ใบงานหน่วยที่ 1 การตั้งประเด็นปัญหา Link to this worksheet: Copy Koonnoona What do you want to do? Enter your full name: Group/level: School subject: Enter your teacher's email or key code: CancelPlease allow access to the microphone Close IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม from Ploykarn Lamdual คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนช่วยกนั คิดระดมพลังสมองตัง้ คาถาม/ขอ้ สงสยั และระบปุ ระเดน็ ปัญหาทีก่ ลมุ่ ตนเองสนใจ ท่ี คาถาม/ข้อสงสัย ประเด็นปัญหา 1 …………………………………………………….. …………………………………………………….. 2 …………………………………………………….. …………………………………………………….. 3 …………………………………………………….. …………………………………………………….. 4 …………………………………………………….. …………………………………………………….. 5 …………………………………………………….. …………………………………………………….. 6 …………………………………………………….. …………………………………………………….. 7 …………………………………………………….. …………………………………………………….. 8 …………………………………………………….. …………………………………………………….. 9 …………………………………………………….. …………………………………………………….. 10 …………………………………………………….. …………………………………………………….. ชอื่ ………………………...…………………………ชน้ั ………….เลขท…ี่ ……….. 15 ใบความร้ทู ่ี 2 1. สมมติฐาน หมายถึง ความเช่ือของบุคคลใดบุคคลหน่ึง หรือ ของกลุ่มใดกลุ่มหน่ึงหรืออาจกล่าวได้ - เจ้าของร้านค้าปลกี คาดวา่ จะมีกาไรสุทธิจากการขายสินคา้ ต่อปไี ม่ต่ากวา่ 500,000 บาท 16 ตัวอยา่ งการต้ังสมมติฐาน ขอ้ สงสัย/ขอ้ สังเกต/ปญั หา “ทาไมหญ้าบรเิ วณใตต้ ้นไม้จงึ ไมง่ อกงามเท่าหญา้ ท่ีอยู่กลางแจ้ง” ข้อสงสัย/ข้อสงั เกต/ปญั หา “ความเรว็ รถข้นึ อยูก่ บั ปจั จยั อะไรบ้าง” ประเดน็ ปญั หา “ขนาดของยางรถยนตม์ ีผลตอ่ ความเร็วของรถยนต์หรือไม่” สมมตฐิ าน “เม่ือขนาดของยางรถยนต์ใหญข่ นึ้ ความเรว็ ของรถยนต์จะลดลง” ขอ้ สงสัย/ขอ้ สังเกต/ปัญหา “นักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2/…..ชอบอา่ นหนงั สอื ประเภทใด” ประเด็นปญั หา “ศึกษาพฤตกิ รรมการเลือกอ่านหนังสือของนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ...” สมมตฐิ าน “ถ้านกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ……. มนี ิสัยชอบเพ้อฝนั ดังน้นั นกั เรยี น ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี…..ชอบอ่านหนงั สอื นวนิยาย” (การวจิ ัยเชงิ สารวจไม่ต้องตง้ั สมมติฐานก็ได้) 17 ใบงานที่ 7 คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนตอบคาถามลงในชอ่ งว่างใหไ้ ด้ใจความถกู ต้องสมบรู ณ์ 1. สมมตฐิ าน 2. การตั้งสมมติฐาน คือ 3. การพยากรณ์ คือ 4. บอกหลักในการต้ังสมมติฐาน 5. บอกลกั ษณะการตัง้ สมมตฐิ านทด่ี ี ช่อื ………………………...…………………………ช้นั ………….เลขท…ี่ ……….. 