เพลงและภาพยนตร์เป็นอะไรที่คนทั่วโลกนิยมฟังและดูกันในยามว่าง เพราะมันช่วยคลายเครียดให้กับเราได้เป็นอย่างดี ดังนั้นถ้าสังเกตคุณจะเห็นได้เลยว่าแบรนด์คุณภาพที่ผลิตลำโพงในทุกวันนี้มีให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น BOSE, JBL, Sony หรือที่ฮิตมาก ๆ ตั้งแต่ในอดีตจนมาถึงปัจจุบันนั่นคือ ‘Marshall’ ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของลำโพงในทุกวันนี้ สามารถตีตลาดได้เกือบทุกประเทศทั่วโลก Show
ด้วยความที่มาร์แชลมีรูปทรงวินเทจสวยงามไม่เหมือนใคร และเทคโนโลยีที่ใส่ลงไปมีความทันสมัย สามารถตอบโจทย์คนในยุคสมัยใหม่ ใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้สายเชื่อมต่อให้รุงรังและยุ่งยาก ส่วนคุณภาพของเสียงเองก็ดีเยี่ยมไม่แพ้เบรนด์ไหน ๆ เพราะแผงควบคุมด้านบนของลำโพงจะสามารถปรับได้ทั้งความดัง, ความแหลม และเบสที่แน่นเหมือนกับอยู่ในผับหรือคอนเสิร์ตของศิลปินดังยังไงอย่างงั้น ดังนั้นใครที่กำลังสนใจ ‘ลำโพง Marshall’ อยู่และอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมในการตัดสินใจเลือกรุ่นที่เหมาะกับตัวเองอยู่ วันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้ครับ มาร์แชลแอมพลิฟิเคชัน (Marshall)ในช่วงแรก Marshall เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อผลิตและขายแอมป์กีตาร์ หรือเครื่องขยายเสียงที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อกับกีตาร์ ซึ่งในช่วงปี 1962 Marshall สามารถทำยอดขายได้อย่างยอดเยี่ยม ชนิดที่ว่าวงดนตรีและนักดนตรีหลากหลายคนต้องถามหาหรือหาซื้อไปเพื่อมาใช้งานกันเยอะมาก เนื่องจากเอกลักษณ์ของเสียงที่ปล่อยออกมามีความ ‘ครันช์’ หรือเสียงแตกแบบไม่เหมือนใคร เมื่อฟังแล้วจะเข้าถึงอารมณ์ของดนตรีได้มากกว่าเดิม ทั้งนี้ด้วยเทคโนโลยีและนวัฒกรรมที่ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของโลก ทำให้ทาง Marshall ไม่หยุดที่จะพัฒนาและมีการผลิตเครื่องเสียงใหม่ ๆ ออกมาขายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น หูฟัง และ ลำโพง ที่คุณภาพเสียงยังคงกินใจอยู่เหมือนเดิม และเพรียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีที่น่าสนใจ แต่สิ่งที่ยังคงไว้คือการดีไซน์ที่มีความคลาสสิกและวินเทจที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ ซึ่งจุดนี้ละครับที่ทำให้ Marshall สามารถตีตลาดคนรุ่นใหม่ ให้เลือกซื้อหูฟังและลำโพงของทางแบรนด์ได้ทั่วโลก แม้แต่ประเทศไทยของเราเองก็ทำยอดขายได้ดีมาก ๆ เช่นเดียวกัน ลำโพงมาร์แชล คุ้มค่าแก่การลงทุนไหม ?