ม.1ก แผนการจัดการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ โรงเรยี นบ้านนาดอย ก ก คำนำ การจดั ทำแผนการจีดการเรียนรนู้ บั เป็นวิธหี นง่ึ ที่ทำใหค้ รูผู้สอนไดม้ ีการเตรียมการสอนล่วงหนา้ กอ่ นท่ี การจัดทำแผนการเรยี นร้ฉู บับน้ี ผ้จู ดั ทำไดศ้ ึกษาค้นควา้ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน ขา้ พเจ้าหวงั เป็นอย่างยงิ่ ว่า แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับน้จี ะช่วยใหก้ ารเรยี นการสอนของกลุ่มสาระการ ข สารบัญ เร่อื ง หน้า คำนำ.................................................................................................................................... ก สารบญั ................................................................................................................................. ข หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง School subjects 1 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 เรื่อง I like English. 12 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง Article 21 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่ือง First day 33 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 5 เร่ือง Asking and giving information 42 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง writing an email 52 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 7 เรือ่ ง Country of the world 60 นางสาวศศินา เจรญิ พรกลุ 1 โรงเรยี นบ้านนาดอย กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ School days ชือ่ วิชา ภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน รหสั วิชา อ21101 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 จำนวน 15 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1 เร่ือง School subjects จำนวน 3 ช่ัวโมง ครูผสู้ อน นางสาวศศนิ า เจรญิ พรกุล ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สาระสำคญั การเรียนรู้เรื่อง Subject หรือ วชิ าแต่ละวิชา เชน่ math, English, history, P.E., music, art, science, computer เป็นตน้ การใชค้ ำถามสนทนาวา่ ชอบหรือไม่ชอบวิชาอะไร โดยใชค้ ำถาม What subject do you like? และ What subject don’t you like? การตอบคำถามวา่ ชอบวชิ าอะไรและไม่ชอบวชิ าอะไร โดยใช้โครงสรา้ ง I like + วชิ าท่ีชอบ และ I don’t like + วชิ าทีไ่ ม่ชอบ ทำให้ผเู้ รียนสามารถนำไปสนทนาใน ชวี ติ ประจำวันไดถ้ กู ต้อง 2. สาระ มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชี้วัด สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมลู ข่าวสารแสดงความรู้สึกและความ ตัวช้ีวัด Science /ˈsaɪ.əns/ (adj) วชิ าวิทยาศาสตร์ 2 English /ˈɪŋ.ɡlɪʃ/ (n.) ภาษาองั กฤษ 3 2. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 1. ใบงานเรอ่ื ง classroom survey เกี่ยวกับวิชาที่เพ่ือนชอบและไม่ชอบ 1. warm up (นำเขา้ สบู่ ทเรียน) T: Good morning students. 4 A: Hello. Let me introduce my self. My name is ………………………. 5 3.Practice (ข้นั ฝึก) T: Okay! Now I
will divide you into 4 groups Let’s count 1-4. 9. สื่อการเรียนรู้ 6 10. การวัดและประเมินผล เกณฑ์ วิธีวัด เครอ่ื งมือ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั พอใช้ขนึ้ ไป เกณฑ์การวดั ประเมนิ ภาครวม เกณฑ์การประเมนิ รายจดุ ประสงค์ 7 11.เกณฑ์การให้คะแนน ระดบั คะแนน 3 เกณฑ์ประเมนิ คะแนน 1. นักเรียนสามารถ ระบุและบอก นกั เรยี นสามารถระบุและ นักเรียนสามารถระบแุ ละ คำศัพท์ได้ถกู ต้อง 100% 79% 2. นกั เรียนสามารถ สนทนาถามตอบ
