ไปงานแต่งอิสลาม ต้องใส่ซอง ไหม

ฟันธง!! ใส่ซองเท่าไหร่ที่เรียกว่าเหมาะสม

การไปร่วมพิธีแต่งงานคือการแสดงความยินดีให้กับบ่าวสาว โดยอาจมีของขวัญไปร่วมยินดี ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักนิยมให้เงินใส่ซองแทนการไปเลือกของขวัญที่อาจไม่ถูกใจบ่าวสาวก็ได้ ดังนั้นเงินใส่ซองจึงเป็นที่นิยมให้เป็นของขวัญกันมากที่สุด จริง ๆ แค่ไปร่วมงานบ่าวสาวก็มีความสุขมากแล้ว เงินใส่ซองเป็นเพียงของขวัญที่มอบเพื่อแสดงความยินดีเท่านั้น

แต่ปัญหาโลกแตกของแขกที่ไปร่วมพิธีแต่งงาน ก็คือเงินใส่ซองนี่แหละ บางเดือนเจองานแต่งเข้าไป 2-3 งาน เดี๋ยวญาติ เดี๋ยวเพื่อนมหาวิทยาลัย เดี๋ยวเพื่อนร่วมงาน ผลัดกันร่อนการ์ดให้ได้เจ็บช้ำน้ำใจไม่เว้นแต่ละเดือน แต่ด้วยภาระหน้าที่ และความสนิทสนมจะไม่ใส่ซองก็ใช่ที่ แต่จะเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดว่าควรใส่กี่บาท แล้วที่ใส่ไปน่ะ มากไปหรือน้อยไป จะสมน้ำสมเนื้อแค่ไหน ใครก็ได้ช่วยตอบที!!

ไม่ต้องกังวลเรื่องซองไปค่ะ Happy Wedding.Life มีแนวทางที่มาช่วยคุณ ๆ เมื่อต้องไปเป็นแขกร่วมงานมงคลของบ่าวสาวทั้งที่สนิทและไม่สนิทมาบอกกันแล้ว เอาไว้เป็นเครื่องประกอบการตัดสินใจ จะได้รู้ว่าเมื่อต้องไปงานแต่งานครั้งต่อไปจะใส่ซองเท่าไหร่ดี

คลิกเพื่อดูรายละเอียดของ Fleur by Rainforest

1. ดูรายได้ของตัวเองก่อน

เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ต้องประเมินก่อนเป็นอันดับแรก ตัวเราเองมีเงินเดือน ๆ ละเท่าไร ถ้าเป็นคนที่เพิ่งทำงานเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท จะให้ใส่ซองช่วยงานทีละ 1,000-2,000 บาท ก็คงเป็นเรื่องมหัศจรรย์พันลึกเกินไปแล้ว สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน เพื่อนสนิทหรือไม่สนิทเอามาใช้เป็นประกอบการตัดสินใจใส่ซองคงไม่เหมาะนัก เพราะเงินเดือนกระจิดริด ลำพังจะใช้ให้ถึงสิ้นเดือนก็ลำบากแล้ว เพราะฉะนั้นต้องดูรายได้ของตัวเองก่อนเป็นหลัก ช่วยงานเขาในแบบที่เราไม่หลังแอ่นเป็นดีที่สุด อย่าทำอะไรเกินตัว

แล้วเท่าไรจึงจะเหมาะสม วิธีคิดง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องใส่สมการให้มันวุ่นวาย และไม่ต้องคำนึงองค์ประกอบอื่นใดอีก ใส่ซองแบบไม่เจ็บตัวมาก ให้ใส่ 3% ของรายได้ต่อเดือน วิธีคิดนี้เหมาะที่สุดสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำงานที่ยังเป็นจูเนียร์ในบริษัท แต่สำหรับคนที่ทำงานมาพอสมควร หรือระดับซีเนียร์ขึ้นไป อาจต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ร่วมด้วย

