ก่อนอื่นดิฉันขอแก้ข้อมูลคอลัมน์ฉบับที่แล้วที่ดิฉันเขียนว่าดิฉันบิน “ไทย แอร์เวย์” จากกรุงเทพไปเกาะสมุย และปรักปรำว่าคนงานของสายการบินหรือคนที่โหลดสัมภาระหรือ?? โขมยกล้องถ่ายรูปดิฉันที่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง ดิฉันไม่ได้บินไทยค่ะ ดิฉันบินสายการบิน “บางกอก แอร์เวย์” ต้องขอโทษมา ณ.ที่นี้ด้วย ตอนนี้ดิฉันกลับมาทำงานตามปกติ คราวนี้งานเข้าที่เร็วมากและไม่ค่อยเครียด คิดว่าคงเป็นเพราะโยคะรีทรีท หรือได้พักผ่อนเต็มที่
สัปดาห์ที่แล้วมีคำถามเข้ามาจากหญิงไทยที่แต่งงานกับสามีฝรั่งในอเมริกา ต้องการให้ดิฉันแปลทะเบียนสมรสจากอังกฤษเป็นไทย เพื่อจะไปเปลี่ยนนามสุกลที่สถานกงสุลไทยและเธอพยายามอธิบายให้ดิฉันฟังว่ากงสุลต้องการอะไรบ้าง ยิ่งฟังยิ่งงง ดิฉันเลยไปค้นวิธีเปลี่ยนนามสกุลของคนไทยในอเมริกาจากหนังสือคู่มือกงสุลสำหรับคนไทยในสหรัฐ และกูเกิ้ลหา พ.ร.บ. ชื่อบุคคลฉบับล่าสุดปี 2548 ในขณะที่ search อยู่ไปเจอ blog WeddingSquare มีกระทู้คนไทยถามเรื่องวิธีเปลี่ยนนามสกุลตามสามีฝรั่ง การใส่นามสกุลตนเองเป็นชื่อกลาง
และปัญหาเมื่อเธอไปยื่นเรื่องเปลี่ยนนามสกุลที่อำเภอและที่กงสุล และใน blog นี้มีผู้คัดข้อมูลคอลัมน์ของดิฉันจากเสรีชัยตอบไป wow! ดิฉันเลยตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้ให้กระจ่างตามกฎหมายและให้ความเห็นของดิฉัน ประวัติชื่อสกุลไทย(จากวิกิพีเดีย) เมื่อสมัยก่อนคนไทยไม่มีนามสกุลจนกระทั่งรัชการที่ 6 โปรดให้มีการตั้งนามสกุลเหมือนประเทศอื่น จึงมีพระราชบัญญํติ (พ.ร.บ.) ขนานนามสกุลฉบับแรกเกิดขึ้นมีผลบังคับใช้ปี 2456 (ค.ศ. 1913) โดย ร.6 พระราชทานนามสกุลให้ทั้งหมด 6,432 นามสกุล
ซึ่งถือเป็นนามสกุลพระราชทาน ส่วนคนธรรมดาก็ตั้งนามสกุลตัวเองโดยส่วนมากนำชื่อของผู้นำของครอบครัวมาผสมกันหรือตามถิ่นที่อยู่อาศัย ตัวอย่าง นามสกุลของคุณทวดๆๆๆของดิฉันชื่อ นางทับทิมและนายสิงห์โต เมื่อมาผสมกันจึงเป็น “ทับทิมโต” นามสกุลแรกของประเทศไทยคือ “สุขุม” พ.ร.บ. ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 หลังจากนั้นก็มี พ.ร.บ. แก้เกี่ยวกับการตั้งชื่อสกุลผ่านมาอีก 2-3 ฉบับจนถึงฉบับสำคัญคือ พ.ร.บ. ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 สมัยจอมพล ส. ธนะรัชต์ ซึ่งจะเลือกกล่าวเพียงข้อสำคัญดังนี้