ไฮไลท์ที่โดดเด่นของ Marshall จะอยู่ที่รูปทรงอันวินเทจดูแพงและเสียงที่ดีมาก ๆ โดยเสียงที่ปล่อยออกมาจะมีความอุ่น ซึ่งแตกต่างออกไปจากลำโพงสมัยใหม่ทั่วไป อีกทั้งยังมีเบสที่หนักแน่น ดังนั้นการเปิดแต่ละครั้งคุณจะได้รับฟังเสียงที่คมชัดและเหมือนจริง ถ้าจะบอกว่าเหมือนหลุดเข้าไปในคอนเสิร์ตก็คงไม่ผิดครับ ในขณะเดียวกันด้วยรูปทรงและการดีไซน์ลำโพงที่ออกมามีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร รวมไปถึงฟังก์ชันการทำงานที่ทันสมัย มีหลายรุ่นที่ควบคุมด้วยระบบเสียงอย่าง Google Assistant และ Alexa Amazon ซึ่งคุณไม่จำเป็นจะต้องเดินไปปรับเสียงให้เหนื่อย เพียงแค่พูดสั่งการมันก็จะตอบสนองความต้องการได้ในทันที ดังนั้นบอกได้เลยครับว่า Marshall เป็นอะไรที่คุ้มค่าแก่การลงทุนแน่นอน ซื้อ ลำโพง Marshall รุ่นไหนดี
วิธีการเลือกลำโพง Marshall รุ่นไหน เหมาะกับคุณที่สุด1. คุณภาพของเสียงคุณภาพเสียงถือเป็นอันดับแรกที่ทุกคนจะต้องพิจารณาในการเลือกลำโพงสักตัวมาใช้งานครับ ซึ่งการที่จะเช็กว่าเสียงมีคุณภาพหรือไม่ ก็สามารถเช็กได้จากหลากหลายองค์ประกอบ ดังนี้ 1.1 กำลังวัตต์กำลังวัตต์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่บอกได้ว่าเสียงที่ปล่อยออกมามีคุณภาพหรือดังมากน้อยแค่ไหน ซึ่งโดยปกติแล้ว กำลังวัตต์ประมาณ 15 ถึง 20 วัตต์ ก็เพียงพอที่จะปล่อยเสียงออกมาได้ดังถึง 80 เดซิเบล ทั้งนี้จริง ๆ แล้ว Marshall ค่อนข้างจะมีคุณสมบัติที่ดีในเรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้นคุณสามารถข้ามส่วนนี้ไปได้ แต่ถ้าหากเป็นลำโพงจากแบรนด์อื่น คุณสามารถเช็กและดูคุณภาพของลำโพงโดยใช้เกณฑ์นี้ได้ครับ 1.2 ความถี่ของเสียงสามารถเช็กได้จากหน่วยเฮิรตซ์ โดยปกติหน่วยเฮิร์ตของลำโพงจะอยู่ในช่วง 100 ไปจนถึง 20,000 เฮิร์ต ซึ่งค่าในช่วงนี้ถือว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับลำโพงครับ 2. การเชื่อมต่อโดยส่วนใหญ่แล้วลำโพง Marshall รุ่นใหม่จะเชื่อมต่อแบบไร้สายอยู่แล้ว แต่การเชื่อมต่อแบบมีสายก็อาจสำคัญสำหรับใครหลายคน เพราะในบางครั้งการเชื่อมต่อแบบ Wireless ก็อาจมีข้อจำกัดในเรื่องของระยะทาง ดังนั้นใครที่ต้องเชื่อมต่อแบบมีสายก็ให้เช็กว่าลำโพงของ Marshall ในรุ่น ๆ นั้นมีสายอะไรมาให้เราบ้าง เช่น RCA, AUX หรือ USB เพื่อใช้เชื่อมต่อเครื่องเล่นอย่าง ดีวีดี, บลูเรย์ หรือซีดี สำหรับการดูหนังหรือซีรีส์ 3. แบตเตอรี่Marshall ในแต่ละรุ่นอาจมีแบตเตอรี่ที่แตกต่างกันไปบ้างครับ โดยบางตัวอาจเชื่อมต่อกับปลั๊กไฟฟ้าโดยตรง (ไม่มีแบตเตอรี่พกพาในตัว) แต่ในหลาย ๆ รุ่นเองก็อาจมีการใช้แบตเตอรี่แบบชาร์จอย่างลิเธียมไอออน ซึ่งระยะเวลาในการทำงานของมันจะอยู่ในช่วงระหว่าง 