ใบงาน เรื่อง School subject ม. 1

ม.1ก

แผนการจัดการเรียนรู้
ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาตอนต้น

กล่มุ สาระการเรียนรู้
ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1

โรงเรยี นบ้านนาดอย
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาแม่ฮ่องสอน เขต 2

คำนำ

การจดั ทำแผนการจีดการเรียนรนู้ บั เป็นวิธหี นง่ึ ที่ทำใหค้ รูผู้สอนไดม้ ีการเตรียมการสอนล่วงหนา้ กอ่ นท่ี
จะทำการสอนจริง โดยมีการเตรียมเน้ือหา เตรยี มกิจกรรม เตรยี มสื่อการสอนรวมท้ังวธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล
ซึ่งการเตรียมการสอนจะชว่ ยใหค้ รูผูส้ อนมีความพร้อมทจี่ ะสอนใหผ้ เู้ รียนบรรลุตามจุดมุ่งหมายของหลกั สตู ร

การจัดทำแผนการเรยี นร้ฉู บับน้ี ผ้จู ดั ทำไดศ้ ึกษาค้นควา้ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน
พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ 2560) เอกสารอน่ื ๆ ท่ีเกีย่ วข้อง วเิ คราะห์หลกั สตู ร จัดทำกำหนดการสอน
โครงสรา้ งรายวชิ าและหารปู แบบการทำแผนการเรยี นรู้ทเ่ี น้นใหผ้ ูเ้ รียนได้เรยี นผ่านกระบวนการคิดด้วยตนเอง
โดยคำนงึ ถึงสภาพแวดลอ้ มของผู้เรียน โรงเรียน และชมุ ชนเป็นหลกั แผนการจดั การเรียนรู้ฉบบั น้ี เปน็ แผนการ
จัดการเรียนรู้กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ของระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 จัดทำไวเ้ พ่ือสะดวกต่อการ
จัดกิจกรรมการเรียนการสอน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทุกปีการศกึ ษา
ผู้ท่จี ะนำไปใชค้ วรอา่ นคำชีแ้ จงการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ให้เขา้ ใจก่อนนำไปใชจ้ ริง

ขา้ พเจ้าหวงั เป็นอย่างยงิ่ ว่า แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับน้จี ะช่วยใหก้ ารเรยี นการสอนของกลุ่มสาระการ
เรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ดำเนินการไปด้วยดี และทำให้ผเู้ รียนมีความรูค้ วามสามารถมี
ทกั ษะกระบวนการและมีคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคต์ รงตามจุดม่งุ หมายของหลักสูตร

สารบัญ

เร่อื ง หน้า

คำนำ.................................................................................................................................... ก

สารบญั ................................................................................................................................. ข

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง School subjects 1

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 เรื่อง I like English. 12

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง Article 21

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่ือง First day 33

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 5 เร่ือง Asking and giving information 42

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง writing an email 52

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 7 เรือ่ ง Country of the world 60

นางสาวศศินา เจรญิ พรกลุ
ผจู้ ัดทำ

1

โรงเรยี นบ้านนาดอย

กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ School days

ชือ่ วิชา ภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน รหสั วิชา อ21101 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1

ภาคเรยี นที่ 1 จำนวน 15 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1 เร่ือง School subjects จำนวน 3 ช่ัวโมง

ครูผสู้ อน นางสาวศศนิ า เจรญิ พรกุล

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. สาระสำคญั

การเรียนรู้เรื่อง Subject หรือ วชิ าแต่ละวิชา เชน่ math, English, history, P.E., music, art,

science, computer เป็นตน้ การใชค้ ำถามสนทนาวา่ ชอบหรือไม่ชอบวิชาอะไร โดยใชค้ ำถาม What subject

do you like? และ What subject don’t you like? การตอบคำถามวา่ ชอบวชิ าอะไรและไม่ชอบวชิ าอะไร

โดยใช้โครงสรา้ ง I like + วชิ าท่ีชอบ และ I don’t like + วชิ าทีไ่ ม่ชอบ ทำให้ผเู้ รียนสามารถนำไปสนทนาใน

ชวี ติ ประจำวันไดถ้ กู ต้อง

2. สาระ มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชี้วัด

สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร

มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมลู ข่าวสารแสดงความรู้สึกและความ
คดิ เหน็ อยา่ งมีประสิทธิภาพ

ตัวช้ีวัด
ม. 1/1 สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมลู เก่ยี วกับตนเอง กจิ กรรม และสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
ไดอ้ ย่างเหมาะสม
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
นักเรยี นสามารถบอกความหมายของคําศัพทเกยี่ วกับช่ือวิชาตาง ๆ ได้ สามารถสนทนาถามตอบ
เกยี่ วกับวชิ าที่ชอบและไมช่ อบได้อยา่ งถูกตอ้ งและมีความสามคั คีและให้ความรว่ มมือในการทำกจิ กรรม Karuta
4. สาระการเรียนรู้
คำศัพท์ (Vocabulary)
School subjects

Science /ˈsaɪ.əns/ (adj) วชิ าวิทยาศาสตร์
Math /mæθ/ (n.) คณิตศาสตร์

2

English /ˈɪŋ.ɡlɪʃ/ (n.) ภาษาองั กฤษ
Thai language / taɪ ˈlæŋ.ɡwɪdʒ/ (n.) ภาษาไทย
history /ˈhɪs.tər.i/ (n.) ประวัตศิ าสตร์
computer /kəmˈpjuː.tər/ (n.) คอมพวิ เตอร์
social study /ˈsəʊ.ʃəl ˌstʌd.iz/ (n.) สงั คมศึกษา
P.E. /ˌpiːˈiː/ (n.) พลศึกษา
home economics /ˌhəʊm iː.kəˈnɒm.ɪks/ (n.) การงานอาชีพ
health education /helθ edʒ.ʊˈkeɪ.ʃən/ / (n.) สขุ ศึกษา
art /ɑːt/ (n.)ศิลปะ
music /ˈmjuː.zɪk/ (n.) ดนตรี
computer science /kəmˈpjuː.tər ˈsaɪ.əns / (n.) วทิ ยาการคำนวณ
D.T. /ˌdiːˈtiː/ (n.) ออกแบบและเทคโนโลยี
ไวยากรณ์ (Grammar)
Structure
A: What subject do you like?
B: I like + (………วชิ าท่ชี อบ……………..)
A: What subject don’t you like?
B: I don’t like + (…………วชิ าท่ีไมช่ อบ………….)
หนา้ ท่ขี องภาษา
- Asking and giving about school subject..
ทักษะ
การฟงั : ฟังครอู อกเสยี งคำศัพท์, ฟังเพ่ือนถามและตอบเก่ียวกบั วชิ า
การพูด : พูดสนทนาถาม-ตอบเกยี่ วกบั วิชาทช่ี อบและไมช่ อบ
การอ่าน: อา่ นคำส่งั แบบฝึกหัด
การเขียน: เขยี นบรรยายเกน่ี วกับวิชาที่ตัวเองชอบและไมช่ อบ
5. สมรรถนะของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ใฝเ่ รียนรู้

3

2. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
7. ช้นิ งาน/ภาระงาน

1. ใบงานเรอ่ื ง classroom survey เกี่ยวกับวิชาที่เพ่ือนชอบและไม่ชอบ
8. กระบวนการเรียนรู้

1. warm up (นำเขา้ สบู่ ทเรียน)
-ครทู กั ทายนักเรยี นและนำเข้าส่บู ทเรยี นโดยใหน้ กั เรียนทำกจิ กรรม If you happy and you know it

T: Good morning students.
S: Good morning teacher.
T: How are you today?
S: (Answer)
T: Today I have an activity for you which is “If you happy and you know it”. Have you
ever listened this song before?
S: (Answer)
TS: Do the activity.
-ครแู นะนำตวั
T: Let me introduce myself, my name is Sasina Jaroenponkun. You can call me Kru.
Mam. I live in Ban Huala, Maelanoi district, Maehongson province.
-ครสู อบถามความรู้พื้นฐาน กระตุ้นและดึงความสนใจของนักเรยี นโดยใช้คำถามต่อไปนี้
T: If you meet a new friend on your first day at school do you know how to greet and
introduce yourself to him/her and ask for some personal information?
S: (Answer)
T: What kind of information should you ask in order to make friends with others?
Do you need to make polite questions? Why?
S: (Answer)
-ครสู อนการแนะนำตัว และการถามข้อมูลของผู้อน่ื
T: We can greet to new friend in many ways. If you meet your new friend in the
morning, you can greet “Good morning” If you meet your new friend in the afternoon, we can
say “Good afternoon” If you meet your new friend in the evening, we can say “Good evening”
and you can say “Hello” this greeting can say all the time.
T: If you want to introduce your self to your new friend, you can say “Let me introduce
my self. My name is………………………”
-ครใู หน้ กั เรยี นแนะนำตัวกบั ครแู ละเพื่อนโดยใชโ้ ครงประโยคดงั ตอ่ ไปน้ี

4

A: Hello. Let me introduce my self. My name is ……………………….
B: Hello. My name is …………………….Nice to meet you.
A: Nice to meet you too.
B: I have to go now. Good bye A.
A: Bye B.
-ครูสอบถามนักเรียนวา่ ชอบวิชาอะไรมากทีส่ ุดโดยใช้คำถาม What is your favorite subject?
2. Presentation (ขั้นสอน)
-ครูนำเสนอคำศพั ทแ์ ต่ละวชิ าใชบ้ ัตรภาพให้นักเรยี นบอกว่าเปน็ วิชาอะไรแล้วครูเขียนคำศัพท์ใหบ้ นกระดานให้
นกั เรยี นออกเสียงตามพร้อมทั้งสะกดคำ จากน้นั ใหน้ ักเรียนคดั ลอกคำศัพท์ลงในสมดุ
T: Today we are going to learn about school subjects. Look at this picture, what subject
is it? S: (Answer)
T: The first subject is math.
S: (math)
T: Spell the word please.
S: (M-A-T-H)
T: Math means คณติ าสตร์
-ครสู อนคำศัพทจ์ นครบ
T: Now you have to copy all of these subjects on your notebook.
-พอนกั เรียนจดเสรจ็ ครูให้นักเรียนอ่านวิชาทั้งหมดอกี 1 รอบ
T: I will point, and you all read it one by one together 123.
S: (Read)
-ครูสอนประโยคการถามและตอบวิชาที่ชอบและไมช่ อบ
T: We use “what subject do you like?” to ask about subject that someone like. We
can answer like this “I like + subject” We can ask “What subject don’t you like?”. When
someone ask you about the subject that you don’t like, you have to answer like this “I don’t
like + subject that we don’t like.”
-ครใู หน้ ักเรยี นฝกึ ถาม-ตอบเกี่ยวกบั วชิ าท่ชี อบและไม่ชอบ
T: Now you have to practice about asking and answering subject.
S: (Practice speaking)

5

3.Practice (ข้นั ฝึก)
-ครใู ห้นักเรยี นเล่นเกม Karuta โดยครแู บ่งนักเรยี นออกเป็น 4 กลุ่ม ให้นักเรียนน่งั เป็นวงกลมครวู างบัตรคำให้
กระจายท่ัววงกลม โดยหงายบตั รคำขน้ึ เมื่อครูพูดคำศพั ท์ให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ แข่งกันหยบิ บัตรคำ เลน่ ไปเรือ่ ย
ๆ จนกวา่ บัตรคำจะหมด เม่ือจบเกมกล่มุ ไหนไดบ้ ัตรคำมากที่สดุ เปน็ ผูช้ นะ