สนทนาถามตอบเก่ยี วกับ ไม่สามารถสนทนาถาม 3 3. นักเรียนมคี วาม ความสามัคคีและให้ ความสามคั คแี ละใหค้ วาม ไมค่ ่อยความสามคั คีและ รวม 9 8 12. แบบบนั ทกึ การใหค้ ะแนน พุทธพิ สิ ัย ทักษะพสิ ยั จิตพสิ ัย ผลรวม ผา่ น/ ระดับ 9 13. บันทกึ หลังการสอน บันทกึ ผลหลงั การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ School days ช่อื วิชา ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน รหสั วิชา อ21101 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 จำนวน 15 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่ือง School subjects จำนวน 3 ชวั่ โมง ครผู ูส้ อน นางสาวศศนิ า เจริญพรกุล ผลจากการจดั การเรยี นรู้ตามตัวช้ีวดั จำนวนนักเรยี นท้งั หมด 26 คน จากจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ข้อ 1 พบว่า - ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับพอใช้ขน้ึ ไป 19 คน คิดเป็นร้อยละ 73 - ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ปรบั ปรุง 7 คน คดิ เป็นร้อยละ 27 จากจุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อ 2 พบว่า - ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับพอใชข้ ึ้นไป 19 คน คิดเป็นร้อยละ 73 - ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ปรับปรุง 7 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 27 จากจุดประสงค์การเรยี นรู้ ข้อ 3 พบวา่ - ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับพอใช้ขน้ึ ไป 26 คน คิดเป็นร้อยละ 100 - ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมินระดบั ปรับปรุง 0 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 0 ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน - การปรบั ปรุงแก้ไข 1. ใหน้ ักเรยี นทีไ่ มผ่ า่ นจดุ ประสงคข์ อ้ ที่ 1 กลบั ไปทบทวนคำศัพทน์ อกเวลาเรียนแล้วมาสอบบอก ความหมายของคำศัพท์นอกเวลา 2. ให้นกั เรียนท่ีผา่ นจุดประสงคข์ อ้ ที่ 2 ชว่ ยนกั เรียนทีไ่ มผ่ ่าน ฝกึ พดู สนทนาเยอะ ๆ ลงชอื่ วนั ท.่ี .........เดอื น ..................พ.ศ............ 10 บตั รภาพ เร่อื ง School Subject 11 ใบงาน เรือ่ ง Classroom Survey Name…………………………………………………………………………………………… ชือ่ เพ่ือน วชิ าที่ชอบ วิชาทีไ่ ม่ชอบ 12 โรงเรียนบา้ นนาดอย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ School days ชือ่ วิชา ภาษาองั กฤษพื้นฐาน รหสั วชิ า อ21101 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 จำนวน 15 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 2 เร่ือง I like English. จำนวน 2 ช่ัวโมง ครูผู้สอน นางสาวศศินา เจรญิ พรกุล ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สาระสำคัญ การเรียนรู้เก่ยี วการการถามเหตุผล โดยใช้ โครงสรา้ งประโยค Why so you like + subject? และ ตอบเหตผุ ล โดยใช้ โครงสรา้ ง Because + เหตุผล หรือ I think + เหตุผล ทำให้ผเู้ รียนพูดและเขยี นแสดง ความรสู้ กึ พร้อมท้ังใหเ้ หตุผลสน้ั ๆ ประกอบอย่างเหมาะสม 2. สาระ มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวช้ีวดั สาระท่ี 1 ภาษาเพ่ือการสอื่ สาร มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปล่ียนขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความรูส้ ึกและ ความคดิ เห็นอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ม. 1/5 พูดและเขียนแสดงความรสู้ ึก และความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรอ่ื งตา่ งๆ ใกล้ตวั กิจกรรม ต่างๆ พร้อมทงั้ ใหเ้ หตุผลสน้ั ๆ ประกอบ อยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพดู และการเขียน ม.1/3 พูด/เขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั กจิ กรรมหรือเรอื่ งตา่ งๆ ใกล้ตวั พร้อมทั้งให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นกั เรียนสามารถบอกความหมายของเหตุผล สนทนาถาม-ตอบเหตุผลทช่ี อบหรือไม่ชอบวชิ านน้ั ๆ ได้ ถูกต้องและนักเรียนมีส่วนร่วมในกจิ กรรมทีจ่ ดั ข้นึ 13 4. สาระการเรียนรู้ คำศัพท์ (Vocabulary) Giving reason phrases It is fun. มันสนกุ It is interesting. มันนา่ สนใจ It is easy. มันง่าย I get to exercise. ฉนั ได้ออกกำลงั กาย I can show creativity. ฉันได้แสดงความคิดสรา้ งสรรค์ I feel relaxed. ฉนั ร้สู ึกผ่อนคลาย ไวยากรณ์ (Grammar) A: What subject do you like? B: I like + (วชิ าท่ีชอบ) A: Why do you like this subject? B: Because + เหตผุ ล, I think + เหตผุ ล หนา้ ทขี่ องภาษา Giving reason ทกั ษะ การฟัง : ฟังเพ่ือนถามและตอบเก่ยี วกบั เหตผุ ลท่ีชอบวิชาน้ัน ๆ การพูด : พูดสนทนาถาม-ตอบเกีย่ วกบั เหตุผลวิชาทชี่ อบ การอา่ น: อ่านคำสัง่ แบบฝึกหัด การเขยี น: เขยี นตอบคำถามแบบฝึก 5. สมรรถนะของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน 1. ใบงานเรอ่ื ง School subject 8. กระบวนการเรียนรู้ 14 1. warm up (นำเขา้ สบู่ ทเรียน) T: Good morning students. 15 T: We can give the reason that start with Because+ เหตผุ ล or I think + เหตุผล 5. Wrap up (ขน้ั สรุป) 16 หนึ่งใบ นกั เรยี นเดินมากระซิบคำนนั้ ทห่ี คู รู หากถูกตอ้ งให้นักเรยี นไปยนื อกี ฝ่งั หน่ึงของหอ้ ง ถ้าผิดใหอ้ อกจาก T: The last activity of today is “Sentence Recognition Game” I’ll stand in the middle 1. บตั รภาพวชิ าตา่ ง ๆ เกณฑ์ วิธีวัด เครอื่ งมอื ผ่านเกณฑใ์ นระดับ พอใช้ขน้ึ ไป เกณฑ์การวดั ประเมนิ ภาครวม เกณฑ์การประเมินรายจดุ ประสงค์ 17 11.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดบั คะแนน 3 เกณฑป์ ระเมนิ คะแนน 1. นักเรยี นสามารถ บอกความหมายของ บอกความหมายของเหตุ บอกความหมายของเหตุ 3 ถูกต้อง 2. นกั เรยี นสามารถ สนทนาถาม-ตอบ สนทนาถาม-ตอบเหตุผลที่ ไมส่ ามารถสนทนาถาม- สนทนาถาม-ตอบ เหตผุ ลท่ชี อบวชิ านั้น ๆ ชอบวชิ านนั้ ๆ ได้ถูกต้อง ตอบเหตผุ ลทีช่ อบวิชา 3 เหตผุ ลที่ชอบวิชา ไดถ้ ูกต้องและเปน็ แตต่ ดิ ๆ ขัดๆ นน้ั ๆ ได้ นั้น ๆ ไดถ้ กู ต้อง ธรรมชาติ 3. นกั เรยี นมสี ว่ น มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ มีสว่ นร่วมในกิจกรรมที่จัด ไม่มีสว่ นร่วมในกจิ กรรม รว่ มในกิจกรรมทจี่ ดั จัดขนึ้ ตลอดท้ังกิจกรรม ข้ึนแต่ไมต่ ลอด ท่ีจัดขนึ้ 3 ขึน้ รวม 9 18 12. แบบบันทึกการใหค้ ะแนน พทุ ธพิ ิสยั ทกั ษะพิสัย จติ พสิ ยั ผลรวม ผ่าน/ ระดับ 19 13. บันทึกหลังการสอน บนั ทึกผลหลงั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ School days ช่ือวิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน รหัสวชิ า อ21101 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 15 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 2 เร่อื ง I like English. จำนวน 2 ชวั่ โมง ครูผสู้ อน นางสาวศศินา เจริญพรกุล ผลจากการจดั การเรียนรู้ตามตวั ชี้วดั จำนวนนกั เรียนทงั้ หมด 26 คน จากจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ข้อ 1 พบว่า - ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับพอใช้ขนึ้ ไป 24 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 92 - ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรบั ปรุง 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 8 จากจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ข้อ 2 พบวา่ - ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับพอใชข้ ้นึ ไป 23 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 88 - ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดบั ปรับปรงุ 3 คน คิดเปน็ ร้อยละ 12 จากจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ข้อ 3 พบว่า - ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับพอใช้ขนึ้ ไป 26 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 100 - ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรับปรุง 0 คน คดิ เป็นร้อยละ 0 ปญั หาและอุปสรรคระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน นักเรยี นบางคนไม่มีพนื้ ฐานภาษาอังกฤษเลยทำใหต้ ามเพือ่ นไมท่ ัน การปรบั ปรุงแกไ้ ข 1. ครทู ำการสอนเสริมสำหรบั นกั เรียนท่ีไมม่ ีพ้นื ฐานภาษาอังกฤษและที่ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์ 2. ให้ทำแบบฝกึ หดั เพิ่มเติม และลดระดบั ความยากให้นักเรียน ลงช่ือ 20 บตั รภาพ เรือ่ ง School
