รีไฟแนนซ์รถยนต์กับธนาคารไหนดี

สามารถเลือกการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกเหมือนสินเชื่อบ้าน คือลูกค้าสามารถจ่ายค่างวดได้มากกว่าปกติเพื่อลดเงินต้นลง ซึ่งจะมีผลทำให้ดอกเบี้ยก็จะลดลงตามเงินต้นที่ลดลงด้วยเช่นกัน ขณะที่สินเชื่อประเภทเดียวกันของบางบริษัทจะคิดดอกเบี้ยแบบ Flat Rate หรือดอกเบี้ยแบบคงที่อย่างเดียว ทำให้ลูกค้าต้องจ่ายดอกเบี้ยเต็มจำนวนในสัญญาเช่าซื้อ และไม่สามารถลดเงินต้น หรือดอกเบี้ยได้เลย

ซึ่งการเลือกคิดอัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกทำให้ลูกค้าสามารถวางแผนการเงินได้ชัดเจน ไม่ต้องเสี่ยงว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับสูงมากขึ้นจนทำให้เกิดความเดือดร้อนและทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในอนาคต

สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าการรีไฟแนนซ์จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างไร อยากให้ลองอ่านบทความ รู้จัก “Refinance” การย้ายหนี้บ้านไปธนาคารใหม่เพื่อเสียดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม ซึ่งทางทีมงานเคยอธิบายไว้ให้เข้าใจง่าย ส่วนใครที่มีพื้นฐานอยู่แล้วไปดูอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันกันเลยค่ะ


รีไฟแนนซ์ (Refinance) ต้องรู้ข้อมูลอะไรบ้าง

ก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้าไปธนาคาร เรามีลิสต์ 7 รายการมาให้เพื่อนๆ ทราบกันก่อนว่าอะไรบ้างที่เราต้องสอบถามในการรีไฟแนนซ์นะคะ ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะมีโปรโมชันต่างกัน บางธนาคารฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้, ฟรีค่าจดจำนองและอัตราดอกเบี้ยก็ต่างกัน ดังนี้ค่ะ

  1. อัตราดอกเบี้ย แต่ละธนาคารจะมีให้เลือกหลายรูปแบบทั้งคงที่และลอยตัว
  2. ค่าประเมินราคา ประมาณ 1,900-3,100 บาท (ขึ้นอยู่กับธนาคารและบางธนาคารก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้)
  3. ค่าจดจำนอง 1% ของเงินต้นที่เหลือจากธนาคารเดิม (ค่าใช้จ่ายนี้เราเสียให้กรมที่ดิน กรณีฟรีค่าจดจำนองก็ต้องออกเงินส่วนนี้ก่อนแล้วธนาคารค่อยจ่ายคืนเรา)
  4. ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ ส่วนใหญ่ผู้ยื่นกู้จ่ายเอง
  5. ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ หรือ ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ของธนาคาร ช่วงนี้ธนาคารส่วนใหญ่จะฟรีค่าธรรมเนียมให้นะคะ
  6. ประกันอัคคีภัย ธนาคารส่วนใหญ่ให้ใช้ประกันฉบับเดิมที่เราเคยทำกับธนาคารเดิมได้ แค่สลักหลังให้ผู้รับผลประโยชน์เป็นธนาคารที่เราไปยื่นขอรีไฟแนนซ์แทน
  7. ประกัน MRTA อันนี้หากเราเลือกที่จะทำแล้ว การคำนวณค่าประกันให้สอบถามกับธนาคารไว้เบื้องต้นเลย เพราะค่า MRTA จะขึ้นอยู่กับบริษัทประกันที่ธนาคารร่วมไว้ และขึ้นอยู่กับเพศ อายุ หรือเงื่อนไขอื่นๆ ของผู้กู้ด้วยค่ะ
  8. เงื่อนไขของระยะเวลา แต่ละธนาคารจะมีข้อกำหนดว่าห้ามปิดภาระหนี้หรือ Refinance ภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 3-5 ปี หรือบางกรณีก็อนุญาตให้สามารถปิดหนี้ก่อน 3-5 ปีได้

จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายหลักๆ ก็คือค่าจดจำนอง และค่าทำประกัน ทำให้ธนาคารต่างๆ จัดโปรฯ ต่างๆ มาให้ เพื่อให้ตอบโจทย์การเงินของทุกคน อย่างเช่น

โปรฯ ที่ธนาคารจ่ายค่าจดจำนองให้ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเงินก้อน เพราะถ้ากู้ซื้อบ้าน 2 ล้านก็ต้องมีเงินจดจำนอง = 2,000,000 x 1% =20,000 บาท หรืออีกโปรฯ นึงที่เห็นบ่อยๆ เลยคือการทำประกัน MRTA เพิ่มเติมกับทางธนาคาร ก็จะได้อัตราดอกเบี้ยถูกลงนิดหน่อย แต่ต้องจ่ายค่าประกันแทนนะคะ

