เมื่อกรอกวีซ่า DS-160 เสร็จแล้ว ขั้นตอนถัดมาคือการชำระเงินค่าวีซ่า ซึ่งเราจะต้องนำเอกสารไปชำระเงินที่ธนาคาร กรณีที่เราออกจากระบบไปแล้วให้กลับเข้ามาทำใหม่ แล้วกด Retrieve an application เลือกประเภทของวีซ๋าที่จะสมัคร ถ้าเป็นวีซ่าท่องเที่ยวก็เลือก Nonimmigrant visa กดเลือกจังหวัดที่เราจะทำการนัดสัมภาษณ์ มีแค่ 2 ที่ให้เราเลือกคือ กรุงเทพฯ กับเชียงใหม่ เลือกประเภทของวีซ่าที่เราจะสมัคร ข้ออื่นไม่เกี่ยวข้องกับวีซ่าท่องเที่ยวเลย เราเลยเลือก All Others เลือกประเภทของวีซ่า ในที่นี่เราเป็นวีซ่าท่องเที่ยว ต้องเลือก B1/B2 Visitor for Business and Pleasure กรอกข้อมูลส่วนตัว ตามด้านล่างเลย DS-160 Confirmation Number เอามาจากไหน เอามาจาก Confirmation ที่เราปริ๊นออกมาตอนที่กรอกฟอร์ม DS-160 เสร็จ กรอกข้อมูลสำหรับการติดต่อกลับ ทั้งเบอร์โทรศัพท์ Email Address และที่อยู่ กรณีที่ต้องการกรอกให้หลายๆ คน ก็กด Add เพิ่มได้ คำถามนี้คือเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยไหม ?? เป็นข้าราชการที่เดินทางไปดูงานต่างประเทศไหม?? เป็นผู้สมัครที่อายุน้อยกว่า 14 ปีไหม ?? หรือ เป็นผู้สมัครที่อายุมากกว่า 80 ปีไหม ?? ถ้าเข้ากรณีใดกรณีนึงก็ให้กด Yes ไป เพราะว่าสำหรับของกรณีนี้ ผู้สมัครไม่ต้องเดินทางไปขอวีซ่าเอง สามารถส่งเอกสารไปทางไปรษณีย์ได้ แต่มันจะมีเงื่อนไขที่สถานฑูตระบุไว้ ถ้าเราเข้าเงื่อนไขทั้งหมด ก็จะสามารถส่งเอกสารทางไปรษณีย์ได้ ไม่ต้องเสียเวลาไปสัมภาษณ์ คุณสมัครวีซ่า B1/B2 ซึ่งเป็นวีซ่าท่องเที่ยว / ธุรกิจใช่ไหม ?? สำหรับผู้สมัครที่อายุ 13 ปี หรือว่าต่ำกว่านั้น ให้ยืนยันข้อกำหนดดังนี้
ให้ยืนยันข้อความด้านล่าง
เลือกวิธีการจัดส่งหนังสือเดินทาง
ข้อความแจ้งสำหรับค่าสมัครวีซ่า ว่าห้ามจ่ายค่าวีซ่าซ้ำ เพราะว่าจะไม่มีการคืนเงิน ก่อนที่จะทำการกรอกเลขที่รับเงิน (Receipt Number) เลือกวิธีการจ่ายเงิน เงินที่ต้องจ่ายทั้งหมด 5,280 บาทจะมีวิธีการจ่ายเงิน 2 วิธี จะเป็นการโอนเงินก็ได้ หรือว่าจะไปจ่ายที่ธนาคารกรุงศรีก็ได้ พอกดเข้าไปแล้วจะเป็นเหมือนคำแนะนำในการจ่ายเงิน หลังจากกดเข้ามาแล้วจะเป็นคำแนะนำในการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า ซึ่งในนี้จะระบุเลขที่ใบเสร็จรับเงินมาแล้ว ซึ่งเราจะนำไปใช้สำหรับการการนัดสัมภาษณ์วีซ่า อย่างแรกเลยคือคุณต้องผ่านด่านขั้นที่ 1 กับ 2 มาให้ได้ก่อน (ซึ่งจะไม่เขียนถึงละเอียดในที่นี้) ขั้นแรกคือการกรอกฟอร์ม DS-160 แบบยาวเหยียดให้เสร็จ จากนั้นจะได้เลขที่ของฟอร์ม DS-160 ไปกรอกในขั้นตอนที่ 2 บนเว็บไซต์ Apply for US Visa ต่อไป เมื่อกรอกข้อมูลในฟอร์มชุดที่ 2 เสร็จแล้ว เราจะพบหน้าจอรายละเอียดการจ่ายเงิน ดังภาพ หน้าจอนี้จะบอกรายละเอียดของค่าธรรมเนียมที่เราต้องจ่าย พร้อมทั้งวันที่มีคิวนัดสัมภาษณ์ว่าง (First Available Appointment) หน้าที่ของเราคือไปจ่ายเงินตามตัวเลขข้างต้น แล้วนำตัวเลขใบเสร็จรับเงิน (Receipt Number) มากรอกในช่องที่ใส่เบอร์ 1 ไว้ จากหน้าจอด้านบน ให้เราคลิกตรงลิงก์ที่เขียนว่า Click Here For All Payment Options จะมีรายละเอียดการจ่ายเงินขึ้นมาตามหน้าจอถัดไป หน้าจอนี้จะแสดงวิธีการจ่ายเงิน 2 แบบ คือจ่ายเงินสด กับจ่ายระบบโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Funds Transfer หรือ EFT) ไม่ว่าเราเลือกอันไหนก็จะไปเจอหน้าเดียวกัน ตามภาพด้านล่าง เอกสารนี้จะเรียกว่า คำแนะนำการโอนเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (EFT) และการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าด้วยเงินสดที่ธนาคาร ให้ print ไว้เลยนะครับ จำเป็นต้องใช้แบบกระดาษด้วย เอกสารฉบับนี้มีตัวเลข 3 ชุดที่เราต้องใช้ คือ
โดยสรุปแล้ว การจ่ายเงินค่าวีซ่าทำได้ 2 วิธีคือ
บทความนี้แนะนำให้จ่ายเงินสดครับ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขาทั่วไทย (หาตำแหน่งสาขาได้จากหน้าเว็บธนาคาร) สิ่งที่เราต้องเตรียมไปมี 2 อย่างคือ ใบเอกสารคำแนะนำข้างต้น และต้องพิมพ์ แบบฟอร์มการชำระเงิน (pay-in slip) ไปด้วย ดาวน์โหลดไฟล์ PDF ได้ตามลิงก์ pay-in slip หน้าตาตามเอกสารด้านล่างนี้ มันก็เหมือนกับใบจ่ายเงินเวลาเราเอาเงินไปเข้าแบงค์ แต่ออกแบบมาเฉพาะกิจสำหรับวีซ่าสหรัฐอเมริกาเท่านั้น หน้าที่ของเราคือกรอกข้อมูลในใบ pay-in โดยจุดสำคัญคือรหัส Virtual Account และ CGI Reference ตามตำแหน่งเบอร์ 2 และ 3 ในภาพ (นำรหัสจากใบคำแนะนำมาใส่) จากนั้นก็กรอกข้อมูลอื่นๆ ทั้งชื่อผู้ยื่นขอวีซ่า จำนวนเงินเป็นตัวเลขและตัวอักษร ต้องกรอก 2 ชุดนะครับ เพราะแบงค์จะให้เรากลับมาเป็นหลักฐานการจ่ายเงินอีก 1 ชุด กรอกเรียบร้อยก็เตรียมเอกสารทั้งสองฉบับ เตรียมเงินสดตามจำนวนที่ต้องจ่าย แล้วเดินไปจ่ายที่เคาเตอร์แบงค์กรุงศรีได้เลย (บอกเจ้าหน้าที่ว่ามาจ่ายค่าวีซ่าอเมริกา เค้ารู้อยู่แล้ว) เสริมนิดนึงว่าต้องรีบไปจ่ายก่อนวันที่ระบุในใบคำแนะนำด้วยนะครับ มิฉะนั้นจะจ่ายไม่ได้ และตรวจสอบชื่อ และ Reference No. ที่ธนาคารบันทึกว่าถูกต้องทันทีที่ได้รับ Slip คืน จ่ายเงินเสร็จแล้วก็นำตัวเลข Receipt Number (หมายเลข 1 ในภาพ) มากรอกบนหน้าเว็บขอนัดคิวสัมภาษณ์ จากนั้นก็เลือกวันที่สะดวกเพื่อไปสัมภาษณ์ได้เลยครับ ขอให้ทุกท่านโชคดี รายละเอียดเรื่องการจ่ายเงินอย่างเป็นทางการ ควรอ้างอิงจากเว็บไซต์ US Travel Docs ซึ่งเป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการครับ Comments แชร์บทความนี้ให้เพื่อน
บทความที่เกี่ยวข้อง
|