Subject 21 โรงเรียนบ้านนาดอย กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ School days ชอื่ วิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน รหัสวชิ า อ21101 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 จำนวน 15 ชวั่ โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 3 เร่ือง Article (a,an,the) จำนวน 2 ชั่วโมง ครูผ้สู อน นางสาวศศนิ า เจรญิ พรกุล ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สาระสำคัญ การเรียนรู้ articles คอื คำทีใ่ ช้ประกอบหนา้ คำนาม เช่น a an และ the a ใช้นำหน้าคำนามนบั ได้ท่ี เปน็ เอกพจน์ และขึ้นต้นด้วยพยญั ชนะ an ใชน้ ำหนา้ คำนามทีเ่ ปน็ เอกพจน์และขึ้นตน้ ดว้ ยสระ อนั ประกอบด้วย a, e, i, o และ u ทำให้ผ้เู รยี นสามารถนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ถกู ต้อง 2. สาระ มาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวชีว้ ดั สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่อื สาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรื่องทีฟ่ ังและอา่ นจากสือ่ ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่าง มเี หตผุ ล ม. 1/1 ปฏิบัติตามคำสง่ั คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจงง่ายๆท่ีฟังและอา่ น ม. 1/2 อา่ นออกเสยี งขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้ันๆ ถกู ต้องตาม หลกั การอา่ น สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา ม. 1/1 บอกความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งการ ออกเสียงประโยคชนิดตา่ งๆ การใช้ นักเรยี นสามารถระบกุ ารใช้ a an the ไดถ้ ูกต้อง 22 4. สาระการเรยี นรู้ คำศพั ท์ (Vocabulary) School objects ruler /ˈruː.lər/ (n.) ไมบ้ รรทัด eraser /ɪˈreɪ.zər/ (n.) ยางลบ pencil /ˈpen.səl/ (n.) ดนิ สอ book /bʊk/ (n.) หนังสือ bag /bæɡ/ (n.) กระเปา๋ table /ˈteɪ.bəl/ (n.) โต๊ะ chair /tʃeər (n.) เกา้ อี้ pen /ˈpen / ดินสอ computer /kəmˈpjuː.tər/ (n.) คอมพวิ เตอร์ bin /bɪn/ (n.) ถงั ขยะ ไวยากรณ์ (Grammar) -a ใช้นำหน้าคำนามนับได้ท่ีเปน็ เอกพจน์ และขนึ้ ต้นดว้ ยพยัญชนะ เชน่ A book, A bag, A table, A house -an ใช้นำหนา้ คำนามท่ีเป็นเอกพจน์และข้ึนต้นดว้ ยสระ เชน่ An apple, An umbrella, An ice-cream -the นำหนา้ คำนามไดท้ ้ังสระและพยัญชนะ แตเ่ ป็นคำนามเฉพาะเจาจง”นามท่ีรู้กนั ดวี า่ เปน็ อันไหน เช่น The moon, The sun หน้าทีข่ องภาษา Telling the thing by using a/an/the ทักษะ การฟงั : ฟงั ครอู อกเสียงคำศัพท์ การพูด : พูดสนทนาถาม-ตอบเกยี่ วกบั สิ่งของในโรงเรียนโดยใช้ a an the การอา่ น: อา่ นใบความรูเ้ รื่อง article การเขยี น: เขียนตอบแบบฝึกหัด 5. สมรรถนะของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน 1. แบบฝกึ หัดเรือ่ ง Article 23 8. กระบวนการเรียนรู้ -ครทู กั ทายนักเรยี นและนำเข้าสบู่ ทเรียนโดยใหน้ กั เรยี นทำกิจกรรม Simon Says before? -ครอู ธิบายวธิ กี ารเล่นวา่ หากครพู ูดคำว่า Simon says ตามด้วยการกระทำอย่างใดอย่างหนง่ึ ใหน้ ักเรียนทำตาม T: Simon is a teacher who tells players what they must do. However, the players must S: Do the activity 24 T: I will point, and you all read it one by one together 123. S: (Read) -ครแู บง่ กลุ่มนักเรียนออกเปน็ 5 กล่มุ แจกใบความร้เู กย่ี วกับ Article ให้นกั เรยี นกลุ่มละ 1 ชุด ให้แต่ละกลุ่ม