http://www.thaigov.go.th วันนี้ (11 ตุลาคม 2565) เวลา 09.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้ 1. เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบางแคเหนือ แขวงหลักสอง เขตบางแค และแขวงหนองค้างพลู แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ....2. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงการขอและการออกอาชญาบัตรและประทานบัตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. .... 4. เรื่อง ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2560 5. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดวิธีปฏิบัติของเจ้าของเรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมงหรือเรือขนส่งถ่ายสัตว์น้ำ พ.ศ. .... 6. เรื่อง ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะสุกร จังหวัดตรัง พ.ศ. .... 7. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 พ.ศ. 2565 พ.ศ. .... 8. เรื่อง รายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 9. เรื่อง โครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน 10. เรื่อง ขออนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ (ครั้งที่ 3) 11. เรื่อง หลักสูตรการพัฒนาจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ 12. เรื่อง รายงานผลการดำเนินการ กรณี ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อผลักดันกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์ ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา 13. เรื่อง ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการคุ้มครองผู้บริโภควิถีใหม่ของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยซน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา 14. เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ครั้งที่ 1/2565 15. เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกับหน่วยงานเครือข่าย 16. เรื่อง ผลการประชุมหารือร่วมกับท่าเรือชั้นนำระดับโลกและหน่วยงานบริหารจัดการท่าเรือและโลจิสติกส์ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ 17. เรื่อง โครงการเพื่อการพัฒนาปี 2564 ของการประปาส่วนภูมิภาค 18. เรื่อง ขออนุมัติผ่อนผันให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้า 19. เรื่อง ขออนุมัติผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้าบางปะกงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 20. เรื่อง ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน เพื่อดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี 21. เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตงบประมาณ งบเงินอุดหนุนสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ 22. เรื่อง การสนับสนุนกำลังพลกองทัพไทย เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังชั่วคราวรักษาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสำหรับเอบิเย 23. เรื่อง การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับ สาธารณรัฐเยเมน 24. เรื่อง ร่างถ้อยแถลงผู้นำอาเซียนว่าด้วยปีแห่งเยาวชนอาเซียน พ.ศ. 2565 เพื่อเสริมสร้างบทบาทของเยาวชนในการสร้างประชาคมอาเซียน 25. เรื่อง ร่างความตกลงอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางอากาศและทางทะเล 26. เรื่อง ท่าทีไทยสำหรับการประชุมกรอบความร่วมมือเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสิงคโปร์ (Singapore-Thailand Enhanced Economic Relationship: STEER) ครั้งที่ 6 27. เรื่อง ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ 15 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่าง สมัยที่ 10 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 10 ในรูปแบบ face-to-face 28. เรื่อง การขอความเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 28 (Joint Statement of the Twenty-Eighth ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council) 29. เรื่อง ขอความเห็นชอบการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 12 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง 30. เรื่อง การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดผู้นำการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ 6 31. เรื่อง การร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์ในการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 28 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 32. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับ ทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) 33. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) 34. เรื่อง การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (กระทรวงพลังงาน) 35. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง(สำนักนายกรัฐมนตรี) ******************* 2. