เรื่องของความสำเร็จ ใครๆ ก็อยากไปให้ถึงกันนะครับ frank เองก็เป็นหนึ่งในเพนกวินวัยทำงานที่กำลังมองหาตัวองให้เจอแล้วอยากก้าวไปให้ถึงจุดนั้นเช่นกัน โชคดีที่ในความเป็นจริงแล้วพวกเราไม่ใช่เพนกวินกลุ่มแรกที่คิดแบบนั้นครับ มีนักวิจัยชาวอเมริกัน Richard St. John ที่ใช้เวลากว่า 7 ปีในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากคนเกือบ 500 คนที่ประสบความสำเร็จแล้วและยินดีมาแชร์เคล็ดลับที่ว่าให้เราได้เอาไปใช้กันแบบไม่หวง ไปดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง Show
1.Passion – ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการครับ ประเด็นคือ แล้วเรารู้แล้วรึยังว่าเรารักที่จะทำอะไร? ข้อนี้ frank อยากให้เพื่อนๆ หาสิ่งที่เรารักให้เจอก่อน ก็ทำได้หลายวิธีเลยครับ ตั้งแต่เราสังเกตตัวเราเองได้ว่าในขณะที่เรากำลังทำอะไรแล้วเรารู้สึกสนุก มีความสุข หรือเพลินมากจนลืมเวลาได้แรงบันดาลใจลืมหิวไปเลย นั่นล่ะครับใช่เลย แต่ถ้าตัวเราเองยังไม่แน่ใจ แบบที่สองคือการถามจากคนที่อยู่ใกล้ชิดกับเราได้นะครับ ว่าเวลาเราทำอะไรแล้วเราดูมีความสุขที่สุดหรือเราดูสนุกที่สุดก็สิ่งนั้นเลยครับ 2.Work – ทำสิ่งนั้นให้หนัก ฝึกฝนให้มากการเพิ่มความชำนาญให้ตัวเราโดยการฝึกฝนเป็นอีกขั้นตอนที่เราใช้ในการพัฒนาตัวเองได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะจากงานที่เราทำเพราะในหนึ่งวันที่ใช้เวลา 8 ชั่วโมงในการทำบางอย่างเป็นระยะเวลานานที่ติดต่อกันหลายปีจะทำให้เราเกิดความชาญขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะงั้นให้ลองสังเกตงานที่ทำดูก่อนว่าเรามีนความเชี่ยวชาญในระดับที่เป็นมืออาชีพได้แล้วรึยังเพราะนั่นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เราประสบความสำเร็จโดยไม่รู้ตัวได้ครับ 3.Good – ทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด เก่งที่สุดเมื่อเราได้รับโอกาสให้ทำอะไรก็ตาม จงคิดไว้เสมอว่าเราต้องทำให้ดีที่สุดอย่าให้เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ สิ่งที่ frank มักจะทำเป็นประจำคือ ให้คิดเสมอว่าเมื่อเราย้อนเวลากลับมาแล้วจะไม่เสียใจในสิ่งที่เราทำไป และการใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดเป็นสิ่งที่คนที่เค้าประสบความสำเร็จเค้าทำกันครับ 4.Focus – ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ให้เต็มที่เรื่องนี้เจอกันบ่อยเลยครับ บังเอิญว่าเป็นพวกมีความชำนาญหลายด้าน เก่งหลายอย่างจะเป็นแบบนี้ล่ะครับ และยิ่งเรามีสื่ออนไลน์ที่มีข้อมูลล่าสุดส่งถึงเราตลอดเวลาย่อมทำให้เราเกิดความไข้วเขว อยากอ่านไปซะทุกเรื่องหรืออยากอ่ายไปซะทุกอย่าง เพราะงั้นเลือกมาเลยครับว่าอะไรคือสิ่งที่เราอยากทำ หรือสนใจมากที่สุดแล้วทำสิ่งเดียวที่ว่านั้นให้เต็มทีไปเลยเพื่อให้เกิดความสำเร็จให้ได้ 5.Push – ผลักดันตัวเองไม่มีใครมาตัดสินตัวเราได้นอกจากตัวเราเอง ท่องคำนี้ไว้นะครับ อย่าไปสนใจในโชคชะตาว่าดวงเราทำไม่ได้ เกิดมาไม่พร้อม ให้เราเอาชนะความไม่มั่นใจตัวเอง เช่น “ฉันทำอย่างโน้นอย่างนี้ไม่ได้” ให้หมดด้วยการลงมือทำอย่างจริงาจัง คนเรามีท้อได้ครับแต่ห้ามถอยเด็ดขาด