ศึกษาความหมายและหลกั การใช้ Article แตล่ ะตวั T: Now I’ll divide you in to 5 groups by counting 1-4 . S: (Count 1-4) T: Group one is people who count one, group two count two, group three count three, four count four and five count five. I’ll give each group a knowledge sheet. What you have to do is to learn rules to use article. I’ll give you 5 minutes. S: (Group work) T: Time’s up. - ครูส่มุ ถามความเขา้ ใจของนักเรยี นทีละกลมุ่ โดยใช้คำถามว่า What is an article? How many articles that you have read? What are they? How to use a, an, the? พรอ้ มอธบิ ายเพิ่มเตมิ บนกระดานและ ยกตวั อย่างประกอบ T: Group one. After reading about article, can you tell me what is article in Thai? S1: (Answer) T: Group two, how to use “a”? S2: (Answer) T: Group three. How to use “an”? S3: (Answer) T: Group four. How many vowel? What are they? S4: (Answer) T: Group five. How to use “the”? S5: (Answer) 3.Practice (ข้นั ฝึก) -ครใู หน้ ักเรียนช่วยกนั ทำแบบฝึกหัดเรอื่ ง Article โดยให้นักเรยี นเลอื กเติม Article ใหถ้ กู ตอ้ ง T: Time to do the activity. What you have to do is choosing the correct article. S: (do their exercise) 1. a pencil 2. a table 3. an eraser 4. a ruler 5. a notebook 6. an umbrella 7. a bag 8. an orange 25 -ครขู ออาสาสมคั รให้นักเรียนออกมาเขียนเฉลยคำตอบบนกระดาน แล้วใหเ้ พ่อื ท่ีเหลอื ช่วยตรวจสอบความ T: Time’s up! I want eight volunteers to answer the correct article on the board. 26 2. ใบความรู้เรือ่ ง Article (a, an, the) วิธีวัด เครื่องมือ ผา่ นเกณฑ์ในระดับ เกณฑ์การวดั ประเมิน 1 ควรปรับปรงุ 11.เกณฑก์ ารให้คะแนน ระดับคะแนน 3 เกณฑ์ประเมิน 1 คะแนน a an the ได้ ไดถ้ ูกต้องมากกวา่ 50 ถกู ต้อง 40-50 ข้อ ได้ถูกตอ้ งน้อยกวา่ 40 ถูกต้อง ขอ้ ขอ้ รวม 9 27 12. แบบบันทึกการให้คะแนน เลขท่ี ชอื่ - ช่ือสกลุ พุทธิพสิ ัย ผลรวม คะแนน ผ่าน/ไมผ่ ่าน ระดบั 1 ด.ช.ประวทิ ย์ นฤมลสมั ฤทธ์ิ 2 2 ผา่ น พอใช้ 28 13. บนั ทกึ หลังการสอน บนั ทึกผลหลงั การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ School days ชอื่ วิชา ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน รหสั วิชา อ21101 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 จำนวน 15 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง Article (a, an, the) จำนวน 2 ช่ัวโมง ครผู ูส้ อน นางสาวศศนิ า เจรญิ พรกุล ผลจากการจัดการเรียนรู้ตามตัวชี้วดั จำนวนนักเรียนท้ังหมด 26 คน จากจุดประสงค์การเรียนรู้ - ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับพอใช้ข้ึนไป 20 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 77 - ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ปรบั ปรุง 6 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 23 ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน - การปรับปรุงแกไ้ ข ทบทวนหลักการใช้ Article ให้นักเรียนที่ไม่ผา่ นจุดประสงค์ซำ้ อย่างชา้ ๆ แลว้ ใหน้ ักเรยี นช่วยกนั ทำ อีกรอบหน่งึ ลงช่ือ 29 บตั รภาพ เรื่อง Classroom object 30 ใบความรู้ เรอื่ ง Article (a, an, the) Articles Articles เป็นคำคุณศพั ท์อย่างหนงึ่ Articles แปลว่า “คำนำหน้านาม” หมายความวา่ คำนำหนา้ ทกุ ตวั ในภาษาอังกฤษเวลาพดู หรอื เขียนตอ้ งใช้ Articles นำหนา้ ทง้ั น้นั (ยกเวน้ นามบางตวั หรอื บางกรณีไม่ตอ้ งใช้ Articles นำหนา้ ) หลักการใช้ article นำหน้านาม คือ เมอื่ กลา่ วเปน็ การทว่ั ไป - นามนับได้เอกพจน์ จะตอ้ งมี a หรอื an นำหน้าเสมอ - นามพหพู จน์และนามนบั ไมไ่ ด้ ไมต่ อ้ งมี article ใดๆ เมอื่ กลา่ วเปน็ การชี้เฉพาะ - จะตอ้ งใช้ the นำหน้าเสมอไมว่ า่ จะเปน็ นามเอกพจน์หรือ พหพู จน์เปน็ นามนบั ไดห้ รอื