เงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวปี64/65

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์

เงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวปี64/65

ชาวนาได้เฮ "ประกันรายได้ข้าว" ธ.ก.ส. โอน "เงินเยียวยาเกษตรกร" แล้วทีเดียว 2 งวด งวดที่ 27-28 นับถอยหลังเหลืออีก 5 งวด

เช็คอัปเดต "เงินเยียวยาเกษตรกร" เงินช่วยเหลือชาวนา"ประกันรายได้ข้าว"ปี 64/ 65 ตามมติที่ประชุม เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 64 อนุมัติวงเงินรวม 76,080.95 ล้านบาท นั้น ล่าสุด มีการเคาะราคาเกณฑ์อ้างอิง ในโครงการ"ประกันรายได้ข้าว"2 งวด คืองวดที่ 27-28 แล้ว 

นายธีร์วริศ พรพันธวิศ นายกสมาคมส่งเสริมเกษตรกรชาวนาอีสาน และ ในฐานะคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างและการชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 เปิดเผยว่า มีการเคาะราคาเกณฑ์อ้างอิง ในโครงการ "ประกันรายได้ข้าว"2 งวด คือ งวดที่ 27 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันคาดว่าเก็บเกี่ยว ระหว่างวันที่ 8-14 เม.ย. 2565

  1. ข้าวเปลือกหอมมะลิ     สิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว
  2. ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่  ตันละ  1,623.71 บาท
  3. ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี  ราคาสูงกว่าเป้าหมาย
  4. ข้าวเปลือกเจ้า  ตันละ  1,269.77  บาท
  5. ข้าวเปลือกเหนียว   ตันละ  2,418.18  บาท

ส่วนงวดที่ 28 "เงินเยียวยาเกษตรกร" ในโครงการ "ประกันรายได้ข้าว" เป็นเกษตรกรที่แจ้งวันคาดว่าเก็บเกี่ยว ระหว่างวันที่ 15-21 เม.ย. 2565

  1. ข้าวเปลือกหอมมะลิ     สิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว
  2. ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่  ตันละ  1,588.97 บาท
  3. ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี  ราคาสูงกว่าเป้าหมาย
  4. ข้าวเปลือกเจ้า    ตันละ  1,224 บาท
  5. ข้าวเปลือกเหนียว  ตันละ  2,376.11 บาท

นายธีร์วริศ กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงที่คำนวณได้ในงวดที่ 26-28 พบว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียวปรับตัวสูงขึ้น ยกเว้นข้าวเปลือกเจ้า ที่ราคาปรับตัวลดลงในงวดที่ 27 และปรับตัวสูงขึ้นในงวดที่ 28 จากทั้งหมด 33 งวด เหลืออีก 5 งวด จะจบโครงการแล้ว 


สามารถตรวจสอบสถานะขั้นตอน-ช่องทางตรวจสอบเงิน ดังนี้

  1. เข้าสู่เว็บไซต์ chongkho.inbaac.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  2. กรอกเลขประจำตัวประชาชน เพื่อใช้ในการเช็ค "เงินเยียวยาเกษตรกร" การเช็คเงินเกษตรกร 2564 เข้าหรือยัง สามารถทราบผลได้ทันที หลังจากกรอกเลขบัตรประชาชน โดยจะมีรายละเอียดของบัญชี จำนวนเงิน และโครงการของเงินช่วยเหลือที่ได้รับ
  3. ตรวจสอบข้อมูลในแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile หลังจากตรวจสอบในเว็บไซต์แล้วเรียบร้อย หากมีข้อมูลขึ้นว่าได้รับเงินโอน สามารถเข้าไปตรวจสอบยอดเงินได้ด้วยตัวเอง

เงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวปี64/65

ขอบคุณข้อมูล ฐานเศรษฐกิจ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 2/2565 ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุม เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (8 กันยายน 2565) ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

  นบข. มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกรอบวงเงิน เพื่อใช้สำหรับจ่ายชดเชยและเป็นค่าบริหารจัดการโครงการ และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ประกอบด้วย 1. โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 (ปีที่ 4) วงเงิน 86,740.31 ล้านบาท 2. มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 (ปีที่ 4) วงเงิน 8,022.69 ล้านบาท 3. โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 วงเงิน 55,364.75 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 150,127.75 ล้านบาท โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ นบข. นำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)  เพื่อพิจารณาตามระเบียบต่อไป ทั้งนี้ ครม. ได้อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อเป็นหลักประกันในรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และมาตรการคู่ขนานเพื่อสร้างเสถียรภาพราคาข้าว ตามข้อเสนอของ นบข. ต่อเนื่อง 3 ปี ตั้งแต่ปีการผลิต 2562/63 จนถึงปีการผลิต 2564/65

  พร้อมกันนี้ นบข. ได้พิจารณาตามที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รายงานว่า ไม่สามารถปิดบัญชีโครงการข้าวตามนโยบายของรัฐบาล จำนวน 7 โครงการได้ ประกอบด้วย (1) โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 (2) โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2551/52 (3) โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 (4) โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 (5) โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2555 (6) โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 (7) โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 เนื่องจากการดำเนินการระบายข้าวคงเหลือยังไม่แล้วเสร็จ และการดำเนินการทางกฎหมายยังไม่แล้วเสร็จ นบข. จึงมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาโครงการฯ ออกไป จากเดิม สิ้นสุด ก.ย. 65 เป็น สิ้นสุด ก.ย. 66 โดยให้ อคส. เร่งรัดการระบาย และ อคส./อ.ต.ก. เร่งรัดการดำเนินการทางกฎหมาย และให้รายงานฝ่ายเลขานุการฯ ทราบเป็นประจำทุกเดือน