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงการขอและการออกอาชญาบัตรและประทานบัตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... - ขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินการของเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมประจำท้องที่ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามประกาศที่ออกตามมาตรา 37 (ข้อ 14 วรรคสอง) - เมื่อดำเนินการตามข้อ 12 แล้ว ให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่เสนอเรื่องพร้อมความเห็นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาออกประทานบัตร (ข้อ 13 วรรคหนึ่ง)- ขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินการของเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามประกาศที่ออกตามมาตรา 37 (ข้อ 13 วรรคสอง)- ยกเลิกความในข้อ 14 เพื่อให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงในการปฏิบัติงาน สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง ปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกอาชญาบัตรและประทานบัตรตามกฎกระทรวงการขอและการออกอาชญาบัตรและประทานบัตร พ.ศ. 2564 ให้สอดคล้องกับขั้นตอนการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยแร่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. แก้ไขตำแหน่งเจ้าหน้าที่ในการเสนอเรื่องพร้อมความเห็นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในการออกอาชญาบัตรและประทานบัตร จากเดิม “เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมประทำท้องที่” เป็น “เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่” 2. ปรับปรุงขั้นตอนในการออกประทานบัตร จาก การที่ต้องดำเนินการพิจารณาออกประทานบัตรตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในข้อ 13 ของกฎกระทรวงฯ ก่อน แล้วจึงให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่เสนอเรื่องพร้อมความเห็นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาออกประทานบัตร เป็น การดำเนินการเมื่อเจ้าพนักงานแร่ประจำท้องที่ได้กำหนดเขตพื้นที่ประทานบัตรแล้ว ให้แจ้งผู้ขอรับประทานบัตรดำเนินการ ตามวิธีการที่กำหนดในข้อ 12 ของกฎกระทรวงฯ ก่อน แล้วจึงให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่เสนอเรื่องพร้อมความเห็นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาออกประทานบัตร 3. เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. .... 4. เรื่อง ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2560 5. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดวิธีปฏิบัติของเจ้าของเรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมงหรือเรือขนส่งถ่ายสัตว์น้ำ พ.ศ. .... 6. เรื่อง ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะสุกรจังหวัดตรัง พ.ศ. .... 4. กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณแนวถนนสาย ก ถนนสาย ข ตามแผนผังแสดงโครงการคมนาคมและขนส่งท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย โดยให้ใช้ประโยชน์เพื่อกิจการตามที่กำหนด ดังต่อไปนี้ 4.1 การสร้างถนนหรือเกี่ยวข้องกับถนน และการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ 4.2 การสร้างรั้วหรือกำแพง 4.3 เกษตรกรรมหรือเกี่ยวข้องกับเกษตรกรรมที่มีความสูงของอาคาร ไม่เกิน 9 เมตร หรือไม่ใช่อาคารขนาดใหญ่ 7. ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 พ.ศ. 2565 พ.ศ. .... 8. เรื่อง รายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 9. เรื่อง โครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน สาระสำคัญของเรื่อง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี โดยขอผูกพันงบประมาณตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 - 2570 รวมงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 5,116,262,532 บาท โดยโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เช่น 1) เพื่อเป็นสถานที่ผลิตบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เช่น แพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร เทคนิคการแพทย์ แพทย์ทางเลือก และอื่น ๆ 2) เป็นสถานที่ทำการวิจัย พัฒนาด้านวิชาการ เพื่อแก้ปัญหาด้านสาธารณสุขในพื้นที่กลุ่มจังหวัดอันดามัน 3) ลดค่าใช้จ่ายของประชาชนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดอันดามันเกี่ยวกับการดูแล ตรวจรักษา และรักษาโรคซับซ้อน 4) สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและชาวต่างชาติในการเข้ามาท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดอันดามันและประเทศไทย และ 5) สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งโครงการดังกล่าวประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ วิทยาลัยสุขภาพนานาชาติ (International Health and Science Collage) (ปรับปรุงอาคาร) งบประมาณจำนวน 212,500,000 บาท โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต (InternationalHospital) (ก่อสร้างอาคารใหม่) งบประมาณจำนวน 4,762,262,532 บาท และศูนย์สุขภาพนานาชาติ (International Wellness Center) โดยในระยะแรกจะเริ่มดำเนินการเฉพาะศูนย์ทันตกรรมดิจิทัล สงขลานครินทร์ (International Dental Center) (ปรับปรุงอาคาร) งบประมาณจำนวน 141,500,000 บาท เนื่องจากมีความพร้อม ส่วนกิจกรรม Wellness ด้านอื่น ๆ จะดำเนินการในระยะต่อไป ซึ่งสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในการประชุม