เคลือบฟลูออไรด์ ทุกกี่เดือน

ฟันของเหล่าลูกน้อย จะแข็งแรงได้นั้น “ฟลูออไรด์” ต้องเพียงพอ แล้วจะทราบได้อย่างไร? เรามีคำตอบให้กับคุณค่ะ

ฟลูออไรด์ เป็นสารช่วยป้องกัน และลดการผุของฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพให้ผลต่อฟันคือ มื่อฟันขึ้นแล้ว สารฟลูออไรด์จะช่วยลดการสร้างกรดจากจุลินทร์ทรีย์ และยังสามารถช่วยทำให้การผุชะลอตัว ไม่ผุเพิ่มขึ้นในฟันที่ผุเริ่มแรกได้

      การใช้ฟลูออไรด์มี 2 ลักษณะ คือ การรับประทานและการสัมผัสกับผิวฟัน

  • ชนิดรับประทาน  มักอยู่ในรูปแบบยาเม็ด ยาน้ำ วิตามิน น้ำดื่มและนมผสมฟลูออไรด์
  • ชนิดสัมผัสกับผิวฟัน   อยู่ในรูปแบบยาสีฟัน  น้ำยาบ้วนปาก  และน้ำยาเคลือบฟลูออไรด์เข้มข้นของทันตแพทย์

เคลือบฟลูออไรด์ ทุกกี่เดือน

ฟลูออไรด์ชนิดรับประทาน
ให้ผลดีต่อฟันที่ยังไม่ขึ้น  และเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 12 ปี ส่วนชนิดสัมผัสกับผิวฟันให้ผลดีต่อฟันที่ขึ้นมาแล้ว เหมาะกับคนทั่วไปจากการศึกษาพบว่า  ปริมาณที่เพียงพอสำหรับเด็ก  ไม่ควรเกิน 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม  เนื่องจากการคำนวณที่ยุ่งยากข้างต้น คนทั่วไปจึงไม่อาจทราบปริมาณฟลูออไรด์ที่เพียงพอของตนเองได้
ฉะนั้นเคล็ดลับการใช้ฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุนั้น  ต้องใช้เพียงเล็กน้อยแต่สม่ำเสมอ จึงจะเกิดผลดีและไม่เป็นอันตราย  โดยเฉพาะชนิดรับประทานควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือศึกษาจากผลิตภัณฑ์การใช้ฟลูออไรด์ก่อนใช้งานอย่างรอบคอบ

ฟลูออไรด์ชนิดเคลือบ (Topical Fluoride Gel)
– 
ฟลูออไรด์ชนิดเคลือบโดยทันตแพทย์ ไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจนว่า ควรเริ่ม และหยุดเคลือบฟลูออไรด์ เมื่ออายุเท่าใด แต่เนื่องจากเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี โอกาสกลืนฟลูออไรด์จากการเคลือบสูง ตั้งแต่ 3 ปี ถึง              15-  16 ปี ยกเว้นในกรณีที่เป็นกลุ่มที่มีระดับ ความเสี่ยงต่อโรคฟันผุสูง ซึ่งจะพิจารณาเป็นรายๆ ไป
– 
วิธีใช้ฟลูออไรด์ชนิดเคลือบที่มีลักษณะข้นเป็นเจล โดยใส่ฟลูออไรด์ในถาดที่ทำไว้เฉพาะ ให้สัมผัสกับฟันได้ทั่วถึง ประมาณ 4-5 นาที ซึ่งถาดใส่ฟลูออไรด์มีขนาดต่างๆ กัน เพื่อให้มีขนาดที่เหมาะกับปาก และ           ฟันของเด็ก
– 
กรณีที่สุขภาพฟัน และช่องปากให้เด็กบ้วนปากเป่าฟัน ให้แห้ง แล้วเคลือบฟลูออไรด์ได้เลย หรือให้เด็กแปรงฟันเอง โดยทันตแพทย์ช่วยแนะนำวิธีแปรงฟันที่ถูกต้องก่อนเคลือบฟลูออไรด์

การเคลือบฟลูอไรด์ โดยให้ฟลูออไรด์สัมผัสที่ผิวฟัน ใช้เวลานานประมาณ 4 นาที เมื่อเคลือบฟลูออไรด์เสร็จแล้ว จะมีการดูดฟลูออไรด์ที่เหลือออกให้มากที่สุด แล้วให้เด็กบ้วนเองจนหมด ทั้งนี้ ห้ามบ้วนน้ำ ดื่มน้ำ และกินอาหาร 30 นาที เพื่อให้มีการรับฟลูออไรด์ที่ผิวเคลือบฟัน มากที่สุด สำหรับเด็กที่ไม่สามารถเคลือบฟลูออไรด์โดยใช้ถาดได้ อาจใช้วิธีการทาฟลูออไรด์ชนิดเคลือบ แต่ต้องกันน้ำลาย และให้ฟลูออไรด์เปียกฟันตลอด 4 นาที