T: Okay! Now I will divide you into 4 groups Let’s count 1-4.
S: (Count)
T: Sit with you group. I want you all to do Karuta game. Listen to the role together. I
have put the word that we have learn on the floor. you all have to make a circle and when
you hear the word that I speak, you have to pick it up. We will play it until it be finished.
Which group gets the most word card, will be the winner. Are you ready?
S: Yes (Do the activity)
4. Production (ข้นั ผลติ )
- ครแู จกใบงานใหน้ ักเรียนทำ Classroom survey สำรวจวชิ าท่เี พื่อนชอบและไม่ชอบ
T: Now I will give you a worksheet to do classroom survey about the subject that they
like and don’t like. I’ll give you 15 minutes.
S: (Do the activity)
5. Wrap up (ขัน้ สรุป)
-ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ บทเรียนโดยครสู มุ่ ใหนกั เรยี นออกมาถาม-ตอบวิชาทช่ี อบและไมช่ อบหนา้ ช้นั แล้ว
ถามเพือ่ นท่ีเหลอื วา่ เพื่อนท่ีมานำเสนอชอบและไมช่ อบวชิ าอะไร
T: I want two volunteers to ask and answering about subject that you like and don’t
like.
S: (Present)
-ครใู หน้ ักเรียนทำแบบทดสอบเขยี นตามคำบอกเกยี่ วกบั วิชาทเ่ี รยี น
T: It’s time to check your understanding that you have learnt.
S: (Do the test)
T: Today time is up. See you again next time..

9. สื่อการเรียนรู้
1. บัตรภาพวชิ าตา่ ง ๆ

6

10. การวัดและประเมินผล

เกณฑ์ วิธีวัด เครอ่ื งมือ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั
1.นกั เรียนสามารถบอกความหมายของคําศพั ท สงั เกต แบบสังเกต ผา่ นเกณฑร์ ะดบั
เกี่ยวกบั ช่อื วชิ าตาง ๆ ได้ ถูกตอ้ ง พฤติกรรม พฤติกรรม
2.นักเรยี นสามารถสนทนาถามตอบเกี่ยวกับวิชาที่ชอบ สังเกตการ แบบประเมนิ พอใช้ขน้ึ ไป
และไม่ชอบได้อยา่ งถกู ตอ้ ง พูด ผา่ นเกณฑร์ ะดบั
3. นกั เรยี นมคี วามสามัคคแี ละให้ความรว่ มมอื ในการ สังเกต การพดู
ทำกจิ กรรม Karuta พฤติกรรม แบบสังเกต พอใช้ขนึ้ ไป
พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ระดบั

พอใช้ขนึ้ ไป

เกณฑ์การวดั ประเมนิ ภาครวม เกณฑ์การประเมนิ รายจดุ ประสงค์
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
1 ควรปรับปรุง
1-5 ควรปรับปรุง 2 พอใช้
6-7 พอใช้ 3 ดี
8-9 ดี

7

11.เกณฑ์การให้คะแนน
เกณฑ์การใหค้ ะแนนภาครวม

ระดบั คะแนน 3 เกณฑ์ประเมนิ คะแนน
ประเดน็ 2 1 รวม
การประเมิน

1. นักเรียนสามารถ ระบุและบอก นกั เรยี นสามารถระบุและ นักเรียนสามารถระบแุ ละ
บอกความหมายของ
ระบแุ ละบอก ความหมายของคำศัพท์ บอกความหมายของ คำศัพทไ์ ดถ้ ูกต้องน้อย 3
กว่า50%
ความหมายของ ไดถ้ ูกต้องครบถ้วน 70- คำศัพทไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง 50-

คำศัพท์ได้ถกู ต้อง 100% 79%

2. นกั เรียนสามารถ สนทนาถามตอบ สนทนาถามตอบเก่ยี วกับ ไม่สามารถสนทนาถาม 3
สนทนาถามตอบ เก่ียวกบั วิชาท่ชี อบและ วชิ าที่ชอบและไม่ชอบได้ ตอบเก่ียวกับวิชาท่ีชอบ 3
เกี่ยวกบั วิชาท่ชี อบ ไม่ชอบได้อย่างถูกตอ้ ง แต่มีข้อผดิ พลาด 5-6 จุด และไมช่ อบได้
และไม่ชอบได้อย่าง และเปน็ ธรรมชาติ
ถกู ต้อง

3. นักเรียนมคี วาม ความสามัคคีและให้ ความสามคั คแี ละใหค้ วาม ไมค่ ่อยความสามคั คีและ
ร่วมมือในการทำกจิ กรรม ไม่ใหค้ วามร่วมมือในการ
สามัคคแี ละให้ความ ความรว่ มมอื ในการทำ Karuta แค่บางคน ทำกิจกรรม Karuta
ร่วมมอื ในการทำ กจิ กรรม Karuta
กจิ กรรม Karuta ตลอดกิจกรรม

รวม 9

8

12. แบบบนั ทกึ การใหค้ ะแนน พุทธพิ สิ ัย ทักษะพสิ ยั จิตพสิ ัย ผลรวม ผา่ น/ ระดับ
ข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ข้อที่ 3 คะแนน ไม่ผา่ น
เลขท่ี ชอื่ - ชื่อสกุล
2 2 3 7 ผา่ น พอใช้
1 ด.ช.ประวทิ ย์ นฤมลสมั ฤทธ์ิ 1 1 2 4 ไม่ผา่ น ปรบั ปรงุ
2 ด.ช.อาทิตย์ เวียงวนา 1 1 2 4 ไม่ผา่ น ปรับปรงุ
3 ด.ช.รฐั ภมู ิ พมิ พพ์ นาลี 2 2 3 7 ผา่ น พอใช้
4 ด.ช.ครสิ ตม์ าส พิมานโฆษติ 2 1 2 5 ไมผ่ ่าน ปรบั ปรงุ
5 ด.ช.อาทติ ย์ ธารสุขสนธิ 3 3 3 9 ผ่าน ดี
6 ด.ญ.ภคั รมยั หมน่ื พงศธร 2 2 3 7 ผ่าน พอใช้
7 ด.ญ.ภัทรธดิ า หมนื่ พงศธร 3 3 3 9 ผา่ น ดี
8 ด.ญ.วลั ลภา พิมานเกษมศรี 3 3 3 9 ผา่ น ดี
9 ด.ญ.ฐติ ริ ตั น์ สุขสนั ตพ์ มิ าน 3 3 3 9 ผา่ น ดี
10 ด.ญ.อาภาพร นวกลุ ปัญญา 1 2 2 4 ไมผ่ ่าน ปรบั ปรุง
11 ด.ช.อนรุ ักษ์ โสภาพมิ าน 1 1 2 4 ไมผ่ า่ น ปรบั ปรุง
12 ด.ช.สันตริ าช รัตนศรพี นา 3 2 3 8 ผา่ น ดี
13 ด.ช.วีรชัย ใฝศ่ ึกษาวิชา 3 2 3 8 ผ่าน ดี
14 ด.ช.ธราเทพ พมิ านลาวลั ย์ 1 1 2 4 ไม่ผา่ น ปรบั ปรงุ
15 ด.ช.อานุ ศรสี ุขพมิ าน 1 1 2 4 ไม่ผ่าน ปรับปรุง
16 ด.ช.รัชพล ผอ่ งศรีทอง 2 2 3 7 ผ่าน พอใช้
17 ด.ช.พะจโิ กะ๊ ไม่มชี ่ือสกลุ 2 2 3 7 ผา่ น พอใช้
18 ด.ญ.โสภา พนาวินิจกลุ 3 3 3 9 ผา่ น ดี
19 ด.ญ.รัชดาพร วนาจรุง 3 2 3 8 ผา่ น ดี
20 ด.ญ.พิมพอ์ ร อุดมสมาธวิ ฒั น์ 2 2 3 7 ผ่าน พอใช้
21 ด.ญ.สุภานิช เชิดชคู รี ี 3 2 3 8 ผ่าน ดี
22 ด.ญ.ณฐั ธิดา สกุ ญั ญาพรกลุ 1 1 3 5 ไมผ่ ่าน ปรบั ปรุง
23 ด.ญ.มายณ์ ลักขณาจันทร์ 3 3 3 9 ผ่าน ดี
24 ด.ญ.จริ ภรณ์ โฆษติ พมิ าน 3 3 3 9 ผ่าน ดี
25 ด.ญ.ชาลนิ ี นธิ สิ ริ ิพนั ธ์วงศ์ 3 3 3 9 ผา่ น ดี
26 ด.ญ.สมฤดี เอกสงั สรรค์

9

13. บันทกึ หลังการสอน

บันทกึ ผลหลงั การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ School days

ช่อื วิชา ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน รหสั วิชา อ21101 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1

ภาคเรยี นที่ 1 จำนวน 15 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่ือง School subjects จำนวน 3 ชวั่ โมง

ครผู ูส้ อน นางสาวศศนิ า เจริญพรกุล

ผลจากการจดั การเรยี นรู้ตามตัวช้ีวดั

จำนวนนักเรยี นท้งั หมด 26 คน

จากจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ข้อ 1 พบว่า

- ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับพอใช้ขน้ึ ไป 19 คน คิดเป็นร้อยละ 73

- ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ปรบั ปรุง 7 คน คดิ เป็นร้อยละ 27

จากจุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อ 2 พบว่า

- ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับพอใชข้ ึ้นไป 19 คน คิดเป็นร้อยละ 73

- ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ปรับปรุง 7 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 27

จากจุดประสงค์การเรยี นรู้ ข้อ 3 พบวา่

- ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับพอใช้ขน้ึ ไป 26 คน คิดเป็นร้อยละ 100

- ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมินระดบั ปรับปรุง 0 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 0

ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน

-

การปรบั ปรุงแก้ไข

1. ใหน้ ักเรยี นทีไ่ มผ่ า่ นจดุ ประสงคข์ อ้ ที่ 1 กลบั ไปทบทวนคำศัพทน์ อกเวลาเรียนแล้วมาสอบบอก

ความหมายของคำศัพท์นอกเวลา

2. ให้นกั เรียนท่ีผา่ นจุดประสงคข์ อ้ ที่ 2 ชว่ ยนกั เรียนทีไ่ มผ่ ่าน ฝกึ พดู สนทนาเยอะ ๆ

ลงชอื่
(นางสาวศศนิ า เจริญพรกุล)
ตำแหนง่ : ครผู ู้สอน

วนั ท.่ี .........เดอื น ..................พ.ศ............

10

บตั รภาพ เร่อื ง School Subject
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง School Subject

11

ใบงาน เรือ่ ง Classroom Survey
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง School Subject

Name……………………………………………………………………………………………
การถาม: What subject do you like? คุณชอบวิชาอะไร
การตอบ: I like + ชอ่ื วชิ า. ฉันชอบวชิ า..................
การถาม: What subject don’t you like? คณุ ไม่ชอบวิชาอะไร
การตอบ: I don’t like + ช่อื วชิ า. ฉันไมช่ อบวชิ า.......................

