การตรวจ สอบ คํา ผิด ใน word 2010

8.การสะกดไวยากรณ์ ใน Word 2010

การสะกดไวยากรณ์ ใน Word 2010

         การสะกดไวยากรณ์ เป็นคำสั่งที่ใช้ในการตรวจสอบ แก้ไข แทนที่ หรือเพิ่ม คำลงไปในพจนานุกรม 

ซึ่งการสะกดไวยากรณ์นั้นทำได้โดย

วิธีการการสะกดไวยากรณ์

          1. คลิกแท็บ ตรวจทาน (Review)

          2. คลิกเลือก การสะกด และไวยากรณ์ (Spelling & Grammar)

          3. โปรแกรมจะแจ้งไวยากรณ์ที่ไม่ถูกต้องขึ้นมา

          4. ให้เลือกการทำงานที่ต้องการ

การตั้งค่าการใช้งานระบบ AutoCorrect ใน Word 2010

          AutoCorrect เป็นระบบการแก้ไขข้อความที่ตรวจพบว่ามีการใช้คำ หรือไวยากรณ์ที่ไม่ถูกต้อง

ซึ่งการตั้งค่าการใช้งานระบบ AutoCorrect นั้นทำได้โดย

วิธีการตั้งค่าการใช้งานระบบ AutoCorrect

          1. คลิกเมาส์ขวาคำที่สะกดผิด แล้วเลือกคำสั่ง
 การแก้ไขอัตโนมัติ (AutoCorrect) > ตัวเลือกการแก้ไขอัตโนมัติ...
 (AutoCorrect Options)

            2. คลิกแท็บ การแก้ไขอัตโนมัติ (AutoCorrect)

          3. คลิกเช็คบ็อกซ์ แทนที่ข้อความขณะพิมพ์ (Replace text as you type)

          4. พิมพ์คำที่สะกดผิดลงไป

          5. พิมพ์คำใหม่ที่ต้องการแทนที่ลงไป

          6. คลิกปุ่ม เพิ่ม (Add)

          7. คลิกปุ่ม ตกลง (OK)

บทความแนะนำเรื่องควรรู้การใช้งานมุ้งสปริง มุ้งตั้งพื้น ไม่ต้องผูก วางได้ทุกที่ที่เป็นพื้นเรียบ มุ้งแบบนี้ถือว่าเป็นมุ้งที่ดี ใช้งานง่าย โยนแล้วก็กางทันที พร้อมเข้าไปนอน แต่ก็มีข้อเด่น ข้อด้อยที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจหามาไว้ใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้เสียเงินเปล่าได้มาแล้ว ก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างที่ตั้งใจ

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ Pocket WiFi แช์เน็ตแบบพกพา ควรใช้ไหม? pocket-wifi-guide

บทความแนะนำความรู้เกี่ยวกับ Pockett WiFi เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจหามาไว้ใช้งาน ซึ่งจะมีทั้งข้อดีข้อเสียที่ควรรู้ เครื่องแแบบนี้ เหมาะกับใคร และมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไร พร้อมแนะนำทางเลือกอื่นที่อาจตรงกับความต้องการใช้งานมากกว่าอุปกรณ์เหล่านี้ จะได้ไม่เสียเงินเปล่า

โปรแกรมประมวลผลคำใดๆ ก็ตามที่คุ้มค่าจะมาพร้อมกับเครื่องตรวจการสะกดในตัวที่ช่วยให้ผู้เขียนเขียนและตรวจทาน เนื้อหาของพวกเขาด้วยความพยายามน้อยที่สุด Microsoft Word ยังรวมเครื่องมือตรวจสอบการสะกดคำไว้ในเครื่องมือการเขียนและแก้ไขขั้นสูงอื่นๆ ผู้ใช้บางรายประสบปัญหากับเครื่องตรวจตัวสะกดของ Microsoft Word ซึ่งจะหยุด ทำงานบนคอมพิวเตอร์

สาเหตุอาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในการตั้งค่าที่เป็นข้อผิดพลาดบางอย่างซึ่งนำไปสู่การตรวจสอบการสะกดไม่สามารถทำงานได้ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของชุดโปรแกรม Office แอป Word จะเป็นส่วนหนึ่งของ Office 2019, Office 2016, Office 2013 และเวอร์ชันระบบคลาวด์ที่เรียกว่า Microsoft 365 ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาที่แชร์ด้านล่างจะใช้ได้กับทุกเวอร์ชันเนื่องจากฟีเจอร์ตัวตรวจสอบการสะกดทำงานอย่างสม่ำเสมอในทุกเวอร์ชัน เวอร์ชัน Word หากไม่เป็นเช่นนั้น เราจะแจ้งให้คุณทราบ

มาเริ่มกันเลย

1. ลองใช้ Microsoft WordWeb App

คุณสมัครใช้งานแผน Microsoft 365 แล้วหรือยัง หากเป็นเช่นนั้น คุณสามารถเปิดเอกสาร Word เดียวกันในเว็บแอปและตรวจสอบว่าเครื่องตรวจตัวสะกดของ Word ทำงานอยู่ที่นั่นหรือไม่

ผู้ใช้ OneDrive ฟรีสามารถเข้าถึงเว็บแอปของ Word ได้ มี ความแตกต่างระหว่าง Word Web App และแอปเดสก์ท็อป ที่จะช่วยให้คุณตรวจการสะกดคำในเอกสารได้อย่างรวดเร็วเพื่อหาข้อผิดพลาด วิธีแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วจนกว่าคุณจะเข้าใจปัญหา

2. เปิดใช้งานตรวจสอบการสะกดขณะพิมพ์

ต้องตรวจสอบหรือเปิดใช้งานการตั้งค่า’ตรวจสอบการสะกดขณะที่คุณพิมพ์’เพื่อให้ Word สะกดคำ ตรวจสอบเอกสารแบบเรียลไทม์และแสดงเส้นสีแดงซิกแซกที่คุ้นเคยใต้คำที่สะกดผิด คำ

ขั้นตอนที่ 1: คลิกที่แท็บไฟล์

ขั้นตอนที่ 2: เลือกตัวเลือกในแถบด้านข้างขวาที่ด้านล่างของเมนู

ขั้นตอนที่ 3: ใต้แท็บการพิสูจน์อักษร ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือก’ตรวจสอบการสะกดขณะพิมพ์’.

ขั้นตอนที่ 4: หากคุณสงสัยว่าเหตุใด Word จึงไม่ตรวจการสะกดคำด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ นั่นเป็นเพราะว่ามีตัวเลือกแยกต่างหากที่เรียกว่า’ละเว้นคำในตัวพิมพ์ใหญ่’

3. ลบเอกสารออกจากข้อยกเว้นการพิสูจน์อักษร

อาจเป็นไปได้ว่าเอกสารที่คุณกำลังแก้ไขถูกเพิ่มลงในรายการข้อยกเว้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ Word ไม่ตรวจทานเนื่องจากสะกดผิด

กลับไปที่ ไฟล์ > ตัวเลือก > การพิสูจน์อักษร และไปทางด้านล่าง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ได้เลือกตัวเลือก’ซ่อนข้อผิดพลาดการสะกดในเอกสารนี้เท่านั้น’

โปรดทราบว่าตัวเลือก’ซ่อนข้อผิดพลาดการสะกดในเอกสารนี้เท่านั้น’จะเปิดใช้งานและเป็นสีเทาหาก’ตรวจสอบการสะกดขณะที่คุณพิมพ์’ถูกปิดใช้งาน. นั่นหมายความว่าคุณไม่สามารถปิดการใช้งานได้เช่นกัน ทำตามขั้นตอนในจุดก่อนหน้าเพื่อเปิดใช้งานก่อนที่คุณจะสามารถปิดใช้งานได้

4. เพิ่มภาษาสำหรับการพิสูจน์อักษร

แม้ว่าจะมีการเขียนหรือแก้ไขเอกสารเป็นภาษาอังกฤษ แต่ Word จะต้องเลือกภาษาสำหรับการพิสูจน์อักษรที่ถูกต้อง บางครั้ง ภาษาพิสูจน์อักษรถูกตั้งค่าเป็นภาษาต่างประเทศโดยไม่ได้ตั้งใจ

