จง บอก วิธี การ ซัก ผ้า เป็น ขั้น ตอน

จง บอก วิธี การ ซัก ผ้า เป็น ขั้น ตอน

๑)การซักผ้าด้วยมือ เป็นการซักผ้าที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิม เป็นวิธีซักผ้าที่ต้องออกแรงขยี้หรือแปรงผ้าที่ซัก เหมาะสำหรับผ้าที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษหรือผ้าที่สกปรกมาก แต่วิธีนี้ใช้เวลา แรงงานมากกว่าซักด้วยเครื่องซักผ้าซึ่งข้อดีของการซักผ้าด้วยมือ คือ สามารถทำความสะอาดเฉพาะส่วนได้ดี สำหรับเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการซักผ้าโดยทั่วไปแล้วในการซักผ้าด้วมือจะใช้เครื่องมืออุปกรณ์ดังนี้

๑.ถังหรืออ่างสำหรับแช่และซักผ้าอย่างน้อย ๒ ใบ

๒.แปรงซักผ้า ใช้แปรงผ้าในส่วนที่สกปรกมาก เช่น ปกเสื้อ ขอบแขน เป็นต้น

๓.กระดานแปรงผ้า ให้ใช้คู่กับแปรงสำหรับรองผ้าขณะแปรงผ้า

๔.สารซักฟอก ได้แก่ ผงซักฟอก สบู่ และสารฟอกขาวใช้ซักผ้าโดยสารฟอกขาวจะใช้ในกรณีซักผ้าขาว หรือผ้าสกปรกที่ต้องการฟอกเฉพาะส่วน

๕.สารแต่งผ้า ได้แก่ คราม แป้งลงผ้า เยลลี่

–          คราม ใช้สำหรับแต่งสีผ้าขาวให้สดใส ทำได้โดยนำครามละลายกับน้ำ และนำผ้าที่ซักสะอาดแล้วไปแช่และขยำในน้ำครามให้ทั่ว บิดและนำไปตาก

–          แป้งลงผ้า ใช้สำหรับลงผ้าให้มีความคงรูป ใช้ได้ทั้งผ้าสีและผ้าขาวโดยทั่วไปแล้วจะใช้กับผ้าฝ้าย ผ้าไหม โดยใช้แป้งมันสำปะหลังต้มกับน้ำ พอน้ำแป้งสุกจะมีลักษณะข้นใส และก่อนที่จะนำไปลงผ้าควรกรองน้ำแป้งด้วยผ้าขาวบาง เพื่อนำเศษฝุ่นละอองและแป้งที่จับเป็นลูกออกจากน้ำแป้ง น้ำแป้งไม่ควรให้ข้นมาก พอแป้งสุกให้นำมาผสมน้ำคนให้ทั่ว แล้วนำผ้าลงแช่ให้ทั่ว จึงบิดและนำไปตาก

–           เยลลี่ลงผ้า ใช้สำหรับตกแต่งผ้าให้คงรูปเช่นกัน มีขายอยู่ทั่วไปมีบักลักษณะเป็นแผ่นบางเป็นเส้น วิธีการแต่งผ้าให้นำไปต้มผสมกับน้ำและกรองเช่นเดียวกับแป้งลงผ้า

          ๒) การซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า   การซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าในปัจจุบันนิยมกันมาก เพราะว่าช่วยประหยัดเวลาและพลังงาน มีอยู่หลายรูปแบบ เหมาะสำหรับผ้าที่ไม่พิถีพิถันในการซักหรือผ้าที่สกปรกมาก แต่ถ้าต้องการซักผ้าที่สกปรกมากให้สะอาด ก่อนการใช้เครื่องซักผ้าควรแปรงหรือขยี้ผ้าด้วยมือ หรือทาด้วยน้ำยาขจัดรอยเปื้อน เฉพาะส่วนที่สกปรกมาก เช่น ปก ปลายแขน เป็นต้น การใช้เครื่องซักผ้าต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาด และจะต้องปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้าได้ยาวนาน สำหรับวิธีการในการซักผ้าควรปฎิบัติดังนี้