เพราะงั้นผลักดันตัวเองสร้างแรงบันดาลใจให้ไปถึงจุดที่เราตั้งใจให้ได้ครับ 6.Serve – ตั้งใจนำความเก่งไปช่วยเหลือคนอื่นนอกจากที่เราต้องการให้ตัวเราประสบความสำเร็จแบบสุดๆ แล้ว ให้มองเผื่อแผ่ไปยังสังคมรอบตัวของคุณด้วย ว่าคุณสามารถทำอะไรเพื่อช่วยเหลือสังคมได้หรือเปล่า เพราะเราก็ยังคงอาศัยอยู่ในสังคมนี้และยังคงส่งต่อความน่าอยู่นี้ไปยังลูกหลายของเราได้ต่อไป 7.Ideas – เชี่ยวชาญเมื่อเราเชี่ยวชาญในสิ่งที่เราทำแล้ว จงอย่าหยุดเรียนรู้ อย่าหยุดคิด ให้คิดเสมอว่าโลกเราหมุนไปทุกวัน ความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา และอย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง ลองอ่านเทคนิคทำงานให้ดีให้เร็วดูนะครับ 8.Persist – อดทนกับความล้มเหลวที่เกิดขึ้นก่อนที่จะสำเร็จทุกคนย่อมเคยล้มเหลวมาแล้วทั้งนั้น เป็นเรื่องธรรมดามากเพียงแต่คนที่จะประสบความสำเร็จจะพยายามหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้อย่างมายอมแพ้ต่างหากล่ะ
คนทำงานทุกคนต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่าการทำงานนั้นไม่สามารถทำเพียงคนเดียวได้ แต่ต้องเกิดจากการประสานงาน ร่วมมือ และลงมือปฏิบัติจริงจากหลาย ๆ ส่วน ซึ่งการจะสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพจนกลายเป็น “ทีมเวิร์กที่ดี” เลยกลายเป็นกุญแจสำคัญในสร้างผลงานและความสำเร็จ แต่การจะสร้างทีมเวิร์กให้ออกมาดีจะว่าง่ายก็พูดได้ไม่เต็มปาก จะว่ายากก็ไม่ซะทีเดียว เพราะหนึ่งในปัญหาที่หลายองค์กรต้องเจอก็คือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคนในทีมมากกว่า JobThai เลยได้รวบรวม 5 องค์ประกอบในการสร้างสุดยอดทีมเวิร์กมาฝาก 1. ผู้นำที่ดีทีมเวิร์กที่ดีจะเกิดขึ้นจริงไม่ได้เลยหากขาด “ผู้นำที่ดี” ไป เพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดเป้าหมาย วางแผนการทำงาน แบ่งงาน ไปจนกว่าเป้าหมายนั้นจะสำเร็จลุล่วง ยิ่งผู้นำเก่ง มีวิสัยทัศน์ และมีประสบการณ์มากเท่าไหร่ การจะสร้างเป้าหมายให้ประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย นอกจากตัวผู้นำที่ต้องเก่ง อีกคุณสมบัติก็คือต้องมีความสามารถในการดึงศักยภาพของลูกทีมแต่ละคนออกมาให้ได้มากที่สุด รวมถึงกระตุ้นและสร้างกำลังใจให้กับทีม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับงานที่ท้าทายหรือเกิดปัญหาขึ้น 2. เป้าหมายที่ชัดเจนยิ่งเป้าหมายในการทำงานชัดเจนมากขึ้นเท่าไหร่ การวางแผนและการเดินทางจนไปถึงเป้าหมายของทีมก็จะง่ายขึ้น ซึ่งเป้าหมายที่ดี นอกจากต้องเข้าใจง่าย มีความเป็นไปได้ สามารถวัดผลได้ และมีกำหนดเวลาที่ชัดเจนแล้ว สิ่งสำคัญคือเป้าหมายนั้นควรจะต้องสร้างความท้าทายหรือแรงกระตุ้นบางอย่าง เพื่อให้ลูกทีมเกิดความมุ่งมั่นและต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายด้วย 3. เข้าใจและยอมรับในความแตกต่างการทำงานเป็นทีมย่อมมีทั้งความเข้าใจและไม่เข้าใจกัน แม้หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่คนในทีมจะมีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่เรื่องเล็ก ๆ บางเรื่องก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้ คนในทีมจึงต้องยอมรับความแตกต่างของกันและกันให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นภูมิหลัง นิสัยในการทำงาน หรือความคิด เพราะความแตกต่างตรงนี้อาจทำให้เราเผลอสร้างกำแพงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว 4. ค่านิยมหลักของทีม (Core Value)ค่านิยมหลัก (Core Value) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นบรรทัดฐานเฉพาะของทีม ที่ส่งผลต่อการทำงานและแนวคิดของสมาชิกทุกคน อาจเริ่มจากการตั้งคำถามว่าอะไรคือสิ่งที่ควรให้ความสำคัญที่สุด ความสำเร็จคืออะไร และอะไรคือสิ่งที่ช่วยให้ทีมทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นำคำตอบที่ได้มารวมกันและสร้างคำจำกัดความที่กระชับและเข้าใจง่าย แล้วสื่อสารให้สมาชิกในทีมยึดมั่นปฏิบัติ ยกตัวอย่างจากค่านิยมหลักของ Apple ที่ทิม คุก ได้กล่าวไว้ “เราเชื่อมั่นว่าการร่วมแรงร่วมใจของทุกคนในองค์กรจะสร้างนวัตกรรมที่ไม่มีใครในโลกทำได้” 5. เลือกคนได้เหมาะสมกับงานหน้าที่ความรับผิดชอบของสมาชิกในทีมจะต้องเหมาะสมกับทักษะของแต่ละคน ซึ่งสมาชิกในทีมต้องมีความถนัดที่แตกต่างกัน เพื่อนำทักษะที่แต่ละคนถนัดมาเสริมกัน และสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับองค์กร รวมถึงการกำหนดหน้าที่จะต้องมีความชัดเจน งานที่รับผิดชอบจะต้องไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ซึ่งการกำหนดหน้าที่อย่างชัดเจนจะช่วยให้เราดึงความสามารถของแต่ละคนออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ และยังทำให้การทำงานเร็วขึ้นอีกด้วย 6. การประสานงานที่มีประสิทธิภาพแม้ทุกคนในทีมจะมีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่จะเชื่อมทุกคนเอาไว้คือการประสานงานที่ทุกคนในทีมจะต้องพูดคุยกันเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ หลายครั้งในทีมอาจประกอบไปด้วยคนที่มีนิสัยและความคิดที่แตกต่างกัน ทำให้การประสานงานอาจจะไม่สมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดวิธีการประสานงานในทีมให้เป็นระบบ ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามเพื่อให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นและสำเร็จตามเป้าหมายทันกรอบเวลาที่กำหนด วิธีการสร้างความสัมพันธ์ของแต่ละองค์กรก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยและวัฒนธรรมขององค์กร ทำให้การสร้าง “ทีมเวิร์กที่ดี” อาจไม่มีอะไรที่สามารถการันตีได้ว่าทำตามวิธีข้างต้นแล้วทุกคนจะรักกันหรือเปิดใจให้กันมากขึ้น เพราะสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะเปิดใจยอมรับความแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย ของกันและกันมากแค่ไหน การมี “ทีมเวิร์กที่ดี” จึงต้องเกิดจาก “ทีมงานที่ดี” ก่อน ซึ่งทีมงานที่ดีจะสามารถเสริมศักยภาพในการทำงานของกันและกัน เสริมประสิทธิภาพของผลงาน และเสริมประสิทธิภาพขององค์กรได้อีกด้วย
tags : งาน, วิธีทำงาน, การทำงาน, team work, career & tips, คนทำงาน, เคล็ดลับสำหรับคนทำงาน, เทคนิคสำหรับคนทำงาน, ความสุขในการทำงาน, เคล็ดลับความสำเร็จ, แนวคิดในการทำงาน |