ครั้งที่ 416 (6/2563) เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2563 มีมติเห็นชอบในหลักการ และให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ไปดำเนินการจัดทำรายละเอียดโครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน เช่น แผนงาน แผนเงิน แผนดำเนินงาน เป็นต้น และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พิจารณาแล้วเห็นชอบในหลักการโครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน และเพื่อให้โครงการมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เห็นสมควรกำหนดเพิ่มวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ตัวชี้วัดระดับโครงการ และตัวชี้วัดที่สะท้อนผลสำเร็จของกิจกรรมที่จะส่งผลสัมฤทธิ์ระดับโครงการ ซึ่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ สธ. เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ อว. และ สธ. ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการดำเนินโครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน และโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564 เพื่อให้เกิดการประสานงานที่มีประสิทธิภาพและบรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 10. เรื่อง ขออนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ (ครั้งที่ 3) (แปลง)เนื้อที่ (ไร่)ค่าทดแทน (บาท)ครั้งที่ 1 (มติคณะรัฐมนตรี 18 พฤษภาคม 2564)104628-3-17-0062,078,662.50ครั้งที่ 2 (มติคณะรัฐมนตรี 1 กุมภาพันธ์ 2565)350770-1-59.0034,667,887.50ข้อเสนอในครั้งนี้433765-3-35.1052,340,918.75รวม8872,165-0-11.10149,087,468.75 ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการจ่ายค่าทดแทนในครั้งนี้แล้ว จะยังคงเหลือที่ดินที่ราษฎรได้ยื่นคำร้องและคำขอ อีกจำนวน 548 แปลง ซึ่งกรมชลประทานอยู่ระหว่างดำเนินการรังวัดที่ดิน และจะนำเสนอคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนาระดับจังหวัดศรีสะเกษเพื่อพิจารณาก่อนเสนอคณะกรรมการฯ ต่อไป 11. เรื่อง หลักสูตรการพัฒนาจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ - สร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของบทบาทตนเองในการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมตามมาตรฐานทางจริยธรรม - ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแสดงออกถึงพฤติกรรมที่สอดคล้องกับมาตรฐานทางจริยธรรม และปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีภาวะผู้นำทางจริยธรรม สร้างศรัทธาจูงใจให้ทีมงานเกิดความร่วมแรงร่วมใจในการปฏิบัติงานตามภารกิจให้เกิดผลสัมฤทธิ์ - พัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมจริยธรรมภาครัฐและการนำพฤติกรรมทางจริยธรรมไปใช้ในกระบวนการบริหารงานบุคคล - สร้างสังคม-วัฒนธรรมประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมจากประชาชนในการสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกล้ายืนหยัดและแสดงความคิดเห็นที่ถูกต้อง รวมทั้งเข้าใจเข้าถึงการแจ้งเบาะแสและพร้อมให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่ประชาชน ผลักดันกระบวนการคุ้มครองสำหรับผู้แจ้งเบาะแสและผู้เฝ้าระวังให้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อสนับสนุนการเฝ้าระวังพฤติกรรมทางจริยธรรมเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับได้อย่างมีประสิทธิภาพ3. กลุ่มเป้าหมายการกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ยึดโยงกับการจัดกลุ่มเป้าหมายตามบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามแนวทางการพัฒนาบุคลากกรภาครัฐ พ.ศ. 2563 - 25641 ซึ่งได้แบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 5 ระดับ คือ (1) เจ้าหน้าที่ของรัฐแรกบรรจุ (2) เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีประสบการณ์ที่ผ่านการปฏิบัติงานมาแล้วเกิน 1 ปี (3) เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำหน้าที่หัวหน้างาน (4) เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำหน้าที่ผู้อำนวยการหรือเทียบเท่า และ (5) เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีบทบาทหน้าที่ในการบริหารงานในฐานะหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ หรือรองหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ4. กรอบหลักสูตรประกอบด้วย 5 หลักสูตร ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายข้างต้น โดยได้พัฒนาและออกแบบการดำเนินการจัดอบรมที่มีความหลากหลายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ และมุ่งเน้นให้มีหลากหลายรูปแบบ เช่น รูปแบบ Classroom เป็นหัวข้อวิชาที่ต้องให้ผู้เรียนทุกคนได้มาพบปะกัน สร้างความสัมพันธ์อันก่อให้เกิดการสร้างเครือข่ายต่อไป เรียนรู้ร่วมกันโดยมีผู้สอนในห้องเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ส่วนวิชาที่สามารถใช้รูปแบบ Online ให้เป็นหัวข้อวิชาที่ผู้สอนสามารถสอบผ่าน online ตามสถานการณ์ หรืออาจมอบหมายให้ค้นคว้าเพิ่มเติมและใช้เวลาเรียนแบบ E-learning 2. ข้อเสนอแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้การส่งเสริมจริยธรรมภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ 2.1 