เนื่องจากผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีจะต้องเกี่ยวข้องกับบุคคลต่างๆและผลงานของนักบัญชีมีอิทธิพลอย่างสาระสำคัญในและนอกองค์กร หากผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีมีแนวโน้มความไม่รับผิดชอบ ไม่รอบคอบเกี่ยวกับตัวเงิน ความทันต่อเวลา หรืองานบัญชีคงค้างต่างๆ ก็จะส่งผลต่อรายงานและงบการเงิน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานต่างๆที่กำกับดูแลวิชาชีพของการบัญชี จึงได้มีพระราชบัญญัติ ข้อควรพึงปฏิบัติต่างๆ และได้กำหนดเป็นจริยธรรมหรือจรรยาบรรณ เพื่อให้นักบัญชี ผู้อำนวยการบัญชี ตลอดจนผู้บริหารเพื่อส่งเสริมให้การปฏิบัติ นอกจากนี้สมาคมและหน่วยงานต่างๆก็ได้กำหนดหลักการและวิธีปฏิบัติต่างๆเพื่อส่งเสริมให้การปฏิบัติต่อกันด้วยดี และหัวข้อสำคัญคือ จรรยาบรรณและจริยธรรมธุรกิจที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายยึดถือปฏิบัติ 1. พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ.2547 ได้บัญญัติไว้ในหมวด 7 จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี โดยมีสาระสำคัญดังนี้ มาตรา 46 ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีหรือผู้ซึ่งขึ้นทะเบียนไว้กับสภาวิชาชีพบัญชีมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี และต้องปฏิบัติหน้าที่ของตน ตามมาตรฐานบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี หรือมาตรฐานอื่นใดที่เกี่ยวข้องที่กำหนดตามพระราชบัญญัตินี้ บุคคลตามวรรคหนึ่ง ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณหรือมาตรฐานที่กำหนดตามพระราชบัญญัตินี้ให้ถือว่าผู้นั้นประพฤติผิดจรรยาบรรณ มาตรา 47 ให้สภาวิชาชีพจัดทำจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีขึ้นเป็นภาษาไทยและอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้อกำหนดในเรื่องดังต่อไปนี้
มาตรา 49 โทษการประพฤติผิดจรรยาบรรณ มีดังต่อไปนี้
2. สมาคมผู้ตรวจสอบภายใน (THE INSTITUTE OF INTERNAL AUDITORS : IIA) ได้กำหนดประมวลจรรยาบรรณ (CODE OF ETHICS) เพื่อส่งเสริมจรรยาบรรณในวิชาชีพการตรวจสอบภายใน ประกอบด้วยสาระสำคัญ 2 ประการ คือ -หลักการ (PRINCIPLES) -หลักปฏิบัติ (RULES OF CONDUCT) หลักการ เกี่ยวกับวิชาชีพและการปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน ผู้ที่ตรวจสอบภายในพึงยึดถือและดำรงไว้ คือ
หลักปฏิบัติ คือสิ่งที่ผู้ตรวจสอบภายในพึงประพฤติปฏิบัติ หลักปฏิบัติเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยในการตีความและประยุกต์หลักการไปใช้จริง และพึงใช้เป็นแนวทางในการประพฤติตนอย่างมีจรรยาบรรณของผู้ตรวจสอบภายใน
3. THE INSTITUTE OF MANAGEMENT ACCOUNTANTS (IMA)
|