ไม่ได้ Articles แบง่ เป็น 2 ชนดิ คือ 1. Indefinite Article ได้แก่ a และ an ใช้นำหน้านามนบั ได้ (Countable Nouns) เอกพจน์ท่วั ๆไป (Singular) 2. Definite Article ได้แก่ the ซงึ่ ใชน้ ำหน้าคำนามนบั ได้(Countable Nouns) และนามนบั ไมไ่ ด้ (Uncountable Nouns) ทงั้ รปู เอกพจน์ (Singular) และพหพู จน์ (Plural) เพ่ือใหน้ ามนัน้ มคี วามหมายเฉพาะเจาะจง หลกั การใช้ Indefinite Article ได้แก่ a, an มีหลักการใช้ดงั น้ี 1. ใช้ an นำหน้าคำทข่ี ้ึนตน้ ด้วยสระ a, e, i, o,u หรอื ออกเสียงสระไม่ว่าจะเขยี นข้ึนต้นด้วยพยญั ชนะกต็ าม เชน่ an elephant, an hour, an umbrella, an apple 2. ใช้ a, an นำหน้าคำนามเอกพจน์ท่นี บั ไดเ้ สมอท่ีมีความหมายเป็น"หน่งึ " เชน่ She has a dog. 3. ใช้ a, an นำหนา้ คำทบี่ อกอาชพี เชน่ I am a student. 4. ใช้ a, an นำหน้านามเอกพจน์ทแี่ ปลเป็นตอ่ ...(หนว่ ย) เชน่ Oranges cost 50 baht a kilogram. 5. ใช้ a กบั การเจ็บไขไ้ ด้ปว่ ย เช่น I have eaten papaya salad at lunch and now I have a stomachache. 6. ใช้ a, an ในประโยคอทุ านตามหลงั what เช่น What is this? It’s a pear. ขอ้ ยกเวน้ ในการใช้ a 1. นามบางตวั แม้จะขน้ึ ตน้ ด้วยพยัญชนะ แตไ่ มอ่ ่านออกเสยี งพยัญชนะตัวทีข่ ้นึ ต้น กลับขา้ มไปอ่านออกเสยี งสระอยู่ที่ถดั ไปนามตัวน้ัน ใหใ้ ช้ an นำหน้าแทน หา้ มใช้ a โดยเดด็ ขาด เท่าทป่ี รากฏเหน็ ก็ได้แก่ที่ข้ึนต้นด้วย "h" เท่าน้นั เชน่ - an hour หน่งึ ช่ัวโมง - an honest man คนซอื่ สัตย์ หรอื สุจริตชน - an honourabe guest แขกผู้มีเกียรติ 2. คำนามที่นับไมไ่ ด้ และคำนามพหูพจน์ทกุ ชนิด 3. ไมใ่ ช้นำหนา้ ช่ือวชิ า ชอ่ื กีฬา ชื่อประเทศ ชอ่ื เมอื ง และช่ือมหาวทิ ยาลยั 4. ไมใ่ ชห้ น้าคำท่เี ป็นมือ้ อาหาร breakfast, lunch, dinner ขอ้ ยกเว้นในการใช้ an 1. นำหนา้ นามบางตวั แม้จะขน้ึ ต้นสระแต่อา่ นออกเสยี งสระทข่ี น้ึ ต้นนัน้ เปน็ เสยี งพยญั ชนะ "ย" นามตวั นนั้ ให้ใช้ a นำหนา้ แทน หา้ มใช้ an นำหน้าโดยเดด็ ขาดเท่าทีป่ รากฏเห็นก็ได้แก่ที่ข้นึ ต้นด้วย "U" และ "E" เช่น - a university มหาวทิ ยาลัย - a uniform เคร่อื งแบบ - a European ชาวยโุ รป - a union สหภาพ 31 - a union สหภาพ 32 ใบงาน เรือ่ ง Article (a, an, the) 33 โรงเรยี นบา้ นนาดอย กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ School days ชื่อวิชา ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน รหสั วิชา อ21101 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 15 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 เรอื่ ง First day จำนวน 2 ชั่วโมง ครผู ้สู อน นางสาวศศนิ า เจรญิ พรกุล ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สาระสำคญั การเรยี นรเู้ รอื่ ง การแนะนำตัวเม่อื เจอกนั ครั้งแรก การรู้จัก Subject pronoun ซึ่งประกอบไปด้วย I, You, We, They, He, She, It ส่วน Object pronoun จะมี me, you, him, her, it, us, themและการใช้ verb to be 2. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้วี ดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรือ่ งท่ีฟังและอา่ นจากส่ือประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็ อยา่ ง มีเหตผุ ล ม. 1/3 เลอื ก/ระบปุ ระโยคและข้อความให้สมั พนั ธ์กบั สื่อท่ีไม่ใช่ความเรยี งที่อ่าน สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พันธก์ ับชมุ ชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ท้ังในสถานศึกษา ชุมชน และสงั คม ตวั ชวี้ ดั ม. 1/1 ใช้ภาษาสื่อสาร ในสถานการณ์จรงิ /สถานการณจ์ ำลองทเี่ กิดข้ึนในห้องเรยี นและ สถานศกึ ษา 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นกั เรียนสามารถระบกุ ารใช้ verb to be ไดถ้ กู ต้อง สามารถทกั ทายและแนะนำตวั คร้งั แรกได้อยา่ งเป็น ธรรมชาติ 34 4. สาระการเรยี นรู้ ไวยากรณ์ (Grammar) Subject