หัวหน้าหน่วยงานของรัฐหรือผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องประพฤติปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมและประมวลจริยธรรมเป็นประจำจนสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นการสร้างกระบวนการต้นแบบจากผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานของรัฐและเน้นให้มี Role Model หรือแบบอย่างที่ดี เพราะการมีต้นแบบที่ดีจะนำไปสู่การปฏิบัติที่ดี ผู้บริหารระดับสูงจึงต้องให้ความสำคัญ รวมทั้งเป็นตัวอย่างที่ดีด้วย 2.2 เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับควรมีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้าน Skillsets และ Mindsets อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข โดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับสามารถสร้างสภาพแวดล้อมและระบบการทำงานที่เอื้อให้เกิดการเรียนรู้และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำงานและการเรียนรู้การพัฒนาอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. ได้นำหลักสูตรการพัฒนาจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐบรรจุในช่องทางการเรียนรู้ทางไกลของเครือข่ายสำนักงาน ก.พ. (OCSC Learning Portal) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนทั่วไปที่สนใจสามารถเข้าถึงหลักสูตรได้ง่าย 2.3 ควรให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการแจ้งเบาะแสและการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสแก่หน่วยงานต่าง ๆ เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้เป็นผู้เฝ้าระวังทางจริยธรรม ตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมกับเครือข่ายชุมชน รวมทั้งให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลและหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดทำประมวลจริยธรรมนำไปใช้เพื่อขับเคลื่อนจริยธรรมกับหน่วยงานในกำกับด้วย 2.4 ควรมีการพัฒนาต่อยอดและประยุกต์ใช้ โดยหน่วยงานของรัฐอาจจัดให้มีการอบรม/สัมมนาวิทยากรให้เป็นผู้อำนวยการกลุ่ม2 สร้างความเข้าใจถึงรูปแบบ วิธีการ และการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ให้กับวิทยากร เพราะการเรียนการสอนเน้นให้มีส่วนร่วม โดยวิทยากรต้องปรับบทบาทเป็นผู้อำนวยกลุ่มมากกว่าเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ 2.5 ควรจัดให้มีกิจกรรมการสร้างพันธะสัญญาในช่วงท้ายของการอบรม เช่น ให้มีการระบุถึงการทำดีตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะนำไปสร้างพฤติกรรมได้ หรืออาจมีแนวทางการรวมกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ และรายงานผลเพื่อให้เป็นตัวอย่าง เกิดการต่อยอดความคิดและมีความภาคภูมิใจ โดยอาจมีการเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติตามหรือนำไปประยุกต์ใช้ 2.6 ควรมีการติดตาม ประเมินผลผู้เข้ารับการอบรมอย่างจริงจัง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีการรักษาจริยธรรมและแสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องและไม่ต่ำกว่ามาตรฐานทางจริยธรรมและประมวลจริยธรรม รวมถึงสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติกรรมทางจริยธรรมเป็นแบบอย่างได้รับรางวัล 2.7 หน่วยงานของรัฐควรมีการจัดทำกรณีศึกษาหรือตัวอย่างการประพฤติปฏิบัติตนที่เกิดขึ้นจริงทั้งพฤติกรรมเชิงบวกและเชิงลบ เพื่อชี้ให้เห็นถึงโทษหรือข้อเสียของการไม่ประพฤติปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม และให้ผู้เข้าอบรมได้รับรู้ถึงสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติที่ต้องระมัดระวังและโทษของการทำผิด นอกจากนี้ การใช้กรณีศึกษาควรบ่งชี้ให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต หรือไม่ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ และระบุถึงผลเสียหรือโทษ ทั้งในด้านการผิดจริยธรรม ผิดวินัย หรือในบางกรณีอาจผิดถึงกฎหมายอาญา 2.8 เห็นควรให้นำหลักสูตรการพัฒนาจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐไปใช้ครอบคลุมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานธุรการของรัฐสภา องค์กรอิสระ ศาล และองค์กรอัยการ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภทมีมาตรฐานทางจริยธรรมในระดับเดียวกัน 3. ความเห็นและข้อเสนอแนะของ ก.ม.จ. ดังนี้ 3.1 เห็นควรให้นำกรอบหลักสูตรการพัฒนาจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐไปสอดแทรกไว้ในหลักสูตรต่าง ๆ ของหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว เช่น หลักสูตรปฐมนิเทศสำหรับบุคลากรแรกบรรจุ หลักสูตรการอบรมสำหรับบุคลากรที่มีประสบการณ์ หัวหน้างาน ผู้อำนวยการ และผู้บริหาร เช่น หลักสูตรนักบริหารระดับสูง หรือหลักสูตรของโรงเรียนเสนาธิการทหารบก วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) โดยให้สอดแทรกเนื้อหาในหลักสูตรของภาคเอกชนเพื่อให้การพัฒนาจริยธรรมเป็นมาตรฐานเดียวกัน 3.2 ในแต่ละหลักสูตรควรจะมีเครื่องมือในลักษณะ Digital Media หรือคลิปวีดิโอต่าง ๆ เพื่อเป็นสื่อรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้เข้าอบรมรับรู้พฤติกรรมเชิงบวกมากยิ่งขึ้น 3.3 ให้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในฐานะองค์กรกลางบริหารงานบุคลากรของข้าราชการพลเรือนจัดทำเนื้อหาหลักสูตรนำร่อง