ตามหลักการแล้วไม่ว่าใครก็ตามที่มีรายได้จากการค้าขายและบริการ ทั้งที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และที่จดทะเบียนบริษัทเป็นนิติบุคคล จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เมื่อมีรายได้จากการประกอบธุรกิจเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี Show โดยในธุรกิจบางประเภทอาจได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ยกเว้น VAT หากอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับการยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด หรือบางธุรกิจที่กฎหมายบังคับให้ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่หากเป็นไปตามเงื่อนไขก็จะได้รับยกเว้นเช่นกัน และอีกหลายๆ ธุรกิจที่ถึงแม้จะได้รับยกเว้นแต่ถ้ามีความประสงค์จะจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็สามารถทำได้ ดังนั้น เจ้าของธุรกิจที่ดำเนินกิจการจนมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีไปแล้ว และกำลังจะจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ควรเช็กให้แน่ใจก่อนว่าตนเองอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับยกเว้นหรือไม่ รวมถึงใครที่กำลังมองหาธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็ควรทราบก่อนว่าธุรกิจที่ตนเองสนใจนั้น เป็นธุรกิจที่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ หากเป็นธุรกิจที่ไม่ต้อจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็จะทำให้การดำเนินธุรกิจคล่องตัวยิ่งขึ้น หมดกังวลเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะมีธุรกิจใดบ้างต้องไปติดตาม
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คือภาษีที่เก็บจากมูลค่าการซื้อขายและการให้บริการภายในประเทศ รวมถึงสินค้านำเข้า ซึ่งปัจจุบันภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 7% โดยกฎหมายมีการบังคับให้ผู้มีรายได้จากการประกอบธุรกิจเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคำนวณจากรายได้ทั้งหมดของธุรกิจ ยกเว้นรายได้จากงานประจำไม่ต้องนำมาคำนวณ และให้ยื่นจดไม่เกิน 30 วัน นับจากวันที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท พร้อมกับนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มทุกๆ เดือน นับตั้งแต่วันที่ยื่นจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นต้นไป แต่ถ้าหากมีรายได้ตลอดทั้งปีเท่ากับ 1.8 ล้านบาทพอดี ยังถือว่าไม่เข้าเกณฑ์ก็จะได้รับการยกเว้นยังไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ธุรกิจที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม และกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นแต่สามารถขอจดภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ซึ่งอธิบายเพิ่มเติมได้ดังนี้ 1.ธุรกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม คือธุรกิจที่กฎหมายกำหนดว่า หากประกอบธุรกิจตามประเภทที่กฎหมายกำหนด แม้ว่าจะมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท ก็ไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประกอบด้วย 1.1 ผู้ประกอบการที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี 1.2 ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย 1.3 ผู้ประกอบการที่ให้บริการจากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร 1.4 ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรและเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 43) 1.5 ผู้ประกอบการอื่นตามที่อธิบดีจะประกาศกำหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร 2.ธุรกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่มีสิทธิ์แจ้งขอจดภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ซึ่งธุรกิจบางประเภทที่ได้รับการยกเว้นไม่นำมานับรวมเป็นรายได้ที่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่มีสิทธิแจ้งขอจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ 2.1 ผู้ประกอบกิจการขายสินค้าพืชผลทางการเกษตร สัตว์ไม่ว่ามีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ปุ๋ย ปลาป่นอาหารสัตว์ ยาหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้สำหรับพืชหรือสัตว์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือตำราเรียน 2.2 ผู้ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ซึ่งไม่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย และมีรายรับไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี 2.3 การให้บริการขนส่งในราชอาณาจักรโดยท่าอากาศยาน 2.4 การส่งออกของผู้ประกอบการในเขตอุตสาหกรรมส่งออกตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2.5 การให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อในราชอาณาจักร โดยผู้ประกอบการที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย ที่มีความประสงค์จะจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ยื่นคำขอแจ้งใช้สิทธิ์เพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.01.1 จำนวน 1 ชุด 3 ฉบับ พร้อมกับคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.01