จง บอก วิธี การ ซัก ผ้า เป็น ขั้น ตอน

๑.      ก่อนการซักผ้า ให้ตรวจดูกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกงทุกตัว หากมีวัตถุสิ่งของตกค้างอยู่ให้เอาออก

๒.    กลับเสื้อผ้าทุกตัวโดยเอาด้านในออกก่อนการซักผ้า

๓.     เพื่อให้ผ้าสะอาดอย่างทั่วถึงควรทำความสะอาดด้วยมือ หรือผสมสารซักฟอกเฉพาะที่ก่อนการซักด้วยเครื่อง เช่น ปกเสื้อ ขอบปลายแขนเสื้อ เป็นต้น

๔.     นำผ้าใส่ลงในเครื่องซักผ้าตามขนาดละความจุ หรือน้ำหนักที่บอกรายละเอียดไว้

๕.     นำสารซักฟอกและสารอื่นๆ ใส่ในเครื่องซักผ้า ตามข้อแนะนำของเครื่องซักผ้าแต่ละชนิด

๖.      เพื่อให้เสื้อผ้าสะอาดยิ่งขึ้น ควรแช่ผ้าทิ้งไว้ประมาณ ๑๕-๒๐ นาที เช่นเดียวกันกับการซักด้วยมือ

๗.     ตั้งรายการซักผ้าตามคำแนะนำของเครื่องซักผ้า

๘.     เมื่อซักเสร็จแล้ว ให้นำผ้าออกจากเครื่องซักผ้า

ก่อนซักผ้าต้องคิดถึงเป้าหมายที่ดีของการซักผ้าก็คือ เสื้อผ้าที่สะอาดและจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบจากนั้นก็คิดถึงขั้นตอนการซักที่เรียงลำดับอย่างถูกต้อง แล้วจึงลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ดังนี้

จง บอก วิธี การ ซัก ผ้า เป็น ขั้น ตอน


1.ขั้นการเตรียม

- รวบรวมเสื้อผ้าที่จะต้องซัก
- สำรวจสิ่งของที่อาจตกค้างอยู่ในเสื้อผ้า โดยเฉพาะในกระเป๋าต่างๆแล้วเก็บออกให้หมด เพราะสิ่งของเหล่านั้นอาจเสียหายระหว่างการซักหรือทำให้เกิดอันตรายกับผู้ซัก ถ้าหากสิ่งนั้นเป็นของมีคม เช่น เข็มกลัดเป็นต้น
- สำรวจรอยเปื้อนและการชำรุดของเสื้อผ้าก่อนนำไปซัก
- แยกสีของเสื้อผ้าออกเป็นผ้าขาว ผ้าสีอ่อนและผ้าสีเข้ม เสื้อผ้าที่สีตกควรแยกออกไว้ซักต่างหาก รวมทั้งแยกประเภทของเสื้อผ้า เช่น เสื้อ กางเกง กระโปรง ผ้าเช็ดหน้า ถุงเท้า เสื้อผ้าชั้นใน เป็นต้น
- เตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดรอยเปื้อนหรือซ่อมแซมเสื้อผ้า
- นำภาชนะมาใส่เสื้อผ้าที่แยกแล้วให้เหมาะสมและสามารถขนย้ายไปยังที่ซักได้สะดวก
- เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการซัก เช่น กะละมังหรือถังน้ำ ผงซักฟอก แปรงสำหรับซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม คราม ไม้แขวนเสื้อ ไม้หนีบ เป็นต้น โดยเตรียมให้ประหยัดเวลาและใช้แรงงานน้อยที่สุด