เพื่อใช้อบรมให้กับกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ภายใต้ประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน และเป็นตัวอย่างการจัดทำหลักสูตรให้แก่องค์กรกลางบริหารงานบุคคลและหน่วยงานอื่น ๆ ด้วย 3.4 เห็นควรนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการนำกรอบหลักสูตรพัฒนาจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐไปใช้ให้ครอบคลุมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานธุรการของรัฐสภา องค์กรอิสระ ศาล และองค์กรอัยการ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภทมีมาตรฐานจริยธรรมในระดับเดียวกัน ______________________________ 1 คณะรัฐมนตรีมีมติ (28 ตุลาคม 2563) เห็นชอบแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ พ.ศ. 2563 - 2565 ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ 2 ผู้อำนวยกลุ่ม (Facilitator) คือ ผู้ที่เอื้ออำนวยให้เกิดการเรียนรู้ ช่วยให้ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลประสบการณ์และความรู้ต่าง ๆ อย่างเต็มที่ 12. เรื่อง รายงานผลการดำเนินการ กรณี ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อผลักดันกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์ ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา 13. เรื่อง ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการคุ้มครองผู้บริโภควิถีใหม่ของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยซน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา 1. ควรมีหน่วยงานกลางด้านการคุ้มครองผู้บริโภคที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการควบคุมกำกับการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านระบบออนไลน์ - ประเทศไทยมีหน่วยงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ซึ่งการมีหน่วยงานกลางเพื่อควบคุมกำกับการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์จะทำให้การดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคมีเอกภาพ มีแนวทางในการทำงานที่ชัดเจน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น2. ควรมีการพัฒนาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านการคุ้มครองผู้บริโภคให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพบริบทวิถีใหม่ในสังคมปัจจุบัน - การพัฒนา แก้ไข ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพบริบทวิถีใหม่ในสังคมปัจจุบันมีความสำคัญ อย่างยิ่ง การมีกฎหมายเพื่อบังคับใช้เท่าที่จำเป็น ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และการเติบโตทางเศรษฐกิจจะช่วยให้การดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น3. หน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจในการควบคุมการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ประเภท ต่าง ๆ ควรพัฒนาระบบการสร้างฐานข้อมูลของผู้ประกอบการทุกระดับเพื่อติดตาม ตรวจสอบหรือส่งเสริมให้รูปแบบการซื้อขายสินค้าหรือบริการเป็นไปตามกฎหมาย- การพัฒนาระบบฐานข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจ ทุกระดับเพื่อติดตาม ตรวจสอบ หรือส่งเสริมให้รูปแบบ การซื้อขายสินค้าหรือบริการเป็นไปตามกฎหมายจึงเป็นกลไกสำคัญในการเฝ้าระวังและตรวจสอบของภาครัฐได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคอีกด้วย4. ควรมีมาตรการที่ชัดเจนในการดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ประกอบธุรกิจที่โฆษณาหลอกลวงหรือเอาเปรียบผู้บริโภคผ่านทางเว็บไซต์หรือสื่อต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ- การตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจที่ดำเนินการโฆษณาขายสินค้าหรือบริการผ่านสื่อออนไลน์ในช่องทางต่าง ๆ ยังขาดเครื่องมือที่ทันสมัยและขาดการบูรณาการในการตรวจสอบร่วมกัน ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องมีการพัฒนาเครื่องมือหรือระบบเทคโนโลยีดิจิทัลให้สามารถตรวจสอบโฆษณาที่ไม่ถูกต้องได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว พร้อมทั้งสามารถส่งต่อข้อมูลดังกล่าวให้กับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป5. ควรมีศูนย์ข้อมูลเพื่อผู้บริโภคในการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และพัฒนาเป็นศูนย์กลางในการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคในระดับชาติ- การบูรณาการข้อมูลด้านการคุ้มครองผู้บริโภคโดยการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในการส่งต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างหน่วยงานรวมถึงการแจ้งข้อมูลข่าวสารและการให้บริการต่าง ๆ แก่ผู้บริโภคอีกด้วย 14. เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ครั้งที่ 1/2565 คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอรายงานผลการดำเนินงานโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ครั้งที่ 1/2565 [เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ที่มอบหมายให้ กษ. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำกับ ติดตามการดำเนินนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบแปลงใหญ่และให้ กษ. รวบรวมข้อมูลและรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก 3 เดือน] โดย กษ. ได้ดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการดังกล่าว ซึ่งเกษตรกรรวมตัวกันเป็นกลุ่มการผลิต มีผู้จัดการแปลงเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่ในทุกกิจกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน สามารถลดต้นทุนการผลิต พัฒนาคุณภาพให้ได้มาตรฐาน เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและจัดการด้านการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีผลการดำเนินการสรุปได้ ดังนี้ 1. ความก้าวหน้าการดำเนินการด้านผลการดำเนินการ(1) การรับรองและขึ้นทะเบียนแปลงใหญ่รับรองและขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน 8,955 แปลง เกษตรกร 497,802 ราย และพื้นที่ 8,031,656 ไร่(2) การสร้างมูลค่าเพิ่มมีมูลค่าเพิ่มจากการลดต้นทุนการผลิต 31,145.73 ล้านบาท และการเพิ่มผลผลิต 40,429.37 ล้านบาท รวม 71,575.10 ล้านบาท(3) การพัฒนาคุณภาพเกษตรกรแปลงใหญ่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตร รวม 188,493 ราย ดังนี้ 1) การผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม (Good Agriculture Practices: GAP) จำนวน 148,479 ราย 2) เกษตรอินทรีย์ จำนวน 22,589 ราย 3) การผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน (Roundtable on Sustainable Palm Oil: RSPO) จำนวน 3,323 ราย 4) ระบบชุมชนรับรองแบบมีส่วนร่วม (Participatory Guarantee Systems: PGS) จำนวน 14,102 ราย(4) การตลาดมีการเชื่อมโยงการตลาดของเกษตรกรสมาชิกแปลงใหญ่แบบข้อตกลงล่วงหน้า จำนวน 921 แปลง ตลาดอื่น ๆ จำนวน 8,045 แปลง และตลาดออนไลน์ จำนวน 489 แปลง นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงกับธุรกิจค้าปลีกใหม่ (Modern Trade) และตลาดออนไลน์ จำนวน 17 แปลง(5) แหล่งน้ำในแปลงใหญ่ได้รับการสนับสนุนแหล่งน้ำจากกรมชลประทาน จำนวน 80 แห่ง กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จำนวน 138 แห่ง และกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 127 แห่ง(6) การต่อยอดสู่โครงการระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาดแปลงใหญ่ที่ได้รับการพัฒนาด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาดและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมแล้ว จำนวน 3,377 แปลงทั่วประเทศ 2. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการ เกษตรกรได้รับผลกระทบจากภัยแล้งทำให้ผลผลิตเกิดความเสียหาย เครื่องจักรกลทางการเกษตรเริ่มเกิดการชำรุดรอการซ่อมบำรุง และเกษตรส่วนใหญ่ไม่ผลิตตามมาตรฐานสินค้าเกษตรเนื่องจากขาดแรงจูงใจจากราคาจำหน่ายที่ไม่แตกต่างจากการผลิตแบบทั่วไป ประกอบกับเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลให้การซื้อขายภายนอกประเทศเกิดความเสียหาย 3. ข้อเสนอแนะ 3.1 กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมหม่อนไหม การยางแห่งประเทศไทย และกรมส่งเสริมสหกรณ์ควรสนับสนุนองค์ความรู้ในด้านการซ่อมบำรุง ดูแลรักษาเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อให้เกษตรกรมีใช้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างองค์ความรู้ให้กลุ่มเกษตรกรในการจำหน่ายผลผลิตร่วมกันในรูปแบบต่าง ๆ 3.2 กรมส่งเสริมสหกรณ์ควรหาตลาดที่สามารถขายสินค้าเกษตรปลอดภัยในราคาที่แตกต่างจากการผลิตแบบทั่วไปเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยมากขึ้น 15. เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกับหน่วยงานเครือข่าย 16. เรื่อง ผลการประชุมหารือร่วมกับท่าเรือชั้นนำระดับโลกและหน่วยงานบริหารจัดการท่าเรือและโลจิสติกส์ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ 17. เรื่อง โครงการเพื่อการพัฒนาปี 2564 ของการประปาส่วนภูมิภาค ปรับปรุงขยายแผนการบริหาร จัดการลด น้ำสูญเสียรวมเงินอุดหนุน จากรัฐบาลเงินกู้ ในประเทศเงินรายได้ กปภ.(1) แผนงานโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ.3,140.2651,046.7551,693.2435,880.2631. สาขาทุ่งสง162.24254.080187.320403.6422. สาขาเชียงราย443.183147.728179.580770.4913. สาขานครพนม250.43983.48056.636390.5554. สาขาปักธงชัย – โชคชัย831.607277.202249.3811358.1905. สาขาเชียงคาน48.20016.06719.40083.6676. สาขาแพร่ – เด่นชัย (สูงเม่น)109.73736.646221.720368.3037. สาขาโพนทอง137.45945.82035.830219.1098. สาขากบินทร์บุรี90.84730.28254.720175.8499. สาขาบำเหน็จณรงค์244.49281.49834.020360.01010. สาขาบ้านดุง – (เพ็ญ-บ้านธาตุ) – (บ้านม่วง)107.47335.82471.230214.52711. สาขาบ้านผือ – (กลางใหญ่) – (น้ำโสม) – (กุดจับ)73.79224.59822.620121.01012. สาขาปากพนัง357.949119.31684.478561.74313. สาขาชัยบาดาล – (สระโบสถ์)158.65652.885140.447351.98814. สาขาศรีเชียงใหม่63.89221.29720.760105.94915. สาขาเกาะพะงัน60.09720.0326.34886.47716. สาขาชุมพร--308.753308.753(2) แผนงานโครงการก่อสร้างปรับปรุงกิจการประปา อปท. กปภ.148.15949.386-197.5451. สาขามหาชนะชัย (เทศบาลตำบลค้อวัง)62.63520.878-83.5132. สาขาบ้านฉาง (เทศบาลตำบลมะขามคู่)62.22220.741-82.9633. สาขาพนมสารคาม (เทศบาลตำบลเขาหินซ้อน)23.3027.767-31.069รวมทั้ง 19 โครงการ3,288.424 (ร้อยละ54.10)1,096.141 (ร้อยละ 18.04)1,693.243 (ร้อยละ 27.86)6,077.808 (ร้อยละ 100) สาระสำคัญของเรื่อง กระทรวงมหาดไทย (มท.) โดยการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบให้ กปภ. ดำเนินโครางการเพื่อการพัฒนาปี 2564 จำนวน 19 โครงการ (โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย จำนวน 16 โครงการ และโครงการก่อสร้างปรับปรุงกิจการประปา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 3 โครงการ) วงเงินรวมทั้งสิ้น 6,077.808 ล้านบาท โดยในการดำเนินโครงการฯ ประกอบด้วย 2 แผนงาน ดังนี้ (1) แผนงานก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ. ซึ่งเป็นการปรับปรุงและก่อสร้างเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบน้ำดิบ (เช่น ปรับปรุงโรงสูบน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดต่าง ๆ วางท่อน้ำดิบขุดสระพักน้ำดิบ) ระบบการผลิตน้ำ (เช่น ก่อสร้างระบบผลิตน้ำ ก่อสร้างโรงเก็บจ่ายสารเคมีพร้อมติดตั้งเครื่องจ่ายสารเคมีและเครื่องจ่ายแก๊สคลอรีน) ระบบการจ่ายน้ำ (เช่น ก่อสร้างโรงสูบน้ำแรงสูง ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ก่อสร้างหอถังสูง ติดตั้ง Flow Meter เปลี่ยนท่อจ่ายน้ำและวางท่อจ่ายน้ำขนาดต่าง ๆ) ระบบงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (เช่น ถมดินและปรับบริเวณ ก่อสร้างรั้วลวดหนาม ประตู และป้าย ถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ก่อสร้างรางระบายตะกอนและสระระบายตะกอน ติดตั้งระบบไฟฟ้าและแสงสว่างภายใน) เพื่อตอบสนองความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของประชากรในแต่ละพื้นที่และการขยายตัวของเมือง รวมทั้งเพื่อปรับปรุงการให้บริการให้มีประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ไปพร้อมกันด้วย (2) แผนการบริหารจัดการลดน้ำสูญเสียประกอบด้วยกิจกรรมหลัก คือ การบริหารจัดการแรงดัน การซ่อมท่อที่รวดเร็ว การสำรวจหาน้ำสูญเสียเชิงรุก การบริหารจัดการมาตรวัดน้ำ และให้ความสำคัญกับการปรังปรุงเส้นท่อซึ่งเป็นสาเหตุหลักของน้ำสูญเสียทั้งหมด ทั้งนี้ มีรายละเอียดงบประมาณของแต่ละโครงการสรุปได้ ดังนี้โครงการแหล่งเงินลงทุน (ล้านบาท)เงินอุดหนุนจากรัฐบาลเงินกู้ภาย ในประเทศเงินรายได้ของ กปภ.รวม1. โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย (16 โครงการ)3,140.2651,046.7551,693.2435,880.263 1.1 แผนงานก่อสร้างปรับปรุงขยาย3,140.2651,046.755-4,187.020 1.2 แผนการบริหารจัดการลดน้ำสูญเสีย--1,693.2431,693.2432. โครงการก่อสร้างปรับปรุงกิจการประปา อปท. (3 โครงการ)148.15949.386-197.545รวม3,288.4241,096.1411,693.2436,077.808ร้อยละ54.1018.0427.86100ทั้งนี้ โครงการเพื่อการพัฒนาปี 2564 ดังกล่าว ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติด้วยแล้ว 18. เรื่อง ขออนุมัติผ่อนผันให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้า 19. เรื่อง ขออนุมัติผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้าบางปะกงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 20. เรื่อง ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน เพื่อดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี 21. เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตงบประมาณ งบเงินอุดหนุนสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ · ควรกำหนดให้ใช้เลข 13 หลัก ในการลงทะเบียน ซึ่งผู้เรียนสามารถลงทะเบียนเรียนได้เพียงระบบเดียว/สถานศึกษาเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนของจำนวนผู้เรียนในแต่ละสถานศึกษาประเด็นที่ 2 : ระบบการจัดสรรและเบิกจ่ายงบประมาณ· กรณีการจ่ายงบเงินอุดหนุนของสถานศึกษาในพื้นที่ที่มีความทุรกันดารหรือไม่เหมาะสมที่จะใช้วิธีการเบิกเงินผ่านบัญชี กระทรวงการคลังจะกำหนดแนวทางในการจ่ายเงินอุดหนุนผ่านบัญชีให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นต่อไปเพื่อให้การจ่ายเงินมีความสะดวกและสามารถตรวจสอบได้ประเด็นที่ 3 : ระบบการควบคุมตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ· ควรเผยแพร่งบแสดงฐานะการเงินหรือรายงานทางการเงินที่เกิดขึ้นจากการรับและการใช้จ่ายของสถานศึกษาผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตที่มีข้อมูลทันสมัย ตรวจสอบได้และสะท้อนรายละเอียดการรับและการใช้จ่ายของสถานศึกษาอย่างแท้จริง · ควรเพิ่มการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม โดยแต่งตั้งคณะทำงานดำเนินการสุ่มตรวจสถานศึกษาในสังกัดเป็นระยะด้วยมาตรการเชิงป้องปรามจัดทำรายงานผลการดำเนินการสุ่มตรวจเป็นระยะด้วยมาตรการเชิงป้องปราม และจัดทำรายงานผลการดำเนินการเผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นประจำทุกปี 22. เรื่อง การสนับสนุนกำลังพลกองทัพไทย เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังชั่วคราวรักษาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสำหรับเอบิเย คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหม (กห) เสนอ ดังนี้ 1. การสนับสนุนกำลังพลกองทัพไทย ประเภทบุคคล เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังชั่วคราวรักษาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสำหรับเอบิเย (United Nations Interim Security Force for Abyei : UNISFA) จำนวน 2 นาย และสนับสนุนกำลังพลเพิ่มเติมเมื่อมีคำขอของสหประชาชาติ (United Nations : UN) ในภารกิจเดียวกัน 2. กำลังพลที่ไปปฏิบัติหน้าที่ได้รับสิทธิเกี่ยวกับการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 และการพิจารณาบำเหน็จพิเศษในเวลาเหตุฉุกเฉิน ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการพิจารณาบำเหน็จพิเศษในเวลาเหตุฉุกเฉิน พ.