ดนตรี คือลักษณะของเสียงที่ได้รับการจัดเรียบเรียงไว้อย่างมีแบบแผนและโครงสร้างที่ชัดเจน สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ๓ ด้านใหญ่ๆ คือเพื่อความสุนทรีย์ เพื่อการศึกษา และเพื่อการบำบัดรักษา จากการศึกษาค้นคว้าถึงประวัติที่มาของดนตรีในยุคโบราณ พบว่า ดนตรีมีที่มาจากความหวาดกลัวของมนุษย์ต่อปรากฏการณ์หรือภัยธรรมชาติ และเชื่อว่าเสียงดนตรีซึ่งทำให้มนุษย์รู้สึกผ่อนคลาย เพลิดเพลิน จะทำให้พระเจ้ามีความเมตตากรุณา ช่วยให้ผ่านพ้นภัยพิบัติ และบันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของพืชผลธัญญาหาร ในยุคต่อมา เมื่อเกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ จากการศึกษาวิจัยพบว่าดนตรีมีผลต่อร่างกาย จิตใจ และสมองในหลายๆด้าน ผลของดนตรีที่มีต่อร่างกายสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอัตราการหายใจ อัตราการเต้นของชีพจร ความดันโลหิต การตอบสนองของม่านตา ความตึงตัวของกล้ามเนื้อและการไหลเวียนของเลือด ผลของดนตรีต่อจิตใจและสมอง สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ สติสัมปชัญญะ จินตนาการ การรับรู้สภาพความเป็นจริง และการสื่อสารทางอวัจนะภาษา นอกจากนี้รายงานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้นพบว่า ดนตรีช่วยให้หัวใจแข็งแรง ทำงานได้ดีขึ้น มีการใช้ดนตรีช่วยกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์มารดา รวมถึงการใช้ดนตรีลดหรือบรรเทาความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด ในด้านความคิด ดนตรีช่วยเสริมสร้างจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ในด้านอารมณ์ การฟังดนตรีมีแนวโน้มทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกคล้อยตาม ดนตรีจึงมีผลต่อโดยตรงต่อปฏิกิริยาทางอารมณ์ แนวดนตรีและจังหวะดนตรีที่แตกต่างกันส่งผลให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกแตกต่างกัน ดนตรีที่มีจังหวะเร็ว ช่วยปลุกเร้าอารมณ์ กระตุ้นให้ผู้ฟังรู้สึกกระตือรือร้น ฮึกเหิม ในขณะที่ดนตรีที่มีจังหวะช้า ช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย การได้ฟังดนตรีที่ชอบและมีความรู้สึกร่วมไปกับเสียงดนตรี ย่อมทำให้ผู้ฟังเกิดความสุข ด้านจิตวิทยา มีงานวิจัยหลายการศึกษาพบว่า เสียงดนตรีสามารถรักษาโรคสมาธิสั้น ช่วยปรับเปลี่ยนนิสัยก้าวร้าวของมนุษย์ให้มีความอ่อนโยน เนื่องจากดนตรีมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของมนุษย์ดังกล่าว จึงมีการนำดนตรีมาประยุกต์ใช้ในการบำบัดผ่านกิจกรรมทางดนตรีที่มีรูปแบบ หลักเกณฑ์ และระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ จิตใจ ส่งผลต่อพฤติกรรม ทำให้เกิดการปรับลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมลงได้ เป้าหมายของการใช้ดนตรีบำบัดจึงมิได้เน้นที่ทักษะทางดนตรี แต่เน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคมของผู้รับการบำบัด องค์ประกอบต่างๆทางดนตรี สามารถให้ประโยชน์ที่แตกต่างกันไป เช่น จังหวะดนตรี (Rhythm) ช่วยให้ผ่อนคลายปละช่วยเสริมสร้างสมาธิ ระดับเสียง (Pitch) เสียงระดับต่ำจะช่วยให้เกิดความรู้สึกสงบสุข ความดัง (Volume) พบว่าเสียงที่เบานุ่มจะทำให้เกิดความสงบสุข สบายใจ ในขณะที่เสียงดังทำให้เกิดการเกร็ง กระตุกของกล้ามเนื้อได้ ความดังที่เหมาะสมจะช่วยสร้างระเบียบการควบคุมตนเองได้ดี มีความสงบ และเกิดสมาธิ ทำนองเพลง (Melody) ช่วยในการระบายความรู้สึกส่วนลึกของจิตใจ ทำให้เกิดความริเริ่มสร้างสรรค์และลดความวิตกกังวล การประสานเสียง (harmony) ช่วยในการวัดระดับอารมณ์ความรู้สึกได้ โดยดูจากปฏิกิริยาที่แสดงออกมาเมื่อฟังเสียงประสานต่างๆจากบทเพลง