ชือ่ เพ่ือน วชิ าที่ชอบ วิชาทีไ่ ม่ชอบ

12

โรงเรียนบา้ นนาดอย

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ School days

ชือ่ วิชา ภาษาองั กฤษพื้นฐาน รหสั วชิ า อ21101 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1

ภาคเรยี นที่ 1 จำนวน 15 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 2 เร่ือง I like English. จำนวน 2 ช่ัวโมง

ครูผู้สอน นางสาวศศินา เจรญิ พรกุล

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. สาระสำคัญ

การเรียนรู้เก่ยี วการการถามเหตุผล โดยใช้ โครงสรา้ งประโยค Why so you like + subject? และ

ตอบเหตผุ ล โดยใช้ โครงสรา้ ง Because + เหตุผล หรือ I think + เหตุผล ทำให้ผเู้ รียนพูดและเขยี นแสดง

ความรสู้ กึ พร้อมท้ังใหเ้ หตุผลสน้ั ๆ ประกอบอย่างเหมาะสม

2. สาระ มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวช้ีวดั

สาระท่ี 1 ภาษาเพ่ือการสอื่ สาร

มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปล่ียนขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความรูส้ ึกและ

ความคดิ เห็นอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

ม. 1/5 พูดและเขียนแสดงความรสู้ ึก และความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรอ่ื งตา่ งๆ ใกล้ตวั กิจกรรม

ต่างๆ พร้อมทงั้ ใหเ้ หตุผลสน้ั ๆ ประกอบ อยา่ งเหมาะสม

มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพดู

และการเขียน

ม.1/3 พูด/เขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั กจิ กรรมหรือเรอื่ งตา่ งๆ ใกล้ตวั พร้อมทั้งให้เหตุผลสั้นๆ

ประกอบ

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

นกั เรียนสามารถบอกความหมายของเหตุผล สนทนาถาม-ตอบเหตุผลทช่ี อบหรือไม่ชอบวชิ านน้ั ๆ ได้

ถูกต้องและนักเรียนมีส่วนร่วมในกจิ กรรมทีจ่ ดั ข้นึ

13

4. สาระการเรียนรู้

คำศัพท์ (Vocabulary)

Giving reason phrases

It is fun. มันสนกุ

It is interesting. มันนา่ สนใจ

It is easy. มันง่าย

I get to exercise. ฉนั ได้ออกกำลงั กาย

I can show creativity. ฉันได้แสดงความคิดสรา้ งสรรค์

I feel relaxed. ฉนั ร้สู ึกผ่อนคลาย

ไวยากรณ์ (Grammar)

A: What subject do you like?

B: I like + (วชิ าท่ีชอบ)

A: Why do you like this subject?

B: Because + เหตผุ ล, I think + เหตผุ ล

หนา้ ทขี่ องภาษา

Giving reason

ทกั ษะ

การฟัง : ฟังเพ่ือนถามและตอบเก่ยี วกบั เหตผุ ลท่ีชอบวิชาน้ัน ๆ

การพูด : พูดสนทนาถาม-ตอบเกีย่ วกบั เหตุผลวิชาทชี่ อบ

การอา่ น: อ่านคำสัง่ แบบฝึกหัด

การเขยี น: เขยี นตอบคำถามแบบฝึก

5. สมรรถนะของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการสอื่ สาร

2. ความสามารถในการคิด

6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

1. ใฝ่เรียนรู้

2. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน

1. ใบงานเรอ่ื ง School subject

8. กระบวนการเรียนรู้

14

1. warm up (นำเขา้ สบู่ ทเรียน)
-ครทู กั ทายนักเรยี นและนำเข้าส่บู ทเรยี นโดยให้นักเรียนเล่นเกมส์ (mime gesture game) ใบท้ า่ ทางเก่ยี วกบั
สิ่งทีบ่ ง่ บอกถงึ แตล่ ะวชิ า โดยแบ่งกลุ่ม2 กล่มุ คือ กล่มุ A และ กลุ่ม B เลือกตวั แทนแตล่ ะกลุ่มออกมาใบ้
ท่าทางหนา้ ห้องเรยี นกลุ่มละ 2 คน แล้วเพ่อื นๆในแต่ละกลุ่มจะเปน็ ผู้ทายวา่ ท่าทางนนั้ คือวชิ าอะไร เชน่ ครู
กระซบิ ใหใ้ บว้ ชิ าดนตรี(music) ผ้ใู บ้อาจจะทำท่าทางเป็นนักเล่นเปยี โน ดีดกตี ้าร์ เมื่อเพื่อนในกลุ่มทายถูกว่า
คอื Musicจะไดร้ ับคะแนน

T: Good morning students.
S: Good morning teacher.
T: Before we are going to learn, I have mini game for you. This game is called “mime
gesture game” I will divide you into two groups which are Group A and Group B. Each group
has to choose a volunteer to mime the subject that the teacher will say. Which group member
can answer the correct subject first will get one point.
S: (Do the activity)
-ครสู ุ่มถามนักเรียนโดยใช้คำถาม What is your favorite subject? Why do you like this subject?
T: What is your favorite subject? Why do you like this subject?
2. Presentation (ข้นั สอน)
-ครนู ำเสนอการถามเกยี่ วกบั วิชาทช่ี ื่นชอบ
T: Can you guess what we are going to learn today?
S: (Answer)
T: Today we will learn about asking someone’s favorite subject and the reason that
their like. First of all, let’s learn about asking someone’s favorite subject. We can use “What
is your favorite subject? Repeat after me!
S: (What is your favorite subject?)
T: You have to answer like this “My favorite subject is + วชิ าที่ชอบ”
-ครูถามคำถามแลว้ ให้นักเรียนดูรปู ภาพที่ครูชูพร้อมตอบคำถาม
T: What is you favorite subject?
S: (My favorite subject is ………………..)
-ครนู ำเสนอการถามวา่ ทำไมถึงชอบวิชานั้น รวมถึงการให้เหตผุ ล
T: We can use “Why do you like this subject?” to ask about the reason that why
someone like that subject. Repeat after me why do you like this subject?
S: (Why do you like this subject?)

15

T: We can give the reason that start with Because+ เหตผุ ล or I think + เหตุผล
T: Now let’s know about giving reason.
-ครนู ำเสนอประโยคการใหเ้ หตผุ ลบนกระดานใหน้ ักเรียนอ่านตามและคัดลอกในสมุด
T: we will start with the first one “It is fun.” Repeat after me
S: (It is fun)
T: It means มนั สนุก. The second is It is interesting. มนั นา่ สนใจ
-ครนู ำเสนอประโยคการให้เหตุผลจนครบ
3.Practice (ขน้ั ฝึก)
- ครูถามคำถาม What is your favorite subject? ชูรปู ภาพวชิ าให้นกั เรยี นตอบ จากน้ัน ถามเหตุผล Why do
you like that subject? ใหน้ ักเรยี นบอกเหตผุ ลโดยใช้เหตผุ ลทคี่ รูชี้
-ครแู จกใบงานเร่อื ง School subject worksheet ให้นกั เรียนทำ
T: I’ll give each of you a school subject worksheet. There are 3 parts. You have to do
all of those.
S: (do their exercise)
-ครใู หน้ ักเรียนสง่ แบบฝึก
4. Production (ขัน้ ผลติ )
- ครใู ห้นักเรียนจบั คผู่ ลดั กันถามตอบเกีย่ วกับวิชาทชี่ ื่นชอบพรอ้ มบอกเหตุผลที่ชอบวชิ าน้ัน ๆ โดยใชโ้ ครงสร้าง
ที่ได้เรียนมา
A: What subject do you like?
B: I like + (วชิ าที่ชอบ)
A: Why do you like this subject?
B: Because + เหตผุ ล, I think + เหตผุ ล
T: This time is pair work. You have to ask your partner about his/her favorite school
objects including the reason. Your partner have to answer the question and give the reason
by using “because+ เหตผุ ล”or I think + เหตุผล
S: (Do the activity)

5. Wrap up (ขน้ั สรุป)
-ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปบทเรียนโดยครูใหน้ กั เรียนทำกิจกรรม Sentence Recognition Game: เขยี น
ประโยคทนี่ กั เรียนเรียนไปแล้วบนบัตร ให้นักเรียนทั้งหมดยนื ที่ฝัง่ หน่ึงของหอ้ ง ครูยนื กลางห้อง ชูบัตรขึ้นมา

16

หนึ่งใบ นกั เรยี นเดินมากระซิบคำนนั้ ทห่ี คู รู หากถูกตอ้ งให้นักเรยี นไปยนื อกี ฝ่งั หน่ึงของหอ้ ง ถ้าผิดใหอ้ อกจาก
เกม

T: The last activity of today is “Sentence Recognition Game” I’ll stand in the middle
of the room and show you a sentence one by one. If you know the meaning of that sentence,
you have to come to me and tell the meaning. If the answer is correct, you have to stand
another side of your friends.
9. สื่อการเรยี นรู้

1. บตั รภาพวชิ าตา่ ง ๆ
10. การวัดและประเมินผล

เกณฑ์ วิธีวัด เครอื่ งมอื ผ่านเกณฑใ์ นระดับ
1.นักเรยี นสามารถบอกความหมายของเหตุผลได้ สงั เกต แบบสังเกต ผ่านเกณฑร์ ะดับ
ถกู ต้อง พฤติกรรม พฤติกรรม
2.นักเรยี นสามารถสนทนาถาม-ตอบเหตผุ ลทชี่ อบวิชา สงั เกตการ แบบประเมนิ พอใช้ขน้ึ ไป
นน้ั ๆ ไดถ้ ูกต้อง พูด ผ่านเกณฑร์ ะดับ
3. นกั เรยี นมสี ่วนร่วมในกิจกรรมทจ่ี ัดขึน้ สังเกต การพดู
พฤติกรรม แบบสังเกต พอใช้ขนึ้ ไป
พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ระดบั

พอใช้ขน้ึ ไป

เกณฑ์การวดั ประเมนิ ภาครวม เกณฑ์การประเมินรายจดุ ประสงค์
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
1 ควรปรับปรุง
1-5 ควรปรับปรุง 2 พอใช้
6-7 พอใช้ 3 ดี
8-9 ดี

17

11.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
เกณฑ์การใหค้ ะแนนภาครวม

ระดบั คะแนน 3 เกณฑป์ ระเมนิ คะแนน
ประเดน็ 2 1 รวม
การประเมนิ

1. นักเรยี นสามารถ บอกความหมายของ บอกความหมายของเหตุ บอกความหมายของเหตุ 3
บอกความหมาย เหตผุ ลไดถ้ ูกต้อง 5-6 - ผลได้ถูกต้อง 3-4 ข้อ ผลได้ถูกต้องน้อยกว่า 3
ของเหตุผลได้ ขอ้ ขอ้

ถูกต้อง

2. นกั เรยี นสามารถ สนทนาถาม-ตอบ สนทนาถาม-ตอบเหตุผลที่ ไมส่ ามารถสนทนาถาม-

สนทนาถาม-ตอบ เหตผุ ลท่ชี อบวชิ านั้น ๆ ชอบวชิ านนั้ ๆ ได้ถูกต้อง ตอบเหตผุ ลทีช่ อบวิชา 3

