Photoshop คืออะไร… โปรแกรมPhotoshopเป็นโปรแกรมสร้างและแก้ไขรูปภาพอย่างมืออาชีพโดยเฉพาะนักออกแบบในทุกวงกาย่อมรู้จักโปรแกรมตัวนี้ดี โปรแกรม Photoshop เป็นโปรแกรมที่มีเครื่องมือมากมายเพื่อสนับสนุนการสร้างงานประเภทสิ่งพิมพ์ งานวิดีทัศน์ งานนำเสนอ งานมัลติมีเดีย ตลอดจนงานออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ ในชุดโปรแกรม Adobe Photoshopจะประกอบด้วยโปรแกรมสองตัวได้แก่ Photoshop และ ImageReady การที่จะใช้งานโปรแกรม Photoshopคุณต้องมีเครื่องที่มีความสามารถสูงพอควร มีความเร็วในการประมวลผล และมีหน่วยความจำที่เพียงพอ ไม่เช่นนั้นการสร้างงานของคุณคงไม่สนุกแน่ เพราะการทำงานจะช้าและมีปัญหาตามมามากมาย ขณะนี้โปรแกรม Photoshop ได้พัฒนามาถึงรุ่น Adobe Photoshop CS เริ่มเข้าสู่โปรแกรม Adobe Photoshop ได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ Click mouse ที่ปุ่ม Start เลื่อนเมาส์เลือกคำสั่ง Programs –> Adobe Photoshop Click mouse ที่ Adobe Photoshop จะปรากฏหน้าจอแรกของ Photoshop ขึ้น แถบเมนู (Menu Bar) คือแถบที่รวบรวมคำสั่งหลักทุกคำสั่งในการใช้งานโปรแกรม เช่น เปิด ปิด บันทึกไฟล์ Option Bar คือแถบตัวเลือกของเครื่องมือ ซึ่งปรากฏขึ้นเมื่อเลือกใช้เครื่องมือในกล่องเครื่องมือ (Toolbox) ใช้กำหนดคุณสมบัติของเครื่องมือที่เลือกทำงานอยู่ในขณะนั้น กล่องเครื่องมือ (Toolbox) คือกล่องเก็บเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการทำงาน เช่น เครื่องมือเกี่ยวกับการเลือกและแก้ไข พาเลท (Palette) คือกลุ่มของหน้าต่างที่รวบรวมคุณสมบัติการทำงานของเครื่องมือ ช่วยควบคุมรายละเอียดปลีกย่อยในขั้นตอนการทำงาน กระดานวาดภาพ (Canvas) เป็นพื้นที่สำหรับตกแต่งภาพ แถบเมนู (Menu Bar) เมนู File ได้แก่ New เป็นคำสั่งสร้างไฟล์ใหม่ Open เป็นคำสั่งเปิดไฟล์กราฟิกส์ที่มีอยู่แล้ว Close ปิดไฟล์ที่กำลังทำงานอยู่ Save บันทึกไฟล์ข้อมูลที่ทำงานอยู่ในชื่อเดิม Save As บันทึกไฟล์ข้อมูลที่ทำงานอยู่ในชื่ออื่นเพื่อไม่ให้ทับไฟล์เดิม Save a Copy บันทึกไฟล์ข้อมูลที่ทำงานอยู่ในชื่ออื่น และ อาจเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ เช่น ฟอร์แมทของภาพ Revert เปลี่ยนไฟล์ที่กำลังทำงานอยู่ให้กลับไปเป็นไฟล์เดิม โดยโปรแกรมจะใช้ไฟล์ที่เราบันทึกไว้ล่าสุด