ผ่อนรถอยู่ซื้อบ้านได้ไหม2565

เชื่อว่า ‘การมีบ้าน’ ย่อมเป็นหนึ่งในความฝันของใครหลายคน ซึ่งเมื่อเราเริ่มต้นทำงานและมีรายได้เป็นของตัวเอง สิ่งที่เราคิดฝันเป็นอันดับต้นๆ คือ การมีบ้าน แต่หลายคนที่ยังมีรายได้ที่จำกัด ก็อาจจะมีคำถามตามมาว่า ‘ถ้าเงินเดือนยังน้อยอยู่ แต่อยากมีบ้าน จะทำอย่างไรให้กู้ผ่าน?’ หากใครกำลังมีคำถามนี้อยู่ในใจ สามารถหาคำตอบได้จากบทความนี้


ก่อนที่เราจะซื้อบ้าน เราต้องประเมินความสามารถในการผ่อนของเราดูก่อน โดยความสามารถในการผ่อนจะประเมินจากหลักการที่ว่า “ผู้กู้สามารถแบกรับภาระการผ่อนชำระหนี้สินทั้งหมดได้ไม่เกิน 40% ของรายได้”


ตัวอย่างเช่น ผู้กู้มีเงินเดือน 20,000 บาท จะสามารถผ่อนบ้านสูงสุดได้ 20,000 x 40% = 8,000 บาท


นั่นก็แปลว่า หากผู้กู้มีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน จะสามารถผ่อนบ้านได้ไม่เกิน 8,000 บาทต่อเดือน โดยที่เราต้องไม่มีหนี้สินผ่อนชำระสินค้าอื่นๆ หากเรามีหนี้สินอื่นๆ เช่น ผ่อนรถอยู่ เดือนละ 4,000  บาท จะทำให้ผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือนลดลงเหลือเพียง 4,000 บาท (8,000 – 4,000 = 4,000) ต่อเดือนเท่านั้น


สมมติว่าคุณไม่มีภาระหนี้สินอะไรมาก่อน หากคุณมีเงินเดือน 20,000 บาท ความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือนของคุณจะอยู่ที่ 8,000 บาท ขั้นตอนถัดมาเราต้องมาประเมินว่าความสามารถในการผ่อนเท่านี้ เราน่าจะกู้ได้วงเงินสูงสุดที่เท่าไหร่ (ซึ่งจะคำนวณจากระยะเวลาการผ่อนชำระ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน) ตัวอย่างดังตาราง            

ระยะเวลาในการผ่อนชำระ

วงเงินที่สามารถกู้ได้ (กู้ 100%)*

20 ปี

1,073,000 บาท

25 ปี

1,185,000 บาท

30 ปี

1,266,000 บาท

* คิดจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ย 6.5% ต่อปีหากต้องการตัวเลขที่แน่นอน สามารถเข้าไปขอคำแนะนำจากสถาบันการเงินที่คุณสนใจขอสินเชื่อบ้าน


ตัวอย่างการคำนวณในตาราง คำนวณตามหลักการมูลค่าเงินตามเวลา เป็นการคำนวณหามูลค่าปัจจุบันของเงินเท่ากันทุกงวด (Present Value of an Annuity) โดยคำนวณว่าจากเงินงวดที่จ่ายเท่ากันทุกเดือน เดือนละ 8,000 บาท เป็นเวลา 240 เดือน (20 ปี) ด้วยอัตราดอกเบี้ย 6.5% คิดเป็นเงินก้อนที่มีมูลค่าในปัจจุบันเท่าไหร่ ก็จะเป็นวงเงินที่เราสามารถกู้ได้ สามารถคำนวณได้โดยใช้เครื่องคิดเลขทางการเงิน (Financial Calculator) หรือแอปพลิเคชั่นเครื่องคิดเลขที่มีฟังก์ชั่นการคำนวณมูลค่าเงินตามเวลา (TVM Calculator)


เมื่อคุณเห็นวงเงินที่สามารถกู้ได้ คุณก็ควรจะหาโครงการบ้านที่อยู่ในวงเงินที่คุณสามารถกู้ได้ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีโครงการที่มีราคาล้านต้นๆ อยู่หลายโครงการ เช่น คอนโดแถบชานเมืองหรือปริมณฑล และบ้านมือสองที่สภาพดี ราคาไม่แพง อย่างไรก็ตาม หากโครงการบ้านที่คุณเล็งๆ ไว้มีราคาสูงกว่าวงเงินที่คุณสามารถกู้ได้ นั่นแปลว่าคุณอาจจะต้องเตรียมเงินก้อน เพื่อเป็นเงินดาวน์ไว้ด้วย หากยังไม่มีเงินดาวน์ ต้องวางแผนเก็บเงินเพื่อเป็นเงินดาวน์ด้วยเช่นกัน