เหตผุ ลที่ชอบวิชา ไดถ้ ูกต้องและเปน็ แตต่ ดิ ๆ ขัดๆ นน้ั ๆ ได้

นั้น ๆ ไดถ้ กู ต้อง ธรรมชาติ

3. นกั เรยี นมสี ว่ น มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ มีสว่ นร่วมในกิจกรรมที่จัด ไม่มีสว่ นร่วมในกจิ กรรม

รว่ มในกิจกรรมทจี่ ดั จัดขนึ้ ตลอดท้ังกิจกรรม ข้ึนแต่ไมต่ ลอด ท่ีจัดขนึ้ 3

ขึน้

รวม 9

18

12. แบบบันทึกการใหค้ ะแนน พทุ ธพิ ิสยั ทกั ษะพิสัย จติ พสิ ยั ผลรวม ผ่าน/ ระดับ
ขอ้ ท่ี 1 ขอ้ ที่ 2 ขอ้ ที่ 3 คะแนน ไม่ผา่ น
เลขท่ี ช่อื - ช่ือสกุล
2 2 3 7 ผ่าน พอใช้
1 ด.ช.ประวทิ ย์ นฤมลสมั ฤทธ์ิ 1 1 2 4 ไมผ่ า่ น ปรับปรงุ
2 ด.ช.อาทติ ย์ เวยี งวนา 1 1 2 4 ไม่ผ่าน ปรบั ปรุง
3 ด.ช.รฐั ภมู ิ พมิ พ์พนาลี 2 2 3 7 ผา่ น พอใช้
4 ด.ช.คริสตม์ าส พมิ านโฆษติ 2 2 2 6 ผ่าน พอใช้
5 ด.ช.อาทติ ย์ ธารสุขสนธิ 3 3 3 9 ผ่าน ดี
6 ด.ญ.ภคั รมยั หมนื่ พงศธร 3 2 3 8 ผา่ น ดี
7 ด.ญ.ภทั รธดิ า หมน่ื พงศธร 3 3 3 9 ผ่าน ดี
8 ด.ญ.วลั ลภา พิมานเกษมศรี 3 3 3 9 ผ่าน ดี
9 ด.ญ.ฐติ ริ ตั น์ สขุ สันตพ์ ิมาน 3 3 3 9 ผ่าน ดี
10 ด.ญ.อาภาพร นวกุลปญั ญา 2 2 2 6 ผา่ น พอใช้
11 ด.ช.อนุรักษ์ โสภาพิมาน 2 2 2 6 ผ่าน พอใช้
12 ด.ช.สันตริ าช รัตนศรพี นา 3 3 3 9 ผ่าน ดี
13 ด.ช.วรี ชยั ใฝ่ศึกษาวิชา 3 3 3 9 ผ่าน ดี
14 ด.ช.ธราเทพ พิมานลาวลั ย์ 2 2 2 6 ผ่าน พอใช้
15 ด.ช.อานุ ศรสี ุขพมิ าน 2 1 2 5 ไมผ่ า่ น ปรบั ปรุง
16 ด.ช.รชั พล ผอ่ งศรีทอง 2 2 3 7 ผา่ น พอใช้
17 ด.ช.พะจิโกะ๊ ไม่มชี ่อื สกุล 3 2 3 8 ผา่ น ดี
18 ด.ญ.โสภา พนาวนิ จิ กลุ 3 3 3 9 ผา่ น ดี
19 ด.ญ.รชั ดาพร วนาจรงุ 3 3 3 9 ผา่ น ดี
20 ด.ญ.พิมพอ์ ร อดุ มสมาธวิ ฒั น์ 3 2 3 8 ผ่าน ดี
21 ด.ญ.สภุ านิช เชดิ ชูครี ี 3 3 3 9 ผ่าน ดี
22 ด.ญ.ณฐั ธดิ า สุกัญญาพรกลุ 2 2 2 6 ผา่ น พอใช้
23 ด.ญ.มายณ์ ลักขณาจันทร์ 3 3 3 9 ผา่ น ดี
24 ด.ญ.จริ ภรณ์ โฆษิตพมิ าน 3 3 3 9 ผ่าน ดี
25 ด.ญ.ชาลินี นธิ สิ ิรพิ ันธ์วงศ์ 3 3 3 9 ผา่ น ดี
26 ด.ญ.สมฤดี เอกสังสรรค์

19

13. บันทึกหลังการสอน

บนั ทึกผลหลงั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ School days

ช่ือวิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน รหัสวชิ า อ21101 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1

ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 15 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 2 เร่อื ง I like English. จำนวน 2 ชวั่ โมง

ครูผสู้ อน นางสาวศศินา เจริญพรกุล

ผลจากการจดั การเรียนรู้ตามตวั ชี้วดั

จำนวนนกั เรียนทงั้ หมด 26 คน

จากจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ข้อ 1 พบว่า

- ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับพอใช้ขนึ้ ไป 24 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 92

- ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรบั ปรุง 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 8

จากจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ข้อ 2 พบวา่

- ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับพอใชข้ ้นึ ไป 23 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 88

- ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดบั ปรับปรงุ 3 คน คิดเปน็ ร้อยละ 12

จากจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ข้อ 3 พบว่า

- ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับพอใช้ขนึ้ ไป 26 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 100

- ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรับปรุง 0 คน คดิ เป็นร้อยละ 0

ปญั หาและอุปสรรคระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน

นักเรยี นบางคนไม่มีพนื้ ฐานภาษาอังกฤษเลยทำใหต้ ามเพือ่ นไมท่ ัน

การปรบั ปรุงแกไ้ ข

1. ครทู ำการสอนเสริมสำหรบั นกั เรียนท่ีไมม่ ีพ้นื ฐานภาษาอังกฤษและที่ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์

2. ให้ทำแบบฝกึ หดั เพิ่มเติม และลดระดบั ความยากให้นักเรียน

ลงช่ือ
(นางสาวศศินา เจรญิ พรกลุ )
ตำแหนง่ : ครผู สู้ อน

20

บตั รภาพ เรือ่ ง School Subject
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 2 เรื่อง I like English

21

โรงเรียนบ้านนาดอย

กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ School days

ชอื่ วิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน รหัสวชิ า อ21101 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1

ภาคเรียนท่ี 1 จำนวน 15 ชวั่ โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 3 เร่ือง Article (a,an,the) จำนวน 2 ชั่วโมง

ครูผ้สู อน นางสาวศศนิ า เจรญิ พรกุล

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. สาระสำคัญ

การเรียนรู้ articles คอื คำทีใ่ ช้ประกอบหนา้ คำนาม เช่น a an และ the a ใช้นำหน้าคำนามนบั ได้ท่ี

เปน็ เอกพจน์ และขึ้นต้นด้วยพยญั ชนะ an ใชน้ ำหนา้ คำนามทีเ่ ปน็ เอกพจน์และขึ้นตน้ ดว้ ยสระ อนั ประกอบด้วย

a, e, i, o และ u ทำให้ผ้เู รยี นสามารถนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ถกู ต้อง

2. สาระ มาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวชีว้ ดั

สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่อื สาร

มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรื่องทีฟ่ ังและอา่ นจากสือ่ ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่าง

มเี หตผุ ล

ม. 1/1 ปฏิบัติตามคำสง่ั คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจงง่ายๆท่ีฟังและอา่ น

ม. 1/2 อา่ นออกเสยี งขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้ันๆ ถกู ต้องตาม หลกั การอา่ น

สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม

มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา
กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกตอ้ งและเหมาะสมตวั ชว้ี ดั

ม. 1/1 บอกความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งการ ออกเสียงประโยคชนิดตา่ งๆ การใช้
เครอ่ื งหมายวรรคตอน และ การลำดบั คำตามโครงสรา้ งประโยค ของ ภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

นักเรยี นสามารถระบกุ ารใช้ a an the ไดถ้ ูกต้อง

22

4. สาระการเรยี นรู้

คำศพั ท์ (Vocabulary)

School objects

ruler /ˈruː.lər/ (n.) ไมบ้ รรทัด eraser /ɪˈreɪ.zər/ (n.) ยางลบ

pencil /ˈpen.səl/ (n.) ดนิ สอ book /bʊk/ (n.) หนังสือ

bag /bæɡ/ (n.) กระเปา๋ table /ˈteɪ.bəl/ (n.) โต๊ะ

chair /tʃeər (n.) เกา้ อี้ pen /ˈpen / ดินสอ

computer /kəmˈpjuː.tər/ (n.) คอมพวิ เตอร์ bin /bɪn/ (n.) ถงั ขยะ

ไวยากรณ์ (Grammar)

-a ใช้นำหน้าคำนามนับได้ท่ีเปน็ เอกพจน์ และขนึ้ ต้นดว้ ยพยัญชนะ

เชน่ A book, A bag, A table, A house

-an ใช้นำหนา้ คำนามท่ีเป็นเอกพจน์และข้ึนต้นดว้ ยสระ

เชน่ An apple, An umbrella, An ice-cream

-the นำหนา้ คำนามไดท้ ้ังสระและพยัญชนะ แตเ่ ป็นคำนามเฉพาะเจาจง”นามท่ีรู้กนั ดวี า่ เปน็ อันไหน

เช่น The moon, The sun

หน้าทีข่ องภาษา

Telling the thing by using a/an/the

ทักษะ

การฟงั : ฟงั ครอู อกเสียงคำศัพท์

การพูด : พูดสนทนาถาม-ตอบเกยี่ วกบั สิ่งของในโรงเรียนโดยใช้ a an the

การอา่ น: อา่ นใบความรูเ้ รื่อง article

การเขยี น: เขียนตอบแบบฝึกหัด

5. สมรรถนะของผ้เู รยี น

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร

2. ความสามารถในการคิด

6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. ใฝเ่ รียนรู้

2. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน

7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน

1. แบบฝกึ หัดเรือ่ ง Article

23

8. กระบวนการเรียนรู้
1. warm up (นำเข้าสู่บทเรียน)

-ครทู กั ทายนักเรยี นและนำเข้าสบู่ ทเรียนโดยใหน้ กั เรยี นทำกิจกรรม Simon Says
T: Good morning students.
S: Good morning teacher.
T: Today I have an activity for you which is “Simon Says”. Have you ever played it

before?
S: (Answer)

-ครอู ธิบายวธิ กี ารเล่นวา่ หากครพู ูดคำว่า Simon says ตามด้วยการกระทำอย่างใดอย่างหนง่ึ ใหน้ ักเรียนทำตาม
เชน่ Simon says touch your head นักเรียนกต็ ้องจบั หัวแต่เมอื่ ไรก็ตามท่คี รูไม่ได้พูดคำว่า "Simon"นักเรียน
จะต้องไม่ทำตามคำส่ัง หากนักเรยี นทำผดิ ให้ออกจากเกม

T: Simon is a teacher who tells players what they must do. However, the players must
only obey commands that begin with the words “Simon Says.”If Simon says, “Simon says
touch your head,” then players must touch their head. But, if Simon simply says, “jump,”
without first saying “Simon says,” players must not jump. Those that do jump are out.