คำสั่งนี้คล้ายๆ กับการทำ Undo นั่นเอง Import ทำการอ่านข้อมูลจาก Scanner Export ส่งงานจาก Photoshop ไปให้โปรแกรมอื่น เช่น Illustrator หรือ อาจส่งเป็นไฟล์แบบ GIF89A Preferences กำหนดรายละเอียดของโปรแกรมตามต้องการ เมนู Edit ได้แก่ Cut ทำการตัดเอาส่วนที่เลือกไว้ เก็บเข้าไปในหน่วยความจำที่เรียกว่า คลิปบอร์ด Copy ทำการคัดลอกส่วนที่เลือกไว้ เก็บเข้าไปใน คลิปบอร์ด Paste เอาภาพที่เก็บไว้คลิปบอร์ด ปะลงไปในภาพที่กำลังทำงานอยู่ Paste Into เอาภาพที่เก็บไว้คลิปบอร์ด ปะลงไปในส่วนของภาพที่เลือกไว้ (Selection) Clear ลบภาพในพื้นที่ที่เลือกไว้ (Selection) Fill เติทสีลงไปในพื้นที่ที่เลือกไว้ Stroke เติมสีลงไปเฉพาะตรงขอบของพื้นที่ที่เลือกไว้ Free Transform ทำการเปลี่ยนแปลงทิศทางและขนาดของภาพอย่างเสรี Transform ทำการเปลี่ยนแปลงทิศทางและขนาดของภาพเฉพาะอย่าง Purge ล้างหน่วยความจำที่ใช้เก็บภาพในคลิปบอร์ด ประวัติการทำงาน (history) เพื่อให้มีหน่วยความจำเหลือสำหรับพื้นที่ทำงาน มากขึ้น เมนู Image ได้แก่ Mode กำหนดโหมดสีที่จะใช้สำหรับภาพกราฟิกส์ เช่น สีแบบไล่เทา (Grayscale) หรือ แดง-เขียว-น้ำเงิน (RGB) Adjust ปรับแต่งโทนสีของภาพ ความคมชัด ความเข้มของแสง ระดับของสี Duplicate ทำสำเนาภาพขึ้นใช้งานอีกภาพหนึ่ง Image Size ปรับแต่งขนาดและความละเอียดของภาพ Canvas Size ปรับแต่ง/เพิ่ม พื้นที่ทำงานของภาพ Crop กำจัดพื้นที่ทำงานนอกส่วนที่เลือก (Selection) ออกไป Rotate Canvas ปรับเปลี่ยนทิศทางของภาพ เมนู Layer เป็นคำสั่งที่เกี่ยวกับการปรับแต่งภาพในแต่ละเลเยอร์ และการเรียงลำดับก่อนหลังของเลเยอร์ เมนู Select ได้แก่ All เลือกภาพทั้งหมด Deselect ยกเลิกการเลือก Inverse เลือกส่วนของภาพที่ไม่ได้ถูกเลือก พูดอีกแง่ก็คือ กลับส่วนที่เลือก/ไม่เลือก Color Range ทำการเลือกส่วนของภาพตามสีที่ต้องการ Feather ทำให้ขอบของส่วนที่เลือก (Selection) ดูนุ่มขึ้น Similar เพิ่มขนาดของส่วนที่เลือก (Selection) จากสีที่ใกล้เคียงกัน Transform Selection ปรับทิศทางของเส้น Selection เมนู Filter เป็นแถบคำสั่งที่เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนภาพอัตโนมัติ รวมทั้งคำสั่งเกี่ยวกับ ค่าลายน้ำ (Digimarc) ซึ่งถือเป็นการจดลิขสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้าของภาพ ก็เป็นฟิลเตอร์หนึ่งที่อยู่ในเมนูนี้เช่นกัน เมนู View รวบรวมคำสั่งในการกำหนดมุมมองภาพในรูปแบบต่างๆ การย่อ-ขยาย รวมทั้งเรื่องการวัด Grid, Guide และไม้บรรทัดด้วย เมนู Window รวบรวมคำสั่งที่เกี่ยวกับการจัดการหน้าต่างแต่ละหน้า ที่ปรากฏบนหน้าจอ รวมถึงหน้าต่าง palette, Toolbox ด้วย เช่น คำสั่งแสดง (Show..) คำสั่งซ่อน (Hide..) เมนู Help รวบรวมคำสั่งที่เกี่ยวกับการแนะนำโปรแกรม Photoshop และการใช้งานโปรแกรม
2. กำหนดชื่อไฟล์ใหม่ ในช่อง Name (จะไม่กำหนดก่อนก็ได้ โดยสามารถไปกำหนดตอนบันทึกไฟล์ก็ได้) 3. กำหนดขนาดความกว้าง และความสูงของชิ้นงาน โดยใส่ค่าเป็นตัวเลข และคลิ๊กที่หน่วยวัด ทางด้านหลัง 4. กำหนดค่าความละเอียดของภาพ ที่ช่อง Resolution 5. เลือกโหมดสีของไฟล์ ในช่อง Color Mode – 6. เลือกลักษณะของพื้นหลังของภาพ จากลิสต์ของ Background Content –
– ประโยชน์ของ Photoshop 1. งานตกแต่งภาพถ่าย เป็นการตกแต่งภาพถ่ายเก่า ๆ ให้คมชัดเหมือนใหม่ หรือทำการแก้ไขรูปถ่ายที่มืดไป สว่างไป มีเงาดำให้ภาพมีสีสรรสดใสสมจริง นอกจากนั้นยังสร้างภาพล้อเลียน เช่น เอาใบหน้าของคนหนึ่งไปวางไว้บนตัวคนอีกคนหนึ่ง นำภาพบุคคลไปวางบนฉากหลังอื่น เป็นต้น 2. งานสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ นิตยสาร โฆษณา เรียกได้ว่าเกือบทุกงานที่ต้องใช้รูป สามารถใช้ Photoshop รังสรรค์ภาพให้เป็นไปตามไอเดียที่เราวางไว้ได้ 3. งานเว็บไซด์บนอินเตอร์เน็ต ใช้สร้างภาพเพื่อตกแต่งเว็บไซด์ไม่ว่าจะเป็นแบ็คกราวน์ ปุ่มตอบโต้ แถบหัวเรื่อง ตลอดจนภาพประกอบต่าง ๆ นอกจากนั้นยังสมารถออกแบบหน้าเว็บไซด์ด้วย Photoshop ได้ 4. งานออกแบบทางกราฟิก ใช้ Photoshop ช่วยในการสร้างภาพ 3 มิติ การออกแบบปกหนังสือและผลิตภัณฑ์ การออกแบบการ์ดอวยพร เป็นต้น 5. สร้างภาพวาดเหมือนจิตกรสร้างภาพจากผืนผ้าใบเปล่า ๆ จนเป็นงานศิลปขึ้นมา ตัวอย่างรูปภาพ จากที่ได้บอกไปตอนต้นว่าภาพลักษณะนี้ทำได้ไม่ยาก ก็เพราะมีวิธีการคล้าย ๆ กับวิธีการ Selection ของบทความก่อนหน้านี้ (จำรูปที้ใช้กันได้หรือปล่าว) แต่มีขึ้นตอนเพิ่มเข้ามาเพียงนิดเดียว ซึ่งการทำภาพแบบขอบฟุ้ง มีขั้นตอนการทำดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 เริ่มต้นเปิดไฟล์ภาพที่เราต้องการทำภาพของฟุ้งขึ้นมา โดยไปที่เมนูบาร์ คลิกที่ File –> Open ขั้นตอนที่ 2 