AirDrop เป็นความสามารถในการส่งไฟล์ที่สะดวกและรวดเร็วมาก ๆ สำหรับชาว Apple ใช้ได้ทั้ง iPhone, iPad หรือ Mac ครบจบ แต่ถ้าเราอยากส่งไฟล์สะดวก ๆ แบบนี้จาก iPhone ไปสมาร์ทโฟน Android บ้างล่ะ ? พอจะมีวิธีไหม คำตอบคือมีครับ วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net มีทิปการส่งไฟล์ง่าย ๆ จาก iOS ไป Android ผ่านเว็บ snapdrop.net ไม่ต้องโหลดแอปเพิ่ม ใช้งานได้ฟรี ทำยังไงมาดูกันเลยครับ วิธีส่งไฟล์ผ่านเว็บ snapdrop
เท่านี้เราก็จะได้ไฟล์จาก iPhone ถึงสมาร์ทโฟน Android แล้วครับ นอกจากนี้เรายังสามารถส่งไฟล์แบบนี้ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์หรือจาก iPad, Mac ไปยัง Android ก็ได้ด้วยเช่นกัน หมายเหตุ
ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกสำหรับการส่งไฟล์ข้ามแพลตฟอร์มที่สะดวกดีมาก ๆ แถมได้ไฟล์ขนาดเต็มไม่มีการย่อไฟล์ด้วยครับ เท่านี้เราก็จะเจอรายชื่อของแอปที่เราเคยโหลดมาแล้วทั้งหมด เรียงตามวันที่เราโหลดมาเลยครับ เราสามารถเลือกโหลดได้จากตรงนี้ด้วยเช่นกันด้วยการกดที่ไอคอนรูปเมฆครับ ใครกำลังหาแอปเก่าที่เคยโหลดไปแล้วอยู่ก็ทำตามวิธีนี้ได้เลย อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ Tech & InnovationWhat’s hyped อยากรู้ไหม iPhone มีอายุการใช้งานได้นานที่สุดกี่ปี และไขข้อข้องใจเรื่อง iOS 11NOTE: 2-3 ปี น่าจะเป็นระยะการใช้งานของ iPhone ที่มีสภาพสวย ไม่เคยตกหรือตกแล้วไม่แตก หรือเกิดการกระทบกระเทือนกับตัวเครื่องน้อยที่สุด ในความคิดของใครหลายๆ คน แต่จริงๆ แล้วทราบไหมว่าเราสามารถใช้แต่ละเครื่องได้จนหมดอายุการใช้งานของมันจริงๆ สักเท่าไร มาหาคำตอบจาก Apple กันครับ โดยปกติแล้ว Apple จะเปิดตัว iPhone ทุกๆ หนึ่งปีเป็นประจำในเดือนกันยายนตั้งแต่ iPhone 5 เป็นต้นมา เพิ่งจะมี iPhone SE ที่จัดงานแยกออกมาจาก iPhone รุ่นหลัก บางคนก็อาจจะเปลี่ยน iPhone เป็นประจำทุกปี แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เปลี่ยนบ่อยๆ ก็อาจจะสงสัยว่า iPhone ที่อยู่ในมือเรานั้นอยู่ได้กี่ปีกัน ล่าสุด Apple ก็ไขข้อข้องใจให้แล้วครับ Apple ได้เขียนข้อมูลไว้ในหน้าเว็บไซต์ Environment โดยเนื้อหาบางส่วนนั้นกล่าวถึงอายุการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ โดยแบ่งไว้ดังนี้ สำหรับอายุการใช้งานดังกล่าวน่าจะหมายถึงทั้งส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ (ที่เริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัด) เพราะจริงๆ แล้วทุกวันนี้ก็ยังมีคนใช้ iPhone 4 และ iPhone 4s ซึ่งมีอายุการใช้งานประมาณ 4-5 ปีแล้ว แต่ก็ยังพอใช้เป็นเครื่องสำรองจนถึงเครื่องหลักได้ แต่ด้านประสิทธิภาพนั้นก็ไม่ค่อยจะไหวแล้วนั่นเองครับ ส่วนเมื่อสัปดาห์ก่อ Apple ก็เพิ่งจะปล่อย iOS 11 ออกมา และหลายคนก็พบกับปัญหาต่างๆ ที่มันอาจจะยังดูไม่สมบูรณ์เท่าไร อาทิ เครื่องช้าบ้าง แบตหมดไวบ้าง เราลองมาดู 1. ตรวจสอบ Battery Life สิ่งสำคัญในการประหยัดแบตเตอรี่อย่างแรกคือต้องตรวจสอบก่อนว่าแอปใดใช้แบตเตอรี่เยอะ ไปที่ Setting > Battery > เลื่อนดู Battery Usage > แตะรูปไอคอนนาฬิกามุมบนขวา จะเห็นว่ามีการแสดงการใช้งานแบตเตอรี่ว่าใช้งานแต่ละแอปนานแค่ไหน 2. ปิด Background App Refresh Background App Refresh เป็นการทำงานเบื้องหลังถึงแม้ว่าเราจะปิดแอปไปแล้ว ซึ่งใช้ทรัพยากรอย่างหน่วยความจำและแบตเตอรี่ค่อนข้างเยอะ แนะนำว่าให้เลือกปิดแอปที่ไม่ค่อยได้ใช้และเลือกเปิดเฉพาะแอปที่ต้องการให้อัปเดตเท่านั้น เช่น Facebook, Line, Line@, Mail เป็นต้น ไปที่ > Setting > General > Background App Refresh > เลือกปิดแอปที่ไม่ต้องการให้ Background App Refresh หรือจะปิด Background App Refresh ทั้งหมด ไปที่ > Setting > General > Background App Refresh > Background App Refresh 3. ปิด 4G เมื่อใช้ Wi-Fi การเลือกเปิดเฉพาะ Wi-Fi จะทำให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น ถ้าหากกลัวว่าจะลืมเปิด 4G เมื่อไม่ได้อยู่ในระยะที่มี Wi-Fi ก็สามารถตั้งค่าเปิด Cellular ในบางแอปที่เราต้องการติดตามตลอดเวลาได้ เปิด Control Center > แตะปิดไอคอน Cellular 4. ปรับลดความสว่างของ Flash Light (ไฟฉาย) รู้หรือไม่ว่าหากเราต้องเปิดใช้ไฟฉาย สามารถปรับลดระดับความสว่างของไฟฉายลงได้ จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ดีทีเดียว เปิด Control Center > แตะค้างที่ไอคอนไฟฉาย > เลื่อนระดับความสว่างลง 5. เปิด Wi-Fi Assist เมื่อสัญญาณ Wi-Fi อ่อนมาก Wi-Fi Assist จะทำหน้าที่เปลี่ยนการใช้งานจาก Wi-Fi ไปใช้ 4G (Cellular) แทน เครื่องของเราก็จะไม่พยายามเชื่อมต่อ Wi-Fi หลายๆ รอบ ซึ่งกินแบตค่อนข้างมาก ไปที่ Setting > แตะ Cellular > เลื่อนลงมาเลือกแตะเปิด Wi-Fi Assist ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการตั้งค่า iPhone และ iPad ให้ใช้งานได้อย่างไหลลื่นและประหยัดแบตเตอรี่ แนะนำให้เลือกทำตามความจำเป็นและเหมาะสมกับการใช้งานด้วยนะครับ ค้นหาแรงบันดาลใจ
ตอบโจทย์ ตรงจุด ชีวิตคนเมือง มองโลกใหม่ในอีกมิติที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ GEN-C Urban Living Solutions ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก: https://www.iphonemod.net และ https://www.beartai.com |