S: Do the activity
2. Presentation (ข้นั สอน)
-ครนู ำเสนอคำศัพท์ส่งิ ของในโรงเรยี นโดยใช้บัตรภาพให้นักเรยี นบอกวา่ เป็นอะไรแล้วครเู ขียนคำศัพท์ให้บน
กระดานให้นกั เรยี นออกเสียงตามพร้อมท้ังสะกดคำ จากนั้นใหน้ ักเรียนคดั ลอกคำศัพทล์ งในสมุด
T: Today we are going to learn about school object. Look at this picture, what’s this?
S: (Answer)
T: The first thing is pencil.
S: (pencil)
T: Spell the word please.
S: (P-E-N-C-I-L)
T: What does pencil mean?
S: (ดนิ สอ)
T: That’s right!
-ครูสอนคำศัพทจ์ นครบ
T: Now you have to copy all of these school objects on your notebook.
-พอนกั เรียนจดเสร็จครูให้นกั เรยี นอ่านวิชาทง้ั หมดอีก 1 รอบ

24

T: I will point, and you all read it one by one together 123.

S: (Read)

-ครแู บง่ กลุ่มนักเรียนออกเปน็ 5 กล่มุ แจกใบความร้เู กย่ี วกับ Article ให้นกั เรยี นกลุ่มละ 1 ชุด ให้แต่ละกลุ่ม

ศึกษาความหมายและหลกั การใช้ Article แตล่ ะตวั

T: Now I’ll divide you in to 5 groups by counting 1-4 .

S: (Count 1-4)

T: Group one is people who count one, group two count two, group three count three,

four count four and five count five. I’ll give each group a knowledge sheet. What you have to

do is to learn rules to use article. I’ll give you 5 minutes.

S: (Group work)

T: Time’s up.

- ครูส่มุ ถามความเขา้ ใจของนักเรยี นทีละกลมุ่ โดยใช้คำถามว่า What is an article? How many articles that

you have read? What are they? How to use a, an, the? พรอ้ มอธบิ ายเพิ่มเตมิ บนกระดานและ

ยกตวั อย่างประกอบ

T: Group one. After reading about article, can you tell me what is article in Thai?

S1: (Answer)

T: Group two, how to use “a”?

S2: (Answer)

T: Group three. How to use “an”?

S3: (Answer)

T: Group four. How many vowel? What are they?

S4: (Answer)

T: Group five. How to use “the”?

S5: (Answer)

3.Practice (ข้นั ฝึก)

-ครใู หน้ ักเรียนช่วยกนั ทำแบบฝึกหัดเรอื่ ง Article โดยให้นักเรยี นเลอื กเติม Article ใหถ้ กู ตอ้ ง

T: Time to do the activity. What you have to do is choosing the correct article.

S: (do their exercise)

1. a pencil 2. a table 3. an eraser 4. a ruler

5. a notebook 6. an umbrella 7. a bag 8. an orange

25

-ครขู ออาสาสมคั รให้นักเรียนออกมาเขียนเฉลยคำตอบบนกระดาน แล้วใหเ้ พ่อื ท่ีเหลอื ช่วยตรวจสอบความ
ถกู ต้อง

T: Time’s up! I want eight volunteers to answer the correct article on the board.
S: ( Write the answer)
T: Any incorrect?
S: (No)
T: Give you friends a big hand.
-ครูแจกใบงานเร่อื ง Article ใหน้ ักเรยี นทำ
4. Production (ขั้นผลิต)
- ครใู ห้นกั เรยี นจบั ค่ผู ลัดกันถามตอบเกย่ี วกับส่ิงของในโรงเรียน โดยใช้โครงสร้างประโยคการถาม-ตอบ ดังน้ี
A: What’s this in English?
B: It’s a/an ………………(สงิ่ ของ)
T: This time is pair work. You have to ask your partner about school objects and your
partner have to answer by using the correct article. You have to use this structure for asking
and giving the questions.
A: What’s this in English?
B: It’s a/an ………………(School objects)
S: (Do the activity)
5. Wrap up (ข้นั สรปุ )
-ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรปุ บทเรียนโดยครูใหน้ ักเรยี นทำกิจกรรม Touch: ให้นักเรยี นว่ิงไปแตะส่ิงของท่ีครูสั่ง
เช่น "Touch the table" "Touch a chair" "Touch your bag" Touch something green"
T: This is the last funny activity for today which is Touch game. What you have to do
is listening to me and touching the thing that I’ll say.
S: (Do the activity)
-ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบเขยี นตามคำบอกเกี่ยวกับสิ่งของในโรงเรียน
T: It’s time to check your understanding that you have learnt.
S: (Do the test)
T: Today time is up. See you again next time..
9. สอ่ื การเรียนรู้
1. บัตรภาพ Class room object

26

2. ใบความรู้เรือ่ ง Article (a, an, the) วิธีวัด เครื่องมือ ผา่ นเกณฑ์ในระดับ
3. ใบงาน เรอ่ื ง Article (a, an, the) ตรวจใบ ใบงานเรอ่ื ง ผ่านเกณฑร์ ะดับ
10. การวดั และประเมินผล Article
งาน พอใช้ขน้ึ ไป
เกณฑ์
นักเรียนสามารถใช้ a an the ไดถ้ ูกต้อง

เกณฑ์การวดั ประเมิน
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

1 ควรปรับปรงุ
2 พอใช้
3 ดี

11.เกณฑก์ ารให้คะแนน
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนภาครวม

ระดับคะแนน 3 เกณฑ์ประเมิน 1 คะแนน
ประเดน็ 2 รวม
การประเมนิ
3
นักเรียนสามารถใช้ ทำแบบฝกึ หัด article ทำแบบฝึกหัด article ได้ ทำแบบฝึกหัด article

a an the ได้ ไดถ้ ูกต้องมากกวา่ 50 ถกู ต้อง 40-50 ข้อ ได้ถูกตอ้ งน้อยกวา่ 40

ถูกต้อง ขอ้ ขอ้

รวม 9

27

12. แบบบันทึกการให้คะแนน

เลขท่ี ชอื่ - ช่ือสกลุ พุทธิพสิ ัย ผลรวม คะแนน ผ่าน/ไมผ่ ่าน ระดบั

1 ด.ช.ประวทิ ย์ นฤมลสมั ฤทธ์ิ 2 2 ผา่ น พอใช้
2 ด.ช.อาทติ ย์ เวียงวนา 1 1 ไม่ผ่าน ปรับปรงุ
3 ด.ช.รฐั ภูมิ พิมพ์พนาลี 1 1 ไม่ผ่าน ปรบั ปรุง
4 ด.ช.คริสตม์ าส พิมานโฆษติ 2 2 ผา่ น พอใช้
5 ด.ช.อาทติ ย์ ธารสุขสนธิ 2 2 ผ่าน พอใช้
6 ด.ญ.ภคั รมยั หมน่ื พงศธร 3 3 ผ่าน
7 ด.ญ.ภัทรธิดา หม่นื พงศธร 3 3 ผ่าน ดี
8 ด.ญ.วลั ลภา พมิ านเกษมศรี 3 3 ผา่ น ดี
9 ด.ญ.ฐิตริ ตั น์ สุขสนั ต์พิมาน 3 3 ผา่ น ดี
10 ด.ญ.อาภาพร นวกลุ ปัญญา 3 3 ผา่ น ดี
11 ด.ช.อนุรกั ษ์ โสภาพิมาน 1 1 ไม่ผ่าน ดี
12 ด.ช.สนั ตริ าช รตั นศรพี นา 1 1 ไมผ่ า่ น ปรบั ปรุง
13 ด.ช.วีรชัย ใฝศ่ กึ ษาวิชา 3 3 ผ่าน ปรบั ปรงุ
14 ด.ช.ธราเทพ พิมานลาวลั ย์ 3 3 ผา่ น ดี
15 ด.ช.อานุ ศรสี ุขพิมาน 1 1 ไมผ่ ่าน ดี
16 ด.ช.รัชพล ผอ่ งศรที อง 1 1 ไมผ่ ่าน ปรบั ปรงุ
17 ด.ช.พะจิโก๊ะ 2 2 ผ่าน ปรบั ปรุง
18 ด.ญ.โสภา พนาวนิ จิ กุล 2 2 ผา่ น พอใช้
19 ด.ญ.รชั ดาพร วนาจรงุ 3 3 ผา่ น พอใช้
20 ด.ญ.พมิ พ์อร อดุ มสมาธวิ ฒั น์ 3 3 ผ่าน ดี
21 ด.ญ.สุภานชิ เชิดชคู รี ี 2 2 ผ่าน ดี
22 ด.ญ.ณฐั ธดิ า สกุ ัญญาพรกลุ 3 3 ผา่ น พอใช้
23 ด.ญ.มายณ์ ลกั ขณาจนั ทร์ 1 1 ไม่ผ่าน ดี
24 ด.ญ.จริ ภรณ์ โฆษติ พมิ าน 3 3 ผ่าน ปรับปรุง
25 ด.ญ.ชาลินี นธิ ิสริ ิพนั ธว์ งศ์ 3 3 ผ่าน ดี
26 ด.ญ.สมฤดี เอกสงั สรรค์ 3 3 ผ่าน ดี
ดี

28

13. บนั ทกึ หลังการสอน

บนั ทึกผลหลงั การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ School days

ชอื่ วิชา ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน รหสั วิชา อ21101 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1

ภาคเรยี นที่ 1 จำนวน 15 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง Article (a, an, the) จำนวน 2 ช่ัวโมง

ครผู ูส้ อน นางสาวศศนิ า เจรญิ พรกุล

ผลจากการจัดการเรียนรู้ตามตัวชี้วดั

จำนวนนักเรียนท้ังหมด 26 คน

จากจุดประสงค์การเรียนรู้

- ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับพอใช้ข้ึนไป 20 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 77

- ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ปรบั ปรุง 6 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 23

ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน

-

การปรับปรุงแกไ้ ข

ทบทวนหลักการใช้ Article ให้นักเรียนที่ไม่ผา่ นจุดประสงค์ซำ้ อย่างชา้ ๆ แลว้ ใหน้ ักเรยี นช่วยกนั ทำ

อีกรอบหน่งึ

ลงช่ือ
(นางสาวศศนิ า เจริญพรกลุ )
ตำแหนง่ : ครูผสู้ อน

29

บตั รภาพ เรื่อง Classroom object
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เร่ือง Article

30

ใบความรู้ เรอื่ ง Article (a, an, the)
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 3 เรื่อง Article

Articles

Articles เป็นคำคุณศพั ท์อย่างหนงึ่ Articles แปลว่า “คำนำหน้านาม” หมายความวา่ คำนำหนา้ ทกุ ตวั ในภาษาอังกฤษเวลาพดู หรอื

เขียนตอ้ งใช้ Articles นำหนา้ ทง้ั น้นั (ยกเวน้ นามบางตวั หรอื บางกรณีไม่ตอ้ งใช้ Articles นำหนา้ )

หลักการใช้ article นำหน้านาม

คือ เมอื่ กลา่ วเปน็ การทว่ั ไป - นามนับได้เอกพจน์ จะตอ้ งมี a หรอื an นำหน้าเสมอ - นามพหพู จน์และนามนบั ไมไ่ ด้ ไมต่ อ้ งมี article ใดๆ

เมอื่ กลา่ วเปน็ การชี้เฉพาะ - จะตอ้ งใช้ the นำหน้าเสมอไมว่ า่ จะเปน็ นามเอกพจน์หรือ พหพู จน์เปน็ นามนบั ไดห้ รอื ไม่ได้

Articles แบง่ เป็น 2 ชนดิ คือ

1. Indefinite Article ได้แก่ a และ an ใช้นำหน้านามนบั ได้ (Countable Nouns) เอกพจน์ท่วั ๆไป (Singular)

2. Definite Article ได้แก่ the ซงึ่ ใชน้ ำหน้าคำนามนบั ได้(Countable Nouns) และนามนบั ไมไ่ ด้ (Uncountable Nouns) ทงั้ รปู

เอกพจน์ (Singular) และพหพู จน์ (Plural) เพ่ือใหน้ ามนัน้ มคี วามหมายเฉพาะเจาะจง

หลกั การใช้ Indefinite Article

ได้แก่ a, an มีหลักการใช้ดงั น้ี

1. ใช้ an นำหน้าคำทข่ี ้ึนตน้ ด้วยสระ a, e, i, o,u หรอื ออกเสียงสระไม่ว่าจะเขยี นข้ึนต้นด้วยพยญั ชนะกต็ าม เชน่ an elephant, an

hour, an umbrella, an apple

2. ใช้ a, an นำหน้าคำนามเอกพจน์ท่นี บั ไดเ้ สมอท่ีมีความหมายเป็น"หน่งึ " เชน่ She has a dog.

3. ใช้ a, an นำหนา้ คำทบี่ อกอาชพี เชน่ I am a student.

4. ใช้ a, an นำหน้านามเอกพจน์ทแี่ ปลเป็นตอ่ ...(หนว่ ย) เชน่ Oranges cost 50 baht a kilogram.

5. ใช้ a กบั การเจ็บไขไ้ ด้ปว่ ย เช่น I have eaten papaya salad at lunch and now I have a stomachache.

6. ใช้ a, an ในประโยคอทุ านตามหลงั what เช่น What is this? It’s a pear.

ขอ้ ยกเวน้ ในการใช้ a

1. นามบางตวั แม้จะขน้ึ ตน้ ด้วยพยัญชนะ แตไ่ มอ่ ่านออกเสยี งพยัญชนะตัวทีข่ ้นึ ต้น กลับขา้ มไปอ่านออกเสยี งสระอยู่ที่ถดั ไปนามตัวน้ัน

ใหใ้ ช้ an นำหน้าแทน หา้ มใช้ a โดยเดด็ ขาด เท่าทป่ี รากฏเหน็ ก็ได้แก่ที่ข้ึนต้นด้วย "h" เท่าน้นั เชน่

- an hour หน่งึ ช่ัวโมง

- an honest man คนซอื่ สัตย์ หรอื สุจริตชน

- an honourabe guest แขกผู้มีเกียรติ

2. คำนามที่นับไมไ่ ด้ และคำนามพหูพจน์ทกุ ชนิด

3. ไมใ่ ช้นำหนา้ ช่ือวชิ า ชอ่ื กีฬา ชื่อประเทศ ชอ่ื เมอื ง และช่ือมหาวทิ ยาลยั

4. ไมใ่ ชห้ น้าคำท่เี ป็นมือ้ อาหาร breakfast, lunch, dinner

ขอ้ ยกเว้นในการใช้ an

1. นำหนา้ นามบางตวั แม้จะขน้ึ ต้นสระแต่อา่ นออกเสยี งสระทข่ี น้ึ ต้นนัน้ เปน็ เสยี งพยญั ชนะ "ย" นามตวั นนั้ ให้ใช้ a นำหนา้ แทน หา้ มใช้

an นำหน้าโดยเดด็ ขาดเท่าทีป่ รากฏเห็นก็ได้แก่ที่ข้นึ ต้นด้วย "U" และ "E" เช่น

- a university มหาวทิ ยาลัย

- a uniform เคร่อื งแบบ

- a European ชาวยโุ รป

- a union สหภาพ

31

- a union สหภาพ
2. คำนามท่ีนบั ไมไ่ ด้ และคำนามพหพู จนท์ ุกชนดิ
3. ไม่ใช้นำหนา้ ชอื่ วชิ า ชือ่ กฬี า ชื่อประเทศ ชื่อเมือง และชื่อมหาวทิ ยาลัย
4. ไมใ่ ชห้ น้าคำทเ่ี ปน็ มอ้ื อาหาร breakfast, lunch, dinner
ข้อควรจำ
1. คำนามนบั ได้ และคำนามเอกพจน์นัน้ ขน้ึ ตน้ ด้วยสระ แต่วา่ ออกเสยี งเป็นพยญั ชนะให้ใช้ a เชน่ a uniform, a university, a unit,
a eucalyptus, a utensil, a union, a useful เปน็ ต้น
2. ถ้าคำนามนบั ได้ และคำนามเอกพจน์นั้นมคี ุณศพั ท์นำหน้าขยายให้ดู ดงั นี้ - หากคำคณุ ศัพทน์ ั้นข้ึนต้นด้วยเสียงพยญั ชนะกใ็ ห้ใช้ a
เชน่ a sweet orange, a big umbrella เปน็ ต้น - หากขึน้ ต้นดว้ ยเสียงสระให้ใช้ an เช่น an old city, an ugly woman เปน็ ตน้
3. ถ้าคำนามน้นั ข้ึนตน้ ดว้ ยพยญั ชนะ แตอ่ อกเสยี งเปน็ สระ หรือมี adjective ทีข่ ึน้ ต้นด้วยสระมาขยายข้างหน้านามน้นั ใหใ้ ช้ an เชน่
- ออกเสยี งเปน็ สระ เช่น an hour, an heir, an honor เป็นต้น - มีคุณศัพท์ท่ีขน้ึ ต้นด้วยสระ เช่น an important person เปน็ ตน้
หลกั การใช้ Definite Article
ไดแ้ ก่ The มหี ลกั การใชด้ งั น้ี
1. ใช้กบั คำนามนับไดเ้ อกพจน์และพหพู จน์ท่เี ปน็ การชี้เฉพาะเจาะจงลงไปวา่ คนไหน อนั ไหน ส่ิงไหน
2. ใช้ the นำหน้าคำนามท่มี สี ่ิงเดยี ว เช่น the sun, the moon, the sky
3. ใช้ the นำหน้าชื่อ-สกลุ (และเป็นพหพู จนเ์ สมอ) หมายถงึ ครอบครัว เช่น The Browns, The Lees
4. ตามปกตเิ ราใช้ the นำหนา้ ช่อื หนงั สอื พมิ พ์ เช่น The Nation, The Times, The Sun
5. ใช้ the กบั ชอ่ื สถานทีห่ รอื คำนามท่ีเปน็ ช่ือเฉพาะ เช่น ทะเล The Pacific พพิ ิธภัณฑ์ The National Museum
6. ใช้ the นำหน้าชือ่ เครื่องดนตรตี ่างๆ เช่น Jirayut can play the guitar very well.
7. ใช้ the กอ่ นคำวา่ same เชน่ Your shirt is the same color as mine.
8. ใช้ the + คำคณุ ศพั ทเ์ มอ่ื กลา่ วถึงกล่มุ บคุ คลเปน็ พเิ ศษ เชน่ the rich, the sick, the po 9. ใช้ the กับคำนามท่ีชเ้ี ฉพาะ
ซ่งึ ผพู้ ูดกบั ผฟู้ งั เข้าใจวา่ หมายถงึ สงิ่ ของอันใด เชน่ Shut the door! (ผฟู้ งั เขา้ ใจวา่ ปิดประตบู านไหน)
10. ใช้ the กับคำนามท่ีกลา่ วซำ้ (repeated nouns) เช่น - Our country has a king. - The king is very kind.
11.ใช้ the นำหนา้ คำนามทีแ่ สดงลำดับที่ (Ordinal Number) เชน่ the first, the second, the fifth,the last
12.ใช้ the นำหน้าคำ adjective ทแ่ี สดงการเปรียบเทยี บข้ันสูงสุด (Superlative degree) เช่น Ratcha is the most beautiful
woman in this group.
13. ใช้ the กบั คำ adjective บางตวั ซ่ึงใชแ้ ทนคำนาม หมายถึง “พวก....” และถือวา่ เป็นพหพู จน์เสมอ เช่นThe rich are
sometimes selfish.
14.ใช้ the กบั อวยั วะต่างๆ ของร่างกายมนษุ ย์และสัตว์ เชน่ the head, the neck, the mouth
15.ใช้ the กับคำนามทมี่ ปี ระโยคหรือวลีขยายความ เชน่ The man who is standing over there is my teacher.
16. ใช้นำหน้าคำ adjective หรือ adverb ในขั้นComparative Degree เพื่อทำใหม้ คี วามหมาย “ยิง่ ...ยงิ่ ...” เช่น
- The more I see her the more I love her. -The sooner the better. ยิง่ เรว็ ยง่ิ ดี
17. ใช้ the นำหนา้ คำนามเอกพจนท์ เ่ี ปน็ สตั ว์ ส่งิ ของ จะหมายถึงกลมุ่ หรอื พวกของสิ่งน้นั เชน่ -The dog is a faithful animal. -
The tiger is a fierce animal.

32

ใบงาน เรือ่ ง Article (a, an, the)
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เรอื่ ง Article

33

โรงเรยี นบา้ นนาดอย

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ School days

ชื่อวิชา ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน รหสั วิชา อ21101 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1

ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 15 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 เรอื่ ง First day จำนวน 2 ชั่วโมง

ครผู ้สู อน นางสาวศศนิ า เจรญิ พรกุล

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. สาระสำคญั

การเรยี นรเู้ รอื่ ง การแนะนำตัวเม่อื เจอกนั ครั้งแรก การรู้จัก Subject pronoun ซึ่งประกอบไปด้วย I,

You, We, They, He, She, It ส่วน Object pronoun จะมี me, you, him, her, it, us, themและการใช้

verb to be

2. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้วี ดั

สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร

มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรือ่ งท่ีฟังและอา่ นจากส่ือประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็ อยา่ ง

มีเหตผุ ล

ม. 1/3 เลอื ก/ระบปุ ระโยคและข้อความให้สมั พนั ธ์กบั สื่อท่ีไม่ใช่ความเรยี งที่อ่าน

สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พันธก์ ับชมุ ชนและโลก

มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ท้ังในสถานศึกษา ชุมชน และสงั คม

ตวั ชวี้ ดั ม. 1/1 ใช้ภาษาสื่อสาร ในสถานการณ์จรงิ /สถานการณจ์ ำลองทเี่ กิดข้ึนในห้องเรยี นและ

สถานศกึ ษา

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

นกั เรียนสามารถระบกุ ารใช้ verb to be ไดถ้ กู ต้อง สามารถทกั ทายและแนะนำตวั คร้งั แรกได้อยา่ งเป็น

ธรรมชาติ

34

4. สาระการเรยี นรู้

ไวยากรณ์ (Grammar)

Subject pronoun Object pronoun

I me

You you

We us

They them

He him

She her

It it

verb to be คือ คำกริยาทใ่ี ชแ้ สดงสถานะ เป็น อยู่ คือ วธิ ีการเลอื กใช้ is am are มดี ังน้ี

is จะใชก้ ับประธานที่เปน็ คำนามเอกพจน์ He She It

am จะใช้กบั ประธานทเ่ี ปน็ I เทา่ น้นั

are จะใชก้ บั ประธานทีเ่ ป็นคำนามที่เปน็ พหูพจน์ You We They

หนา้ ทข่ี องภาษา

-Greeting

ทกั ษะ

การฟงั : ฟังครรู ้องเพลง

การพดู : พูดบอก subject pronoun

การอา่ น: อา่ นใบความรเู้ รื่อง verb to be

การเขียน: เขยี นตอบแบบฝึกหดั

5. สมรรถนะของผเู้ รยี น

1. ความสามารถในการสอื่ สาร

2. ความสามารถในการคดิ

6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. ใฝเ่ รียนรู้

2. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน

7. ชิ้นงาน/ภาระงาน

1. ใบงานเร่อื ง Verb to be

35

8. กระบวนการเรียนรู้
1. warm up (นำเข้าสูบ่ ทเรียน)

-.ครูทกั ทายนกั เรยี นและนำเข้าสู่บทเรยี นเกย่ี วกับเร่ืองทจ่ี ะสอนในวันน้ี (เร่ือง Introducing yourself) ครใู ห้
นกั เรยี น
เรียนรู้เพลง Hello, how are you? พร้อมฝกึ ร้อง ดังน้ี

T : Good morning everyone. How are you?
S : Good morning teacher. I’m fine, thank you. And you?
T : I’m very well. Thank you. Let’s all sing a song together.