pronoun Object pronoun I me You you We us They them He him She her It it verb to be คือ คำกริยาทใ่ี ชแ้ สดงสถานะ เป็น อยู่ คือ วธิ ีการเลอื กใช้ is am are มดี ังน้ี is จะใชก้ ับประธานที่เปน็ คำนามเอกพจน์ He She It am จะใช้กบั ประธานทเ่ี ปน็ I เทา่ น้นั are จะใชก้ บั ประธานทีเ่ ป็นคำนามที่เปน็ พหูพจน์ You We They หนา้ ทข่ี องภาษา -Greeting ทกั ษะ การฟงั : ฟังครรู ้องเพลง การพดู : พูดบอก subject pronoun การอา่ น: อา่ นใบความรเู้ รื่อง verb to be การเขียน: เขยี นตอบแบบฝึกหดั 5. สมรรถนะของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน 1. ใบงานเร่อื ง Verb to be 35 8. กระบวนการเรียนรู้ -.ครูทกั ทายนกั เรยี นและนำเข้าสู่บทเรยี นเกย่ี วกับเร่ืองทจ่ี ะสอนในวันน้ี (เร่ือง Introducing yourself) ครใู ห้ T : Good morning everyone. How are you? -ครนู ำเสนอบทสนทนาการพบกันครั้งแรก ให้นักเรยี นอา่ นตามจากนั้นให้นักเรียนจับคู่ผลดั กันถามตอบ T: Look at this conversation about the first meet. T: Find your partner and make this conversation 36 บนกระดาน 3.Practice (ขน้ั ฝึก) T: Time to check your understanding. I’ll give each of you a worksheet. You have to S: (Do their works) 4. Production (ข้นั ผลติ ) T: Do you know how to make verb to be to negative form? 37 5. Wrap up (ขั้นสรปุ ) T: Look at the picture, tell the correct pronoun and choose the correct verb to be. 9. สื่อการเรยี นรู้ 10. การวดั และประเมินผล เกณฑ์ วธิ ีวัด เครื่องมือ ผา่ นเกณฑใ์ นระดับ เกณฑ์การวัดประเมินภาครวม เกณฑ์การประเมินรายจดุ ประสงค์ 38 11.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ระดบั คะแนน 3 เกณฑ์ประเมนิ คะแนน 1. นักเรยี นสามารถ ระบกุ ารใช้ verb to ระบุการใช้ verb to be ระบุการใช้ verb to be 3 ถูกต้อง 2. นักเรียนทกั ทาย ทกั ทายและแนะนำตวั ทักทายและแนะนำตวั ได้ ทักทายและแนะนำตวั ได้ 3 รวม 9 39 12. แบบบันทึกการให้คะแนน พุทธิพสิ ัย ทักษะพิสยั ผลรวม ผา่ น/ไม่ ระดบั ดี 40 13. บันทึกหลงั การสอน บันทึกผลหลงั การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ School days ชอ่ื วิชา ภาษาองั กฤษพนื้ ฐาน รหสั วชิ า อ21101 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 15 ชวั่ โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรื่อง First day จำนวน 2 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางสาวศศนิ า เจริญพรกุล ผลจากการจดั การเรยี นรู้ตามตัวช้วี ดั จำนวนนกั เรียนท้งั หมด 26 คน จากจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ข้อ 1 พบว่า - ผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดับพอใช้ข้นึ ไป 19 คน คดิ เป็นร้อยละ 73 - ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรับปรุง 7 คน คิดเป็นร้อยละ 27 จากจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ข้อ 2 พบว่า - ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับพอใชข้ ึ้นไป 24 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 92 - ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรบั ปรงุ 2 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 8 ปัญหาและอปุ สรรคระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน - การปรับปรุงแกไ้ ข 1. จดั ทำแบบฝึกเพม่ิ เตมิ สำหรับนักเรียนทไ่ี ม่ผ่านจดุ ประสงค์ท่ี 1 2. ปรับเกณฑ์การประเมนิ สำหรับนักเรยี นอ่อน ลงชือ่ 41 ใบงาน เรื่อง verb to be 42 โรงเรยี นบ้านนาดอย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ School days ช่อื วิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน รหัสวิชา อ21101 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 จำนวน 15 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 