การใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัย1 ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ไม่บอกชื่อนามสกุลจริง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์บ้าน เพราะผู้ร้ายสามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์บ้านเพื่อโทรสอบถามที่อยู่ของเจ้าของบ้านได้จากบริการ 1133 ซึ่งเป็นบริการมาตรฐาน โจรผู้ร้ายและพวกจิตวิปริตอาจมาดักทำร้ายคุณได้ เวลาแช็ตก็ให้ใช้ชื่อเล่นหรือชื่อสมมุติแทน Show
2 ไม่ส่งหลักฐานส่วนตัวของตนเองและคนในครอบครัวให้ผู้อื่น เช่น สำเนาบัตรประชาชน เอกสารต่างๆ รวมถึงรหัสบัตรต่างๆ เช่น เอทีเอ็ม บัตรเครดิต ฯลฯ ให้กับผู้อื่น แม้แต่เพื่อน เพราะเพื่อนเองก็อาจถูกหลอกให้มาถามจากเราอีกต่อหนึ่ง 3 ไม่ควรโอนเงินให้ใครอย่างเด็ดขาด นอกจากจะเป็นญาติสนิทที่เชื่อใจได้จริงๆ 4 ไม่ออกไปพบเพื่อนที่รู้จักทางอินเทอร์เน็ต เว้นเสียแต่ว่าได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ผู้ปกครอง และควรมีผู้ใหญ่หรือเพื่อนไปด้วยหลายๆ คน เพื่อป้องกันการลักพาตัว หรือการกระทำมิดีมิร้ายต่างๆ 5 ระมัดระวังการซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงคำโฆษณาชวนเชื่ออื่นๆ เด็กต้องปรึกษาพ่อแม่ผู้ปกครอง โดยต้องใช้วิจารณญาณ พิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ขาย เช่นดูประวัติ ดูการให้คอมเมนท์ Comment จากผู้ซื้อรายก่อนๆ ที่เข้ามาเขียนไว้ พิจารณาวิธีการจ่ายเงิน ฯลฯ และต้องไม่บอกรหัสบัตรเครดิต และเลขท้าย3หลักที่อยู่ด้านหลังบัตรให้แก่ผู้ขาย หรือใครๆ โดยเด็ดขาด 6 สอนให้เด็กบอกพ่อแม่ผู้ปกครองหรือคุณครู ถ้าถูกกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ต (Internet Bullying) 7 ไม่เผลอบันทึกยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดขณะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ 8 การใช้โปรแกรม MSN
อย่างปลอดภัย 9 ระวังการใช้กล้องเว็บแคม 10 ไม่ควรบันทึกภาพวิดีโอ หรือเสียงที่ไมเหมาะสมบนคอมพิวเตอร์ หรือบนมือถือ 11 จัดการกับ Junk Mail จังค์ เมล์ หรือ อีเมล์ขยะ 13 จัดการกับไวรัสคอมพิวเตอร์ 14 ใช้ Adult Content Filter ในโปรแกรม
P2P 15 เซิร์ชข้อมูลอย่างปลอดภัย ด้วย Google
16 กรองเว็บไม่เหมาะสมด้วย Content Advisor ในอินเทอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอ 17 POP-UP Blocker 18 ปลาวาฬ บราวเซอร์ (Plawan Browser ) 19 ปลาวาฬ ทูลบาร์ (Plawan Toolbar) นอกจากนี้ทางกระทรวงไอซีที ยังได้ออกโปรแกรมตัวใหม่ Housekeeper เฮ้าส์คีปเปอร์ เพื่อช่วยบล็อกเว็บไม่เหมาะสม ช่วยจำกัดเวลาการใช้เน็ตใช้คอม โดยผู้ปกครองเป็นคนตั้งค่าเอง ซึ่งสามารดาวน์โหลดได้ที่ www.icthousekeeper.com ข้อมูลอ้างอิง http://safenet.wetpaint.com/page/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2 Cloud Computing คืออะไรปัจจุบัน กลยุทธ์ที่องค์กรและผู้ประกอบการใช้กันมากที่สุด คือการสร้างประสิทธิภาพในการผลิตและการให้บริการ แต่สภาพเศรษฐกิจยุคปัจจุบันอาจจะทำให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายมีผลกระทบไปถึงทุน ในการจัดหาทรัพยากรที่ใช้ผลิต องค์กรบางแห่งหันไปใช้ Open Source เพื่อลดทุนในด้านซอฟต์แวร์หนักๆ จำพวกระบบปฏิบัติการ (Operating system) หรือซอฟต์แวร์พวก Web Service ต่างๆ แต่ก็ยังเกิดข้อจำกัดในด้านความต้องการของผู้ใช้งานที่มีจำกัด และทรัพยากรที่เครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ในการประมวลผลCloud computing เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจจากหลายๆ ด้าน แม้ช่วงนี้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาด้านสถาปัตยกรรมระบบ แต่ถือว่าเป็นการตอบโจทย์ทั้งด้านความต้องการของผู้ใช้และทรัพยากรที่จำกัด เช่น ผู้ใช้งานระบบต้องการพื้นที่ในการเก็บข้อมูล ความเร็วในการประมวลผล และติดต่อลูกค้า Cloud computing จะเข้ามาทำการประมวลผลตามความต้องการทั้งเรื่องของพื้นที่ และสามารถจำกัดความเร็วในการประมวลผลให้ตรงความต้องการของผู้ใช้งานที่ร้อง ขอไปโดยให้คอมพิวเตอร์ที่ทำงานร่วมกัน เชื่อมโยงและแบ่งกันประมวลผล ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ร่วมประมวลผลหลายๆ เครื่องไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน แต่เชื่อมต่อกันผ่านระบบเครือ-ข่ายแบบกริด (Grid) คอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลในกลุ่มที่เราเรียกว่า Cloud นี้ อาจจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้มีระบบปฏิบัติการและทรัพยากรเหมือนกัน และหน้าจอของผู้ใช้งาน (User Interface) จะแสดงผลที่รวดเร็วตามความต้องการของระบบที่ร้องขอไป โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า เบื้องหลังนั้นระบบจะทำงานกันอย่างไร)หากมองย้อนกลับไป Cloud computing หรือการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆนั้น เคยผ่านตาเรามาบ้างหรือไม่ ให้พิจารณาที่ Google Application ที่เห็นชัดเจนที่สุดคงจะเป็น Google Earth, Google Maps และ Google Docs ซึ่ง Google Earth หากเรา เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเมื่อไร เราสามารถชมภาพถ่ายดาวเทียมผ่าน Application ตัวนี้ ถัดมา Google Maps เป็น Platform Application ที่อำนวยความสะดวกในเรื่องการค้นหาสถานที่และลักษณะทางภูมิศาสตร์ ทั้งยังมี Feature ตั้งแต่การหาเส้นทาง หาตำแหน่งพิกัดที่ตั้งขององค์กร หรือสถานที่ที่เราต้องการ สุดท้าย Google Docs เป็น Application ที่จำลองโปรแกรมด้าน Office Platform โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ Application ทั้งหมดทำงานผ่าน Browser ตอบโจทย์ด้าน Cloud computing ได้ชัดเจนที่สุด ไม่ต้องเสียเวลาจัดสรรทรัพยากร ประหยัดงบบริษัทเพราะไม่ต้องหาซอฟต์แวร์ด้าน Office มารองรับ สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับซอฟต์แวร์ด้าน Office Platform มาตรฐานทีเดียว หากพิจารณา Google Application ทั้งหลายแล้ว เป็นระบบที่ใหญ่และทำงานหนักพอสมควร แต่เวลาที่ประมวลผลใช้เวลาน้อยนิด ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องติดตั้งอะไรมากมายนอกจาก Browser มาตรฐานที่เราใช้กันเป็นประจำ ผนวกกับเทคโนโลยี Web 2.0 ทำให้ระบบจัดสรรผู้ใช้งานในปริมาณมาก ไม่เกิดช่องว่างระหว่างการประมวลผล ขยายผู้ใช้งานได้เรื่อยๆ หากเกิดความต้องการในการใช้ระบบหรือที่เรียกว่า Scalability ข้อดีในส่วนนี้ ทำให้แยกการทำงานของผู้ใช้ และการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ร่วมประมวลผลผ่านเครือข่าย Cloud อย่างชัดเจน การแสดงผลที่ปรากฏจึงดูเสถียรและมีประสิทธิภาพ Cloud computing จะเป็น Business Model ที่ยอมรับจากหลายบริษัท เพราะนอกจาก Application ที่จำลองการทำงานของซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ (Virtualized) แล้วในต่างประเทศยังมีหลากหลายองค์กรที่พยายามหรือทำการพัฒนาระบบปฏิบัติการ เสมือน หรือระบบจำลอง Operating System ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่รองรับธุรกิจ กลุ่มเป้าหมายที่เห็นได้ชัด คือกลุ่มธุรกิจขนาดย่อมที่มีทุนไม่มากนักในการติดตั้งระบบปฏิบัติการ ตัวอย่างการจำลองระบบปฏิบัติการ ที่สามารถยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ดีที่สุด น่าจะเป็น Open Source ตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า EyeOs ซึ่งเป็นระบบ Web Base Operating