเมิน อะไรสักอย่าง แบบ Likert scale พื้นที่ ปกติไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ ยกเว้นคือต้องการนำเสมอข้อมูลที่มีค่าแตกต่างกันอย่างมาก นับวัน กราฟยิ่งมีให้เลือกเยอะมากขึ้น จงเลือกประเภทที่ช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกับผู็รับสารได้อย่างจัดเจน
สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง
มันดูยากมาก ว่าใครเยอะกว่า เนี่ย 31% อาจจะดูเยอะกว่า 34% เทียบกับอะไรง่ายๆแบบกราฟแท่ง
แยกแกน หรือ เติม label ตัดน้ำให้เหลือแต่เนื้อระบุองค์ประกอบที่ไม่เพิ่มประโยชน์ด้านการสื่อสารแล้วลบออกจากแผนภาพข้อมูล อาศัยหลักการของเกสทัลท์ที่ว่าด้วยความเข้าใจวิธีการมองเห็นของมนุษย์เพื่อระบุองค์ประกอบที่ควรตัดทิ้ง ใช้ความเปรียบต่างอย่างมีกลยุทธ์ และใช้หลักการจัดวางแนวกับองค์ประกอบต่างๆ รวมถึงเว้นพื้นที่สีขาวอย่างพอเหมาะ เพื่อช่วยให้ผู้รับสารตีความแผนภาพข้อมูลได้อย่างสะดวก
กฏของเกสทัลท์
กฏการเติมเต็มทำให้เรารู้ว่าอะไรไม่จำเป็น
การจัดวางแนว คนเราจะเริ่มอ่านเป็นตัว Z
พื้นที่สีขาว อย่าใส่ข้อมูลเพียงเพราะยังมีพื้นที่สีขาวว่างอยู่ ให้ใส่เฉพาะมันที่ใส่แล้วเข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น ปล่อยหน้าโล่งๆ เป็นจังหวะหยุด สามารถดึงความสนใจได้ การใช้ Contrast ถ้าทุกอย่างเด่นหมด จะไม่เหลืออะไรเด่นเลย เลือกสักอย่างว่าจะให้อะไรเด่น แกนที่ คนดูอาจจะไม่แคร์ว่ามันคืออะไร ก็ลบไปได้ เพราะเขาสนใจอันดับมากกว่า ขั้นตอนการกำจัดองค์ประกอบไม่สำคัญ
มุ่งเน้นจุดสนใจที่ต้องการใช้สิ่งดึงดูดความสนใจ เช่น สี ขนาด และตำแหน่งเพื่อส่งสัญญาณให้ผู้รับสารทราบว่าองค์ประกอบใดสำคัญ ใช้สิ่งดึงดูดความสนใจเหล่านี้อย่างมีกลยุทธ์เพื่อนำความสนใจของผู้รับสารไปยังองค์ประกอบที่คุณต้องการให้พวกเขาพิจารณา และเพื่อบอกพวกเขาถึงทิศทางการอ่านแผนภาพของคุณ โดยสามารถประเมินประสิทธิภาพของสิ่งดึงดูดความสนใจที่ใช้ในแผนภาพได้ด้วยบททดสอบ “สายตาของคุณมองไปที่ไหน”
การทำให้สิ่งที่เราต้องการจะสื่อเด่นออกมา ทำให้เราไม่ต้องอ่านข้อมูลทั้งหมด ( ประหยัดเวลา แต่ข้อมูลไม่ครบ แต่นั่นก็หมายถึงตัวกวนน้อยลง คิดง่ายขึ้น ) ผู้รับสารมองเห็นสิ่งที่เราต้องการให้เห็น ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวว่ากำลังมองเห็นข้อมูลดังกล่าวด้วยซ้ำ