ขั้นตอนที่ 1: เปิดไฟล์ > ตัวเลือก > ภาษา และตรวจสอบว่าได้ติดตั้งภาษาการพิสูจน์อักษรที่คุณต้องการแล้วหรือไม่ หากไม่เป็นเช่นนั้น ให้คลิกที่เพิ่มภาษา และเลือกภาษาพิสูจน์อักษรที่คุณต้องการเพื่อติดตั้ง

ขั้นตอนที่ 2: เลือกภาษาการพิสูจน์อักษรจากเมนูป๊อปอัปแล้วคลิกเพิ่ม

5. พจนานุกรมที่กำหนดเอง

ในบางครั้ง แอป Word อาจมีปัญหาในการระบุสิ่งที่คุณพิมพ์ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณใช้คำสแลงหรือแบบสั้น แอปจะตรวจไม่พบการสะกดคำอย่างถูกต้อง ในกรณีเช่นนี้ คุณสามารถเพิ่มคำที่คุณพิมพ์ลงในพจนานุกรมในตัวของ Word ได้

เพียงคลิกขวาที่คำแล้วเลือกตัวเลือก Add to Dictionary ภายใต้การสะกดคำในเมนูบริบท

6. อัปเดตรูปแบบเอกสาร

Microsoft Word ให้ผู้ใช้ สร้างและตั้งค่าสไตล์ ซึ่งเป็นคอลเล็กชันของตัวเลือกการจัดรูปแบบ ซึ่งรวมถึงตัวตรวจการสะกดที่คุณตั้งค่าได้สำหรับทั้งเอกสาร ซึ่งแยกจากตัวเลือกสากลที่เราเห็นในขั้นตอนข้างต้น

ขั้นตอนที่ 1: ใต้แท็บหน้าแรก ให้คลิกขวาที่สไตล์ที่เลือกและเลือกปรับเปลี่ยนจากบริบท เมนู

ขั้นตอนที่ 2: คลิกที่รูปแบบที่มุมล่างซ้ายของหน้าจอและเลือกภาษา

ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ได้เลือกตัวเลือก’อย่าตรวจการสะกดหรือไวยากรณ์’

7. Disable Word Add-Ins

One of the installed add-ins could either be malfunctioning or causing a conflict. There are two ways to troubleshoot this issue. Either disable all add-ins and then re-enable them one at a time to find which one is causing the conflict. Or, you can open Word in Safe Mode.

To manage add-ins:

Step 1: Open File > Options > Add-ins, and at the bottom of the screen, select COM Add-ins in the drop-down menu next to Manage and click on Go.

Step 2: Simply uncheck the add-in in the pop-up that follows to disable it. Click on Remove button to uninstall the selected add-in but that’s not required for troubleshooting spell check not working in Word issue.

If that doesn’t fix things, then you should try to open Word in Safe Mode. Here’s how to do that:

Step 1: Press Windows key+ R to open the Run prompt, type winword/safe and hit Enter.

Step 2: If the spell checker works as intended in Safe Mode in Word, then you need to troubleshoot Word or Office app.

8. Repair Office App

Step 1: Right-click on the Windows Start button and select Apps and Features.

Step 2: Search for the Microsoft Office version that you have installed and click on Modify button.

Step 3: In the pop-up that follows, there are two options. First, try Quick Repair, and then if that doesn’t work, try Online Repair.

9. Use Grammarly Extension

Here’s the difference. Grammarly is a browser extension tool that will highlight and suggest spelling errors and allow you to correct them quickly with a single click. They also have an add-in for both Word and Outlook desktop apps.

Interestingly, Grammarly works with Google Docs and Word.

Get Grammarly

เกี่ยวกับ Guiding Tech

#word processor

Click here to see our word processor articles page

Word on the Street

Microsoft Word is still leading the pack but has faced serious competition from Google Docs for the past few years. While Google Docs is a cool option, it is too simplistic for advanced users who need more from their word processors or deep inside the Microsoft Office ecosystem.

Next up: Who said you need a desktop app to edit your Word documents? Maximize the full potential of Microsoft Word Online with these cool tips and tricks.