2. คูณจำนวนคนที่จะไปร่วมงานเข้าไปด้วย

เรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะการ์ดเชิญสำหรับคนไทย การ์ด 1 ใบมักไม่ได้หมายถึงแขก 1 คน แต่อาจรวมถึงแฟน สามี-ภรรยา หรือทั้งครอบครัวเลยก็ได้ แน่นอนว่าบ่าวสาวได้สำรองที่นั่งและอาหารสำหรับแขกไว้อยู่แล้ว ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้นจำนวนคนที่ไปร่วมงานกี่คน ก็ต้องคูณเข้ากับจำนวนเงินไปด้วย ถึงจะถูกต้องและเหมาะสม อย่างไปร่วมงาน 2 คนกับสามี ตั้งใจจะใส่ซอง 1,000 บาท ก็ต้องเพิ่มเป็น 2,000 บาท เป็นต้น

www.talk.mthai.com

3. สถานที่จัดงาน

สถานที่จัดงานเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่จะบอกได้ว่าควรใส่ซองเท่าไร หอประชุม หรือร้านอาหารอาจมีค่าใช้จ่ายไม่มากเท่าโรงแรม แต่ก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันมากนัก ความมากน้อยของเงินในซองก็คงไม่ต่างกันนักเช่นกัน เอาเป็นว่าสถานที่จัดงานเป็นตัวบ่งบอกถึงค่าใช้จ่ายของบ่าวสาว แขกที่มาร่วมงานอาจต้องประเมินในส่วนนี้ เพราะปัจจุบันราคาอาหารจัดเลี้ยงและค่าสถานที่ค่อนข้างสูง ใส่ซองแต่ละครั้ง ควรต้องนึกถึงหน้าตัวเองด้วยเหมือนกัน

เงินใส่ซองสำหรับสถานที่จัดงานแต่ละแห่ง คิดแบบง่าย ๆ ไม่ให้เสียหน้า ไม่ให้ต้องมาเสียดายภายหลัง หากเป็นหอประชุมหรือร้านอาหารก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 1,000 บาท แต่ถ้าเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป 1,500 บาท

4. บวกเพิ่มจากที่เคยได้รับมา

ข้อนี้สำหรับคนที่เคยแต่งงานไปแล้ว ย่อมต้องมีประสบการณ์ได้รับซองมาอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่จะมีการบันทึกไว้ว่าแขกที่มาร่วมงานแต่ละคนเคยใส่ซองไว้เท่าไร บางคนจดละเอียดยิบว่าใส่เท่าไร มากี่คน หารเป็นจำนวนคนออกมาเลย ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความละเอียดของบุคคล โดยในกรณีนี้การใส่ซองจะบวกเพิ่มจากที่เคยได้รับมา ตั้งแต่ 200-500 บาท

เช่น เจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวเคยมาร่วมงาน แล้วใส่ซอง 1,000 บาท เราก็มีหน้าที่ต้องใส่คืนไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท แต่จะบวกเพิ่มเป็นเท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบด้านบน หากจัดงานที่ร้านอาหารก็อาจเพิ่มไปอีก 200-300 บาท แต่หากเป็นโรงแรมก็อาจเพิ่ม 500 บาท การบวกเพิ่มเป็นมารยาทและมาตรฐานที่รับรู้กันอย่างแพร่หลาย

คลิกเพื่อดูรายละเอียดของ NARAKORN PHOTOGRAPHY

5. ไม่ไปร่วมงานก็ช่วยนิดหน่อย

มีหลายคนที่ติดภารกิจสำคัญ ไม่สามารถไปร่วมงานในวันสำคัญของบ่าวสาวได้ แล้วแบบนี้ต้องใส่ซองเท่าไรดี คิดไม่ตกเสียที สำหรับคนที่ไม่ได้ไปร่วมงาน ไม่จำเป็นต้องคิดมากเลยค่ะ ใส่เท่าไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกใจของคุณเลย ยึดหลักมิตรภาพไว้เป็นดีที่สุด

