Show ชูชกชูกลักพริกโกหกพรานเจตบุตรว่า เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ที่ ๖ กัณฑ์จุลพน จุลพน หมายถึง ป่าที่มีต้นไม้น้อยๆ หรือป่าโปร่ง มีอำนาจ แต่หากขาดปัญญา ย่อมถูกหลอกได้ง่าย เป็นพระนิพนธ์ใน สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร กัณฑ์จุลพน ประดับด้วยคาถา ๓๕ พระคาถา เพลงประจำกัณฑ์ คือ เพลง “คุกพาทย์” หรือ “รัวสามลา” ประกอบกิริยาการแสดงอิทธิฤทธิ์ หรือการข่มขวัญ ซึ่งพรานเจตบุตรได้แสดงแก่ชูชก สาระน่ารู้สู่ผู้สดับ ข้อคิดจากกัณฑ์ มีอำนาจ แต่หากขาดปัญญา ย่อมถูกหลอกได้ง่าย เนื้อความโดยย่อ พรานเจตบุตร ซึ่งได้รับคำสั่งจากกษัตริย์เจตราษฏร์ ให้ทำหน้าที่เป็นนายด่านประตูป่า คอยห้ามมิให้ผู้ใดไปพบกษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ เว้นแต่ราชทูตเท่านั้น รู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของชูชก จึงหลงเชื่อ ให้ที่พักอาศัยและเลี้ยงดูจนอิ่มหนำสำราญ ครั้นรุ่งเช้าก็จัดเตรียมเสบียงให้ชูชก พร้อมทั้งนำชูชกไปยังต้นทางที่จะไปยังเขาวงกต และชี้บอกเส้นทางที่จะต้องผ่านว่า ต้องผ่าน เขาคันทมาทน์ อันอุดมด้วยไม้หอมนานาชนิด ถัดไปจะเห็นเขาสีเขียวคราม คือ เขาอัญชัน ซึ่งอุดมไปด้วยไม้ผลและสมุนไพรชนิดต่างๆ เดินต่อไปอีกสักครู่จะถึงสวนอัมพวันใหญ่ คือป่ามะม่วง ถัดไปเป็นป่าตาล ป่ามะพร้าวกับต้นแป้ง จากนั้นจะเป็นป่าไม้ดอกนานาพันธุ์ ที่มีกลิ่นหอมตระหลบอบอวลไปทั้งป่า แล้วจะถึงสระอันอุดมไปด้วยสัตว์น้ำหลากหลายชนิด มีขัณฑสกรที่เป็นน้ำตาลที่เชื่อกันว่าเกิดขึ้นบนใบบัว และเป็นเครื่องยาอย่างดีที่หาได้ยาก พรานเจตบุตร ยังได้แนะทางที่จะไปยังอาศรมของ พระอัจจุตฤาษี เพื่อให้ชูชกถามถึงหนทางที่จะไปยังพระอาศรมของ พระเวสสันดร ชูชกจำเส้นทางที่ พรานเจตบุตร บอกไว้ แล้วอำลาโดยทำประทักษิณ ๓ รอบ จากนั้นจึงออกเดินทางต่อไป อานิสงส์ ผู้บูชากัณฑ์จุลพน แม้จะบังเกิดในปรภพใดๆ จะเป็นผู้สมบูรณ์ในสมบัติบริวาร จะมีอุทยานอันดารดาษดอกไม้หอมตลบไป แล้วจะมีสะโบกขรณี อันเต็มไปด้วยปทุมชาติ ครั้นตายไปแล้ว ก็ได้เสวยทิพย์สมบัติในโลกหน้าสืบต่อไป ตัวละครสะท้อนคุณธรรม พรานเจตบุตร เป็นแบบอย่างของคนดี คนซื่อ แต่ขาดความเฉลียวฉลาดจึงถูกหลอกได้ง่าย ข้อคิดประจำกัณฑ์ ๑. มีอำนาจหากขาดปัญญาย่อมถูกหลอกได้ง่าย ๒. คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด ๓.ไว้ใจทาง วางใจคน จะจนใจตัว 21 ก.