20 – 25 ชั่วโมง นอกจากนี้ลำโพงที่เป็นมีแบตเตอรี่แบบชาร์จจะมาพร้อมกับสายชาร์จอย่าง USB ที่คุณสามารถชาร์จเข้ากับ พาวเวอร์แบงค์, สมาร์ททีวี, สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุ๊ค 4. คุณสมบัติพิเศษ4.1 คุณสมบัติแบบอัจฉริยะในทุกวันนี้ลำโพงเราสามารถสั่งการได้ด้วยเสียง ไม่ว่าจะเป็น Marshall รุ่น Standmore II หรือ Action II ที่มีระบบที่เรียกว่า Alexa Amazon หรือจะเป็น Google Assistant ดังนั้นคุณจะสามารถถามตอบ หรือ สั่งการได้โดยไม่ต้องเดินไปปรับอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น 4.2 เชื่อมต่อได้หลากหลายเครื่องหลายคนอาจไม่ทราบว่าเราลำโพง Marshall สามารถควบคุมผ่านมือถือและเชื่อมต่อได้หลากหลายเครื่องในเวลาเดียวกัน ซึ่งถ้าหากใครมีการจัดงานปาร์ตี้แล้วจำเป็นต้องใช้ลำโพงหลายเครื่อง แต่อยากให้ลำโพงเล่นเพลงเดียวกันและเล่นไปพร้อม ๆ กัน Marshall สามารถทำได้ สามารถซื้อได้มากกว่าเครื่องเดียวครับ 5. ประสิทธิภาพในการกันน้ำปกติแล้วลำโพง Marshall ในเกือบทุกรุ่นจะป้องกันน้ำได้ดีอยู่แล้วครับ แต่มันก็อาจแตกต่างกันเล็กน้อยในส่วนของประสิทธิภาพในการกันน้ำ ซึ่งการที่เราจะเช็กว่ามันป้องกันน้ำได้ดีแค่ไหน ให้คุณไปดูที่ค่า IPX ที่จะมีตั้งแต่ IPX1 ไปจนถึง IPX8 โดยยิ่งตัวเลขด้านหลังมากเท่าไหร่ นั่นหมายความว่ามันมีประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ถ้าหากใครอยากนะไปวางไว้ใกล้ริมสระน้ำ ผมอยากแนะนำให้เลือกค่า IPX ตั้งแต่ 4 ขึ้นไป แต่ถ้าอยากนำไปฟังเพลงชิล ๆ ในห้องน้ำก็แนะนำ IPX2 ขึ้นไปครับ Marshall รุ่น Embertonรูปภาพจาก marshallheadphones.comราคา 2,500 บาท* ลำโพงพกพาไร้สายขนาดเล็กEmberton จะมีน้ำหนักเพียงแค่ 0.7 กิโลกรัมเท่านั้น ดังนั้นใครที่อยากได้ลำโพงขนาดเล็กสักตัวไปเป็นเพื่อนคู่ใจในการฟังเพลงระหว่างเดินทาง Emberton ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีมาก อีกทั้งระบบการปล่อยเสียงออกมาก็ถือว่าดีเยี่ยมสวนทางกับราคาที่ไม่แพง เพราะเสียงที่ออกมาจะเป็น True Stereophonic หรือการปล่อยเสียงแบบ 360 องศา ซึ่งมีเพียงแค่รุ่นนี้เท่านั้นที่สามารถจะทำได้ นอกจากนี้ประสิทธิภาพในการกันน้ำก็ดีสุด ๆ เพราะมันมีค่าป้องกันสูงถึง IPX7 รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่ทำงานได้ยาวนานกว่า 20 ชั่วโมงขนาด6.8 x 16 x 7.6 เซนติเมตรกำลังวัตต์10 วัตต์การตอบสนองความถี่60 - 20,000 เฮิรตซ์แบตเตอรี่ทำงานได้นานกว่า 20 ชั่วโมงการเชื่อมต่อBluetooth 5.0ประสิทธิภาพในการกันน้ำIPX7ซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee ซื้อที่ Central Marshall รุ่น Stockwellรูปภาพจาก marshallheadphones.comราคา 3,988 บาท* ลำโพงบลูทูธเบสหนัก มีฟังก์ชันรับโทรศัพท์อีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจในรุ่นตระกูล Stockwell เพราะการดีไซน์ของมันจะทำออกมาในลักษณะของกระเป๋าที่จะมีเคสเป็นหนัง เมื่อเปิดออกมาคุณสามารถนำเคสมารองและตั้งพิงไว้ได้คล้าย ๆ กับเคสมือถือ อีกทั้งด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 1.2 กิโลกรัม ก็ง่ายต่อการพกพาไปใช้นอกสถานที่ ส่วนประสิทธิภาพในเรื่องของเสียงก็ดีสุด ๆ เพราะมันจะมีวูฟเฟอร์ในลำโพงกว่า 2 ตัว และ Amplifier Class D ที่จะปล่อยเสียงได้ดังและสม่ำเสมอกัน ส่วนการเชื่อมต่อก็จะมีทั้งแบบ Bluetooth 4.0 ไร้สาย และการเชื่อมต่อแบบมีสายด้วย USB นอกจากนี้มันยังมีฟังก์ชันรับโทรศัพท์ด้วยการกดปุ่มรับมือถือบนแผงควบคุมของ Marshall อีกด้วยขนาด35 x 15 x 5 เซนติเมตรกำลังวัตต์20 วัตต์การตอบสนองความถี่50 - 20,000 เฮิรตซ์แบตเตอรี่ทำงานได้นานกว่า 25 ชั่วโมงการเชื่อมต่อBluetooth 4.0ประสิทธิภาพในการกันน้ำไม่ระบุซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee Marshall รุ่น Kilburn IIรูปภาพจาก marshallheadphones.comราคา 4,624 บาท* เบสมันส์เร้าใจ เชื่อมต่อได้มากกว่า 1 เครื่องKilburn II เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ปล่อยเสียงออกมาได้อย่างหนักแน่น ไม่ว่าจะเป็นเบสที่มันส์เร้าใจและเสียงของนักร้องที่ใสเป็นพิเศษ รับรองว่าลำโพงรุ่นนี้จะสร้างประสบการณ์ฟังเพลงที่ดีได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้การดีไซน์ของเครื่องก็สวยงาม เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงร็อคยุคคลาสสิก นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที้ดีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Multi-Host ที่เชื่อมต่อได้มากกว่า 1 เครื่อง, ระบบ Bluetooth 5.0 aptx ที่เชื่อมต่อได้ไกลกว่า 30 ฟุต, แบตเตอรี่ที่ทำงานยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง และการกันน้ำในระดับ IPX2ขนาด24.3 x 16.2 x 14 เซนติเมตรกำลังวัตต์36 วัตต์การตอบสนองความถี่45 - 20,000 เฮิรตซ์แบตเตอรี่ทำงานได้นานกว่า 10 ชั่วโมงการเชื่อมต่อBluetooth 5.0 aptXประสิทธิภาพในการกันน้ำIPX2ซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee Marshall รุ่น Acton II Bluetooth Blackรูปภาพจาก marshallheadphones.comราคา 8,889 บาท* ลำโพงบลูทูธขนาดเล็ก แต่เสียงดีมากเว่อร์ถึงแม้ว่า Marshall รุ่น Acton II ค่อนข้างจะมีขนาดที่เล็กกว่ารุ่นอื่น