ประโยชน์ของดนตรีบำบัดสามารถนำมาใช้ปรับสภาพจิตใจให้อยู่ในสภาวะสมดุล มีความสงบและมีทัศนคติในเชิงบวกมากขึ้น ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดและลดความวิตกกังวล กระตุ้น เสริมสร้าง และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ความจำ กระตุ้นการรับรู้ เสริมสร้างสมาธิ เสริมสร้างทักษะทางสังคม พัฒนาทักษะการสื่อสารและการใช้ภาษา พัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว ลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ ช่วยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ช่วยเสริมสร้างกระบวนการบำบัด ทั้งในการประเมินความรู้สึก สร้างเสริมอารมณ์เชิงบวก และการควบคุมตนเอง เป็นต้น มูลนิธิศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ เล็งเห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของดนตรีในแง่ของการบำบัดเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ จิตใจ และพฤติกรรมดังกล่าวจึงเห็นสมควรจัดโครงการดนตรีบำบัด เพื่อพัฒนารูปแบบการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูที่หลากหลายสนับสนุนให้การแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเกิดประสิทธิภาพสูงสุด สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ศาลยุติธรรม พ.ศ.2561 – 2564 ยุทธศาสตร์ T เพิ่มความเชื่อมั่นศรัทธาในการอำนวยความยุติธรรม โดยมีเป้าประสงค์ประชาชนและสังคมศรัทธาและเชื่อมั่นในกระบวนการอำนวยความยุติธรรมของศาลยุติธรรม และมีแนวทางการดำเนิน ข้อ 1. เสริมสร้างค่านิยมเพื่อความเป็นเลิศทางการศาล ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายประธานศาลฎีกา ข้อ 3 เพิ่มการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการคดี และเพื่อให้การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมรวดเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง และวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ ข้อ 6.4 ให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือในกิจการต่างๆ ของศาลตามเจตนารมณ์ และข้อ 6.5 เพื่อดำเนินการประสานงานและให้ความร่วมมือต่อหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชนในขอบข่ายตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ วัตถุประสงค์
ตัวชี้วัดวัตถุประสงค์ 1. เด็กและเยาวชนผู้กระทำความผิด เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ความคิด จิตใจ และพฤติกรรมที่ เหมาะสม ไม่กลับมากระทำผิดซ้ำอีก ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 2. เด็กและเยาวชนมีความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 เป้าหมายผลผลิต
ตัวชี้วัดเป้าหมายผลผลิต เด็กและเยาวชนผู้กระทำความผิด ได้รับการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูที่หลากหลาย ลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เด็กและเยาวชนกลุ่มเป้าหมายไม่หวนกลับมากระทำความผิดซ้ำ ร้อยละ 80 ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕61 กลุ่มเป้าหมาย เด็กหรือเยาวชนในระหว่างปล่อยชั่วคราวในชั้นก่อนฟ้อง หรือในระหว่างปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาพิพากษาคดี หรือในระหว่างรอคำพิพากษา ของศูนย์ให้คำปรึกษา แนะนำ และประสานการประชุมเพื่อการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็ก เยาวชน และครอบครัว ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ ระยะเวลาทำโครงการ ปีงบประมาณ 2561 เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 – เดือนกันยายน 2561 โดยจัดกิจกรรมในทุกวันพฤหัสบดี ของสัปดาห์ |