ผ่อนรถอยู่ซื้อบ้านได้ไหม2565

ในกรณีที่พิจารณาแล้วว่า ถ้ากู้คนเดียวอาจไม่ผ่านหรือรายได้ไม่พอ การกู้ร่วมก็เป็นทางออกได้ โดยผู้กู้ร่วม หมายถึง ลูกหนี้ร่วม ซึ่งในทางกฎหมายลูกหนี้ร่วมจะต้องรับผิดชอบหนี้เป็นส่วนเท่าๆ กัน เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น และในบางสถาบันการเงินจะกำหนดให้ผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์กับผู้กู้ในฐานะที่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือบิดามารดากู้ร่วมกับบุตร และสามีกู้ร่วมกับภรรยา หรือถ้าแต่งงานกันแล้วและยังไม่ได้จดทะเบียน ผู้กู้ร่วมก็ต้องแสดงหลักฐานอื่นๆ ประกอบ เช่น ทะเบียนบ้านที่แสดงว่าปัจจุบันอยู่ด้วยกัน หรือถ้ามีบุตรก็ต้องแสดงใบเกิดที่ระบุชื่อพ่อแม่


ในการกู้ร่วมนั้น สถาบันการเงินจะพิจารณารายได้ของทุกคนที่ขอกู้ร่วม โดยจะหักภาระค่าใช้จ่ายของทุกคน หลังจากนั้นก็ดูว่า เหลือเงินที่จะสามารถผ่อนชำระต่อเดือนได้เท่าไหร่ แล้วพิจารณาให้สินเชื่อไปตามสัดส่วน ซึ่งจะทำให้การกู้ร่วม สามารถกู้วงเงินได้สูงขึ้นอีกพอสมควร


ประวัติการชำระหนี้ต่างๆ ของคุณก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการพิจารณาให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน ซึ่งถ้าคุณมีประวัติที่ดี ชำระหนี้ตรงเวลามาอย่างสม่ำเสมอ ก็จะเป็นคะแนนบวกทำให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ให้คุณง่ายขึ้น ดังนั้นก่อนที่จะคิดกู้บ้าน ควรสร้างประวัติทางการเงินให้ดี มีหนี้สินอะไรอยู่ ก็ควรจะผ่อนชำระให้ตรงเวลา เพื่อให้โอกาสในการกู้ผ่านมีสูงขึ้น

ผ่อนรถอยู่ซื้อบ้านได้ไหม2565

กล่าวโดยสรุป แม้จะมีเงินเดือนน้อย แต่หากมีการเตรียมตัวและวางแผนการเงินที่ดี ก็จะทำให้โอกาสกู้ผ่านของคุณมีสูงขึ้น อย่างไรก็ตามหนี้บ้านถือเป็นหนี้ก้อนใหญ่ และมีระยะเวลาในการผ่อนนาน เพื่อให้ภาระผ่อนบ้านไม่หนักจนเกินไป คุณควรต้องมีรายได้ที่มากพอ ดังนั้นคุณควรหาทางเพิ่มรายได้และเพิ่มเงินเดือนให้ตัวเอง ด้วยการหารายได้เสริม หรือเรียนรู้พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการเพิ่มค่าตัวให้กับตัวเอง นอกจากนี้ต้องรู้จักวางแผนการเงิน ทำบัญชีรายรับรายจ่าย ระมัดระวังการใช้จ่าย อย่าใช้จ่ายเกินตัว และอย่าก่อหนี้เพิ่มไปกว่ารายได้ของตน และที่สำคัญต้องมีการออมเงินอย่างเป็นระบบ ซึ่งหากทำได้เช่นนี้ บ้านหลังนี้ก็จะเป็นบ้านที่ตอบโจทย์ความฝันของคุณได้อย่างแน่นอน


บทความโดย :  นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP®   นักวางแผนการเงินอิสระ นักเขียนและวิทยากร

ผ่อนรถอยู่ซื้อบ้านได้ไหม2565

ผ่อนรถอยู่ซื้อบ้านได้ไหม2565

คนที่อยากมีบัตรเครดิตใช้และได้สมัครบัตรเครดิตกับธนาคารไปก็ย่อมอยากรู้ว่าตัวเองจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ ซึ่งความกังวลใจเหล่านี้อาจจะมาจากด้วยหลากหลายเหตุผลที่ทำให้ไม่มั่นใจในการขออนุมัติบัตร เช่น เคยมีประวัติจ่ายหนี้ช้าบ้าง แต่ไม่เคยไม่จ่าย หรือปัจจุบันมีภาระหนี้อยู่เยอะ บางคนก็ผ่อนบ้าน บางคนก็ผ่อนรถยนต์ จึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่าระหว่างคนผ่อนบ้านกับผ่อนรถ ธนาคารจะอนุมัติบัตรเครดิตให้ใครมากกว่ากัน

หากมองในมุมของระยะเวลาในการผ่อน การผ่อนรถยนต์ก็จะดูเป็นภาระน้อยกว่าเพราะผ่อนไม่กี่ปีก็จบ ในขณะที่คนที่ผ่อนบ้านจะต้องผ่อนเป็นเวลานานเป็นสิบปีถือว่าเป็นภาระหนี้ที่ยาวนาน ถ้ามองในมุมนี้ โอกาสที่ธนาคารจะอนุมัติบัตรเครดิตให้กับคนที่ผ่อนรถยนต์ก็มากกว่าคนที่ผ่อนบ้าน

แต่หากมองในอีกมุมเรื่องของเครดิตที่เกิดจากการขอสินเชื่อนั้น การที่คนเราได้รับอนุมัติกู้เงินซื้อบ้านได้ต้องถือว่ามีเครดิตที่ดีมาก ต้องผ่านการพิจารณาหลักเกณฑ์ต่าง ๆ จนธนาคารมั่นใจได้จึงปล่อยเครดิตกู้บ้านให้ได้ หากมองในมุมที่การขอสินเชื่อบ้านนั้นยากกว่าการขอสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารก็น่าจะอนุมัติบัตรเครดิตให้กับคนที่ผ่อนบ้านมากกว่าคนที่ผ่อนรถยนต์

ในความเป็นจริงแล้ว เหตุผลที่ธนาคารจะอนุมัติบัตรเครดิตให้กับลูกค้าหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องว่าลูกค้าคนนั้นผ่อนบ้านหรือผ่อนรถยนต์อยู่เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องดูปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายด้วย โดยการอนุมัติบัตรเครดิตในปัจจุบันธนาคารจะใช้ระบบที่เรียกว่า Credit Scoring โดยนำหลักเกณฑ์ คุณสมบัติและข้อมูลรายละเอียดของลูกค้ามาจัดทำเป็น Score เพื่อดูว่าลูกค้าคนนั้นผ่านเกณฑ์หรือไม่ หากผ่านเกณฑ์ก็หมายความว่าได้รับอนุมัติ แต่หากไม่ผ่านก็หมายความว่าไม่ได้รับอนุมัตินั่นเอง

โดยข้อมูลที่นำมาเป็นปัจจัยในการทำ Credit Scoring ก็อาจจะแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละธนาคาร ธนาคารหลายแห่งใช้ผลวิเคราะห์จากสถิติของลูกค้าธนาคารในอดีตเพื่อนำมากำหนดเป็น Credit Scoring ใช้ในการพิจารณาการอนุมัติหรือไม่อนุมัติบัตรเครดิตใหม่ให้กับลูกค้าด้วย

ยกตัวอย่างสิ่งที่จะมีผลกับ Credit Scoring เช่น

อายุ คนที่มีอายุน้อยจะได้คะแนนน้อยกว่าคนที่อยู่ในช่วงวัยกลางคนหรือเป็นผู้ใหญ่กว่า เพราะธนาคารมองว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่ทำงานมานานมีความมั่นคงทางการงานและการเงินมากกว่า ส่วนคนที่มีอายุน้อยก็อาจเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นานและยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนงานได้อีก ส่วนคนที่มีอายุมากอยู่ในวัยใกล้เกษียณหรือเกษียณแล้วก็อาจได้คะแนนเครดิตน้อยกว่าคนที่อยู่ในวัยทำงานเพราะธนาคารก็มองอีกเช่นกันว่าคนเหล่านี้อีกไม่นานก็จะถึงวัยที่ไม่ได้ทำงานมีรายได้อีกต่อไป

อาชีพ คนที่มีอาชีพมั่นคง เช่น แพทย์หรือวิศวกรมีโอกาสที่จะได้รับอนุมัติบัตรเครดิตมากกว่าอาชีพอื่น ๆ เพราะธนาคารถือว่าการงานมั่นคงต่อให้ต้องย้ายที่ทำงานก็มีงานรองรับแน่นอน เมื่อเทียบกับอาชีพผู้รับเหมาก่อสร้างหรือพนักงานขายที่รายได้อาจจะไม่มั่นคงมีขึ้นมีลงได้ตลอด

