คำถามวิจัยจึงมีความสำคัญ วิธีคิดจึงต้องนำวิธีการ เปรียบเทียบกับ กระบี่อยู่ที่ใจกระบวนท่าจะตามเอง Show
เล่าสู่กันฟัง จากการไปประชุมวิชาการนานาชาติ วันที่ 1-5 เมษายน 2552 ที่อิมแพคเมืองทองธานี ส่วนใหญ่นักวิชาการพูดถึง โจทย์วิจัย ทำให้ดิฉันสงสัยนักว่า การตั้งโจทย์วิจัยที่ดีเป็นอย่างไร จากการศึกษาค้นและคว้ามาได้ "การได้มาซึ่งโจทย์วิจัยหรือคำถามวิจัยที่ดีเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการทำวิจัย การเลือกเรื่องและตั้งคำถามการวิจัยเป็นกิจกรรมที่ทำพร้อม ๆ กัน และเป็นกิจกรรมที่เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญยิ่ง ซึ่งผู้วิจัยมักใช้เวลาค่อนข้างมากในการตั้งปัญหาที่ดีที่สุด ถ้าทำได้ดีจะเป็นผลดีแก่ขั้นตอนอื่น ๆ ของกระบวนการวิจัย เรื่องที่จะทำวิจัยต้องมีขอบเขตชัดเจนไม่กว้างหรือแคบจนเกินไป เป็นเรื่องที่ สามารถดำเนินการได้และมีประโยชน์ ในการทำวิจัยเราต้องตอบคำถามพื้นฐาน 3 ประการคือ 1)ทำวิจัยเรื่องนี้ทำไม ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการวิจัยสักเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ เพราะว่าเรามีเหตุผลที่ดี มีเป้าหมายที่เด่นชัดก็ถือว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว การหาคำตอบนี้เราจำเป็นต้องบอกถึงความสำคัญของงานวิจัย เรื่องนี้ให้ได้ 2)เราทำวิจัยเรื่องนี้ เพื่ออะไร ในการเขียนรายงานวิจัยเราสามารถนำเป้าหมายเหล่านี้มาเชื่อมโยงกับการเขียนหลักการและเหตุผลหรือความเป็นมาของงานวิจัย เพื่อจะสื่อให้คนเข้าใจว่างานวิจัยชิ้นนี้มีที่ไปที่มาอย่างไร มีวัตถุประสงค์เป้าหมายระดับไหน และที่สำคัญจะต้องเขียนเชื่อมโยงกับเนื้อหาผลการวิจัยซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะแสดงคำตอบของโจทย์คำถามว่า "ทำวิจัยเรื่องนี้ทำไม" 3)คำถามต่อมาก็คือ "จะศึกษาอย่างไรหรือหาคำตอบมาได้อย่างไร" ซึ่งเป็นส่วนที่เราต้องพิจารณาว่าข้อมูลที่ใช้มาจากไหน จะเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไร จะดำเนินการวิจัยตามขั้นตอนต่าง ๆ เมื่อใด ถ้าใครมีข้อเสนอแนะดีดีเกี่ยวกับโจทย์วิจัย เพิ่มเติมได้นะค่ะ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ และช่วยจัดลำดับความสำคัญสำหรับการทำงานวิจัย 10 ลำดับความสำคัญสำหรับงานวิจัย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับใช้สำหรับการทำงานวิจัยของคุณให้มีคุณภาพ และสำเร็จได้เร็วขึ้น พบกับ 10 ลำดับขั้นตอนความสำคัญในการทำงานวิจัยให้สำเร็จได้เร็วขึ้น… 1. กำหนดเนื้อหางานวิจัยจากสิ่งที่สนใจทำการศึกษาเริ่มจากการกำหนดเนื้อหางานวิจัยจากเรื่องที่คุณสนใจก่อน เพราะจะทำให้คุณสามารถทำการกำหนดเนื้อหา ขอบเขตหรือขอบข่ายของงานวิจัยนั้นๆ ให้มีความชัดเจน และง่ายยิ่งขึ้น 2. ศึกษาค้นคว้าแนวคิด ทฤษฎีจากงานวิจัยเกี่ยวข้อง เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดศึกษาจากงานวิจัยที่มีผู้วิจัยศึกษาค้นคว้าสำเร็จแล้ว อ่านและวิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องจากงานวิจัยเล่มนั้นๆ ว่าสามารถนำมาพัฒนา ต่อยอดงานวิจัยของผู้วิจัยได้หรือไม่ มีการทดลองและแหล่งที่มาในการตรวจสอบที่ชัดเจน มีการกำหนดตัวแปรใดบ้างที่นำมาใช้ในการทดสอบงานวิจัยได้จริง