แต่บอกได้เลยว่าประสิทธิภาพในเรื่องของเสียงกลับดีสวนทางแบบไม่คาดคิดเลยละครับ เพราะภายในตัวของมันจะมีซับวูฟเฟอร์และทวีตเตอร์อีก 2 ตัวที่ทำงานร่วมกันในการปล่อยเสียงที่ทรงพลังมากกว่าเดิม แต่ยังคงเสียงที่เป็นธรรมชาติเอาไว้อยู่ ในขณะเดียวกันตัวลำโพงยังมีระบบ Bluetooth 5.0 ที่ทำให้การเชื่อมต่อเร็วและไหลลื่นแบบไม่มีสะดุด นอกจากนี้ด้านบนของเครื่องยังมีปุ่มควบคุมและปรับเสียงมากมาย ทั้ง Bass, Treble และ Volume ทำให้คุณได้ฟังคุณภาพของเสียงที่ตัวเองต้องการได้ตลอดเวลาขนาด26 x 16 x 15 เซนติเมตรกำลังวัตต์60 วัตต์การตอบสนองความถี่52 - 20,000 เฮิรตซ์แบตเตอรี่เสียบปลั๊กไฟการเชื่อมต่อBluetooth 5.0ประสิทธิภาพในการกันน้ำไม่ระบุซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee ซื้อที่ Central Marshall รุ่น Stockwell IIรูปภาพจาก marshallheadphones.comราคา 9,800 บาท* ระบบเสียงสเตอริโอ ดังรอบทิศทาง แบตเตอรี่อึดStockwell II จะมาในขนาดที่เหมาะสำหรับการพกพาไปใช้นอกสถานที่ เพราะตัวลำโพงจะมีขนาดที่กระทัดรัดและมาพร้อมกับหูหิ้วด้านบน ส่วนคุณภาพของเสียงก็ทำออกมาได้ดี ให้ความดังรอบทิศทางหรือเรียกว่า “Multi-Directional Sound” รวมไปถึงเสียงเบสที่ปล่อยออกมาได้เร้าอารมณ์สุด ๆ นอกจากนี้แบตเตอรี่ของเครื่องก็อึดมาก สามารถเล่นเพลงได้นานกว่า 20 ชั่วโมง ทั้งยังมีระบบ Muti-Host หรือการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้พร้อมกันถึง 2 เครื่องและประสิทธิภาพในการกันน้ำระดับ IPX4ขนาด35 x 19 x 18 เซนติเมตรกำลังวัตต์20 วัตต์การตอบสนองความถี่60 - 20,000 เฮิรตซ์แบตเตอรี่ทำงานได้นานกว่า 20 ชั่วโมงการเชื่อมต่อBluetooth 5.0,ประสิทธิภาพในการกันน้ำIPX4ซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee MARSHALL รุ่น Uxbridge Alexaรูปภาพจาก marshallheadphones.comราคา 13,990 บาท* สามารถควบคุมลำโพงผ่านเสียงพูด ผ่าน AlexaMarshall รุ่น Uxbridge Alexa จะพิเศษกว่ารุ่น ๆ อื่นที่มันจะมี Alexa สุดอัจฉริยะ ซึ่งคุณสามารถควบคุมลำโพงได้จากคำพูดของคุณเอง สามารถสั่งได้ทั้งความดังของเพลงและเพลงที่ต้องการจะเปิด ทั้งยังทำให้คุณเข้าถึงเพลงได้จากทั่วทุกมุมโลกที่มีความถี่ในระดับ 54 - 20,000 เฮิร์ต แต่ยังไม่ได้มีข้อดีแค่เพียงเท่านี้ เนื่องจากลำโพง Marshall รุ่นนี้สามารถลิงก์เข้ากับ Amazon Echo และลำโพงที่มีการรองรับ Airplay 2 หรือ Alexa ได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณสามารถเปิดเพลงได้หลากหลายเครื่องในเวลาเดียวกัน หากใครที่ชื่นชอบการจัดปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงหรืออยากให้เพลงเล่นได้ในทุกห้อง