ข้อควรระวังในการใช้ฟลูออไรด์ชนิดเคลือบ
1. 
การเป็นพิษเฉียบพลัน อาการที่พบ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน และปวดท้อง เป็นต้น แต่มีข้อสังเกตว่า จะต้องกลืนฟลูออไรด์ชนิดเคลือบไปเกือบทั้งหมด การรักษาแบบฉุกเฉิน ได้แก่ ให้ดื่มนมมากๆ เพื่อขลอการ
ดูดซึม

2. 
การเป็นพิษเรื้อรัง ปัจจุบันยังไม่มีรายงานวิจัย ที่แสดงให้เห็นว่า การเคลือบฟลูออไรด์มีความสัมพันธ์ หรือเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันตกกระ (Fluorosis)

เคลือบฟลูออไรด์ ทุกกี่เดือน

ขั้นตอนการเคลือบฟลูออไรด์

  1. ทำความสะอาดผิวฟัน โดยการจัดฟันในกรณีที่มีคราบสีติดที่ฟัน หรือมีแผ่นคราบจุลินทรีย์และหินปูน
  2. เลือก TRAY ให้พอดีกับฟัน โดยคลุมฟันซี่สุดท้ายในช่องปาก
  3. เตรียมฟันให้แห้งโดยการเป่าลมให้แห้งเพื่อให้คราบเดิมของฟลูออไรด์เจลคงที่ และให้ผลสูงสุดในการป้องกันฟันผุ
  4. ใส่ฟลูออไรด์เจลลงใน TRAY
  5. ใส่ TRAY บนและล่าง เพื่อทำการเคลือบฟลูออไรด์
  6. หลังจากนำ TRAY ออก ทันตแพทย์จะทำการดูดเจลที่เหลือออก
  7. ห้ามบ้วนน้ำ ดื่มน้ำ และรับประทานอาหาร 30 นาที เพื่อให้ฟลูออไรด์เคลือบฟันได้มากที่สุด

ผงขัดฟันผสมฟลูออไรด์ (Fluoride-containing Prophylaxis Paste)
ผงขัดฟันผสมฟลูออไรด์มีฟลูออไรด์ 12,300 ส่วนในล้านส่วน ในขนาด 1 กรัม มีฟลูออไรด์ 12.3 มิลลิกรัม ผงขัดฟันจะใช้กรณี

  1. ใช้ขัดฟันเพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสุขภาพฟัน ได้อย่างชัดเจน เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง 
  2. ใช้ขัดฟันก่อนเคลือบฟลูออไรด์ กรณีมีคราบสี แผ่นคราบจิลินทรีย์ และหินปูน
  3. ใช้เมื่อเด็กมาทำฟันครั้งแรก เพื่อเตรียมเด็กให้คุ้นเคยกับการทำฟัน
  4. ควรใช้ผงขัดฟันผสมฟลูออไรด์ปริมาณที่เหมาะสมในเด็กเล็ก ควรระวังไม่ให้เด็กกลืนผงขัดฟัน ยังไม่มีรายงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า การขัดฟันด้วยผงขัดฟันผสมฟลูออไรด์ เพียงอย่างเดียว สามารถช่วยป้องกันฟันผุได้

น้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์ (Fluoride Mouthrinse)
น้ำยาบ้วนปากที่วางขายในท้องตลาดโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
      1. ประเภทที่มีฟลูออไรด์ผสม เช่น Reach, Listerine ผสมฟลูออไรด์
      2. ประเภทที่ไม่มีฟลูออไรด์ผสม ได้แก่
– 
น้ำยาบ้วนปากเพื่อลดเชื้อแบคทีเรีย เช่น Listerine (original)
– 
น้ำยาบ้วนปากก่อนการแปรงฟัน เพื่อขจัดคราบอาหาร และแบคทีเรีย เช่น Colgate Plax
      3. น้ำยาบ้วนปากเพื่อลดอาการเสียวฟัน เช่น Emoform
           เฉพาะประเภทที่มีฟลูออไรด์ผสมเท่านั้น ที่มีผลในการป้องกันฟันผุ น้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์ สามารถลดอัตราการเกิดฟันผุได้ โดยผลของการป้องกันฟันผุ จะมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่ด้านประชิดของฟัน

ข้อควรระวัง
1. 
ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี หรือในคนไข้พิการ ซึ่งไม่สามารถควบคุมการกลืนได้
2.
ในการใช้ทุกครั้ง ทันตแพทย์ควรอธิบายวิธีการใช้ น้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์ให้กับผู้ป่วย และผู้ปกครองให้เข้าใจอย่างถูกต้อง
3. 
การกลืนน้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์ ในปริมาณมาก ในครั้งเดียว อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หากปริมาณฟลูออไรด์นั้น สูงถึงระดับอันตราย
4. 
ยังไม่มีรายงานวิจัยที่แสดงว่า น้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์ จะมีผลต่อการเกิดฟันตกกระ