สามารถช่วยผู้วิจัยมองเห็นปัญหางานวิจัยนั้นๆ ได้อย่างชัดเจน 3. หัวข้อเรื่องวิจัย“หัวข้อ” เป็นสิ่งแรกที่ทำให้ผู้อ่านเกิดความสนใจในงานวิจัยของคุณ ดังนั้น หัวข้อเรื่องวิจัยจะต้องมีความกระชับและชัดเจน สามารถอธิบายถึงปัญหาและสิ่งที่จะส่งผลต่องานวิจัยได้ 4. ตั้งสมมติฐาน“สมมติฐาน” คือ การคาดคะเนคำตอบที่ใช้สำหรับตอบคำถามของปัญหางานวิจัย ว่าควรจะเป็นไปในทิศทางใด โดยอ้างอิงจากหลักการและแนวคิดจากทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่ศึกษา ว่าสมมติฐานที่ตั้งไว้นั้นมีความสอดคล้อง และสมเหตุสมผลมากน้อยเพียงใด 5. แหล่งที่มาของข้อมูลที่ชัดเจนแหล่งที่มาของข้อมูลงานวิจัย หรือแหล่งอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ จะต้องเป็นแหล่งข้อมูลที่ชัดเจน มีความสอดคล้องกับเนื้อหางานวิจัย ว่างานวิจัยเรื่องนี้ศึกษาเกี่ยวกับอะไร ข้อมูลที่ใช้ในการทำงานวิจัยมีความน่าเชื่อถือมากพอหรือไม่ แหล่งข้อมูลอยู่ที่ไหน กลุ่มตัวอย่างเป็นใคร มีขั้นตอนการเก็บข้อมูลอย่างไร และเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีใด เป็นต้น 6. สร้างเครื่องมือที่จะใช้ในงานวิจัยการจัดเตรียมเครื่องมือที่ใช้ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลงานวิจัย จะพิจารณาจากรูปแบบของงานวิจัย และความต้องการประเภทของข้อมูลที่ใช้ในงานวิจัยเป็นสำคัญ โดยผู้วิจัยจะทำการกำหนดและเลือกเครื่องมือให้เหมาะสมกับงานวิจัยให้ได้มากที่สุด ซึ่งก่อนนำไปใช้จริง ผู้วิจัยควรทำการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ ว่ามีประสิทธิภาพและมีความเที่ยงตรงสำหรับใช้ในงานวิจัย โดยทดลองกับกลุ่มย่อยๆ (Pilot study) เพื่อหาข้อบกพร่อง และปัญหา และเป็นการประเมินงานวิจัยเบื้องต้นว่าจะมีคุณค่า คุ้มกับเวลา ค่าใช้จ่าย ในการใช้เครื่องมือนั้นในการทดสอบงานวิจัยหรือไม่ 7. การเก็บรวบรวมข้อมูลการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ เป็นขั้นตอนการลงมือปฏิบัติจริง โดยการใช้เครื่องมือที่ได้ทำการออกแบบและผ่านการทดสอบแล้ว นำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างจริงๆ ที่ได้กำหนดไว้ในงานวิจัย 8. การวิเคราะห์แปลผลข้อมูลนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากกลุ่มตัวอย่าง นำมาทำการจัดประเภทข้อมูล จัดหมวดหมู่ของข้อมูล เพื่อสะดวกต่อการที่จะนำไปวิเคราะห์แปลผลข้อมูลและนำไปตรวจสอบสมมติฐาน ก่อนการเข้ากระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ และทำการเรียบเรียงผลออกมาในรูปแบบของตาราง เพื่อใช้ในการสรุปผลในรายงานการวิจัย 9. สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลสรุปเนื้อหาข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์แปลผล ซึ่งการสรุปตีความหมายข้อมูลแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ – การสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยเท่านั้น โดยไม่นำข้อคิดเห็นส่วนตัว หรือทฤษฎีจากผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องมาประกอบข้อสรุป คือการนำเฉพาะข้อมูลตัวเลข หรือผลการวิจัยที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลเท่านั้นเป็นสิ่งแสดงข้อเท็จจริง โดยให้ผู้อ่าน