2. ขั้นลงมือซักผ้า

- รองน้ำใส่กะละมังใบที่ 1 ให้มีปริมาณเหมาะสมกับปริมาณผ้าทั้งหมดที่จะซัก
- นำเสื้อผ้ามาซักด้วยน้ำสะอาดในกะละมังใบที่ 1 เพื่อให้คราบสกปรกหลุดออกไปก่อน โดยเริ่มซักจากผ้าขาว ในขณะเดียวกันก็รองน้ำใส่กะละมังใบที่ 2 สำหรับผสมกับผงซักฟอก
- ผสมผงซักฟอกลงในกะละมังใบที่ 2 ให้มีความเข้มข้นพอเหมาะกับปริมาณผ้าที่จะซัก
- เมื่อละลายผงซักฟอกในน้ำหมดแล้ว ให้นำผ้าขาวลงแช่ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที
- ซักผ้าขาวที่แช่ไว้ ถ้าเป็นเสื้อให้ขยี้หรือแปรงเบาๆ บริเวณปกเสื้อ แขนเสื้อ คอเสื้อ กระเป๋าเสื้อ และชายเสื้อ เป็นพิเศษ เนื่องจากจะมีความสกปรกมากกว่าส่วนอื่น ส่วนกระโปรงหรือกางเกงก็จะเป็นบริเวณขอบเอว ขอบขา ชายกระโปรง และปากกระเป๋า
- ในขณะที่กำลังซักผ้า ให้รองน้ำใส่กะละมังใบที่1 เตรียมไว้สำหรับนำผ้าที่ซักแล้วมาซักในน้ำสะอาด
- เมื่อซักผ้าขาวเสร็จแล้วจึงซักผ้าสี โดยเริ่มจากผ้าสีอ่อน และซักเสื้อ กระโปรง กางเกง ถุงเท้า หรือเสื้อผ้าที่สกปรกมาก เรียงตามลำดับ
- เมื่อซักผ้าในน้ำผงซักฟอกเสร็จหมดแล้ว ให้เทน้ำที่เหลือทิ้ง แล้วล้างกะละมังให้สะอาด
- รองน้ำใส่กะละมังใบที่ 2 ที่ล้างสะอาดแล้ว พร้อมกับซักผ้าด้วยน้ำสะอาดครั้งที่ 1 ในกะละมังใบที่ 1 โดยซักผ้าขาวก่อน ในขณะซักให้กลับตะเข็บเสื้อผ้าด้วย
- เมื่อซักในน้ำครั้งที่ 1 เสร็จ เทน้ำมนกะละมังออก ล้างกะละมังให้สะอาด แล้วรองน้ำใส่ไว้สำหรับซักผ้าครั้งที่ 3
- ในขณะที่รองน้ำใส่กะละมังใบที่ 1 ให้ซักผ้าในน้ำสะอาดครั้งที่ 2 จากกะละมังใบที่ 2
- นำภาชนะที่ใส่ผ้าที่ยังไม่ได้ซักในตอนแรกมาล้างให้สะอาด โดยใช้น้ำที่เก็บไว้ในกะละมังใบที่ 2 ก็ได้
- ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่ม ลงในน้ำกะละมังใบที่ 1 แล้วนำผ้าลงไปแช่ เสร็จแล้วก็ใส่ลงในภาชนะที่ล้างไว้ โดยแยกผ้าขาว ผ้าสีออกจากกัน นำผ้าทั้งหมดไปยังราวตากผ้า
- บีบผ้าให้หมาด แต่ไม่ควรใช้การบิดเพราะจะทำให้ผ้ายับมากและเสียรูปทรง เมื่อบีบน้ำออกแล้ว ให้คลี่ผ้าออกดึงให้เข้ารูป แล้วใส่ไม้แขวนเสื้อหรือตากกับราว สำหรับผ้าขาวถ้าเป็นใยสังเคราะห์ไม่ควรตากกลางแดดเพราะจะทำให้ผ้าเหลือง แต่ถ้าเป็นผ้าฝ้ายสมารถตากกลางแดดได้ ส่วนผ้าสีควรตากในร่ม เพราะการตากแดดจะทำให้สีซีดและเก่าเร็ว

3. การจัดเก็บ

- เมื่อผ้าแห้งแล้วควรเก็บให้เรียบร้อย ผ้าที่ต้องรีดก็นำไปแขวนรวมกันไว้ ไม่ควรพับเพราะจะทำให้รีดยาก ส่วนผ้าที่ไม่ต้องรีดก็ควรพับให้เรียบร้อย โดยแยกเสื้อ กระโปรง กางเกง เสื้อผ้าชั้นในหรือถุงเท้า เพื่อให้เป็นระเบียบในการจัดเก็บ และหยิบใช้ได้สะดวก  

จง บอก วิธี การ ซัก ผ้า เป็น ขั้น ตอน
 

จง บอก วิธี การ ซัก ผ้า เป็น ขั้น ตอน