สำหรับในต่างประเทศ อย่างญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีแต่งงานที่ประเทศญี่ปุ่นจัดว่าแพงมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านเยน หรือประมาณ 1 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับศาลเจ้า พิธีการและจำนวนแขกที่มาร่วมงานด้วย เฉพาะค่าอาหารต้อนรับแขกเฉลี่ยต่อหัวก็อยู่ที่ประมาณ 15,000-20,000 เยน (4,500-6,000 บาท) ดังนั้นการใส่ซองของแขกที่มาร่วมงานจึงเป็นมารยาทที่ค่อนข้างตายตัว

เริ่มจากการเชิญแขก ที่ญี่ปุ่นจะเชิญเป็นรายบุคคล เชิญใครก็มาแค่คนนั้น ไม่มีการมาแพ็กคู่หรือมาเป็นกรุ๊ปเด็ดขาด แต่ถ้าแขกมีความประสงค์จะมาหลายคน ก็ต้องติดต่อเจ้าของงานเพื่อบอกกล่าวล่วงหน้า และต้องมีการอนุญาตอย่างเป็นทางการด้วย เนื่องจากเวลาเตรียมงานแต่งงานที่ญี่ปุ่น ทุกอย่างจะถูกเตรียมมาพอดีกับจำนวนแขก ไม่มีเผื่อเหลือ เผื่อขาดอย่างพี่ไทย หากมาเกินก็อาจไม่มีที่นั่งหรืออาหารให้รับประทานได้

ส่วนเงินใส่ซองถือว่าเป็นมาตรฐานและมารยาทที่รับรู้กันอย่างแพร่หลายในสังคม หากต้องไปร่วมพิธีแต่งงานที่ญี่ปุ่น จะต้องใส่ซองขั้นต่ำ 30,000 เยน (9,000 บาท) ไม่ว่าจะสนิทหรือไม่สนิทกับบ่าวสาวก็ตาม ส่วนของชำร่วยโดยมากจะส่งไปให้ที่บ้านภายหลังพิธีแต่งงานไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งมีการกำหนดราคาค่าของชำร่วยไว้ด้วยว่าไม่เกิน 1/3 หรือครึ่งหนึ่งของซองที่ได้รับ สรุปคือพิธีแต่งงานที่ญี่ปุ่นเข้าเนื้อเห็น ๆ

คลิกเพื่อดูรายละเอียดของ NARAKORN PHOTOGRAPHY

หรืออย่างเกาหลีใต้ เงินใส่ซองก็มีกำหนดไว้เช่นกัน แต่ไม่ได้ตายตัวเท่าที่ญี่ปุ่น โดยมากมักมีมาตรฐานอยู่ที่ 50,000 วอน (1,500 บาท) สำหรับแขกที่มาร่วมงานทั่วไป

ได้ข้อมูลอ้างอิงสำหรับการใส่ซองครั้งต่อไปแบบนี้ เรื่องเงิน เรื่องซองคงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้วใช่ไหมล่ะคะ ดูและรู้ไว้เป็นแนวทางนะคะ ของแบบนี้ปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพเศรษฐกิจและความพอใจส่วนตัว มากหรือน้อยกว่าไม่ใช่ปัญหา บ่าวสาวเขาดูกันที่น้ำใจมากกว่าสิ่งอื่นใดแน่นอนค่ะ

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติม:

ความรักฉันในวันคริสต์มาส
แต่งงาน “ธีม” ไหน ให้ ไฉไล หลากสีสัน
Love is a song that never ends ขับกล่อมเพลงรักในตำนาน 
4 อาชีพแนวๆ ในธุรกิจด้านแต่งงาน
ฮวงจุ้ยแบบไหน? ที่ช่วยส่งเสริมความรัก

งานแต่งอิสราม เป็นยังไง

มุสลิมแต่งตัวยังไง

การแต่งงานของอิสลาม มีกี่ขั้นตอน

ประเพณีการสู่ขอของชาวมุสลิมต้องมีการมอบทรัพย์สินใด