บอกได้เลยว่า Uxbridge Alexa เหมาะกับคุณมาก ๆขนาด12.8 x 16.8 x 12.3 เซนติเมตรกำลังวัตต์30 วัตต์การตอบสนองความถี่54 - 20,000 เฮิรตซ์แบตเตอรี่เสียบปลั๊กไฟการเชื่อมต่อBluetooth Speakerประสิทธิภาพในการกันน้ำไม่ระบุซื้อที่ Central MARSHALL รุ่น Woburn IIรูปภาพจาก marshallheadphones.comราคา 15,500 บาท* ลำโพงบลูทูธตั้งโต๊ะ คุณภาพเสียงทรงพลัง เหมาะกับห้องขนาดใหญ่สายปาร์ตี้หรือคนที่ต้องการเปิดเพลงในห้องขนาดใหญ่ ห้ามพลาด Marshall รุ่น Woburn II เพราะด้วยขนาดของลำโพงที่ค่อนข้างจะใหญ่กว่ารุ่นอื่น รวมไปถึงแรงขับของเสียงที่สูงถึง 130 วัตต์ ที่บอกได้เลยว่าดังสะใจทะลุมิติแน่นอน ทั้งนี้การเชื่อมต่อหรือกาจับคู่กับอุปกรณ์อื่นก็ง่ายมาก เพียงแค่กด Input ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที นอกจากนี้ยังระบบของเครื่องยังมี Bluetooth 5.0 และจับคู่กับแอปของทาง Marshall ได้ ดังนั้นคุณสามารถปรับคุณภาพเสียงเบส, ความแน่นอนของเสียง และความดังของเสียงได้ตามต้องผ่านแอป แต่หากใครอยากใช้การเชื่อมต่อแบบมีสายก็สามารถใช้แจ๊ค RCA ได้ครับขนาด40 x 31 x 20 เซนติเมตรกำลังวัตต์130 วัตต์การตอบสนองความถี่30 - 20,000 เฮิรตซ์แบตเตอรี่เสียบปลั๊กไฟการเชื่อมต่อBluetooth 5.0 และ Qualcomm aptXประสิทธิภาพในการกันน้ำไม่ระบุซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee ซื้อที่ Central Marshall รุ่น Stanmore II Blackรูปภาพจาก marshallheadphones.comราคา 16,990 บาท* ลำโพงไร้สายคุณภาพ เสียงดีมากตามมาตรฐานของมาแชลStanmore II Black มีดีไซน์ที่สวยงามไม่แพ้ใคร ส่วนคุณภาพของเสียงเองก็ดีและคุ้มค่าสำหรับเงินที่คุณจะเสียอย่างแน่นอน เพราะฟังก์ชันของลำโพงสามารถปรับได้ทั้งความแหลม, เสียงเบส และความดังได้อย่างอิสระ อีกทั้งกำลังไฟที่ขับเสียงออกมาจะอยู่ในช่วง 80 วัตต์ ดังนั้นรับรองได้ว่าตัวลำโพงมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะปล่อยเสียงออกมาได้อย่างครอบคลุม ในขณะเดียวกันระบบการเชื่อมต่อเองก็มีให้เลือกทั้งแบบ Bluetooth 5.0 ที่เชื่อมต่อได้เร็วถึงขีดสุด หรือหากใครที่อยากจะนำไปคอนเนคกับเครื่องเล่นต่าง ๆ ก็สามารถใช้สาย RCA และ AUX ได้ครับขนาด35 x 19.5 x 18.5 เซนติเมตรกำลังวัตต์80 วัตต์การตอบสนองความถี่52 - 20,000 เฮิรตซ์แบตเตอรี่เสียบปลั๊กไฟการเชื่อมต่อBluetooth 5.0, RCA และ AUXประสิทธิภาพในการกันน้ำไม่ระบุซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee Marshall รุ่น Tuftonรูปภาพจาก marshallheadphones.comราคา 17,700 บาท* ลำโพงบลูทูธเสียงใส ปรับควบคุมเสียงได้เองMarshall รุ่น