จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี Show บทความ หมายถึงงานเขียนที่เผยแพร่ในสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ข่าวสาร ผลการวิจัย เผยแพร่ความรู้ การวิเคราะห์ทางการศึกษา การวิพากษ์วิจารณ์ เป็นต้น โดยปกติบทความหนึ่งบทความจะพูดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นประเด็นหลักเพียงเรื่องเดียว ส่วนประกอบของบทความ[แก้]หัวเรื่อง[แก้]หัวเรื่องหรือพาดหัว (headline) เป็นข้อความที่อยู่บนสุดของบทความแสดงถึงประเด็นหลักของบทความ หัวเรื่องมักถูกออกแบบให้โดดเด่นสะดุดตา และใช้คำที่เลือกสรรมาให้เกี่ยวข้องกับหัวเรื่อง หัวเรื่องหรือพาดหัวมักจะถูกเขียนหรือพิมพ์ด้วยรูปแบบอย่างย่อ ซึ่งอาจเรียบเรียงอย่างไม่เป็นประโยคหรือไวยากรณ์ที่ไม่สมบูรณ์ บรรทัดผู้เขียน[แก้]บรรทัดผู้เขียน (byline) เป็นบรรทัดแรกถัดจากหัวเรื่องหรือบรรทัดสุดท้ายในบทความที่ลงชื่อผู้เขียน อาจเป็นชื่อจริงหรือนามปากกาก็ได้ และมักจะระบุตำแหน่งงานของผู้เขียนอยู่ด้วย บรรทัดผู้เขียนอาจมีบทสรุปย่อของบทความด้วยก็ได้ นำเรื่อง[แก้]นำเรื่อง (lead) ซึ่งอาจเรียกว่าย่อหน้าแนะนำ บทนำ หรือคำนำ เป็นประโยคต่าง ๆ ที่จะดึงดูดความสนใจของผู้อ่านเข้าสู่เนื้อเรื่อง นำเรื่องแสดงให้เห็นถึงเรื่องที่ต้องการนำเสนอ ปรับน้ำเสียงและแนะนำผู้อ่านเข้าสู่บทความ[1] ในบทความข่าว ส่วนนำเรื่องจะให้ข้อเท็จจริงที่สำคัญที่สุดและตอบคำถามว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ทำไม และอย่างไร ในบทความโดดเด่น (บทความที่บรรณาธิการหยิบยกขึ้นเพื่อนำเสนอเป็นประเด็นสำคัญ) ผู้เขียนอาจเลือกใช้เทคนิคต่าง ๆ ในการเปิดเนื้อเรื่อง เช่น การใช้สิ่งต่อไปนี้[2]
เนื้อเรื่อง[แก้]สำหรับบทความข่าว รายละเอียดและความละเอียดเป็นสิ่งที่ปรากฏชัดแจ้งในเนื้อเรื่องของข่าว และดำเนินไปอย่างราบรื่นต่อจากนำเรื่อง คำพูดและวาทกรรมจะถูกใช้ในบทความเพื่อเพิ่มอรรถรสและสนับสนุนเนื้อหาที่เขียน นอกจากนี้บทความข่าวส่วนใหญ่ก็ใช้อุปลักษณ์แบบพีระมิดกลับหัว บทความโดดเด่นจะใช้รูปแบบตามความเหมาะสมตามประเภทของบทความ โครงสร้างของบทความโดดเด่นอาจมีสิ่งต่อไปนี้รวมอยู่ด้วย แต่ไม่จำกัดเพียงเท่านี้[1]
สรุปเรื่อง[แก้]ความแตกต่างอย่างหนึ่งระหว่างบทความข่าวกับบทความโดดเด่นคือการสรุปเรื่องเพื่อจบบทความ การจบบทความข่าวจะปรากฏเมื่อสารสนเทศทุกอย่างได้นำเสนอทั้งหมดแล้วตามมโนทัศน์พีระมิดกลับหัว ในทางที่ต่างกัน บทความโดดเด่นจำเป็นต้องใช้การจบบทความมากกว่า[3] สรุปเรื่องของบทความดังกล่าวมีสิ่งต่อไปนี้ แต่ไม่จำกัดเพียงเท่านี้[4]