ประเภทธุรกิจที่ได้รับการยกเว้นทั้ง 5 ประเภทดังที่กล่าวไปแล้ว สามารถแยกย่อยเป็นอาชีพที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจด VAT แม้ว่าจะมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ดังนี้ 1.สินค้าหรือบริการที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี 2.การขายปลาป่น อาหารสัตว์ 3.การให้บริการจัดแข่งขันกีฬาสมัครเล่น 4.การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่เป็นการขนส่งโดยอากาศยาน หรือเรือเดินทะเล 5.การให้บริการเช่าอสังหาริมทรัพย์ 6.การให้บริการนักแสดงสาธารณะ เฉพาะบริการในสาขาและลักษณะการประกอบกิจการตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี 7.การให้บริการงานทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม ในสาขาและลักษณะการประกอบกิจการที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี 8.การนำเข้าสินค้า 9.การให้บริการผู้ประกอบโรคศิลปะ การสอบบัญชี การว่าความ 10.การให้บริการห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ 11.การให้บริการของราชการส่วนท้องถิ่น แต่ไม่รวมบริการที่เป็นการพาณิชย์ของราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นการหารายได้หรือผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นกิจการสาธารณูปโภคหรือไม่ก็ตาม 12.การค้าขายสัตว์มีชีวิตและไม่มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเนื้อส่วนต่างๆ ของสัตว์ ไข่ น้ำนม และวัตถุพลอยได้จากสัตว์ 13.ขายยาหรือเคมีภัณฑ์พืชหรือสัตว์ เพื่อบำรุงรักษาป้องกัน ทำลายหรือกำจัดศัตรูหรือโรคของพืชและสัตว์ 14.การขายสลากกินแบ่งของรัฐบาล 15.การให้บริการสถานศึกษาราชการและเอกชน 16.การให้บริการทางวิจัยและวิชาการ ซึ่งต้องมีลักษณะการประกอบกิจการตามที่กรมสรรพากรกำหนด 17.การให้บริการตามสัญญาจ้างแรงงาน 18.การขายสินค้าและบริการเพื่อประโยชน์แก่ศาสนาและการกุศล 19.การให้บริการขนส่งในประเทศ 20.การขายสินค้าและบริการให้แก่รัฐโดยไม่หักรายจ่าย 21.การขายพืชผลทางการเกษตรภายในราชอาณาจักร 22.การให้บริการรักษาพยาบาล 23.การให้บริการสีข้าว 24.การค้าขายปุ๋ย 25.การค้าขายหนังสือพิมพ์ นิตยสาร 26.การขายแสตมป์ไปรษณีย์ แสตมป์อากร หรือแสตมป์อื่นของรัฐบาล องค์การของรัฐบาล หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น เฉพาะที่ยังไม่ได้ใช้ในราคาที่ไม่เกินมูลค่าที่ตราไว้ (อาชีพที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งหมด ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 81) สรุป หากใครกำลังจะลงหลักปักฐานทำธุรกิจของตัวเองสักอย่าง นอกจากเลือกธุรกิจที่ถนัด เป็นที่ต้องการของตลาดแล้ว อาจต้องศึกษาเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย และช่วยประหยัดภาษีได้ด้วย บริการที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมีอะไรบ้างการให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลทางราชการและเอกชน การให้บริการห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ การให้บริการจัดแข่งขันกีฬาสมัครเล่น การให้บริการประกอบโรคศิลปะ การสอบบัญชี การว่าความ
กิจการใดบ้างที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มใครบ้างที่ต้องจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้ประกอบกิจการที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการ เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ผู้ประกอบกิจการขายสินค้าหรือบริการ ที่อยู่ในข้อบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การก่อสร้าง โรงงาน ก่อสร้างอาคารสำนักงาน หรือติดตั้งเครื่องจักร
รายได้ค่าบริการ มี VAT ไหมภาษีมูลค่าเพิ่มจะใช้มูลค่าของสินค้าหรือบริการ (หลังหักส่วนลดแล้ว) เป็นฐานในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม มูลค่าสินค้า/บริการ x อัตราภาษี = ค่าภาษี VAT. เช่น สินค้าตั้งราคาขาย ฿100 ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอัตรา 7% จะคำนวณค่าภาษีมูลค่าเพิ่มได้ดังนี้ มูลค่าสินค้า/บริการ ฿100 x อัตราภาษี 7% = ค่าภาษี VAT ฿7.
บริษัทไม่ได้จด VAT ต้องยื่นภพ.30ไหมสรุปแบบให้เข้าใจง่ายที่สุดคือเอกสาร ภ.พ. 30 นั้นคนที่จะต้องยื่นคือเจ้าของกิจการหรือเจ้าของบริษัท ซึ่งกิจการนั้นจะต้องมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และมีรายได้ต่อปีของกิจการเกิน 1.8 ล้านบาท หากไม่เกินก็ยื่นภาษีอย่างเดียวไม่ต้องมีใบ ภ.พ. 30 หากจะต้องยื่นเอกสารนี้ต่อสรรพากรจะต้องยื่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปและ ...
|