Tufton มีรูปทรงและระบบการทำงานที่พรีเมียมทั้งหมด โดยจุดเด่นของลำโพงคือ Volume Knob หรือตัวปรับเสียงสุดเท่ห์และสามารถควบคุมเสียงได้ทั้งความดัง, เบส และความแหลมของเสียง ทั้งนี้ลำโพงรุ่นนี้จะตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการพกพาไปใช้เปิดเพลงนอกสถานที่ เพราะการเชื่อมต่อของมันจะเป็นแบบ Bluetooth 5.0 อีกทั้งการตอบสนองในความถี่ช่วง 40 - 20,000 เฮิร์ต ก็รองรับการเปิดเพลงได้ทั่วโลก โดยเพลงที่ออกมาจากมีความใสและธรรมชาติสูง นอกจากนี้แบตเตอรี่เองก็ดี ไม่จำเป็นต้องชาร์จบ่อย ๆ เพราะมันอึดทนและทำงานได้ต่อเนื่องกว่า 20 ชั่วโมงขนาด22.9 x 16.3 x 35 เซนติเมตรกำลังวัตต์80 วัตต์การตอบสนองความถี่40 - 20,000 เฮิร์ตแบตเตอรี่ทำงานได้นานกว่า 20 ชั่วโมงการเชื่อมต่อBluetooth 5.0ประสิทธิภาพในการกันน้ำIPX2ซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee * หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า ตารางเปรียบเทียบ รีวิว ลําโพง Marshall รุ่นไหนดีสุด เบสหนัก คุณภาพเสียงดีเยี่ยม ปี 2022ยี่ห้อ/รุ่นสินค้าคุณสมบัติดูเพิ่มเติมรูปภาพจาก marshallheadphones.comMarshall รุ่น Emberton
Marshall รุ่น Stockwell
Marshall รุ่น Kilburn II
Marshall รุ่น Acton II Bluetooth Black
Marshall รุ่น Stockwell II
MARSHALL รุ่น Uxbridge Alexa
MARSHALL รุ่น Woburn II
Marshall รุ่น Stanmore II Black
Marshall รุ่น Tufton
การเชื่อมต่อแบบไหนดีกว่ากันระหว่าง WIFI และ Bluetoothส่วนใหญ่แล้วลำโพง Marshall จะมีเทคโนโลยีอย่าง Bluetooth ที่สามารถจะเชื่อมต่อเข้ากับมือถือ, คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ก็มีหลายคนที่เลือกการเชื่อมต่อแบบ WIFI เหมือนกัน ดังนั้นจึงมีหลายคนตั้งคำถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน รวมไปถึงมันมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง ? ซึ่งวันนี้เราจะมาเฉลยกันครับ 1. การเชื่อมต่อแบบ Bluetoothการเชื่อมต่อระบบนี้จะค่อนข้างง่ายและส่วนใหญ่จะมีราคาที่ถูกกว่าการเชื่อมต่อแบบ WIFI อีกทั้งระบบบลูทูธส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในลำโพงขนาดพกพา เพราะมันไม่จำเป็นจะต้องใช้ WIFI แต่อย่างใด นอกจากนี้ระยะการเชื่อมต่อจะอยู่ในช่วง 30 ฟุตโดยประมาณ ซึ่งถือว่าค่อนข้างไกล 2. การเชื่อมต่อแบบ WIFIข้อดีของการเชื่อมต่อแบบนี้คือการฟังเพลงของคุณจะไม่ถูกขัดจังหวะ หากมีการโทรเข้าหรือส่งข้อความมา แต่มันอาจมีปัญหาเล็กน้อยตรงที่ถ้าหากคุณภาพของ WIFI หรือการส่งสัญญาณไม่ดีพอ คุณภาพของเสียงที่ส่งมาจากมือถืออาจจะไม่มีความคมชัด |