หรือผู้ที่มีความสนใจศึกษาข้อมูลต่อเป็นผู้พิจารณาเอง – การสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลโดยสอดแทรกความคิดเห็น คือการนำข้อเสนอแนะจากการอ้างอิงของทฤษฎี และผลการวิเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาประกอบเข้ากับผลของการวิเคราะห์ที่ได้จากการวิจัยครั้งนี้ ซึ่งสามารถช่วยให้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของงานวิจัยนั้นๆ มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น 10. การเขียนรายงานการวิจัยและการจัดพิมพ์การเรียบเรียงข้อมูลรายงานข้อเท็จจริงที่ค้นพบในการทำงานวิจัยเพื่อประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ผู้วิจัยจะต้องทำการเรียบเรียงเนื้อหาด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ชัดเจน กระชับ และรัดกุม จากนั้นทำการตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา รูปแบบของงานวิจัยอีกครั้งหนึ่งก่อนทำการจัดพิมพ์ต่อไป จาก 10 ลำดับความสำคัญในการทำงานวิจัย ที่ทางเราได้นำเสนอไปนั้น ทางเราหวังว่าจะช่วยให้ผู้วิจัยสามารถนำไปปรับใช้ ในการวางแผนสำหรับการทำงานวิจัยให้รอบคอบ โดยการกำหนดเวลาของการทำงานแต่ละขั้นให้ชัดเจน จัดลำดับงานความสำคัญ ในขั้นตอนที่จะต้องทำก่อน-หลังไว้ในแผนการทำงานวิจัย เป็นการตั้งเป้าหมายในการทำงานวิจัยให้ทันตามเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อให้งานวิจัยเสร็จตามกำหนดเวลาที่ต้องการ และมีคุณภาพมากที่สุด ช่องทางติดต่อ เพราะเหตุใดจึงต้องทำวิจัย1. เกิดวิทยาการใหม่ ๆ เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติ 2. ใช้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้องและยุติธรรม 3. ช่วยให้เข้าใจและทำนายปรากฏการณ์และพฤติกรรมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น 4. ช่วยในด้านการกำหนดนโยบาย การวางแผนงาน และตัดสินปัญหา
การวิจัยมีความสําคัญอย่างไรการวิจัยช่วยให้เกิดวิทยาการ ใหม่ ๆ เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติ ช่วยส่งเสริมความรู้ทางด้านวิชาการและศาสตร์สาขาต่าง ๆ ให้มีการค้นคว้าข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะว่าการวิจัยจะทำให้มีการค้นคว้าหาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติมซึ่งทำให้วิทยาการต่าง ๆ เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ทั้งตัวผู้วิจัยและผู้นำเอา ...
ทำไมต้องเขียนวิทยานิพนเพื่อเพิ่มพูนความรู้ใหม่ เนื่องจากธรรมชาติของมนุษย์มีความอยากรู้อยากเห็น อยากทราบเหตุผลและปรากฏการณ์ของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จึงทำการวิจัยเพื่อค้นหาคำตอบ สิ่งใดที่พอรู้อยู่บ้างก็ทำให้รู้และเข้าใจดียิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มพูนวิทยาการให้กว้างขวางลึกซึ้ง
ทำไมต้องอ่านงานวิจัยประโยชน์ของการทบทวนวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1. ให้ความรู้และความเข้าใจที่สมบูรณ์และลึกซึ้งแก่ผู้วิจัยในประเด็นที่ ศึกษา 2. ให้แนวทาง แบบแผนการวิจัย กระบวนการและขั้นตอนในการวิจัย 3. ชี้ให้เห็นช่องว่างหรือความไม่สมบูรณ์ขององค์ความรู้ น าไปสู่การตั้ง ประเด็นปัญหาการวิจัย และพัฒนา/ปรับปรุงประเด็นปัญหาวิจัยของตน
|