วิธีการนึง คือการทำให้ข้อมูลทั้งหมด กลายเป็นพื้นหลังก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะทำให้อันไหนเด่น ถ้าต้องการจะสื่อว่า มี Gap ตอนคนลาออก ขนาด หากมีข้อมูลไหนที่สำคัญเป็นพิเศษ ก็จงปรับขนาดให้แสดงถึงความสำคัญ คือให้ใหญ๋เข้าไว้ สีสัน แนะนำให้ใช้สีโทนเท่าเป็นพื้นหลัง เพราะสีอื่นจะเด่นง่ายกว่าสีดำ จงใช้สีเท่าที่จำเป็นและสอดคล้อง ออกแบบโดยคำนึงถึงอาการตาบอดสี แล้วก็ CI ของ Brand
ควรเปลี่ยนสี เฉพาะตอนที่ต้องการให้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง
คิดอย่างนักออกแบบใช้ตัวช่วยบ่งชี้ทางการมองเห็นเพื่อบอกใบ้ผู้รับสารว่าพวกเขาควรมีปฏิสัมพันธ์กับแผนภาพของคุณอย่างไร เช่น เน้นองค์ประกอบสำคัญ กำจัดสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจ และกำหนดลำดับความสำคัญในการมองเห็นข้อมูล ออกแบบแผนภาพให้เข้าใจง่ายโดยไม่ใส่รายละเอียดมากเกินไปรวมถึงใช้ข้อความเพื่อกำกับและอธิบายเพิ่มเติม ทำให้แผนภาพของคุณสวยงามเพื่อให้ผู้รับสารเปิดใจรับข้อมูลมากขึ้น และทำให้ผู้รับสารยอมรับผลงานการออกแบบแผนภาพของคุณ
ด้านซ้าย อ่านแล้ว มึนๆ ไม่รู้จะให้ทำไรต่อ ด้านขวา คือ ปรับองค์ประกอบอื่นๆเป็นสีเทา เพื่อที่เราจะได้รู้เลยว่าต้องโฟกัสที่ไหน
การเข้าถึงได้
อย่าทำให้ซับซ้อนไป
Font อ่านง่าย ภาษาตรงไปตรงมา คนที่พ่นคำศัพท์ยากๆ สักพักคนจะเลิกสนใจ ข้อความคือมิตรแท้ของคุณ จงใส่ข้อความกำกับให้จัดเจน คนรับสารจะได้ทุ่มเทพลังสมองเพื่อทำความเข้าใจข้อมูล แทนที่จะต้องเสียเวลาคิดว่าจะอ่านข้อมูลอย่างไร อย่าทึกทักว่า 2 คนอ่านกราฟเดียวกัน จะตีความได้เหมือนกัน!! เขียนมันออกมาซะ กราฟเพื่อขอจ้างคนเพิ่ม ก็บอกไปเลยถ่ายทอดเรื่องราวสร้างสรรค์เรื่องราวด้วยจุดเริ่มต้น (โครงเรื่อง) จุดกึ่งกลาง(จุดพลิกผัน) และจุดสิ้นสุด (กระตุ้นให้ลงมือปฏิบัติ ที่ชัดเจนใช้ความขัดแย้งและความตึงเครียดตรึงความสนใจของผู้รับสารเอาไว้ พิจารณาลำดับและวิธีการถ่ายทอดเรื่องราวของคุณ ผสานพลังแห่งการกล่าวซ้ำเพื่อให้ผู้รับสารจดจำข้อมูลสุดท้าย ใช้เทคนิคตรรกะแนวตั้ง ตรรกะแนวนอน การเขียนสตอรีบอร์ดย้อนกลับและการมองสิ่งต่าง ๆ ด้วยมุมมองที่สดใหม่เพื่อให้มั่นใจว่าผู้รับสารจะเข้าใจเรื่องราวจากการนำเสนอของคุณอย่างชัดเจน
บทที่เหลือเป็น การรวมเอาทริค 6 หัวข้อใหญ่นี้ไปใช้ร่วมกัน กับ Case study อีกครึ่งเล่มได้ มีตัวอย่างดีๆอีกเพียบ อย่าลืมไปหามาอ่านกัน มันดีย์มากกกกกก |