เมื่อเปิดรูปภาพมาได้แล้ว ให้ทำการคลิกเลือกเครื่องมือ Marquee Tool แบบ Elliptical Marquee จาก Tool box ขั้นตอนที่ 3 ทำการปรับค่า Feather ให้เท่ากับ 10 px. ขั้นตอนที่ 4 คลิกเมาส์ค้างลงบนภาพ จากนั้นลากให้เป็น Selection พร้อม ๆ กับการกดปุ่ม Shift บนคีย์บอร์ดค้างไว้ เพื่อให้ได้พื้นที่การ Selection เป็นวงกลมตามภาพ ขั้นตอนที่ 5 เลือกสี Background เป็นสีขาว จากนั้นเลือกคำสั่ง Select –> Inverse เพื่อเลือกพื้นที่ส่วนตรงกันข้ามกับที่ได้เลือกไว้ จากนั้นกดปุ่ม Delete บนคีย์บอร์ดซ้ำ ๆ (ประมาณ 2-3 ครั้ง) ขั้นตอนที่ 6 ทำการกด Ctrl + D บนคีย์บอร์ด เพื่อยกเลิกการ Selection จะได้ผลลัพธ์ เป็นภาพของฟุ้งค่ะ แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่ยากใช้ไหมค่ะ การทำภาพแบบ Sepia
ขั้นตอนที่ 2 เลือกคำสั่ง Image–> Adjustments –> Desaturate จะได้ผลลัพธ์ดังภาพค่ะ ขั้นตอนที่ 3 เลือกคำสั่ง Image–> Adjustments –> Color Balance จะปรากฏไดอะล็อกบ็อก Color Balance ปรากฏขึ้น ให้กำหนดรายละเอียดของค่าต่าง ๆ ตามภาพค่ะ จากนั้นคลิกปุ่ม OK ทำเสร็จแล้วค่ะ เพียงแค่นี้ภาพของเราก็จะเปลี่ยนไปเป็นภาพ Sepia แล้วค่ะ ทำได้ง่าย ๆ อย่างที่บอกเลยนะค่ะ มาสร้างภาพจิ๊กซอว์กันเถอะ ขั้นตอนการทำภาพจิ๊กซอว์ มีดังนี้ค่ะขั้นตอนที่ 1 เปิดภาพที่ต้องการใส่ทำเป็นภาพจิ๊กซอร์เข้ามาใน Photoshop โดยไปที่เมนูบาร์ แล้วเลือก File –> Open (ภาพที่เลือกมีขนาดความกว้าง 360 px.) ขั้นตอนที่ 2 ใช้พาเล็ต Layers ทำการคัดลอก Layers โดยการคลิกค้างที่ Layer แล้วทำการลากมาวางที่ตำแหน่งที่ 2 หรืออาจใช้วิธีคลิกขวาที่เลเยอร์ เลือก Duplicate Layer.. ซึ่งจะทำให้มีเลเยอร์เพิ่มขึ้นมาอีก 1 เลเยอร์ ขั้นตอนที่ 3 คลิกที่เลเยอร์ที่สร้างขึ้นใหม่ แล้วทำการเปิดใช้งานพาเล็ต Styles โดยการเลือกคลิก Style ที่ตำแหน่งที่ 3 (หากไม่มี พาเล็ต Styles สามารถเรียกใช้โดยใช้คำสั่ง Window –> Styles) ขั้นตอนที่ 4 ปรับค่า Opacity ของเลเยอร์ที่ 2 ให้เหลือ 50% ขั้นตอนที่ 5 ถึงขั้นตอนนี้บนภาพชิ้นงานของคุณก็จะมีลักษะเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ แต่ยังไม่สวยงาม เพราะขนาดของจิ๊กซอว์ไม่สมดุลย์กับภาพ ให้ทำการ ดับเบิ้ลคลิกที่เลเยอร์ที่ 2 จะปรากฏไดอะล็อกบอกซ์ของ Layer Style ให้กำหนดค่าต่าง ๆ ดังภาพ เมื่อคลิก Ok