ข้อควรระวังหรืออันตรายจากการใช้ฟลูออไรด์
ฟลูออไรด์มีคุณสมบัติคล้ายสารอาหารอื่นๆ ถ้าได้รับในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ ของร่างกายก็จะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าได้รับมากเกินไป ก็จะเกิดโทษต่อร่างกาย โทษของฟลูออไรด์ต่อร่างกาย พบได้ 2 ลักษณะคือ
       1. การเป็นพิษแบบเฉียบพลัน เกิดจากการได้รับฟลูออไรด์ในปริมาณสูงมาก ในครั้งเดียว มีอาการตั้งแต่คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย หากได้รับปริมาณสูงมากๆ จะมีผลต่อระบบหัวใจ หรือเสียชีวิตได้
2. 
การเป็นพิษแบบเรื้อรัง เกิดจากการได้รับฟลูออไรด์ในขนาดที่สูงกว่า ระดับที่เหมาะสม คือ 2-10 มิลิลกรัมต่อวัน อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี จะเกิดผลข้างเคียงต่อฟัน คือ ฟันมีสีขาวขุ่น จนถึงขั้นฟันตกกระ             และมีผลต่อกระดูกด้วย แต่สำหรับนมฟลูออไรด์ จะมีขนาดฟลูออไรด์ที่เหมาะสม มีการควบคุมคุณภาพ และปริมาณฟลูออไรด์ จึงมีความปลอดภัยเพียงพอ ที่จะใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อป้องกันฟันผุ อย่างมี                    ประสิทธิภาพ

นอกจากการใช้ ฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุแล้ว การทานอาหารก็ส่งผลต่อสุขภาพฟันเช่นกัน  และการใส่ใจพบทันตแพทย์ก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญ เพราะทันตแพทย์เฉพาะทางจะช่วยให้คุณทราบถึงการดูแลและปัญหาที่เกิดขึ้นกับฟันของลูกคุณ ได้อย่างตรงจุด อย่าลืมพาลูกน้อยมาตรวจสุขภาพฟันและหมั่นแปรงฟันทุกวันหลังอาหารนะค่ะ

เคลือบฟลูออไรด์บ่อยๆได้ไหม

โดยปกติแล้ว คุณหมอฟันเด็กจะแนะนำ การเคลือบฟลูออไรด์ ในเด็ก ทุกๆ 6 เดือน แต่ในบางกรณี ถ้าเด็กมีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุสูง ทันตแพทย์สำหรับเด็ก หรือ หมอฟันเด็ก อาจจะแนะนำการ เคลือบฟลูออไรด์เด็ก ในทุกๆ 3 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ หมอฟันเด็กเป็นผู้พิจารณาตามความจำเป็นค่ะ

เคลือบฟลูออไรด์ เด็ก บ่อยแค่ไหน

โดยปกติแล้วควรจะเคลือบฟลูออไรด์นทุกๆ 6 เดือน ยกเว้นในช่วงเวลาหรือกรณีที่ลูกน้อยมีความเสี่ยงต่ออาการฟันผุได้ง่าย คุณหมออาจจะนัดให้ทำการเคลือบฟันบ่อยมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันอาการฟันผุก่อนวัยที่จะตามมา นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะเติมฟลูออไรด์ให้กับลูกน้อยที่บ้านได้ ผ่านการแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ ใช้ยาสีฟันและน้ำยา ...

เคลือบฟลูออไรด์ มีกี่แบบ

ฟลูออไรด์ที่ทันตแพทย์นำมาใช้มีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน ฟลูออไรด์ชนิดรับประทาน ฟลูออไรด์แบบนี้คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยทราบ เราสามารถพบได้ในน้ำดื่ม หรือน้ำปะปา ในต่างประเทศมักจะมีการเติมฟลูออไรด์ลงในน้ำดื่มเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน และเรายังพบฟลูออไรด์ชนิดรับประทานได้ในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ฟลูออไรด์ชนิดเม็ด, ฟลูออไรด์ชนิดน้ำ

เคลือบฟลูออไรด์ กี่ปี

ฟลูออไรด์ชนิดเคลือบโดยทันตแพทย์ ไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจนว่า ควรเริ่ม และหยุดเคลือบฟลูออไรด์ เมื่ออายุเท่าใด แต่เนื่องจากเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี โอกาสกลืนฟลูออไรด์จากการเคลือบสูง ตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15- 16 ปี ยกเว้นในกรณีที่เป็นกลุ่มที่มีระดับ ความเสี่ยงต่อโรคฟันผุสูง ซึ่งจะพิจารณาเป็นรายๆ ไป