  นบข. มีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ จาก ก.ย. 65 เป็น ก.ย. 66 ตามที่กรมการข้าวเสนอ โดยให้เร่งดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2566 และให้รายงานความคืบหน้าต่อ นบข. ทั้งนี้ ครม. มีมติเห็นชอบโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ กรอบวงเงิน 9,696.522 ล้านบาท เมื่อ 11 เม.ย. 60 ปัจจุบันมีผลการดำเนินการจำนวน 4,636 กลุ่ม พื้นที่ 847,373 ไร่ คิดเป็น 85% การจ่ายเงิน (T1+T2+T3) จ่ายแล้วทั้งสิ้น 4,106.81 ล้านบาท และอยู่ระหว่างขอรับจัดสรรงบประมาณ งบกลาง เพื่อจ่ายให้เกษตรกรในส่วนที่ยังค้างจ่าย 3,282.43 ล้านบาท

  พร้อมกันนี้ นบข. รับทราบแนวโน้มสถานการณ์การส่งออกข้าวไทย ปี 2565 โดยแนวโน้มการส่งออกข้าวไทยปี 2565 กำหนดเป้าหมายการส่งออกอยู่ที่ 7.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 7 ล้านตัน โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 (ม.ค.-ก.ค.) ไทยส่งออกข้าวได้ 4.09 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 55% ของเป้าหมายการส่งออกแล้วทำให้การส่งออกข้าวไทยในปี 2565 มีแนวโน้มที่จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ 1) ปริมาณน้ำฝนและน้ำในอ่างเก็บน้ำมีเพียงพอต่อการเพาะปลูกทำให้มีผลผลิตมาก 2) ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ 3) ค่าเงินบาทต่อเหรียญสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่อ่อนค่า 3) ไทยส่งออกข้าวไปยังอิรักได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เฉลี่ยมากกว่า 100,000 ตัน/เดือน 4) อานิสงส์จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้มีการนำเข้าข้าวไทยไปใช้ทดแทนข้าวสาลีและข้าวโพดในอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น และมีการนำเข้าข้าวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศ 5) บังกลาเทศปรับลดภาษีนำเข้าข้าวนึ่งลงเหลือ 25% จากเดิมที่ 62.5% ซึ่งอาจเป็นโอกาสต่อการส่งออกข้าวนึ่ง ขณะที่มีอุปสรรค คือความต้องการนำเข้าข้าวบางส่วนเพื่อนำไปใช้ทดแทนข้าวสาลีมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง และราคาปัจจัยการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น ปุ๋ย

  นบข. ยังรับทราบสถานการณ์ข้าวไทย โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดการณ์ ปี 2565/66 รอบที่ 1 (นาปี) พื้นที่เพาะปลูก 62.84 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.02 ล้านไร่ (+0.03%) พื้นที่เก็บเกี่ยว 60.58 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.73 ล้านไร่ (+1.22%) ผลผลิต 26.92 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.55 ล้านตันข้าวเปลือก (+2.09%) ขณะที่การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 ขึ้นทะเบียน 4.677 ล้านครัวเรือน พื้นที่เพาะปลูก 62.68 ล้านไร่ รอบที่ 2 ขึ้นทะเบียน 0.442 ล้านครัวเรือน พื้นที่เพาะปลูก 7.00 ล้านไร่ และ ปี 2565/66 รอบที่ 1 (ณ 30 ส.ค. 65) เพาะปลูก เม.ย.- ต.ค. 65 ขึ้นทะเบียนแล้ว 4.078 ล้านครัวเรือน พื้นที่เพาะปลูก 55.00 ล้านไร่

  ด้านราคาข้าวเปลือกในประเทศ ปัจจุบัน (5 ก.ย. 65) ข้าวเปลือกหอมมะลิ 14,200-15,300 บาท/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน (5 ก.ย. 64) 41.83% ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว 9,500-10,000 บาท/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน (5 ก.ย. 64) 9.55% ข้าวเปลือกเจ้า 9,300-9,500 บาท/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน (5 ก.ย. 64) 19.75% ข้าวเปลือกปทุมธานี 10,600-11,100 บาท/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน (5 ก.ย. 64) 11.86% โดยสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกเมื่อเทียบกับปีก่อน คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการของประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการบริโภคภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น เพราะสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับผลผลิตข้าวเหนียวนาปีลดลงจากปีที่ผ่านมา ข้าวเปลือกเจ้า ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากคำสั่งซื้อล่วงหน้าของประเทศคู่ค้าเพิ่มสูงขึ้น จากความกังวลเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ประกอบกับมีความต้องการใช้เพื่อผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น และ ข้าวเปลือกปทุมธานี ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการของประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

  สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ด้านราคาข้าว ปัจจัยบวก ได้แก่ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาส่งออกข้าวสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายส่งผลให้อุปสงค์ฟื้นตัว ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ลดลง และตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มต้องการนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ขณะที่ปัจจัยลบ ได้แก่ ค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวได้

  “รอง นรม.และรมว.พาณิชย์ ย้ำขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุม ขับเคลื่อนการปฏิบัติ และรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวไทยที่เป็นรูปธรรมต่อที่ประชุม นบข. ทุกครั้ง และให้กรมการข้าวให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดการประกวดพันธุ์ข้าว เพื่อให้ได้พันธุ์ข้าวพันธุ์ใหม่ พร้อมกับให้เร่งรัดการรับรองพันธุ์ข้าว เพื่อให้บรรลุยุทธศาสตร์ข้าวไทย” น.ส.รัชดา กล่าว