คุณก็จะได้ภาพจิ๊กซอว์สวยงามดังภาพ การทำป้ายโปสเตอร์ ขั้นตอนที่ 1 เปิดรูปกระดาษที่ต้องการพร้อมสร้างรอยกระดาษขาด ใช้ Brush โดยปรับหัวแปรงดังรูป และปรับขนาดให้พอเหมาะ สร้าง Layer ขึ้นมาใหม่จากนั้นเริ่มระบายรอยขาดด้วย Brush ดังรูป (ใช้สีที่ใกล้เคียงกับกระดาษโดยฟรีจะเลือกสีที่เข้มกว่ากระดาษนิดนึง) Tip:ถ้ามีส่วนที่ต้องการลบให้ใช้ยางลบโดยเลือกหัวแปรงอันเดียวกันกับ Brush ที่ใช้ ขั้นตอนที่ 2 สร้างเงาให้รอยขาดเพื่อเพิ่มมิติ สร้าง Layer ขึ้นมาใหม่และนำ Layer ใหม่นี้ไว้ใต้ Layer รอยกระดาษขาด ใช้ Brush หัวกลมธรรมดาปรับขนาดให้พอเหมาะและลดค่า Hardness เป็น 0% ระบายสีดำลงไปบริเวณใต้รอยขาดดังรูป ไปที่ Filter > Blur > Gaussian Blur และปรับความเบลอพอประมาณในที่นี้ฟรีปรับ 5 px ปรับค่า Opacity ของ Layer เงาประมาณ 50% (เงาที่ทำนี้ต้องการให้แสดงผลตรงส่วนขอบๆของรูที่ขาดไม่ใช่ส่วนตรงกลาง) สร้าง Layer เพิ่มเหนือ Layer เงาที่ทำเมื่อกี้ขึ้นใหม่ ใช้ Brush หัวกลม Hardness 0% ระบายสีดำลงไปบริเวณใต้ขอบของกระดาษที่ขาดดังรูป ปรับค่า Opacity ของ Layer นี้ประมาณ 25% เพื่อให้เงาสีอ่อนกว่าเงาชั้นแรก เลือกทำงานที่ Layer รอยกระดาษขาด (Layer บนสุด) และกด Ctrl+J เพื่อ Duplicate Layer จากนั้นนำ Layer ที่ Duplicate ไปไว้ใต้ Layer รอยกระดาษขาด กด Ctrl+U หรือไปที่ Image > Adjustments < Hue/Saturation ปรับค่า Lightness เป็น -100 เพื่อให้รอยกระดาษเป็นสีดำ ไปที่ Filter > Blur > Gaussian Blur โดยฟรีปรับความ Blur ประมาณ 2.4 ลดค่า Opacity ของ Layer นี้เหลือประมาณ 20% ขั้นตอนที่ 3 สร้างเงาบนรอยกระดาษขาดเพื่อเพิ่มความสมจริง (อีกแล้ว) สร้าง Layer ขึ้นมาใหม่โดยตำแหน่งของ Layer นี้เหนือ Layer รอยกระดาษขาด กด Ctrl ค้างและคลิกที่ Layer รอยกระดาษขาด (Layer 1) เพื่อ Load Selection กด Ctrl+Shift+I เพื่อกลับ Selection กด Delete เพื่อลบส่วนที่เกินรอยกระดาษขาดออก กดที่ Add Layer Mask ดังรูป ใช้ Brush สีดำปรับค่า Opacity ของ Brush 10% แล้วระบายลงบน Mask รอบๆเพื่อไล่สี จากนั้นปรับ Opacity ประมาณ 30% เพื่อให้สีดำอ่อนลงทั้งหมด ปล.ฟรีปรับสีของรอยกระดาษขาดให้สว่างขึ้นด้วย Hue/Saturation (Ctrl+U) พอดีทำไปด้วยเขียนบทความไปด้วยแล้วพอทำจะเสร็จรู้สึกสีมันไม่ค่อยโอเค ระบายสีดำลงบน Layer กระดาษในส่วนที่เป็นรูตรงกลาง |