18 ใบงานที่ 8 คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นต้ังสมมติฐานตามประเด็นปญั หาท่ีกาหนดให้ ดงั น้ี ท่ี ประเด็นปญั หา สมมติฐาน ตวั วธิ กี ารเลยี้ งดขู องผู้ปกครองมีผลต่อ วิธีการเล้ยี งดขู องผู้ปกครองมผี ลต่อพฤติกรรมการ อย่าง พฤติกรรมการก้าวร้าวของเดก็ กา้ วร้าวของเด็ก 1 การสารวจพฤติกรรมการใชผ้ งชูรสในการ …………………………………………………………………………… 2 การสารวจพฤติกรรมการใชโ้ ทรศัพทข์ อง …………………………………………………………………………… 3 ผลกระทบท่เี กิดจากการท่ีไม่ได้อยูอ่ าศัยกับ …………………………………………………………………………… 4 การสกดั สีจากวสั ดธุ รรมชาติเพ่ือนามาใช้ …………………………………………………………………………… 5 การศกึ ษาสมุนไพรที่มีผลตอ่ การดับกลน่ิ เท้า …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… 6 สารวจพฤติกรรมเกย่ี วกับการบรโิ ภค …………………………………………………………………………… 7 ผลกระทบที่เกดิ จากสภาวะน้ามนั แพง …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… 8 การสารวจการเลน่ เกมออนไลน์ของนักเรียน …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… 9 การสารวจการประหยดั พลงั งานไฟฟ้าของ …………………………………………………………………………… 10 การศกึ ษาผลการจัดทาบญั ชีครวั เรอื นของ …………………………………………………………………………… ช่อื ………………………...…………………………ชนั้ ………….เลขท…่ี ……….. 19 ใบความร้ทู ี่ 3 การตง้ั ประเดน็ ปัญหา การวจิ ยั เป็นการหาคาตอบทอี่ ยากรู้ ทสี่ งสัย ท่ีเป็นปัญหาข้องใจ แต่คาตอบนั้นต้องเช่ือถือได้ ไม่ใช่ การคาดเดา หรือคิดสรุปไปเองโดยใช้ความรู้สึก วิธีการหาคาตอบจึงต้องเป็นกระบวนการ ข้ันตอนอย่างเป็น ระบบ ตัวอย่าง เช่น - ถ้าต้องการทราบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2/…..โรงเรียนลือคาหาญวารินชาราบ ชอบ จะคาดเดาเองหรอื ไปสอบถามนักเรียนเพียงหนึง่ คน สองคน แลว้ มาสรุปว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/…..โรงเรียนลือคาหาญวารินชาราบ ชอบอา่ นหนังสอื ประเภทน้นั ประเภทนไ้ี มไ่ ด้ แต่ต้องทาแบบสอบถามให้นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2/…..โรงเรียนลือคาหาญวารินชาราบ เป็น ผู้ตอบแล้วนามาสรุปคาตอบข้อคน้ พบท่ไี ด้ เป็นตน้ ผลท่ีได้จากการทาวจิ ัย นอกจากจะได้คาตอบท่ีต้องการแล้ว ผู้วิจัยเองก็ได้ประโยชน์จาก การทาวิจัย คือ การเป็นคนช่างคิด ช่างสังเกต ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ และเขียนเรียบเรียง อย่างเป็นระบบ นอกจากน้นั การวจิ ยั จะเกดิ ประโยชนใ์ นภาพรวม ดังนี้ 1. การวจิ ยั ทาให้เกิดความรู้ทางวชิ าการใหม่ๆ 2. การวจิ ยั ทาให้เกิดนวตั กรรม ส่งิ ประดษิ ฐ์ แนวคดิ ใหมๆ่ 3. การวิจัยช่วยตอบคาถามทอ่ี ยากรู้ ใหเ้ ขา้ ใจปัญหา และชว่ ยในการแก้ปญั หา 4. การวิจยั ชว่ ยในการวางแผนและตดั สนิ ใจ 5. การวจิ ยั ช่วยใหท้ ราบผลและขอ้ บกพร่องจากการดาเนินงาน การค้นหาความรู้ ความจรงิ และตรวจสอบความถูกตอ้ ง ความรู้ ความจรงิ ของ ชาร์ล ดาร์วนิ ( Charles Darwin ) ซ่ึงปัจจุบันเรียกว่า วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) เป็นวิธีการหาความรู้ ความจริงท่ีน่าเช่ือถือที่สุดการวิจัยได้นาเอาวิธีการทางวิทยาศาสตร์นี้ขึ้นมาประยุกต์เป็นกระบวนการวิจัย ประกอบดว้ ย 5 ข้ันตอน ดังน้ี 1. ขั้นปัญหา (Problem) เป็นข้ันตอนท่ีเราสังเกตพบปัญหาความต้องการความรู้ความจริงหน่ึงว่ามี เหตุการณห์ รอื สภาพการณ์เปน็ อย่างไร มีเหตุหรือปัจจยั อะไรทีท่ าให้เกดิ เหตกุ ารณ์หรือสภาพเหตุการณ์นั้น 2. วิธีตั้งสมมติฐาน (Hypothesis) ในข้ันตอนนี้เราจะต้องศึกษาทบทวนความรู้เดิมมาประกอบการ พิจารณาว่าคาตอบของปัญหาในขั้นท่ี1 นั้นจะเป็นอย่างไร ซ่ึงเรียกว่า การตั้งสมมติฐาน ซึ่งจะเป็นแนวในการ ตรวจสอบวา่ สมมติฐานท่ีต้ังขึ้นจะเปน็ จริงหรอื ไม่ 3. ข้นั รวบรวมข้อมลู (Gathering Data) ในขนั้ น้เี ราจะทาการเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีเก่ียวข้อง มาอย่าง เพียงพอและตรงกบั ส่งิ ท่ตี อ้ งการศกึ ษา 4. ขัน้ วเิ คราะหข์ อ้ มลู (Analysis) ในขัน้ น้จี ะเปน็ การนาข้อมูลท่ีรวบรวมมาทาการวิเคราะห์เพ่ือมาหา ลกั ษณะร่วมหรอื สอดคลอ้ งกนั ของข้อมลู เหล่าน้ัน และพจิ ารณาวา่ ขอ้ มลู เหล่านม้ี ีกี่ลักษณะและแตกต่างอย่างไร เป็นต้น 5. ขน้ั สรุป (Conclusion) ในขน้ั ตอนนนี้ าผลการวิเคราะห์มาแปลผลและตีความผลการวิจัยท่ีพบ อัน เป็นการสรุปผลการวจิ ัย 20 กระบวนการและขนั้ ตอนการทาวจิ ัยอย่างง่าย 1. ขั้นปัญหา (Problem) เป็นขั้นตอนที่เราสังเกตพบปัญหาความต้องการความรู้ความจริงหนึ่งว่ามี การสังเกตและการตั้งปญั หา (Observation problem) อยู่รอบตัวเรา เมื่อได้ข้อสังเกตบางอย่างที่เราสนใจจะทาให้ได้ส่ิงที่ตามมาคือ ปัญหา (Problem) เช่น การ การต้ังปัญหา “แสงแดดมีสว่ นเกีย่ วข้องกับการเจรญิ งอกงามของตอ้ นหญา้ หรือไม่” 21 - การศกึ ษาการใชโ้ ปรแกรม Facbook ของนักเรยี น.. ฯลฯ 22 ใบงานที่ 9 คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ ศึกษาเน้ือหาจากใบความรู้ท่ี 3 เร่ือง ประเดน็ ปัญหาและสมมตฐิ าน 1. ประเดน็ ปัญหาจากการระดมความคดิ เห็นของสมาชิกในกลุ่ม ทส่ี นใจ 10 ประเดน็ มีดังน้ี 2. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มอภปิ รายเพื่อคัดเลือกประเด็น 3 ประเดน็ จากประเด็นในข้อท่ี 1 โดยบอกเหตุผล 23 3. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มตงั้ สมมตฐิ านตามประเดน็ ปญั หาท่ีตั้งไว้ 3 ประเดน็ ประเดน็ ปญั หาท่ี 1………………………………………………………………………………………………………………… ชื่อกลุ่ม…………………………………….. 24 ใบความร้ทู ่ี 4 การตรวจสอบสมมติฐาน จะต้องยึดข้อกาหนดสมมติฐานไว้เป็นเหลักเสมอ (เน่ืองจากสมมติฐานท่ีดี การทดลอง เป็นกระบวนการปฏิบัติ หรือหาคาตอบหรือตรวจสอบสมมติฐานท่ีต้ังไว้โดยการทดลอง 3.1 การออกแบบการทดลอง คือการวางแผนการทดลองกอ่ นท่ีจะลงมือปฏบิ ัติจริงโดยใหส้ อดคล้อง 3.1.1 ตัวแปรอิสระหรือตัวแปรต้น (Independent Variable or Manipulated Variable) 3.1.2 ตัวแปรตาม (Dependent Variable) คือ ผลที่เกิดจากการทดลอง ซึ่งต้องใช้วิธีการ 3.1.3 ตัวแปรท่ตี อ้ งควบคมุ (Control Variable) คือปจั จยั อ่ืนๆ ท่ีนอกเหนือจากตัวแปรต้นที่ ชุดทดลอง หมายถึง ชุดท่ีเราใช้ศึกษาผลของตัวแปรอสิ ระ ชุดควบคุม หมายถึง ชุดของการทดลองท่ีใช้เป็นมาตาฐานอ้างอิง เพ่ือเปรียบเทียบ 3.2 การปฏิบัติการทดลอง ในกิจกรรมนี้จะลงมือปฏิบัติการทดลองจริงโดยจะดาเนินการไปตาม 3.3 การบันทึกผลการทดลอง หมายถึง การจดบันทึกท่ีได้จากการทดลองซ่ึงข้อมูลท่ีได้นี้สามารถ 25 เมื่อคาดคะเนคาตอบว่า "แสงแดดทาให้ต้นหญ้าเจริญงอกงาม ดังน้ันต้นหญ้าท่ีถูกแสงแดด นาต้นหญ้า (หรือพืชชนิดอื่นก็ได้เช่นถั่วเขียวท่ีต้องเหมือนกันท้ัง 2 กลุ่มชุดการทดลอง) ปลูก * ตวั แปรต้นหรอื ตวั แปรอสิ ระ คอื แสงแดด ออกแบบการทดลอง ทมี่ า http://e-learning.snru.ac.th/els/scilife/unit1/t2-33.htm 26 ใบงานที่ 10 คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นออกแบบ วางแผน และรวบรวมขอ้ มูล 1. การตรวจสอบสมมติฐานต้องยึด……………………………………………………………..เป็นหลกั ในการตรวจสอบเสมอ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชื่อ………………………...…………………………ช้ัน………….เลขท…ี่ ……….. 27 ใบความรู้ท่ี 5 ขั้นตอนสาคัญในการทาวิจัย หลังจากได้ปัญหา วัตถุประสงค์และสมมติฐานในการวิจัยแล้ว ขั้นตอนที่ ขน้ั ตอนสาคญั ของการรวบรวมข้อมลู การรวบรวมข้อมูลทางพฤติกรรมศาสตร์ ส่วนใหญ่เป็นการรวบรวมข้อมูลภาคสนาม แบ่งได้เป็น 6 1. กาหนดตัวแปรที่ต้องการศึกษา ท่ีสาคัญ คือ ต้องทราบว่าอะไร คือตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม ตัว 2. กาหนดขอ้ มลู หรือตวั ช้วี ดั จากตวั แปรที่ศึกษาจะต้องระบุข้อมูลและลักษณะของข้อมูลท่ีต้องการว่า 3. กาหนดแหล่งขอ้ มลู ตอ้ งการขอ้ มลู หรอื รวบรวมขอ้ มลู มาจากท่ีไหนบ้างผู้ให้ข้อมูลเป็นใคร อยู่ที่ไหน 4. เลือกวิธีรวบรวมข้อมูล ต้องวางแผนในวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างรอบคอบรวมท้ังคานึงถึง 5. นาเครือ่ งมือรวบรวมข้อมูลไปทดลองใช้ ในการใช้เคร่ืองมือรวบรวมข้อมูลไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือที่มี 28 6. ออกรวบรวมข้อมลู ข้ันตอนนเ้ี ปน็ การออกภาคสนาม ต้องมีการวางแผนเป็นอย่างดีว่าจะเก็บข้อมูล วธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มลู วิธีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล มหี ลายวิธีท่ใี ชก้ ันมากในทางพฤติกรรมศาสตร์ ได้แก่ • การสัมภาษณโ์ ดยตรง ผู้วิจัยไปทาการสัมภาษณ์จากหน่วยทดลองโดยตรง วิธีน้ีใช้กันมากในการทาสามะโนและการสารวจ • การสัมภาษณท์ างโทรศัพท์ ในกรณีท่คี าถามไม่มากและไม่ซบั ซอ้ น ปรมิ าณคาถามมีไม่มากนัก การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จะทาให้ • การตอบแบบสอบถาม เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลโดยมอบแบบสอบถามพร้อมท้ังอธิบายวิธีบันทึกตลอดจนคาอธิบายศัพท์ • การสง่ แบบสอบถามทางไปรษณีย์ ผู้เก็บรวบรวมขอ้ มูลส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ วิธีน้ีเหมาะสาหรับการเก็บข้อมูลที่ไม่มีความสาคัญ • การนบั และการวัด ในการเก็บรวบรวมข้อมูลบางอย่างต้องใช้วิธีนับ เช่น การสารวจจานวนรถท่ีผ่านจุดท่ีต้องการศึกษา • การสังเกต วิธีนี้ใช้ในโครงการวิจัยต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์ เช่น การสังเกตตาแหน่ง 29 ( ตวั อย่าง ) สานักงาน..................................................................... ขอ้ ช้ีแจง กรณุ าทาเครือ่ งหมายในขอ้ ท่ตี รงกบั ความเปน็ จริงและในช่องท่ตี รงกบั ความคดิ เห็นของทา่ นมากท่ีสดุ |