ศ. 2529 ตลอดช่วงเวลาปฏิบัติภารกิจดังกล่าวโดยถือเป็นการปฏิบัติราชการพิเศษตามที่ กห. กำหนด สาระสำคัญของเรื่อง กระทรวงกลาโหม (กห.) นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการสนับสนุนกำลังพลกองทัพไทย ประเภทบุคคล เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังชั่วคราวรักษาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสำหรับเอบิเย (United Nations Interim Security Force for Abyei : UNISFA) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังคงมีปัญหาความขัดแย้งระหว่างเผ่า Misseriya และเผ่า Dinka บริเวณชายแดนระหว่างสาธารณรัฐซูดานและสาธารณรัฐเซาห์ซูดาน จำนวน 2 นาย (ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้สังเกตการณ์ทางทหารในภารกิจ UNISFA) และสนับสนุนกำลังพลเพิ่มเติมเมื่อมีคำขอของสหประชาชาติ (United Nations : UN) ในภารกิจเดียวกัน โดยให้กำลังพลที่ไปปฏิบัติหน้าที่ได้รับสิทธิเกี่ยวกับการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 และการพิจารณาบำเหน็จพิเศษในเวลาเหตุฉุกเฉิน ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการพิจารณาบำเหน็จพิเศษในเวลาเหตุฉุกเฉิน พ.ศ. 2529 ตลอดช่วงเวลาปฏิบัติภารกิจดังกล่าวโดยถือเป็นการปฏิบัติราชการพิเศษตามที่ กห. กำหนด ซึ่งภารกิจดังกล่าวเป็นภารกิจสังเกตการณ์ตามข้อตกลงหยุดยิงและใช้กำลังเมื่อจำเป็น เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงหยุดยิงและอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนและผู้พลัดถิ่นในพื้นที่เอบิเย โดยมีระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ 12เดือน โดย UN จะสนับสนุนงบประมาณในการปฏิบัติการทั้งหมด ยกเว้นบำเหน็จพิเศษในเวลาเหตุฉุกเฉินที่จะต้องใช้เงินงบประมาณจาก กห. เมื่อกำลังพลดังกล่าวได้กลับมาจากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งการส่งกำลังพลในครั้งนี้เป็นการแสดงถึงการยอมรับในขีดความสามารถกำลังรักษาสันติภาพของกองทัพไทยและเป็นโอกาสอันดีในการเพิ่มบทบาทด้านการรักษาสันติภาพของประเทศไทยในเวทีสากลตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งเป็นการรักษาบทบาทของประเทศไทยบนเวทีประชาคมโลกในฐานะประเทศสมาชิก UN และรักษาระดับการมีส่วนร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพของ UN ทั้งนี้ สภากลาโหมในคราวประชุมครั้งที่ 8/2565 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว 23. เรื่อง การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐเยเมน 24. เรื่อง ร่างถ้อยแถลงผู้นำอาเซียนว่าด้วยปีแห่งเยาวชนอาเซียน พ.ศ. 2565 เพื่อเสริมสร้างบทบาทของเยาวชนในการสร้างประชาคมอาเซียน 25. เรื่อง ร่างความตกลงอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางอากาศและทางทะเล 26. เรื่อง ท่าทีไทยสำหรับการประชุมกรอบความร่วมมือเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสิงคโปร์ (Singapore-Thailand Enhanced Economic Relationship: STEER) ครั้งที่ 6 27. เรื่อง ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ 15 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ 10 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 10 ในรูปแบบ face-to-face 28. เรื่อง การขอความเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 28 (Joint Statement of the Twenty-Eighth ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council) 29. เรื่อง ขอความเห็นชอบการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 12 30. เรื่อง การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดผู้นำการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ 6 31. เรื่อง การร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์ในการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 28 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 9. ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 13 (Draft Joint Ministerial Statement for the Thirteenth ASEAN - Republic of Korea Transport Ministers (13th ATM - ROK) Meeting) มีสาระสำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมให้มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่การขนส่งอัจฉริยะ การดำเนินโครงการ/กิจกรรมภายใต้แผนงานความร่วมมือด้านการขนส่งระหว่างอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี และความคาดหวังให้เกิดผลสำเร็จของการเป็นตลาดการขนส่งทางน้ำร่วมอาเซียน และการจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี โดยเร็วต่อไป 33. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) 34. เรื่อง การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (กระทรวงพลังงาน) 35. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (สำนักนายกรัฐมนตรี)
|