ค. 2010 เพลงประกอบการเทศน์มหาชาติ การเทศน์มหาชาติ หรือการเทศนามหาเวชสันดรชาดก ซึ่งเป็นวรรณคดีอมตะเรื่องหนึ่งของไทยเรานั้น จำเป็นที่จะต้องใช้วงปี่พาทย์ประกอบการเทศนา อาจใช้เครื่องห้า เครื่องคู่ หรือปี่พาทย์เครื่องใหญ่ ก็จะเหมาะสมอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพราะต้องการให้มีเสียงดังจากวงปี่พาทย์ เพื่อจะให้ผู้ที่ผู้ไกลๆ ได้ร่วมอนุโมทนาทั่วกัน เมื่อพระขึ้นธรรมาสน์ ปี่พาทย์จะบรรเลงเพลงสาธุการ อันเป็นการอัญเชิญพระรัตนตรัย เทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้มาร่วมประชุมร่วมกัน ณ โรงพิธีขณะนั้น ความไพเราะของการเทศน์มหาชาติ ซึ่งรวมทั้งสิ้น 13 กันฑ์นั้น เมื่อพระสงฆ์เทศนาจบกันฑ์หนึ่งๆแล้ว วงปี่พาทย์จะบรรเลงเพลงหน้าพาทย์เฉพาะ โดยอาศัยโครงการดำเนินเรื่องตามเนื้อเรื่องของกันฑ์นั้นตามที่โบราณได้กำหนดไว้ ดังนี้ กันฑ์ที่หนึ่ง ทศพร พระอินทร์ประสาทพร 10 ประการแก่พระนางผุสดีให้จุติลงมาเป็นพระราชมารดาพระเวชสันดร กาลครั้งนั้นพระนางผสุดีได้บูชาพระทศพรด้วยจุณจันทร์ แล้วพระนางได้ตั้งปณิธานว่า “ภัณเต ข้าแต่สมเด็จพระผู้ทรงพระภาค เอสา ปูชาอันว่าการสักการบูชาอันข้าพระเจ้ากระทำในพระองค์ด้วยผงจุรณแก่นจันทร์นี้ ขอให้ข้าได้สมความยินดีเป็นพุทธมารดาพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในอนาคตกาล อันทรงพระญาณวิเศษปรากฏเหมือนเป็นอย่างพระองค์ฉะนี้” เมื่อจบกัณฑ์นี้ปี่พาทย์บรรเลงเพลง สาธุการ ซึ่งเป็นที่เข้าใจว่าได้อัญเชิญเทพยดาสิ่งศักดิ์ทั้งปวง กัณฑ์ที่สอง หิมพานต์ ที่กล่าวถึงพระเวสสันดร พระราชทานช้างเผือกแก่พราหมณ์ที่มาขอ ทำให้ชาวเมืองโกรธแค้นให้เนรเทศไปยังเขาวงกต “อันพระเวสสันดรสุริยวงศ์ พระกรซ้ายทรงจับงวงกุญชรไอยรา พระกรขวาทรงอุทกวารีกุณฑีทอง ท้าวเธอก็ร้องประกาศแก่อมรเทวราชทุกห้องฟ้า ให้ช่วยอนุโมทนาคชาทานแล้งตรัสเรียกพฤฒาจารย์มิได้ช้า หลั่งอุทกธาราให้ตกลงเหนือมือพราหมณ์ ตั้งพระทัยไว้ให้งามดั่งดวงแก้ว แล้วออกอุทานวาจาว่า อทํ ทานํ อันว่า ผลทานของข้าพเจ้าจงสำเร็จ แก่พระสร้อยสรรเพชญโพธิญาณ ในอนาคตกาลโน้นเถิด” ปี่พาทย์บรรเลงเพลง ตวงพระธาตุ กัณฑ์ที่สาม ทานกัณฑ์ พระเวสสันดร พระราชทานม้าและราชรถแก่พราหมณ์ที่ตามมาขอนอกเมืองเชตุดรจดหมด ปี่พาทย์บรรเลงเพลง พระยาโศก กัณฑ์ที่สี่ วนปเวสน์ พระเวสสันดร พระนางมัทรี กัณหา ชาลี กษัตริย์ต้องเดินดง ตั้งพระทัยมุ่งตรงสู่เขาวงกต เพื่อจะทรงบำเพ็ญพรตเป็นฤาษี ปี่พาทย์บรรเลงเพลง พระยาเดิน ซึ่งเพลงนี้ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินเป็นหมู่พร้อมด้วยข้าราชบริพาร กัณฑ์ที่ห้า