System ซึ่งมีหน้าจอการทำงานที่ใกล้เคียงระบบปฏิบัติการหลักๆ อย่าง Microsoft Windows หรือ Linux เลยทีเดียว Cloud Computing โดยคุณสมบัติการทำงานของ EyeOs นั้นจำลองความสามารถทุกอย่างที่ระบบปฏิบัติการมาตรฐานมี ตั้งแต่การ Upload รูปภาพไปไว้บนหน้าจอ Desktop ของ EyeOs เล่น Game และ Chat ผ่านเครือข่ายกับกลุ่มเพื่อน สร้าง Document ผ่าน Text Editor บนระบบ สามารถเปิด Browser ภายใน EyeOs ผ่าน Browser อีกที และที่สำคัญลูกเล่นที่น่าสนใจ คือมีระบบ FTP (File Transfer Protocol) อย่างง่ายในตัว สามารถเชื่อมต่อและ Upload ไฟล์งานที่แก้ไข โดยไม่ต้องเสียเวลาเปิดโปรแกรมบนเครื่องของเรา หากต้องการทดลองระบบปฏิบัติการผ่าน Browser ตัวนี้สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://eyeos.orgหรือผู้เขียนได้ติดตั้งไว้ให้ทดสอบที่ http://space.daydev.com ใน อนาคตอันใกล้ หาก Cloud computing เป็นที่ยอมรับเมื่อใดแล้ว เทรนด์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของเราจะเปลี่ยนไป ไม่แน่ในวันข้างหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราอาจจะเหลือแค่ Browser เพียงโปรแกรมเดียว และระบบปฏิบัติการที่เราใช้งานกันนั้นอาจจะย้ายไปประมวลผลผ่านเครือข่าย Cloud เมื่อนั้นทุกอย่างที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวันจะเข้าสู่คำว่า Online อย่างแท้จริง ต้นฉบับจาก : daydev.com ข้อมูลอ้างอิง http://www.it-clever.com/cloud-computing-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/ Google Apps คืออะไร Google Apps คือ แอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Google เพื่อให้บริการทางด้านการบริหารจัดการภายในองค์กร ซึ่งได้มีการรวมแอปพลิเคชัน ต่างๆ ที่ถือว่ามีความจำเป็นต่อองค์กรในปัจจุบันอันได้แก่
ทั้งนี้เราสามารถใช้บริการดังกล่าวได้ฟรี ซึ่งการติดตั้ง Google Apps เพื่อให้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ ทำได้โดยการ configure MX Record พร้อมทั้ง CNAME ของ DNS server ทั้ง บน Windows และ Linux ทำให้ บริษัทหรือองค์กรต่างๆ สามารถใช้ email ในรูปแบบโดเมนของท่านเองได้ ผ่านระบบ Gmail server ซึ่งให้พื้นที่เก็บอีเมล์สูงถึง 7 GB ต่อ account และที่สำคัญไปกว่านั้น Google Apps ยังมีการจัดการเกี่ยวกับ Spam mail และ ไวรัส ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย Google Apps ประโยชน์การใช้งาน การประหยัดค่าใช้จ่ายที่ได้รับการพิสูจน์แล้วแอปพลิเคชันการส่งข้อความและการทำงานร่วมกันที่ทำงานแบบเว็บของ Google ไม่จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ และต้องการการดูแลระบบน้อยที่สุด สร้างเวลาเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย และประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจ ผู้ใช้สามารถใช้งาน ส่วนติดต่อของ Microsoft Outlook ที่คุ้นเคยสำหรับอีเมล ที่อยู่ติดต่อ และปฏิทินได้ เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gmail และ Google ปฏิทิน บริษัททำวิจัยชั้นนำพบว่า Google Apps มีค่าใช้จ่ายโดยรวมเพียง 1/3 ของค่าใช้จ่ายสำหรับโซลูชันคู่แข่ง ต้องการดูใช่หรือไม่ว่าคุณสามารถประหยัดได้มากเพียงใดเมื่อใช้งาน Google Apps โดยเปรียบเทียบกับ Microsoft Exchange 2007 ประมาณการเงินที่คุณประหยัดได้ พื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม 50 เท่าพนักงานแต่ละรายจะมีพื้นที่เก็บข้อมูลอีเมลขนาด 25 กิกะไบต์ ดังนั้นจึงสามารถเก็บข้อมูลสำคัญและค้นหาได้ทันทีด้วยการค้นหาของ Google ที่มีอยู่ภายในระบบ Gmail ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้พนักงานสามารถลดเวลาในการจัดการกับกล่องจดหมายของตน และเพิ่มเวลาในการทำงาน คุณลักษณะที่ช่วยประหยัดเวลา ดังเช่น สายข้อมูลของข้อความ ป้ายกำกับข้อความ การค้นหาข้อความอย่างรวดเร็ว และการกรองสแปมที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานกับอีเมลปริมาณมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าถึงอีเมล ปฏิทิน และ IM บนโทรศัพท์มือถือด้วยการใช้ตัวเลือกมากมายสำหรับการเข้าถึงข้อมูลขณะเดินทาง พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย Google Apps แม้ว่าจะไม่อยู่ที่โต๊ะของตนก็ตาม Google Apps สนับสนุนการเข้าถึงโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายในอุปกรณ์ BlackBerry, iPhone, Windows Mobile, Android และโทรศัพท์หลายประเภทที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เรียนรู้เพิ่มเติม รับประกันความน่าเชื่อถือของความพร้อมในการทำงาน 99.9%เรารับประกันว่า Google Apps จะมีความพร้อมในการทำงานอย่างน้อย 99.9% ดังนั้นพนักงานของคุณจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้น และคุณจะกังวลใจน้อยลงเกี่ยวกับการหยุดทำงานของระบบ ** การจำลองข้อมูลแบบซิงโครนัส ทำให้ข้อมูลและกิจกรรมของคุณใน Gmail, Google ปฏิทิน, Google เอกสารและ Google Sites มีการเก็บรักษาไว้ในเวลาเดียวกันในศูนย์ข้อมูลที่มีความปลอดภัยหลายแห่ง ถ้าศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่งไม่สามารถตอบสนองคำขอของคุณ ระบบของเราได้รับการออกแบบให้เปลี่ยนกลับไปยังศูนย์ข้อมูลอีกแห่งซึ่งสามารถให้บริการบัญชีของคุณได้โดยที่ไม่เกิดการสะดุดขึ้น Radicati Group พบว่าโดยปกติแล้ว Microsoft Exchange จะมีเวลาหยุดทำงานโดยไม่ได้กำหนดไว้เป็นเวลา 60 นาทีต่อเดือน ลูกค้าของ Google Apps พบว่าโดยปกติแล้วระบบจะหยุดทำงานน้อยกว่า 15 นาทีต่อเดือน อ่านเพิ่มเติม ความปลอดภัยของข้อมูลและเป็นไปตามข้อกำหนดเมื่อคุณวางใจที่จะมอบข้อมูลของบริษัทแก่ Google คุณสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญของคุณจะปลอดภัย ทีมงานรักษาความปลอดภัยข้อมูลของ Google ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกในด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูล แอปพลิเคชัน และเครือข่าย มุ่งเน้นที่จะรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย Google และลูกค้าอื่นๆ จำนวนมากวางใจใช้ระบบนี้กับข้อมูลบริษัทที่มีความสำคัญสูง เรียนรู้เพิ่มเติม ธุรกิจสามารถรับคุณลักษณะการรักษาความปลอดภัยที่สามารถปรับแต่งได้เหล่านี้กับ Google Apps:
การควบคุมการดูแลระบบและข้อมูลแบบสมบูรณ์ผู้ดูแลระบบสามารถปรับแต่ง Google Apps ในเชิงลึกเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านเทคนิค ตราสินค้า และธุรกิจของตนได้ ตัวเลือกการผสานรวมจะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อ Google Apps กับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่มีอยู่ของคุณ
การกำหนดตราสินค้าของระบบและความเป็นเจ้าของข้อมูลเป็นการกำหนดรูปลักษณ์ของ Google Apps ให้เป็นแบบของคุณเอง ช่วยให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะเป็นเจ้าของข้อมูลพนักงาน
การสนับสนุนลูกค้าทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงที่เป็นประโยชน์Google Apps มีความน่าเชื่อถือในระดับสูงและทำงานได้อย่างง่ายดาย แต่การสนับสนุนมีให้สำหรับผู้ดูแลระบบ หากคุณต้องการใช้งาน