การศึกษา คนที่มีการศึกษาสูงกว่า เช่น จบปริญญาเอกหรือปริญญาโท มีโอกาสที่จะได้คะแนนเครดิตสูงกว่าคนที่เรียนไม่จบหรือจบแค่ปริญญาตรี เพราะธนาคารมองว่าคือโอกาสในการทำงานที่มีความมั่นคง

เพศ มีเช่นกันสำหรับบางธนาคารที่ให้คะแนนเครดิตผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เพราะถือว่าเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องทำงานและเป็นคนที่มีรายได้ แต่บางธนาคารก็ให้คะแนนเครดิตผู้หญิงมากกว่าก็มี เพราะมองในมุมว่าผู้หญิงมีความรับผิดชอบสูงกว่า

ประวัติสินเชื่อ คนที่มีเครดิตคือเคยกู้เงินมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตใบก่อนหน้า สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์หรือเงินกู้อะไรก็แล้วแต่ ธนาคารจะพิจารณาให้คะแนนเครดิตคนเหล่านี้มากกว่าคนที่ไม่เคยมีเครดิตหรือขอสินเชื่อที่ไหนมาก่อนเลย

รายได้ ข้อมูลรายได้ของลูกค้าแน่นอนว่าต้องเป็นส่วนหนึ่งของการให้คะแนนเครดิต คนที่มีรายได้สูงกว่าก็ย่อมมีโอกาสที่จะได้รับอนุมัติบัตรเครดิตมากกว่าคนที่มีรายได้น้อย

ภาระหนี้ ภาระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะบอกถึงความสามารถในการชำระหนี้ก้อนใหม่ที่ลูกค้ากำลังสมัครเข้ามา ลูกค้าที่มีภาระหนี้น้อยกว่าก็ย่อมมีโอกาสที่จะได้รับอนุมัติบัตรเครดิตมากกว่าลูกค้าที่มีภาระหนี้เยอะ

ที่ยกมาก็เป็นเพียงแค่ตัวอย่างของปัจจัยที่มีผลกับ Credit Scoring ที่ธนาคารใช้เป็นเครื่องมือในการพิจารณาอนุมัติบัตรเครดิตให้กับลูกค้าเท่านั้น อาจมีปัจจัยอะไรอื่น ๆ อีกที่เราไม่สามารถรู้ได้ ทั้งนี้เนื่องจากเป็นนโยบายของแต่ละธนาคารที่แตกต่างกันไป น้ำหนักคะแนนของแต่ละปัจจัยว่าเรื่องไหนจะมากหรือน้อยก็ไม่มีสูตรตายตัวแล้วแต่นโยบายของแต่ละธนาคารอีก จึงเป็นเรื่องที่ตอบได้ยากในบางครั้งว่าเพราะเหตุใดบางคนถึงสมัครบัตรเครดิตแล้วไม่ผ่าน หรือบางคนสมัครบัตรเครดิตกับธนาคารหนึ่งไม่ผ่าน แต่สมัครกับอีกธนาคารหนึ่งอาจจะผ่านก็เป็นได้

เรื่องการผ่อนบ้านหรือผ่อนรถธนาคารจะอนุมัติบัตรเครดิตให้กับใครมากกว่ากัน จึงเป็นเรื่องที่ตอบยาก ต้องดูเรื่องภาระหนี้ด้วยเป็นสิ่งสำคัญ หากมีรายได้มากแม้ผ่อนบ้านหรือผ่อนรถแล้ว ภาระหนี้ก็ยังไม่ถึง 40% แบบนี้โอกาสที่จะได้รับอนุมัติบัตรเครดิตก็ย่อมสูงขึ้น อย่างลูกค้าบางรายเมื่อได้รับอนุมัติสินเชื่อบ้านเรียบร้อย ผ่อนจ่ายไปไม่กี่เดือน ธนาคารก็โทรมาเสนอบัตรเครดิตให้ใช้โดยไม่ต้องเสียเวลาสมัครก็มี หรืออย่างคนที่ผ่อนรถอยู่ก็มีที่สมัครบัตรเครดิตแล้วได้หรือไม่ได้รับอนุมัติมีทั้งสองแบบด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป

ดังนั้นการที่ธนาคารจะอนุมัติบัตรเครดิตให้หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราผ่อนบ้านหรือผ่อนรถอยู่เท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ประกอบอีกมากมายขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://money.sanook.com/424023/