อ้างอิง[แก้]
ʶҹ�Ҿ����Ѻ�����������С��������âͧ��ЪҤ��š���ѡ��Ҿ�٧��鹨ҡ��������˹�Ңͧ����ա��������� �Ҿ�ҡ Web Site �ѡɳТ����Ţ�����÷ҧ�Թ������ ���ѡɳ������ͼ����ҹ����Сͺ���� ��ͤ��� �ٻ�Ҿ �Ҿ������� ����Ҿ �����¹���������������ҧ�Թ���������ѵ�ػ��ʧ�����¤�֧�Ѻ��������辺����˹ѧ��;������йԵ���� �ѧ���
��������������ҧ�Թ������ ���͡���� 4 ������ �ѧ��� �Ҿ�ҡ Web Site �������ԧ�Ԫҡ�÷�������ҧ�Թ�����絨�������㹡�ù��ʹͷ��������ҡ���Һ������Ԫҡ���µç �����¹��������鹡Ѻ�ѵ�ػ��ʧ��㹡����¹ ��觡��Ҩҡ������ͧ�����Ф���ʹ㨢ͧ��������������ҵ�ͧ��� �Ҿ�ҡ Web Site 4. ����ػ���ͺ�ŧ���� �պ��ҷ㹡���������ӻ�����Ӥѭ ��ػ�����Ӥѭ�ͧ����ͧ ���ҧ������зѺ��������ҹ �ѡɳТ����¹��������ҧ�Թ������ �����¹����ҡ��ҧ�Թ���������ѡɳ��� ����Ǥ���繢�ͤ��������� ��ЪѺ �鹻�����Ӥѭ�ͧ������ ��óҹء�� ลักษณะเฉพาะของบทความมีกี่ลักษณะลักษณะเฉพาะ
แสดงถึงจุดน่าสนใจหรือลักษณะเด่นของเรื่อง บางบทความจะเป็นการเล่าเรื่องด้วยรูป มีคำบรรยายประกอบ ด้วยภาษาไม่เป็นทางการ อ่านแล้วเข้าใจง่าย ภาพประกอบเนื้อหาที่นำมาใช้ เป็นภาพมุมกว้างที่เก็บภาพรวมทั้งหมด ผสมผสานกับจุดเน้นต่างๆที่เรื่องได้กล่าวถึง
สาระสำคัญของบทความคืออะไรบทความจึงมีความสำคัญต่อผู้อ่านในด้านเพิ่มพูนความรู้ ความคิด ทัศนคติ ความเชื่อ ฯลฯ เกี่ยวกับ เรื่องต่าง ๆ ทำให้ผู้อ่านมีความเฉลียวฉลาด รู้เท่าทันเหตุการณ์ ยิ่งอ่านมากขึ้น คิดวิเคราะห์มากขึ้น เท่าใดก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้อ่านมากเท่านั้น บางครั้งสามารถนำไปช่วยในการตัดสินใจเรื่อง สำคัญ ๆ ในชีวิตได้
ข้อใดคือองค์ประกอบของการเขียนบทความส่วนประกอบของบทความที่ดีมีดังนี้ – ชื่อเรื่อง (title) – ส่วนเกริ่นนำ หรือคำนำ (introduction). – ส่วนเนื้อเรื่อง (body) แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่. – ส่วนสรุป (summary). – เอกสารอ้างอิง ( references) / ข้อมูล (ถ้ามี). ลักษณะของบทความมีอะไรบ้างลักษณะของบทความที่ดี
1.น่าสนใจ มีเนื้อหาเหตุการณ์ใหม่กำลังเป็นที่น่าสนใจของคนทั่วไป 2.มีสาระแก่นสาร มีหลักฐานอ้างอิง พิสูจน์ได้ 3.มีขนาดกะทะรัด สั้นกระชับ ใช้ภาษาง่ายๆ ถูกต้องตามหลักภาษา 4.ผู้เขียนเข้าใจปัญหาที่มาของเรื่องอย่างละเอียดชัดเจนโดยตลอด
|