จากที่เราไปสอบถามธนาคารหลักๆ มาทั้งหมด 10 แห่งขอสรุปคร่าวๆ ว่าทางเลือกในการ Refinance จะมี 2 แบบหลักๆ ดังนี้

  1. กรณีจ่ายค่าจดจำนองเอง

  • ไม่ทำประกัน
  • ทำประกัน MRTA
  • กรณีธนาคารจ่ายค่าจดจำนองเองให้
    • ไม่ทำประกัน
    • ทำประกัน MRTA

    ทีนี้เรามาเปรียบเทียบดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายของแต่ละธนาคารกันเลย

    กรณีจ่ายค่าจดจำนองเอง หากเรามีเงินก้อนพอที่จะจ่ายค่าจดจำนองเองได้ ก็แนะนำให้เลือกแบบนี้นะ เพราะจะได้อัตราดอกเบี้ยถูกกว่ากรณีธนาคารจ่ายค่าจดจำนองให้ เราเรียงอัตราดอกเบี้ยจากถูกสุดเรียงลงมาให้ โดยเลือกแบบที่ถูกสุดของแต่ละธนาคารมาเปรียบเทียบกัน มีให้เลือกทั้งแบบทำประกัน และไม่ทำประกัน

    อย่างนึงที่ได้คุยกับพนักงานสินเชื่อหลายๆ ท่าน และอยากย้ำเพื่อนๆว่า การเลือกแบบทำประกันหรือไม่ทำดีนั้น อย่ามองแต่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะถูกกว่านะคะ เพราะต้องคิดรวมค่าเบี้ยประกันที่เราต้องจ่ายด้วย คิดๆ ดูแล้วแบบทำประกันจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่เหมาะกับผู้ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงไม่ให้ภาระหนี้ตกไปอยู่กับลูกหลาน หากใครไม่มีคนเบื้องหลังให้ต้องห่วงก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เปลืองเงินค่ะ

    ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ที่ต้องจ่ายแน่นอนก็คือ ค่าจดจำนอง 1% และค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ และมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าประเมินราคาและค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ทั้งหมดนี้คือเงินก้อนที่ต้องเตรียมไว้ใช้ในการรีไฟแนนซ์ หากใครไม่มีเงินก้อนส่วนนี้ให้ไปดูตารางด้านล่างเลยค่ะ

    กรณีธนาคารจ่ายค่าจดจำนองเองให้ ตามที่เราไปสำรวจมามี 4 ธนาคารที่มีโปรโมชันนี้ให้เลือกนะ และส่วนใหญ่จะบังคับทำประกัน MRTA ด้วย สำหรับใครที่ไม่อยากทำประกันก็จะมี 2 ธนาคารคือกรุงไทยและกรุงเทพที่เสนอทางเลือกนี้มาให้ค่ะ

    Previous

    Next
    • 1
    • 2
    • 3
    • 4
    • 5
    • 6
    • 7

    Image 1/7

    อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ (Refinance) ธนาคารกรุงไทย

    Previous

    Next

    1/7

    อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ (Refinance) ธนาคารกรุงไทย

    หากใครสนใจรายละเอียดว่าแต่ละแบบมีอัตราดอกเบี้ยแต่ละปีเท่าไหร่ เราเอาโบรชัวร์อัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารมาฝากกันด้วยค่ะ


    เลือกรีไฟแนนซ์ (Refinance) แบบไหนประหยัดเท่าไหร่?

    เราขอยกตัวอย่างกรณีของคุณพะโล้ อาชีพเป็นพนักงานประจำ อายุ 32 ปี เดิมกู้กับธนาคาร A. โดยคุณพะโล้กู้ซื้อบ้านมาราคา 3.2 ล้านบาท จ่ายค่าผ่อนบ้านกับธนาคารเดือนละ 16,000 บาท ผ่อนครบ 3 ปี คุณพะโล้เหลือเงินต้นอยู่ที่ 2.7 ล้านบาท และหลังจากนี้ปีที่ 4 เป็นต้นไปคุณพะโล้จะเสียอัตราดอกเบี้ย = 5.1% ซึ่งนับเป็นดอกเบี้ยที่สูงทีเดียว

    โดยคุณพะโล้จะมีทางเลือกเกี่ยวกับการ Refinance ทั้งหมด 5 ทาง เริ่มตั้งแต่การอยู่กับธนาคารเดิม ไปจนถึงการรีไฟแนนซ์ทั้ง 4 แบบที่เราอธิบายไปใน Part ที่แล้วนะคะ ดังนี้