ข้อมูลอ้างอิงhttp://www.youtube.com/watch?v=O3kOV019sV0&feature=related web log มีประโยชน์อย่างไร1.เปิดตัวเองให้โลกรู้ เรื่องของ blog มักเป็นเรื่องราวของเจ้าของ blog เป็นการเล่าประสบการณ์หรือความคิดของเจ้าของ เป็นการถ่ายทอดความคิดความรู้สึกของเจ้าของ blog เป็นการระบายความเคลียดอีกทางหนึ่ง 2.ทันข่าวทันเหตุการณ์ ประสบการณ์บางคนก็เป็นข่าวเห็นอีกหลายคนได้ ข่าวจาก blog หลายแห่งเป็นข่าววงใน บางคนเล่าเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุที่เจอมา หลาย blog พูดถึงแนวโน้มหรือความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ 3. กลั่นกรองข้อมูล blog บาง blog จะมีการกลั่นกรองข้อมูลก่อนนำลง blog ทำให้ผู้อ่าน blog ไม่ต้องเสียเวลาในการกลั่นกรองข้อมูล เพราะมีการนำเสนอข้อมูลหรือมีไกด์ในการท่องเว็บ 4. รายงานการท่องเว็บ เป็นวัตถุประสงค์หลักที่เป็นต้นกำเนิดของการทำ blog หลาย blog มีการลิงก์ไปยังเว็บที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาใน blog ซึ่งเป็นการแนะนำว่าเว็บไหนดีก็ไปที่เว็บนั้น 5. การแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นความในใจของเรื่องต่างๆ ความคิดเชิงสร้างสรรค์ หรือการบ่นที่ทุกคนมีอยู่ในใจ การทำ blog เป็นช่องทางถ่ายทอดความคิดเห็นให้คนอื่นรับรู้ 6. ถ่ายทอดประสบการณ์ หรือไดอะรี่ออนไลน์ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตประจำวัน หรือเป็นการเล่าเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว เช่น www.terrystrek.com 7. โน้มน้าวใจผู้อ่าน ลักษณะนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ แต่กรณีแบบนี้เป็นการขายความคิด อย่าง blog สำหรับคอการเมืองอาจจะมีฝ่ายซ้าย – ฝ่ายขวา,สายเหยี่ยว - สายพิราบ จะพบว่าเนื้อหาจะเป็นการโพสต์โจมตีฝ่ายตรงข้าม แล้วก็สนับสนุนแนวความคิดของตนเอง ข้อมูลอ้างอิง http://darkspace0l0.blogspot.com/2012/06/weblog.html ข้อมูลอ้างอิง http://www.youtube.com/watch?v=ZIeALuvBymw การเปรียบเทียบระหว่าง Social media กับ TraditionalSocial media คือ การสื่อสารส่งข้อมูลข่าวสารในรูปแบบใหม่ที่มีการสื่อสารผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถสื่อสารได้ 2 ทาง เช่น facebook e-mail youtube Traditional media คือ การสื่อสารส่งข้อมูลในรูปแบบเดิมที่ไม่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ท ซึ่งเป็นการสื่อสารทางเดียว เช่น ทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ ในปัจจุบัน socail media เข้ามามีอิทธิพลต่อมนุษย์มากยิ่งขึ้น เพราะในยุคนี้ผู้คนส่วนใหญ่ต่างมีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตใช้กันทุกบ้าน social media มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของเราในทุกๆวัน เช่น – การตื่นเช้ามาอย่างแรกที่จะทำคือการเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเช็ค facebook หรือข่าวสารต่างๆ – การโฆษณาทาง social media มีอัตราการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ – หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับในประเทศไทย ให้บริการ News Content และมีเนื้อที่สำหรับการโฆษณาออนไลน์ด้วย หรือจะอ่านหนังสือพิมพ์แบบ e-Newspaper ได้โดยผ่าน Digital Device ต่างๆ -โทรทัศน์ก็สามารุถเข้าไปชมรายการย้อนหลังได้จากเว็บไซต์ช่องต่างๆ เราสามารถเลือกดูรายการที่เราพลาดชม หรือเลือกดูรายการโปรดได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดตอนจบของดอกส้มสีทอง -วิทยุก็กลายเป็นโทรทัศน์หรือเป็นเคเบิลทีวี เราสามารุฟังรายการวิทยุจากเว็บไซต์ หรือชมผ่านโทรทัศน์ก็ได้ ในขณะเดียวกันโทรทัศน์เองก็รายงานข่าวทั้งโทรทัศน์เองด้วยและก็ออกอากาศทางวิทยุ รวมถึงสามารถชมรายการสดๆทางอินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Social Media และ Traditional Media ประเภทของสื่อที่มีอิทธิพลต่อการ ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค Share this: |