-ครนู ำเสนอบทสนทนาการพบกันครั้งแรก ให้นักเรยี นอา่ นตามจากนั้นให้นักเรียนจับคู่ผลดั กันถามตอบ
เปลี่ยนเป็นช่ือของตนเอง

T: Look at this conversation about the first meet.
A : Hello. My name is John, John Smith.
B : Hi! I am Jenny Burton.
A : Nice to meet you, Jenny.
B : Nice to meet you, too.

T: Find your partner and make this conversation
2. Presentation (ขน้ั สอน)
-ครูสอน Subject pronouns โดยปฏบิ ัตดิ งั น้ี
- ช้ที ี่ตวั เองแล้วพดู ‘I’ พรอ้ มเขียน I บนกระดาน
- ชท้ี น่ี ักเรียน 1 คน แลว้ พดู ‘you’ พร้อมเขยี น you บนกระดาน
- ช้ีที่นักเรียนชาย 1 คน แล้วพดู ‘he’ พรอ้ มเขียน he บนกระดาน แลว้ อธิบายว่า เราใช้he
กบั เด็กผ้ชู าย 1 คน หรอื ผูช้ าย 1 คน
- ชี้ท่ีนักเรียน 1 คน แลว้ พดู ‘she’ พร้อมเขยี น she บนกระดาน แล้วอธบิ ายวา่ เราใช้ she
กับเด็กผ้หู ญิง 1 คน หรือ ผหู้ ญิง 1 คน
- ชี้ท่ีสมดุ ของนักเรยี น 1 เลม่ แลว้ พดู ‘it’ พร้อมเขยี น it บนกระดาน แลว้ อธบิ ายวา่ เราใช้
it กบั สง่ิ ของ 1 สิ่ง
- เดินไปใกล้ๆ กับกลมุ่ นักเรยี น แล้วชท้ี น่ี กั เรยี นและตนเอง แลว้ พดู ‘we’ พรอ้ มเขยี น we

36

บนกระดาน
- ช้ที ก่ี ลุม่ นักเรยี นท่ีอยูต่ รงขา้ มกบั ตวั เอง แลว้ พูด ‘you’ พรอ้ มเขยี น you บนกระดาน
- ชไ้ี ปทก่ี ลมุ่ นกั เรยี นทอี่ ยู่ไกลๆ แล้วพูด ‘they’ พรอ้ มเขยี น they บนกระดาน
จากนั้นครูพูดพร้อมเขยี นประโยค I am a teacher. Look at me. บนกระดาน แล้วขดี เสน้ ใตค้ ำว่า I
และ me แลว้ อธบิ ายวา่ me เป็น Object pronoun และสอน Object pronoun ตวั อน่ื เช่น
Look at him. He’s a student. Look at her. She’s a student. Look at it. It’s a desk.
-ครอู ธบิ าย Subject pronoun และ Object pronoun subject pronoun ใช้แทนคำนามท่เี ป็นประธานใน
ประโยค เชน่ Sam isn’t at home. แซมไม่อยู่บา้ น Object pronoun คือคำสรรพนามท่ที ำหนา้ ทีเ่ ปน็ กรรม
ในประโยค “กรรม” ซ่ึงก็คือ “ผู้ถกู กระทำ”เช่น My mom called me last night.
แมข่ องฉนั โทรหาฉันเม่อื คนื
-ครูใหใ้ บความรู้ Verb to be สอนการใช้ verb to be พื้นฐาน

3.Practice (ขน้ั ฝึก)
-ครใู ห้นกั เรียนทำใบงานเร่ือง subject และ object pronoun ตอ่ ด้วย ใบงานเร่อื ง verb to be

T: Time to check your understanding. I’ll give each of you a worksheet. You have to
do the first part.

S: (Do their works)
-ครสู ุ่มใหน้ กั เรียนเฉลย

4. Production (ข้นั ผลติ )
- ครอู ธิบายการเปล่ยี น verb to be ให้เปน็ ประโยคปฏิเสธ โดยการเติม not ไว้หลงั verb to be และ วาง
verb to be ไวห้ นา้ ประธานถ้าต้องการให้เป็นประโยคคำถาม จากนนั้ ให้นักเรยี นทำใบงานสว่ นทีส่ องโดยให้
เรียงประโยคให้ถูกต้อง

T: Do you know how to make verb to be to negative form?
S: (Answer)
T: We have to put not after an auxiliary verb (verb to be), and when you want to make
interrogative just putting them in front of the subject.
T: Now you have to do your second part worksheet.
-ครขู ออาสาสมคั รใหน้ ักเรียนข้ึนมาเขยี นเรยี งประโยคทถี่ กู ตอ้ งบนกระดาน
T: Time’s up1 I want some volunteers to write the correct sentence on the board.
รว่ มกันเฉลยจนครบ

37

5. Wrap up (ขั้นสรปุ )
-ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปบทเรียนโดยครูให้นักเรยี นดูภาพบคุ คลและชว่ ยกันตอบ Pronoun และ Verb to
be

T: Look at the picture, tell the correct pronoun and choose the correct verb to be.
S: ( Do the activity)
T: Today time’up! See you again next time.

9. สื่อการเรยี นรู้
1. ใบงานเร่ือง Veb to be
2. เนอ้ื เพลง Hello!

10. การวดั และประเมินผล

เกณฑ์ วธิ ีวัด เครื่องมือ ผา่ นเกณฑใ์ นระดับ
1.นักเรยี นสามารถระบกุ ารใช้ verb to be ได้อยา่ ง ประเมนิ ใบ แบบประเมินใบ ผา่ นเกณฑ์ระดับ
ถูกต้อง งาน
2.นกั เรียนทกั ทายและแนะนำตัวไดอ้ ย่างเป็นธรรมชาติ ประเมิน งาน พอใช้ขน้ึ ไป
แบบประเมินการ ผา่ นเกณฑร์ ะดับ
การพดู
พูด พอใช้ขน้ึ ไป

เกณฑ์การวัดประเมินภาครวม เกณฑ์การประเมินรายจดุ ประสงค์
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
1 ควรปรบั ปรงุ
1-2 ควรปรับปรงุ 2 พอใช้
3-4 พอใช้ 3 ดี
5-6 ดี

38

11.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
เกณฑก์ ารให้คะแนนภาครวม

ระดบั คะแนน 3 เกณฑ์ประเมนิ คะแนน
ประเด็น 2 1 รวม
การประเมิน

1. นักเรยี นสามารถ ระบกุ ารใช้ verb to ระบุการใช้ verb to be ระบุการใช้ verb to be 3
ระบุการใช้ verb be ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ได้อย่างถูกต้อง 50-80% ได้อย่างถูกตอ้ ง น้อยกว่า
to be ได้อยา่ ง มากกวา่ 80% 50%

ถูกต้อง

2. นักเรียนทกั ทาย ทกั ทายและแนะนำตวั ทักทายและแนะนำตวั ได้ ทักทายและแนะนำตวั ได้ 3
และแนะนำตวั ได้ ได้อยา่ งเป็นธรรมชาติ แต่ไมเ่ ปน็ ธรรมชาติ ถกู บา้ งผิดบ้าง
อย่างเป็นธรรมชาติ

รวม 9

39

12. แบบบันทึกการให้คะแนน พุทธิพสิ ัย ทักษะพิสยั ผลรวม ผา่ น/ไม่ ระดบั
ขอ้ ท่ี 1 ขอ้ ท่ี 2 คะแนน ผ่าน
เลขท่ี ชอื่ - ชื่อสกลุ พอใช้
22 4 ผา่ น ปรบั ปรงุ
1 ด.ช.ประวทิ ย์ นฤมลสมั ฤทธ์ิ 11 2 ไมผ่ า่ น ปรับปรุง
2 ด.ช.อาทิตย์ เวยี งวนา 11 2 ไม่ผา่ น พอใช้
3 ด.ช.รัฐภมู ิ พิมพ์พนาลี 22 4 ผ่าน พอใช้
4 ด.ช.คริสต์มาส พิมานโฆษติ 22 4 ผ่าน
5 ด.ช.อาทติ ย์ ธารสขุ สนธิ 23 5 ผ่าน ดี
6 ด.ญ.ภคั รมยั หมน่ื พงศธร 22 4 ผ่าน พอใช้
7 ด.ญ.ภทั รธดิ า หม่นื พงศธร 33 6 ผ่าน
8 ด.ญ.วลั ลภา พิมานเกษมศรี 22 4 ผ่าน ดี
9 ด.ญ.ฐิตริ ตั น์ สขุ สนั ตพ์ มิ าน 22 4 ผา่ น พอใช้
10 ด.ญ.อาภาพร นวกุลปญั ญา 22 4 ผา่ น พอใช้
11 ด.ช.อนรุ กั ษ์ โสภาพิมาน 12 3 ผา่ น พอใช้
12 ด.ช.สันตริ าช รัตนศรีพนา 22 4 ผา่ น พอใช้
13 ด.ช.วรี ชยั ใฝ่ศกึ ษาวชิ า 22 4 ผา่ น พอใช้
14 ด.ช.ธราเทพ พมิ านลาวัลย์ 12 3 ผ่าน พอใช้
15 ด.ช.อานุ ศรีสุขพิมาน 12 3 ผา่ น พอใช้
16 ด.ช.รัชพล ผ่องศรที อง 22 4 ผา่ น พอใช้
17 ด.ช.พะจิโกะ๊ 22 4 ผ่าน พอใช้
18 ด.ญ.โสภา พนาวนิ จิ กลุ 32 5 ผ่าน พอใช้
19 ด.ญ.รชั ดาพร วนาจรุง 22 4 ผา่ น
20 ด.ญ.พิมพ์อร อดุ มสมาธวิ ัฒน์ 12 3 ผ่าน ดี
21 ด.ญ.สภุ านชิ เชิดชคู รี ี 22 4 ผ่าน พอใช้
22 ด.ญ.ณฐั ธดิ า สกุ ญั ญาพรกุล 12 3 ผ่าน พอใช้
23 ด.ญ.มายณ์ ลกั ขณาจันทร์ 23 5 ผ่าน พอใช้
24 ด.ญ.จริ ภรณ์ โฆษติ พมิ าน 22 4 ผ่าน พอใช้
25 ด.ญ.ชาลนิ ี นิธสิ ิรพิ นั ธ์วงศ์ 23 5 ผ่าน
26 ด.ญ.สมฤดี เอกสงั สรรค์ ดี
พอใช้