    กรณี 1 : คุณพะโล้อยู่ธนาคารเดิมไม่ Refinance

    คิดอัตราดอกเบี้ย MRR – 2.25% = 7.35 – 2.25 = 5.1% ต่อปี

    รวมค่างวด (เงินต้น+ดอกเบี้ย) = ประมาณ 4,768,000 บาท แบ่งเป็น

    • เงินต้น = 2,700,000 บาท
    • ดอกเบี้ย = ประมาณ 2,068,000 บาท
    • จำนวนงวดที่ต้องผ่อนทั้งหมด 298 งวด = ประมาณ 24 ปี 10 เดือน

    กรณี 2 : คุณพะโล้รีไฟแนนซ์แบบธนาคาร B แบบ จ่ายค่าจดจำนองเอง ไม่ทำประกัน

    ปีที่ 1-3 = MRR – 3.62 = 2.6%
    ปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR – 1.50 = 4.72%
    **MRR ของธนาคาร B = 6.22% ต่อปี

    รวมค่างวด (เงินต้น+ดอกเบี้ย) = ประมาณ 3,968,000 บาท แบ่งเป็น

    • เงินต้น = 2,700,000 บาท
    • ดอกเบี้ย = ประมาณ 1,268,000 บาท
    • จำนวนงวดที่ต้องผ่อนทั้งหมด 248 งวด = ประมาณ 20 ปี 8 เดือน

    ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ = 30,850 บาท แบ่งเป็น

    • ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ = 27,000 บาท
    • ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ = 1,350 บาท
    • ค่าธรรมเนียมในการยื่นกู้ = 2,500 บาท

    ประหยัดจากธนาคารเดิม = 769,150 บาท ตลอดอายุสัญญา


    กรณี 3 : คุณพะโล้รีไฟแนนซ์แบบธนาคาร B แบบ จ่ายค่าจดจำนองเอง ทำประกัน MRTA

    ปีที่ 1-3 = MRR – 3.72 = 2.5%
    ปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR – 1.50 = 4.72%
    **MRR ของธนาคาร B = 6.22% ต่อปี

    รวมค่างวด (เงินต้น+ดอกเบี้ย) = ประมาณ 3,952,000 บาท แบ่งเป็น

    • เงินต้น = 2,700,000 บาท
    • ดอกเบี้ย = ประมาณ 1,252,000 บาท
    • จำนวนงวดที่ต้องผ่อนทั้งหมด 247 งวด = ประมาณ 20 ปี 7 เดือน

    ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์+ทำประกัน = 74,650 บาท แบ่งเป็น

    • ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ = 27,000 บาท
    • ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ = 1,350 บาท
    • ค่าธรรมเนียมในการยื่นกู้ = 2,500 บาท
    • ค่าประกัน MRTA แบบจ่ายครั้งเดียว = 43,800 บาท (สอบถามเบี้ยจากธนาคารเป็นรายบุคคลนะคะ)

    ประหยัดจากธนาคารเดิม = 741,350 บาท ตลอดอายุสัญญา


    กรณี 4 : คุณพะโล้รีไฟแนนซ์แบบธนาคาร B แบบ ให้ธนาคารออกค่าจดจำนองให้ ไม่ทำประกัน

    ปีที่ 1 = 2.49%
    ปีที่ 2-3 = MRR – 2.10 = 4.12%
    ปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR – 1.50 = 4.72%
    **MRR ของธนาคาร B = 6.22% ต่อปี

    รวมค่างวด (เงินต้น+ดอกเบี้ย) = ประมาณ 4,048,000 บาท แบ่งเป็น

    • เงินต้น = 2,700,000 บาท
    • ดอกเบี้ย = ประมาณ 1,348,000 บาท
    • จำนวนงวดที่ต้องผ่อนทั้งหมด 253 งวด = ประมาณ 21 ปี 1 เดือน

    ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ = 3,850 บาท แบ่งเป็น

    • ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ = 1,350 บาท
    • ค่าธรรมเนียมในการยื่นกู้ = 2,500 บาท

    ประหยัดจากธนาคารเดิม = 716,150 บาท ตลอดอายุสัญญา


    กรณี 5 : คุณพะโล้รีไฟแนนซ์แบบธนาคาร B แบบ ให้ธนาคารออกค่าจดจำนองให้ ทำประกัน

    ปีที่ 1 = 2.38%
    ปีที่ 2-3 = MRR – 2.18 = 4.04%
    ปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR – 1.50 = 4.72%
    **MRR ของธนาคาร B = 6.22% ต่อปี

    รวมค่างวด (เงินต้น+ดอกเบี้ย) = ประมาณ 4,032,000 บาท แบ่งเป็น

    • เงินต้น = 2,700,000 บาท
    • ดอกเบี้ย = ประมาณ 1,332,000 บาท
    • จำนวนงวดที่ต้องผ่อนทั้งหมด 252 งวด = ประมาณ 21 ปี

    ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ = 47,650 บาท แบ่งเป็น

    • ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ = 1,350 บาท
    • ค่าธรรมเนียมในการยื่นกู้ = 2,500 บาท
    • ค่าประกัน MRTA แบบจ่ายครั้งเดียว = 43,800 บาท (สอบถามเบี้ยจากธนาคารเป็นรายบุคคลนะคะ)

    ประหยัดจากธนาคารเดิม = 688,350 บาท ตลอดอายุสัญญา

    จะเห็นว่าแต่ละทางเลือกในการรีไฟแนนซ์ (Refinance) จะช่วยประหยัดค่างวดไปได้มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละทางเลือก ทั้งคนที่ไม่มีเงินก้อนพอจะรีไฟแนนซ์ก็ยังมี Options ให้เลือกได้ หรือใครอยากทำประกันเพิ่มเพราะห่วงลูกหลานจะต้องมารับหนี้ผ่อนบ้านต่อก็ทำได้ อย่างนึงที่อยากให้เพื่อนๆ ลองทำคือการเปรียบเทียบหลายๆ แบบ หลายๆ ธนาคารเพื่อให้รีไฟแนนซ์ได้คุ้มค่าที่สุดนะคะ

    สิ่งที่เราควรจะทำก็คือ พยายามลดอัตราดอกเบี้ยในทุกๆ 3 ปี ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์ (Refinance) หรือขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมก็ได้ (สอบถามบางธนาคารให้ปรับลดได้ 1 ครั้งตลอดอายุสัญญา บางธนาคารปรับได้ทุก 3 ปี ควรเช็คก่อนตัดสินใจ Refinance ไปธนาคารนั้นๆ) ซึ่งจะช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่เราคิดกันไว้ข้างต้นอีกนะคะ และส่งผลให้เราผ่อนบ้านหมดเร็วยิ่งขึ้น

    เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านทุกคนที่กำลังเตรียมตัวหาข้อมูล Refinance เพื่อลดดอกเบี้ยกันนะคะ หวังว่าทุกคนจะเสียดอกเบี้ยจากสินเชื่อบ้านที่น้อยลงกัน และหากคุณผู้อ่านคนไหนมีประสบการณ์น่าสนใจเกี่ยวกับ Refinance ก็สามารถมาแชร์เรื่องราวใน Comment กันได้เลยนะคะ เชื่อว่าต้องเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ คนอื่นแน่นอนค่ะ นอกจากการลดดอกเบี้ยแล้ว ก็อย่าลืมนำดอกเบี้ยซื้อบ้านไปใช้ยื่นภาษีกันด้วย เพื่อนๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ ดอกเบี้ยบ้าน ใช้ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ ได้เลยค่ะ

    ผ่อนรถกับธนาคารไหนดี

    สินเชื่อรถยนต์ธนาคารไหนดี 2564/2021.
    1. สินเชื่อรถยนต์ ไทยพาณิชย์.
    2. สินเชื่อรถยนต์ ธนาคารกสิกรไทย.
    3. สินเชื่อรถยนต์ ธนาคารกรุงศรี.
    4. สินเชื่อรถยนต์ ธนาคารทีทีบีธนชาต.
    5. สินเชื่อรถยนต์ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร.

    จัดไฟแนนซ์รถยนต์ ที่ไหนดี

    ขอสินเชื่อรถยนต์ที่ไหนดี 2565 อนุมัติเร็ว วงเงินสูง.
    สินเชื่อรถ กรุงศรี นิว คาร์ – ธนาคารกรุงศรีอยุธยา.
    สินเชื่อรถยนต์ กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง.
    สินเชื่อรถ (รถใหม่) ลีสซิ่งกสิกรไทย.
    สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ ธนาคารเกียรตินาคิน.
    สินเชื่อรถยนต์ใหม่ ธนาคารธนชาต.
    สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง.

    รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารไหนดี 2565

    8 อันดับธนาคารน่าสนใจ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีต่ำที่สุด ประจำเดือน ธันวาคม 2565.
    1. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (G H Bank) ... .
    2. ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) ... .
    3. ธนาคารกรุงไทย (KTB) ... .
    4. ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ... .
    5. ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ... .
    6. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY).

    การรีไฟแนนซ์รถยนต์ดีไหม

    ข้อดีของการรีไฟแนนซ์รถยนต์ (Car Loan Refinance) ช่วยให้เงินผ่อนต่องวด/เดือน น้อยลง ลดความตึงเครียดในการชำระลงได้ การรีไฟแนนซ์รถยนต์ช่วยให้ได้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งใหม่ที่ลดลง มีโอกาสได้เงินส่วนต่าง เพื่อนำมาใช้จ่ายฉุกเฉินได้