ชูชก ที่กล่าวถึง ชูชกพราหมณ์เฒ่าพานางอมิตตดา ลูกของเพื่อนที่รับฝากทองแล้วยักยอกไปใช้จนหมด ชูชกจึงไปยึดลูกสาวมาเป็นเมีย กัณฑ์นี้ปี่พาทย์บรรเลงเพลง เส้นเหล้า กัณฑ์ที่หก จุลพน กล่าวถึงเมื่อ ชูชกหลอกพรานเจตบุตรโดยเลห์เพทุบายว่า เป็นทูตหลวงนำพระราชสาสน์จากพระเจ้ากรุงสัญชัยมาถวายพระเวสสันดร ปี่พาทย์บรรเลงเพลง รัวสามลา เพลงนี้เป็นเพลงบรรเลงประกอบการแผลงฤทธิเดช หรือแสดงอาการโกรธเคืองอย่างน่าเกรงขาม กัณฑ์ที่แปด กุมาร พระเวสสันดรตรัสเรียก กัณหาและชาลี ออกจากที่ซ่อนในสระ เพื่อนำไปให้ทานแก่เฒ่าชูชก ปี่พาทย์บรรเลงเพลง ฉิ่งโอด กัณฑ์ที่เก้า มัทรี พระนางมัทรีได้อ้อนวอนทูลขอต่อเทพเจ้าที่มาแปลงร่างเป็นพระยาราชสีห์ เสือโคร่ง และเสือเหลือง ให้หลีกเพื่อเดินทางไปสู่ศาลาบำเพ็ญพรตของพระเวสสันดร ปี่พาทย์บรรเลงเพลง ทะยอยโอด ซึ่งเป็นการแสดงถึงการได้รับความสะเทือนใจอย่างรุนแรง เช่น เดินพลางร้องไห้พลางกัณฑ์ที่สิบ สักกบรรพ กล่าวถึงพระอินทร์จำแลงร่างเป็นพราหมณ์ มาขอพระนางมัทรีกับพระเวสสันดรและถวายคืน พร้อมกับประสาทพร 8 ประการให้แก่พระเวสสันดร ปี่พาทย์บรรเลงเพลง เหาะ เพื่อประกอบการเคลื่อนไหวของเทพยดา กัณฑ์ที่สิบเอ็ด มหาราช เทวดาจำแลงร่างเป็นพระเวสสันดรและพระนางมัทรี ตามมาอุ้มสองกุมาร กัณฑ์นี้ปี่พาทย์บรรเลงเพลง กราวนอก กัณฑ์ที่สิบสอง ฉกษัตริย์ เป็นการกล่าวถึง 6 กษัตริย์ได้พบกัน ณ อาศรมบนเขาวงกต อันมี พระอัยกา พระอัยกี พระเวสสันดร พระนางมัทรี กัณหา ชาลี เมื่อพบกันก็ชวนกันโศกศัลย์ล้มสลบซบเศียรสังเวช ก็บังเกิดอัศจรรย์ทั่วสกลกำเริบสะท้านสะเทือนถึงขอบเขตจักรวาล จึงบันดาลห่าฝนโบกขรวัสสันตวัสสิกธารา ให้ตกลงในที่ชุมนุมขัตติยวงศาทั้งหกกษัตริย์ ก็ค่อยได้สติฟื้นคืนสมปฤดี ปี่พาทย์บรรเลงเพลง ตระนอน ซึ่งเพลงนี้ใช้สำหรับตัวละครที่สูงศักดิ์เข้าบรรทม กัณฑ์ที่สิบสาม นครกัณฑ์ หกกษัตริย์นำพยุหโยธา เสด็จกลับจากเขาวงกต แล้วพระเวสสันดรก็ขึ้นคลองนครเชตุดรแทนพระราชบิดา ปี่พาทย์บรรเลงเพลง กลองโยน แล้ว เชิด เมื่อบรรเลงเพลงเชิดจบแล้ว ก็บรรเลงเพลง กราวรำ ติดต่อกันไปเลย เพื่อแสดงถึงการเสร็จพิธีการเทศนามหาชาติ เพลงประจํา กัณฑ์นครกัณฑ์ คือเพลงใดเทศน์มหาชาติ กัณฑ์ที่ ๑๓ นครกัณฑ์ โดย พระราชนันทมุนี (สำรวย อาภากโร ป.ธ.๗)เพลงประจำกัณฑ์ กลองโยน Share.
เพลงประจำกัณฑ์ จุลพน ใช้เพลงใดจบกัณฑ์จุลพน บรรเลงเพลงรัวสามลา อันเป็นหน้า พาทย์ประกอบกิริยาการสำแดงอิทธิฤทธิ์หรือขู่ขวัญซึ่ง พรานเจตบุตรได้แสดงแก่ชูชกตามท้องเรื่อง แต่ถ้าปี่พาทย์ วงใดต้องการบรรเลงให้มีรสสูงขึ้นจะใช้เพลงคุกพาทย์ซึ่ง เป็นเพลงหน้าพาทย์ประกอบกิริยาชนิดเดียวกันแต่ระดับ ชั้นสูงกว่าบรรเลงแทนก็ได้
กัณฑ์ทานกัณฑ์" ควรบรรเลงเพลงใด๓.กัณฑ์ทานกัณฑ์ เพลงพระยาโศก ประกอบกิริยาโศกสลดรันทดใจของพระเจ้ากรุงสัญชัย พระนางผุสดี พระนางมัทรี และพระบรมวงศานุวงศ์ที่พระเวสสันดรถูกเนรเทศ
เพลงในข้อใดใช้บรรเลงประกอบกัณฑ์"ชูชก"กัณฑ์ที่แปด
กุมาร พระเวสสันดรตรัสเรียก กัณหาและชาลี ออกจากที่ซ่อนในสระ เพื่อนำไปให้ทานแก่เฒ่าชูชก ปี่พาทย์บรรเลงเพลง ฉิ่งโอด
|