ปัญหาสังคมจากโลกไซเบอร์ สภาพโดยทั่วไป สภาพปัญหา ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตนั้นมีมากเกินจนเด็กไม่สามารถกลั่นกรองสิ่งที่มีประโยชน์ได้อีกต่อไป มีข้อมูลมากจึงเหมือนไม่มี แถมยังทำลายความสามารถในการสกัดข้อมูลทิ้งไปเสียอีก สมองของวัยรุ่นนั้นปกติ
แต่ต้องมาเผชิญหน้ากับข้อมูลจำนวนมหาศาลมากเกินปกติ คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตจู่โจมพวกเราด้วยกำลังแรงและรวดเร็วมาก จนกระทั่งพวกเราไม่ทันตั้งตัว สังเกตว่ามันได้พาเอามายาคติจำนวนหนึ่งติดมาด้วย มายาคติที่เกี่ยวพันกับบทความวันนี้คือ มันหลอกเราว่าข้อมูลเยอะแต่ไม่ได้แปลว่าเป็นข้อมูลที่เหมาะสม และด้วยความที่ว่าบางครั้งเด็กและเยาวชนยังขาดวิจารณญาณหรือยังขาดวุฒิภาวะในการเลือกรับข้อมูลซึ่งอาจจะไม่เหมาะสมกับวัยทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา เช่น น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ถึงผลการวิจัยของ น.ส.ศศิดารา สิงหเนตร เรื่องการขายบริการทางเพศผ่านห้องสนทนาบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิดำรงชัยธรรมว่า
ผลวิจัยพบการขายบริการทางเพศผ่านทางอินเตอร์เน็ตเตอร์เน็ต แบ่งเป็น 2 แบบ 1.การขายบริการทางเพศผ่านห้องสนทนาโดยตรง อาทิ การขายบริการผ่านห้องสนทนา การสุ่มเข้าไปเสนอขายบริการกับผู้ซื้อเอง 2.ขายบริการทางเพศผ่านห้องสนทนาทางอ้อม เช่น การติดต่อกับเอเย่นต์ หรือคนกลางผ่านอินเตอร์เน็ต และการขายบริการผ่านทางโทรศัพท์กับผู้ที่เคยใช้บริการหรือมีคนแนะนำมา
การเข้าไปใช้บริการในเว็บไซต์ต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม เช่นเว็บไซต์ลามกอนาจาร ที่มีอยู่จำนวนมาก โดยการเข้าไปใช้บริการเว็บนั้นๆ ง่ายดายมาก ถึงแม้ว่าในสถานที่ราชการ หรือสถานศึกษาบางแห่งจะเข้าไปสกัดกั้น ไม่ให้เข้าไปใช้บริการบนเว็บนั้นได้ แต่ก็ไม่สามารถสกัดกั้นได้ เนื่องจากยังมีสถานที่ที่คอยรองรับการบริการแบบเช่าชั่วโมงให้กับเยาวชน ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วไป ข้อมูลเว็บไซต์เหล่านั้นมีออกมาหลากหลายรูปแบบ เพื่อดึงดูดความสนใจ ไม่ว่าจะนำเสนอเป็นภาพนิ่ง วีดีโอ ภาพยนตร์ ฯลฯ
จึงทำให้ธุรกิจด้านสื่อลามกมีผู้ใช้บริการมากขึ้น จากการที่เยาวชนของเราได้เข้าไปดูในเว็บไซต์ต่างๆเหล่านี้ อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างมากมาย เช่น ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ปัญหาโรคเอดส์ ปัญหาครอบครัว “ปัญหาคุกคามเด็กและวัยรุ่นในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่” โดยศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กรณีศึกษาเด็กและวัยรุ่นอายุ 7-19ปี
ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 2,276ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 22-23เมษายน พ.ศ.2551พบว่า ร้านอินเทอร์เน็ตมีการใช้ความรุนแรง อาทิ พูดจาหยาบคาย โวยวาย ด่าทอ และทำร้ายร่างกาย อีกทั้ง เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ที่นิยมเข้าไปเกมจะเสี่ยงต่อการมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะ สม เนื่องจากเกมที่ให้บริการมีทั้งเกมต่อสู้ เกมใช้ความรุนแรง เกมที่มีภาพโป๊ เกมเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ แม้ว่าอินเทอร์เน็ตนั้นสามารถที่จะใช้อำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ การใช้เพื่อความบันเทิง ตลอดจนสามารถเป็นช่องทางในการสื่อสารได้ แต่จากที่ได้ยกมา ก็จะเห็นว่าปัญหาสังคมของเยาวชนที่เกิดจากการใช้อินเทอร์เน็ตนั้นก็มีไม่น้อยเช่นเดียวกัน บทวิเคราะห์ แนวโน้ม
ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวว่า “สำหรับแนวโน้มการใช้อินเทอร์เน็ตในปีหน้านั้น จะมีการขยายตัวของการใช้อินเทอร์เน็ต จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ 2000 ที่ผ่านมามีการเติบโตของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในอัตราเร็วที่น้อยลง นั่นแปลว่าหน้าใหม่ก็เข้ามาเรื่อยๆ แต่อัตราที่เข้ามานั้นน้อยลง แต่ว่าการลดลงของอัตราเร็วผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตนี้กลับเป็นการเพิ่มปริมาณ การใช้ปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จะเห็นได้ว่าเว็บในไทยร้อยละ 40 คือเว็บเพื่อการบันเทิง รองลงมาก็คือ game ประมาณร้อยละ 14 ที่กำลังไล่ตามมาอย่างติดๆก็คือ เว็บส่วนตัว ซึ่งเป็นอานิสงค์ช่วง diary fever ตามต่อด้วยช่วง blog fever ผสมโรงเข้ามาอีก รวมส่วนนี้ร้อยละ 10 ซึ่งสังเกตเห็นว่าหมดการศึกษา หมวดคอมพิวเตอร์ หมวดธุรกิจ หมวดอินเตอร์เน็ตลดลง
ดังที่ทราบว่าอินเทอร์เน็ตนั้นได้เข้ามามีอิทธิพลต่อสังคมไทยเป็นอย่างยิ่งโดยปฏิเสธไม่ได้ และเราก็ไม่อาจสามารถหยุดยั้งความเจริญเหล่านี้ได้ ในอนาคตแนวโน้มการพัฒนามีมากยิ่งขึ้น การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตนั้นมากขึ้น สะดวกขึ้น จากปัญหาที่ได้พบมาทั้งหมดซึ่งเป็นผลกระทบมาจากอินเทอร์เน็ตของเยาวชนนั้น เราก็ไม่สามารถที่จะไปห้าม ไปกีดกั้นไม่ให้เยาวชนใช้อินเทอร์เน็ตได้ เนื่องจากประโยชน์ของมันก็มีหลายประการเช่นกัน หากแต่ควรจะมีวิธีการปรับให้เยาวชนใช้อย่างเหมาะสม ใช้ไปในทางที่เกิดประโยชน์ โดยผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำ
เริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัวซึ่งเป็นสถาบันขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองควรดูแลเอาใจใส่ มีเวลาครอบครัว มีกิจกรรมร่วมกัน ควรจะเพิ่มพื้นที่ทางสังคมให้แก่บุตรหลาน กล่าวคือ ไม่ให้รู้สึกว่าอยู่คนเดียวไม่มีที่ปรึกษา ให้บุตรหลานกล้าที่จะเข้าหา ให้บุตรหลานสามารถแสดงออก แสดงความคิดเห็นได้ในบางกิจกรรม เช่น การเลือกสถานที่ไปเที่ยวของครอบครัว การเลือกอาหารรับประทานในครอบครัว เป็นต้น เพื่อที่จะไม่ให้เยาวชนมีความเก็บกด สามารถระบายออกมาได้ และเพื่อเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เป็นการหันเหความสนใจไม่ให้เยาวชนหมกมุ่นกับอินเทอร์เน็ตมากเกินไป สอนให้รู้จักแบ่งเวลา รู้จักความพอดี รู้จักความเหมาะสม ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการเลือกบริโภคข้อมูล และช่วยให้เยาวชนมีวิจารณญาณในการรับสื่อมากขึ้น ทำให้ปัญหาสังคมที่ตามมานั้นลดลง |