ดี

40

13. บันทึกหลงั การสอน

บันทึกผลหลงั การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ School days

ชอ่ื วิชา ภาษาองั กฤษพนื้ ฐาน รหสั วชิ า อ21101 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1

ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 15 ชวั่ โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรื่อง First day จำนวน 2 ชว่ั โมง

ครผู สู้ อน นางสาวศศนิ า เจริญพรกุล

ผลจากการจดั การเรยี นรู้ตามตัวช้วี ดั

จำนวนนกั เรียนท้งั หมด 26 คน

จากจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ข้อ 1 พบว่า

- ผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดับพอใช้ข้นึ ไป 19 คน คดิ เป็นร้อยละ 73

- ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรับปรุง 7 คน คิดเป็นร้อยละ 27

จากจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ข้อ 2 พบว่า

- ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับพอใชข้ ึ้นไป 24 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 92

- ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรบั ปรงุ 2 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 8

ปัญหาและอปุ สรรคระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน

-

การปรับปรุงแกไ้ ข

1. จดั ทำแบบฝึกเพม่ิ เตมิ สำหรับนักเรียนทไ่ี ม่ผ่านจดุ ประสงค์ท่ี 1

2. ปรับเกณฑ์การประเมนิ สำหรับนักเรยี นอ่อน

ลงชือ่
(นางสาวศศนิ า เจริญพรกุล)
ตำแหน่ง: ครูผู้สอน

41

ใบงาน เรื่อง verb to be
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 เร่ือง Fist day

42

โรงเรยี นบ้านนาดอย

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ School days

ช่อื วิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน รหัสวิชา อ21101 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1

ภาคเรียนท่ี 1 จำนวน 15 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 5 เรอ่ื ง Asking and giving information จำนวน 2 ชั่วโมง

ครผู ้สู อน นางสาวศศนิ า เจริญพรกุล

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. สาระสำคัญ

การเรยี นรู้เกย่ี วกับประเทศและสญั ชาติ การขอและใหข้ ้อมูลสว่ นตัว สนทนา แลกเปลย่ี นขอ้ มลู

เก่ียวกับตนเอง และสถานการณต์ า่ งๆ ในชวี ติ ประจำวัน

2. สาระ มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชวี้ ดั

สาระท่ี 1 ภาษาเพือ่ การส่ือสาร

มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรอ่ื งทฟี่ ังและอา่ นจากส่อื ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็นอยา่ ง

มเี หตผุ ล

ตวั ชวี้ ดั

ม. 1/3 เลือก/ระบุประโยคและข้อความให้สัมพนั ธ์กับส่ือท่ีไมใ่ ช่ความเรยี งท่ีอา่ น

มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความรสู้ กึ และ

ความคิดเหน็ อยา่ งมีประสิทธิภาพ

ตวั ช้วี ดั

ม. 1/1 สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมลู เกีย่ วกับตนเอง กจิ กรรม และสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

ม.1/4 พดู และเขยี นเพ่ือขอและให้ข้อมูล และแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับเรือ่ งทฟ่ี ัง หรืออ่านอย่าง

เหมาะสม

สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธก์ บั ชุมชนและโลก

มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทง้ั ในสถานศกึ ษา ชุมชน และสงั คม

ตวั ชีว้ ัด ม. 1/1 ใชภ้ าษาส่ือสาร ในสถานการณ์จรงิ /สถานการณ์จำลองท่เี กดิ ขน้ึ ในหอ้ งเรียนและ

สถานศกึ ษา

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

นกั เรยี นสามารถระบุข้อมูลสว่ นตัวจากบทอา่ นและสนทนาขอและใหข้ อ้ มูลส่วนตัวไดถ้ ูกต้อง

4. สาระการเรียนรู้

คำศพั ท์ (Vocabulary)

- China – Chinese Russia – Russian

43

Italy – Italian Spain – Spanish

Mexico – Mexican Turkey – Turkish

Poland – Polish the UK – British

Portugal – Portuguese the USA – American

ไวยากรณ์ (Grammar)

-

หนา้ ท่ขี องภาษา

-Asking for and giving personal information

ทกั ษะ

การฟัง : ฟังเพื่อนถามและให้ขอ้ มลู ส่วนตัว

การพดู : พดู ขอและให้ขอ้ มูลสว่ นตวั

การอา่ น: อ่านบทความเกี่ยวกับข้อมูลของแตล่ ะคน

การเขียน: เขยี นให้ขอ้ มลู สว่ นตวั

5. สมรรถนะของผู้เรยี น

1. ความสามารถในการส่ือสาร

2. ความสามารถในการคดิ

6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ใฝ่เรียนรู้

2. มงุ่ ม่ันในการทำงาน

7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน

1. ใบงานเร่ือง Personal information

2. เขียนใหข้ อ้ มลู ส่วนตวั ของตัวเอง

8. กระบวนการเรียนรู้

1. warm up (นำเข้าสู่บทเรียน)

-.ครทู ักทายนกั เรยี นและใหน้ ักเรียนเล่นเกม Beginning with โดยแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทมี ใหแ้ ตล่ ะทมี แขง่

กนั บอก ชอ่ื ประเทศทขี่ ึ้นต้นด้วยตวั อกั ษรที่ครบู อกภายในเวลาท่ีกำหนด ถ้าบอกชอื่ ประเทศถกู ต้องจะได้

ชอ่ื ละ 1 คะแนน ทีมใดได้มากกว่าจะเปน็ ผชู้ นะ โดยครูให้นักเรียนเล่นเกมเพ่ือเปน็ ตวั อยา่ งก่อน 1 รอบ

T: Can you tell me a country beginning with A? Team A

Team A: Argentina

T: Can you tell me a country beginning with Z? Team B

Team B: Zimbabwe

2. Presentation (ขนั้ สอน)

44

-ครนู ำเสนอประเทศตา่ ง ๆ โดยใชบ้ ัตรภาพ สอนนกั เรียนออกเสยี งชือ่ ประเทศ โดยอธิบายว่าชือ่ ประเทศ
เหล่าน้จี ะลงเสยี งเน้นหนกั ท่ีพยางค์แรก ยกเวน้ the USA และ the UK ซ่ึงลงเสียงเน้นหนักท่พี ยางค์สดุ ท้าย
สว่ นคำวา่ Greece ซ่ึงลงทา้ ยดว้ ย ce ใหอ้ อกเป็นเสยี ง /s/ แล้วใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสยี งชอื่ ประเทศตามครู 2
คร้งั โดยออกเสยี งเน้นหนกั ให้ถูกต้อง

T: Today we are going to learn about countries and nationalities. All countries will
stress at the first syllable except USA and UK. Greece is pronounce ce as s

T: Repeat after me!
S: (Repeat)
-ครสู อนออกเสยี งคำศัพทเ์ กยี่ วกับเชือ้ ชาติ โดยเขียนคำศัพทบ์ นกระดาน แล้วขดี เส้นใต้พยางค์ท่ีลงเสียง
เน้นหนกั จากน้ันให้นักเรยี นอ่านออกเสียงคำศัพทต์ ามครู 2 ครั้ง
China – Chinese Russia – Russian
Italy – Italian Spain – Spanish
Mexico – Mexican Turkey – Turkish
Poland – Polish the UK – British
Portugal – Portuguese the USA – American
T: Now let’s learn about all of these nationalities. Repeat after me “Chinese”
S: (Repeat)
3.Practice (ขนั้ ฝึก)
-ครใู ห้นกั เรียนทำใบงานโดยการอา่ นข้อมลู ของแตล่ ะคนจากบนอ่านต่อไปนี้แลว้ นำข้อมูลไปใส่ในตารางให้
ถกู ต้อง
Miguel’s from Mexico. His favourite subject is history. His favourite sport is football.
May’s from Japan. Her favourite subject is science. Her favourite sport is badminton.
Lyn’s from Japan. Her favourite subject is maths. Her favourite sport is basketball.
Maria’s from Spain. Her favourite subject is history. Her favourite sport is basketball.
Nelly’s from Spain. Her favourite subject is art. Her favourite sport is gymnastics

Name Country Favourite subjects Favourite sport

Miguel Mexico history football

May Japan science badminton

Lyn Japan maths basketball

45

Maria Spain history basketball
Nelly Spain art gymnastics

4. Production (ข้ันผลิต)
- ครูใหน้ ักเรยี นจบั คสู่ นทนาขอและให้ขอ้ มูลส่วนตัว โดยใชร้ ปู แบบดังนี้

T: Now I want you to find your partner for making this conversation to ask and give
personal information.
A: What’s your name?
B: I’m (ชอื่ )./My name’s (ชอ่ื ).
A: How old are you?
B: I’m (อายุ) (years old).
A: Where are you from?
B: I’m from (ชอ่ื ประเทศ).
A: Are you (เชื้อชาติ)?
B: Yes./No. I’m (เช้ือชาต)ิ .
A: What’s your favourite subject?
B: My favourite subject(s) is/(are) (ชือ่ วิชา)./I like (ชอื่ วชิ า).
A: What’s your favourite sport?
B: My favourite sport(s) is/(are) (ช่อื กีฬา)./I like (ชื่อกีฬา).
A: Are you good at (ชื่อวิชา)?
B: Yes, I am/No, I’m not.

T: (Make conversation)
5. Wrap up (ขัน้ สรุป)
-ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรปุ บทเรยี นโดยครูให้ครูให้นักเรียนเขียนใหข้ ้อมูลเก่ียวกบั ตนเองตามโครงรา่ งท่ี
กำหนดให้
Hi! My name’s Marinee and I’m 12 years old. I’m from Nakorn Sawan, Thailand. I’m
Thai. My favourite subject is maths and my favourite sport is swimming.
-ครขู ออาสาสมคั รใหน้ ักเรยี นออกมาให้ข้อมลู ส่วนตัวหนา้ ชน้ั เรียน
T: I want some volunteers to give their personal information.
S: (Present)
T: Today time’ up. See you next time.

46

9. สื่อการเรียนรู้
1. ใบงานเร่ือง personal information
2. บทอา่ นเร่อื ง personal information
3. บตั รภาพประเทศต่าง ๆ

10. การวัดและประเมนิ ผล วธิ วี ัด เคร่อื งมอื ผ่านเกณฑ์ในระดบั
ประเมิน แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑร์ ะดับ
เกณฑ์ ชิน้ งาน
1.นกั เรียนสามารถระบขุ ้อมลู สว่ นตวั จากบทอ่านได้ ประเมนิ ชิ้นงาน พอใช้ขน้ึ ไป
ถกู ต้อง การพูด แบบประเมินการ ผ่านเกณฑร์ ะดบั
2.นกั เรยี นสามารถสนทนาขอและให้ข้อมลู สว่ นตวั ได้
ถกู ต้อง พดู พอใช้ขนึ้ ไป

เกณฑ์การวดั ประเมนิ ภาครวม เกณฑ์การประเมนิ รายจดุ ประสงค์
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
1 ควรปรบั ปรุง
1-2 ควรปรับปรุง 2 พอใช้
3-4 พอใช้ 3 ดี
5-6 ดี