5 เรอ่ื ง Asking and giving information จำนวน 2 ชั่วโมง ครผู ้สู อน นางสาวศศนิ า เจริญพรกุล ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สาระสำคัญ การเรยี นรู้เกย่ี วกับประเทศและสญั ชาติ การขอและใหข้ ้อมูลสว่ นตัว สนทนา แลกเปลย่ี นขอ้ มลู เก่ียวกับตนเอง และสถานการณต์ า่ งๆ ในชวี ติ ประจำวัน 2. สาระ มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชวี้ ดั สาระท่ี 1 ภาษาเพือ่ การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรอ่ื งทฟี่ ังและอา่ นจากส่อื ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็นอยา่ ง มเี หตผุ ล ตวั ชวี้ ดั ม. 1/3 เลือก/ระบุประโยคและข้อความให้สัมพนั ธ์กับส่ือท่ีไมใ่ ช่ความเรยี งท่ีอา่ น มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความรสู้ กึ และ ความคิดเหน็ อยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั ช้วี ดั ม. 1/1 สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมลู เกีย่ วกับตนเอง กจิ กรรม และสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ม.1/4 พดู และเขยี นเพ่ือขอและให้ข้อมูล และแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับเรือ่ งทฟ่ี ัง หรืออ่านอย่าง เหมาะสม สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธก์ บั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทง้ั ในสถานศกึ ษา ชุมชน และสงั คม ตวั ชีว้ ัด ม. 1/1 ใชภ้ าษาส่ือสาร ในสถานการณ์จรงิ /สถานการณ์จำลองท่เี กดิ ขน้ึ ในหอ้ งเรียนและ สถานศกึ ษา 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นกั เรยี นสามารถระบุข้อมูลสว่ นตัวจากบทอา่ นและสนทนาขอและใหข้ อ้ มูลส่วนตัวไดถ้ ูกต้อง 4. สาระการเรียนรู้ คำศพั ท์ (Vocabulary) - China – Chinese Russia – Russian 43 Italy – Italian Spain – Spanish Mexico – Mexican Turkey – Turkish Poland – Polish the UK – British Portugal – Portuguese the USA – American ไวยากรณ์ (Grammar) - หนา้ ท่ขี องภาษา -Asking for and giving personal information ทกั ษะ การฟัง : ฟังเพื่อนถามและให้ขอ้ มลู ส่วนตัว การพดู : พดู ขอและให้ขอ้ มูลสว่ นตวั การอา่ น: อ่านบทความเกี่ยวกับข้อมูลของแตล่ ะคน การเขียน: เขยี นให้ขอ้ มลู สว่ นตวั 5. สมรรถนะของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน 1. ใบงานเร่ือง Personal information 2. เขียนใหข้ อ้ มลู ส่วนตวั ของตัวเอง 8. กระบวนการเรียนรู้ 1. warm up (นำเข้าสู่บทเรียน) -.ครทู ักทายนกั เรยี นและใหน้ ักเรียนเล่นเกม Beginning with โดยแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทมี ใหแ้ ตล่ ะทมี แขง่ กนั บอก ชอ่ื ประเทศทขี่ ึ้นต้นด้วยตวั อกั ษรที่ครบู อกภายในเวลาท่ีกำหนด ถ้าบอกชอื่ ประเทศถกู ต้องจะได้ ชอ่ื ละ 1 คะแนน ทีมใดได้มากกว่าจะเปน็ ผชู้ นะ โดยครูให้นักเรียนเล่นเกมเพ่ือเปน็ ตวั อยา่ งก่อน 1 รอบ T: Can you tell me a country beginning with A? Team A Team A: Argentina T: Can you tell me a country beginning with Z? Team B Team B: Zimbabwe 2. Presentation (ขนั้ สอน) 44 -ครนู ำเสนอประเทศตา่ ง ๆ โดยใชบ้ ัตรภาพ สอนนกั เรียนออกเสยี งชือ่ ประเทศ โดยอธิบายว่าชือ่
ประเทศ T: Today we are going to learn about countries and nationalities. All countries will T: Repeat after me! Name Country Favourite subjects Favourite sport Miguel Mexico history football May Japan science badminton Lyn Japan maths basketball 45 Maria Spain history basketball 4. Production (ข้ันผลิต) T: Now I want you to find your partner for making this conversation to ask and give T: (Make conversation) 46 9. สื่อการเรียนรู้ 10. การวัดและประเมนิ ผล วธิ วี ัด เคร่อื งมอื ผ่านเกณฑ์ในระดบั เกณฑ์การวดั ประเมนิ ภาครวม เกณฑ์การประเมนิ รายจดุ ประสงค์ |