พ.ร.บ. ชื่อบุคคล พ.ศ. 2548 พ.ร.บ. ฉบับนี้ได้แก้ไขสมัย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจาก พ.ร.บ. ชื่อบุคคลฉบับปี 2530 มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งขัดกับมาตรา 29, 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ร.บ. ฉบับใหม่นี้มีข้อสำคัญที่เลือกมากล่าวสองข้อคือ ให้ผู้หญิงมีสิทธิในการเลือกใช้นามสกุลของตัวเองหรือของสามีได้ และ หลักเกณท์การใช้ชื่อรองหรือ middle name ยังไม่รัดกุม มีรายละเอียดดังนี้
วิธีขอเปลี่ยนนามสกุลที่สถานกงสุลไทย ตามกฎ สถานกงสุลไม่มีอำนาจเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลหรือแก้ไขบุคคลในทะเบียนราษฎรได้ ผู้ร้องต้องไปดำเนินเรื่องที่สำนักงานเขต ในเขตที่คุณมีทะเบียนบ้านอยู่เองในเมืองไทย หรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปทำให้ แต่ทางสถานกงสุลสามารถเตรียมเอกสารต่างให้คุณได้ ดังขั้นตอนต่อไปนี้ กรณีหญิงไทยในเมริกาจดทะเบียนสมรสกับสามีฝรั่งตามกฎหมายรัฐ และต้องการเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลสามี ต้องทำดังนี้
วิธีที่ 2 คุณสามารถจดทะเบียนสมรสที่สถานกงสุลเป็นภาษาไทยอีกครั้ง เท่ากับคุณมีทะเบียนสมรส 2 ใบของรัฐและของไทย วิธีนี้คุณจะประหยัดเวลา ไม่ต้องทำขั้นตอน 1 และ 2 ข้างต้น วิธีที่ 3 ถ้าคุณและสามีคิดจะไปเมืองไทยด้วยกัน ก็ไปจดทะเบียนสมรสที่เมืองไทยที่สำนักงานเขตหรืออำเภอที่คุณมีทะเบียนบ้านอยู่ และไปทำเรื่องเปลี่ยนนามสกุลทีเดียวเสร็จ แต่ก่อนจดทะเบียนสามีฝรั่งต้องไปที่สถานทูตอเมริกันก่อนไปขอใบรับรองความเป็นโสด ซึ่งถ้าเขาเคยหย่ามาก่อนให้เขานำใบหย่าตัวจริงไปเมืองไทยด้วย เวลาไปขอเอกสารนี้ ทางสถานทูตจะออกเอกสารเป็นภาษาอังกฤษและคุณต้องนำใบนี้ไปแปลเป็นภาษาไทย และไปให้กระทรวงการต่างประเทศรับรอง แถวถนนวิทยุมีสถานที่แปลรับทำและเดินเรื่องให้ และเมื่อได้เอกสารกลับคืนมาจึงนำเอกสารนี้ไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานเขต และเปลี่ยนชื่อ สกุล ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน และไปกระทรวงการต่างประเทศไปแก้ชื่อในพาสปอร์ต วิธีที่ 4 วิธีนี้เป็นวิธีที่ดิฉันแนะนำคือ ไม่ต้องทำอะไรเลยเกี่ยวกับเอกสารที่เมืองไทย เพียงจดทะเบียนสมรสในอเมริกาและเปลี่ยนไปใช้นามสกุลสามี หรือจะใช้นามสกุลคุณบวกสามี คืออะไรก็ได้ กฎหมายในอเมริกาเรื่องชื่อนามสกุลไม่ใช่เรื่องใหญ่ และตอนทำใบเขียวกรอกฟอร์มโดยใส่ชื่อนามสกุลใหม่ที่ต้องการ หลังจากนั้นทำใบขับขี่รัฐและเอกสารสำคัญต่างๆโดยใส่ชื่อนามสกุลตามสามี วิธีนี้เท่ากับคุณถือเป็นโสดในเมืองไทย เพราะคุณจะไม่มีประวัติในเมืองไทยว่าคุณสมรสกับฝรั่ง (อ๊ะ อ๊ะ แต่ไม่ได้หมายความคุณไปจดทะเบียนสมรสกับคนอื่นในเมืองไทยได้อีกนะคะ เพราะตามกฎหมายสากลไม่ว่าคุณจะจดทะเบียนสมรสที่ไหนทั่วโลกตราบใดที่ถูกต้องตามกฎหมายประเทศนั้นๆให้ถือว่าคุณจดทะเบียนแล้ว) และบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านยังเป็นนางสาว ชื่อเดิมอยู่ ข้อดีคือ ถ้าคุณไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติหรือแสดงว่าเป็นหญิงมีสามี
พาสปอร์ตไทยและใบเขียวชื่อไม่ตรงกัน อันนี้เรื่องเล็กค่ะ ไม่เป็นปัญหาตอนเดินทางเข้าออกประเทศอเมริกาและไทย ก่อนอื่นสิ่งสำคัญที่ต้องจำคือ การเดินทางออกนอกประเทศคุณต้องซื่อตั๋วเครื่องบินใช้ ชื่อและนามสกุลตามพาสปอร์ตไทยเท่านั้น ไม่ใช้ชื่อตามใบเขียว ขาเข้าประเทศไทย เวลาเดินทางเข้าประเทศไทย คุณต้องกรอกบัตรขาเข้าประเทศไทยโดยใช้ ชื่อ นามสกุลเดิมตามพาสปอร์ไทย ผ่านเข้าอิมมิเกรชั่นไทยไม่เป็นปัญหา เพราะเจ้าหน้าที่ ต.ม. ไม่เช็คใบเขียวตอนเข้าประเทศ ขาออกจากไทย เวลาเช็คอินตั๋วที่เคาน์เต้อร์แอร์ไลน์ เจ้าหน้าที่แอร์ไลน์ต้องการเช็คใบเขียวคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถเดินทางเข้าอเมริกาได้ คุณแสดงพาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน และใบเขียว คุณนำทะเบียนสมรสติดตัวเผื่อไว้ไปด้วย เผื่อ เจ้าหน้าที่สายการบินบางคนอาจขอดู ขาเข้าอเมริกา คุณแสดงพาสปอร์ตไทยและใบเขียวให้เจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่น การที่ชื่อในพาสปอร์ตและใบเขียวไม่ตรงกันไม่เป็นปัญหา เพราะเขามีข้อมูลของคุณทั้งหมดอยู่ในคอม เดินทางในประเทศ ปัจจุบันการบินในประเทศต้องแสดงไอดี เจ้าหน้าที่สายการบินจะเช็คไอดี และแม็ทช์กับชื่อบนตั๋ว ฉะนั้นคุณต้องซื้อตั๋วตามชื่อให้ตรงกับไอดีที่คุณมีอยู่ ถ้าคุณบินในประเทศอเมริกา คุณซื้อตั๋วโดยใช้ชื่อตามชื่อใบขับขี่รัฐ และใบเขียว ก็ควรจะเป็นชื่อ นามสกุลใหม่ตามสามี ถ้าคุณบินในประเทศไทย ถ้าคุณใช้ชื่อนามสกุลเดิมก่อนแต่งงาน ให้คุณนำพาสปอร์ตไทย หรือบัตรประชาชนไทยเป็นไอดี ถ้าคุณซื้อตั๋วใช้ชื่อ นามสกุลให่ตามสามี คุณสามารถแสดงใบขับขี่ของอเมริกาที่เป็นชื่อ นามสกุลสามี ฉะนั้นเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง หวังว่าข้อมูลนี้คงกระจ่างๆนะคะ Post navigation |